ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #23 : ANEMOIA CHAPTER 2: The Waltz Of Utopia (III)

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 67


    ANEMOIA CHAPTER 2: The Waltz Of Utopia
    Inspiration: Utopia (TV Series, 2013) & Reckoning (TV Mini Series, 2019) & Star Trek: Picard (TV Series, 2020)
    Playlist: Deftones – Lucky You (The Matrix Reloaded Soundtrack) / Cristobal Tapia de Veer – An Answer (Utopia 2 Original Television Soundtrack)












    .

    บัดนี้...ห้องนั่งเล่นในบ้านเช่าที่รินิคุ้นเคยดีมาตลอดสองปีในเวลานี้กลับดูแปลกหน้า ราวกับว่าเธอกำลังหลงเข้ามาอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ ไม่แน่ว่าอลิซที่โดดลงไปในโพรงกระต่ายเป็นครั้งแรกก็คงจะรู้สึกