คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #66 : CITY/POP/WAVE: Ride On Time
ปุบปับ หญิงสาวที่กำลังคุ้ยกุญแจเข้าห้องในกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กที่ยัดข้าวของอยู่เต็มจนหาอะไรไม่ค่อยจะเจอ ก็เป็นต้องได้สะดุ้งเฮือกกับเสียงบานประตูจากห้องข้างๆ ที่เปิดผัวะออกมาอย่างแรงมากแบบไม่เกรงอกเกรงใจชาวบ้านชาวช่อง ก่อนชายหนุ่มตัวสูง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ในชุดเสื้อยืดกางเกงสีดำกับรองเท้าผ้าใบสีขาวที่รวมกันออกมาได้เป็นอะไรที่จืดชืดสิ้นดี — หรืออย่างน้อยๆ ก็ในสายตาของคนที่หายใจเข้าออกเป็นแฟชั่นอย่างเธอ — จะพรวดพราดเข้ามาฉวยคว้าข้อมือบางข้างหนึ่งอย่างไม่เกรงอกเกรงใจอีกครั้งแล้วว่า “ไปนั่งรถเล่นด้วยกันหน่อยนะมิเนะ” จากนั้นก็ลากตัวคนที่ยังคงไม่รู้อิโหน่อิเหน่ลงบันไดไปด้วยกัน ท่ามกลางความงุนงงระคนสับสน กว่าที่สติจะหวนกลับมาก็ตอนที่อีกฝ่ายปล่อยมือเธอเพื่อเดินอ้อมไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับ ให้มิเนะได้แหวลั่นว่า
“อะไรเนี่ยไทโช! จะไปไหน! ฉันเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ นะ!”
“เหอะน่า ขึ้นรถ”
ถึงจะเป็นคำสั่งที่ไม่ได้อยากรับ แต่หนึ่งคือเธอคร้านที่จะต่อล้อต่อเถียง อีกหนึ่งคือเธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะไปไหนหรือมีเหตุผลอะไร หรือไม่ไอ้ที่ว่ามาก็อาจเป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะด้วยเหตุผลงี่เง่าบ้าบออะไร หรือไปจนถึงสุดหล้าฟ้าไกลแค่ไหน มิเนะก็พร้อมยอมตามเขาไปอยู่ดี
ทั้งอย่างนั้นก็อดถอนหายใจออกมาเต็มแรงไม่ได้ ขณะรอให้เขากดล็อกประตูรถให้เธอเข้าไปนั่งโดยสารอยู่ข้างๆ เมื่อคาดเข็มขัดเรียบร้อยแล้วก็ไม่รีรอที่จะปรับเบาะที่นั่งให้เอนลงไปอีกหน่อยสำหรับการ ‘นอน’ อย่างที่เธอหมายมั่นตั้งใจว่าจะทำเป็นอย่างแรกในตอนที่กลับถึงห้อง หลังจากแวะเข้าบริษัทในวันหยุดเพื่อสะสางงานที่ลูกค้าสั่งให้แก้อยู่นั่น (แล้วดันเอาดราฟต์แรก!) ให้เสร็จ
ทว่าสิ่งแรกที่มิเนะผู้จัดตำแหน่งตัวเองได้รวดเร็วมากทำ ก็คือการเริ่มต้นคำถามที่ดังมาก่อนเสียงวิทยุหรือเครื่องยนต์เสียอีกว่า
“อย่างน้อยนายก็ช่วยบอกหน่อยว่าจะไปไหน”
“ไปเรื่อยๆ” คำตอบที่ทำให้มิเนะซึ่งจ้องหน้าคนหลังพวงมาลัยอยู่ก่อนแล้วได้แต่อ้าปากพะงาบ ยังไม่เท่ากับประโยคต่อไปที่ไทโชเอ่ยต่ออย่าง “ขอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จะหาว่าฉันเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่ช่วยตามใจคนอกหักเหมือนที่ฉันเคยตามใจเธอบ้างทีนะ มิเนะ”
หนนี้มาพร้อมกับถ้อยเสียงเกือบตะโกนที่หลุดออกมาจากลำคอของมิเนะได้สักทีว่า
“เอ๊ะ! อกหักเหรอ! หมายความว่าไง!”
แต่ไทโชก็เริ่มสตาร์ทรถโดยไม่ยอมตอบอะไรอีก ขณะที่วิทยุก็เริ่มเล่นเพลงของยามาชิตะ ทัตสึโระที่เธอชอบอย่าง ‘เลิฟ ทอล์คกิ้ง (ฮันนี่, อิทส์ ยู)’ พร้อมกับเนื้อเพลงในท่อนที่เธอชอบว่า
‘ฉันรักการได้พูดคุยกับเธอ แต่หัวใจของเธอ รู้เรื่องนั้นหรือเปล่า?’
อย่างที่มิเนะ — ซึ่งต้องทำทีเป็นเสมองออกไปนอกหน้าต่างขณะยกมือขึ้นปิดปากเพื่อซ่อนรอยยิ้มของตัวเอง — กำลังรู้สึกอยู่ในตอนนี้แทบจะเหมาะเจาะ!
เพราะทาจิบานะ มิเนะ ตกหลุมรักอิวาซากิ ไทโช มาเป็นเวลาสามเดือนได้แล้ว
เธอรู้จักเขาแบบผิวเผินในฐานะเพื่อนร่วมงานสองปีที่บริษัทโฆษณาเดียวกัน แต่คนละแผนก ก่อนที่ต่างฝ่ายจะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นกว่าเดิมในตอนที่มิเนะจำต้องย้ายออกจากอพาร์ตเมนต์ห้องเก่า เพราะจู่ๆ เจ้าของก็จะขายที่ทิ้งโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า คุณยามาซากิ แผนกครีเอทีฟไดเรกเตอร์เดียวกันกับไทโชที่กำลังจะลาออกไปแต่งงานเลยดีใจหายแล้วยกห้องเช่านี้ให้เพราะไม่อยากทิ้งมัดจำไปเปล่าๆ มิเนะเองก็ดีใจหายที่ได้ห้องเช่าดีๆ ราคาย่อมเยาว์ พ่วงมาด้วยเพื่อนข้างห้องที่ก็ดี — แสนดีจนน่า — ใจหาย จากแค่เรื่องการงานและดินฟ้าอากาศทั่วไปในตอนเช้าหรือเย็นที่เจอหน้ากัน พัฒนาไปเป็นเรื่องชีวิตรักๆ เลิกๆ กับผู้ชายสองสามคนตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาของเธอ ขณะที่ไทโชเองก็ไม่เคยแสดงความหงุดหงิดรำคาญใจออกมาเลยสักครั้ง แม้ว่าวันดีคืนดีเธอจะไปเคาะประตูห้องของเขาโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า ไม่มีการสนใจว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรอยู่ เพื่อบ่นว่า ก่นด่า คร่ำครวญ ร้องห่มร้องไห้ ดื่มเหล้าจนเมามาย แล้วจบลงที่การสลบเหมือดไม่รู้เรื่องรู้ราว เพื่อที่จะพบตัวเองตื่นมาบนเตียงนอนที่ทั้งกว้างทั้งนุ่ม ขณะที่เจ้าของห้องต้องระเห็จไปนอนบนโซฟาเล็กที่ไม่สบายตัวเอาเสียเลยแทนทุกครั้งไป
มิเนะที่หัวสูงเพราะมั่นหน้าว่าสวยมากไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีใจให้กับผู้ชายธรรมดาๆ อย่างไทโชในแง่นั้น เพราะถึงเขาจะเป็นเพื่อนคุยและที่ปรึกษาที่ยิ่งกว่าดีมาก แต่หน้าตาและความใจดีของเขาก็ไม่ได้ตรงกับสเปก แถมอีกฝ่ายก็ดูไม่เคยแสดงท่าทีอะไรกับเธอในแง่นั้นเหมือนกัน ถึงจะได้อยู่ในห้องด้วยกันสองต่อสองตั้งออกบ่อย
แต่ในตอนที่มิเนะได้เห็นไทโชหัวเราะพูดคุยด้วยรอยยิ้มกว้างอยู่กับเจ้าหญิงฮิเมนะแผนกประชาสัมพันธ์ตอนช่วงพักกลางวันหนึ่งในห้องอาหาร จู่ๆ ข้างในอกของเธอก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างกับถูกเหล็กไนทิ่มแทง มิเนะตั้งสมาธิกับการทำงานตลอดทั้งบ่ายนั้นไม่ได้เลยจนต้องหาข้ออ้างว่าปวดหัว แล้วหนีกลับบ้านไปรักษาแผลใจแทน
แม้ว่ามิเนะจะมีความคิดชั่วร้ายอย่างการสารภาพรักกับเขาก่อนที่เขาจะได้สารภาพรักกับเจ้าหญิงผุดขึ้นมา แต่ในเมื่อไทโชชอบฮิเมนะอยู่เห็นๆ แล้วจะบ้ามาตอบรับรักเธอเพื่ออะไร มิเนะผู้มีอีโก้สูงเสียดฟ้ายังไม่พร้อมที่จะรับฟังคำปฏิเสธ เหมือนกับที่เธอก็ยังไม่พร้อมเสี่ยงเสียเพื่อนดีๆ ไป อย่างน้อยๆ ก็ในตอนนี้
และสิ่งเดียวที่มิเนะทำได้ก็คือการเฟดตัวเองออกจากวงโคจรชีวิตของไทโชทีละนิด...แม้จะอย่างน่าเศร้า ไม่ว่าเธอจะพยายามคบหากับผู้ชายมากหน้าหลายตาก็ยังไม่ช่วยให้เธอลืมผู้ชายที่รักไปหมดแล้วทั้งใจได้เลยสักนิด เป็นช่วงเวลาสองเดือนกับอีกสามวันที่มีแต่ความหลอกลวงและขื่นขมสำหรับมิเนะ ตรงกันข้ามกับไทโชที่คงจะหวานเจี๊ยบเผื่อคนทั้งโลกได้แล้วเพราะรอยยิ้มกว้างทุกครั้งที่มิเนะบังเอิญไปเห็น ไม่ว่าเขาจะอยู่กับเจ้าหญิงให้เธอได้แสลงใจหรือไม่ก็ตาม
ใช่จะไม่รู้ว่าการที่ตัวเองรู้สึกดีอกดีใจเพราะใครอีกคนอกหักนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควร แต่เรื่องความรักมันเป็นอะไรที่ห้ามกันไม่ได้ไม่ใช่หรือไง?
มิเนะถึงได้ตัดสินใจไม่ห้ามปากตัวเองเมื่อบ่ายหน้ากลับเข้ามาในรถ จดจ้องมองดูใบหน้าด้านข้างของสารถีที่ขับรถแล่นฉิวไปบนท้องถนนด้วยท่วงท่าเบาสบาย และทำให้มิเนะตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเธอคิดว่าตัวเองเหินห่างจากช่วงเวลานี้ไปนานแค่ไหน และรักการได้เห็นไทโชในช่วงเวลานี้มากแค่ไหน
“ที่ว่าอกหัก...หมายถึงกับฮิเมนะจังเหรอ?”
“รู้อะไรไหมมิเนะ” ไทโชเริ่มต้นแบบนั้นโดยไม่หันมามองหน้า “ฉันชอบฮิเมนะตั้งแต่ตอนที่ได้เห็นเขาร้องห่มร้องไห้เพราะทะเลาะกับแฟนทางโทรศัพท์ตอนหลังเลิกงาน ถึงจะเจ็บปวดที่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะกลับไปคืนดีกับแฟน แต่ฉันก็เชื่อว่าสักวันหนึ่งยังไงเขาก็ต้องเลิกกับไอ้ผู้ชายเฮงซวยพรรค์นั้นอยู่ดี ฉันเชื่อแบบนั้นมาตลอดเลยนะ มิเนะ จนเมื่อวานที่ฮิเมนะโทร.มาร้องห่มร้องไห้กับฉันทั้งคืน ฉันถึงได้รีบแวะไปหาเขาในตอนเช้าด้วยความเป็นห่วง แต่เชื่อไหมล่ะว่าไอ้ผู้ชายคนนั้น...ฉันหมายถึงแฟนของฮิเมนะนั่นแหละ...จะเป็นคนออกมาเปิดประตูรับ”
ไทโชหัวเราะออกมาด้วยความเยาะหยันต่อตัวเองเมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ ตรงกันข้ามกับมิเนะที่ไม่แม้แต่จะยิ้มออกมาได้ด้วยซ้ำ ทั้งความสลดหดหู่ใจแทนเขา แต่ที่มากกว่าคือความเศร้าเสียใจเมื่อคิดว่าจุดเริ่มต้นระหว่างเธอกับเขาก็แทบไม่ได้แตกต่างอะไรกันเลยด้วยซ้ำ หากสิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือไทโชไม่ได้มีใจให้กับเธอเหมือนอย่างฮิเมนะ
“ผู้ชายคนนั้นหน้าตาดีเป็นบ้าเลยมิเนะ! ตอนนั้นในหัวฉันคิดขึ้นมาเลยว่า อ๋อ เจ้าหญิงก็ต้องคู่กับเจ้าชายแบบนี้สินะ พอรู้แบบนั้นแล้วฉันก็ตาสว่างขึ้นมาเลยว่ายังไงฮิเมนะก็ไม่มีที่ว่างให้กับคนอย่างฉันหรอก ไม่ว่าตอนนี้หรือว่าตอนไหน”
“เสียใจด้วยนะ” มิเนะพึมพำเสียงแผ่วออกมาได้แค่นั้น
“ฉันนี่มันโง่เนอะ”
“นายไม่ได้โง่สักหน่อย!” หนนี้มิเนะจะรีบสวนย้อนไปมากกว่านั้นด้วยระดับเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม เพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์ในคำพูดของตัวเองให้คนข้างๆ ได้เข้าใจ “ไม่มีใครโง่ทั้งนั้นแหละในเรื่องนี้ มีก็แต่คนอ่อนแออย่างฮิเมนะจังที่รักแฟนของตัวเองมากจนยอมอภัยให้ได้ทุกอย่าง แต่ความรักก็ทำให้คนเราอ่อนแอแบบนั้นไม่ใช่เหรอ? เหมือนที่ฉันเคยเป็น...เหมือนที่นายกำลังเป็น แต่ต่อให้นายจะอ่อนแอก็ไม่เป็นไรหรอกนะ ไทโช เพราะว่าตัวฉันที่เข้มแข็งในตอนนี้จะอยู่เคียงข้างนาย เหมือนกับที่นายคอยอยู่เคียงข้างฉันมาตลอดเอง”
“ดีจังที่มีมิเนะ”
และคำพูดจากน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยนเฉกเช่นเดียวกับรอยยิ้มของเขาที่มิเนะ ‘ตกหลุมรัก’ ก็จะทำให้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวจนต้องรีบเบือนออกไปนอกหน้าต่าง เพราะไม่อย่างนั้นความลับที่เธอเก็บไว้จะต้องแตก...จากปากของตัวเองที่ทนไม่ไหวจนต้องหลุดสารภาพมันออกไปอย่างแน่นอน
เมื่อมิเนะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แสงแดดก็อ่อนจางลงไปมากแล้ว
อาจเป็นเพราะความเหนื่อยอ่อนจากการต้องตื่นแต่เช้าและโหมทำงานหนักไม่ได้หยุดนานหลายชั่วโมงที่ทำให้ยิ่งเพลีย ไม่รู้ตัวเลยว่าผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือว่าตอนนี้เธอมาอยู่ที่ไหน นอกจากท้องฟ้าสีส้มสนธยาก็ยังมีท้องทะเลสีฟ้าที่เปล่งประกายสะท้อนแสงอาทิตย์ที่ใกล้จะตกดินระยิบระยับปรากฏอยู่ในแววตา เบาะที่ถูกเอนลงไปและเสื้อแขนยาวในรถที่ถูกพับรองคอเพื่อให้เธอนอนสบายขึ้น ย่อมไม่ใช่ฝีมือใครอื่นนอกจากคนที่ลงไปนั่งอยู่บนม้านั่งห่างออกไปไม่ไกล ไม่ว่าเมื่อไหร่ ไทโชก็ยังเป็นคนใจดีที่คอยห่วงใยคนอื่นมากกว่าตัวเองเสมอ
กลิ่นของสบู่จางๆ ที่เธอเคยคุ้นจากเตียงนอนของเขาเรียกเอาความรู้สึกที่เหินห่างไปให้หวนกลับคืนมาอีกครั้ง ในตอนที่มิเนะจ้องมองดูแผ่นหลังกับไหล่กว้างของเขา และผมยาวระต้นคอที่พัดไปตามแรงลมจนต้องยกขึ้นเสย ทั้งท่อนแขนกับนาฬิกาที่พ้นเสื้อยืดแขนสั้นนั้นมา ครั้นได้ยินเสียงเปิดประตูรถ ไทโชก็จะหันมาส่งยิ้มให้ ทำเอาหัวใจที่เต้นรัวแรงมากของมิเนะแทบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่
เธอต้องข่มอกข่มใจเป็นอย่างมากในตอนที่นั่งลงข้างกันกับเขาด้วยระยะห่างที่พอเหมาะพอดี ก่อนความเงียบงันและมือที่กดกำบนกระโปรง ที่สุดแล้วมิเนะก็อดรนทนไม่ไหวเมื่อหันหน้าไปหาเขาแล้วโพล่งขึ้นว่า
“ฉันชอบไทโชนะ”
ใบหน้าของเจ้าตัวแสดงความงุนงงมากกว่าตกใจในตอนที่หันขวับมา
“ความจริงแล้วฉันไม่ได้เข้มแข็งอะไรหรอกนะ ฉันอ่อนแอจนทนเห็นนายมีความสุขกับฮิเมนะจังไม่ได้ถึงได้คอยหนีหน้ามาตลอดต่างหาก เพราะฉันอ่อนแอและเห็นแก่ตัว ถึงได้รู้สึกดีใจทั้งที่นายกำลังเศร้า ขอโทษนะที่คิดอะไรแย่ๆ แบบนั้น แต่ฉันคิดถึงนาย คิดถึงตอนที่ได้คุยกับนายเหมือนเมื่อก่อน”
“มิเนะ...ชอบฉันเหรอ?”
"ฉันไม่ได้จะฉวยโอกาสจากนายนะ! ไม่ได้ต้องการคำตอบอะไรด้วย!” มิเนะรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นโบกปัด “ฉันรู้ว่านายยังรักฮิเมนะจังอยู่ แต่เพราะบรรยากาศพาไปล่ะมั้ง ฉันถึงได้รู้สึกว่าต้องพูดออกไป ขอโทษนะถ้าทำให้ลำบากใจ”
ไทโชสั่นหัวขณะยิ้มให้เธอ
“ฉันสิที่ต้องขอบคุณมิเนะที่มาชอบคนอย่างฉัน ขอบคุณมากนะ ขอบคุณจริงๆ”
มิเนะเองก็ยิ้มตอบกลับไป ด้วยความสุขของโมงยามนี้ที่ซับซาบอยู่ในหัวใจ ไม่ว่าอนาคตต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร
“ดีจังที่มีไทโช”
_______________
_______________
ความคิดเห็น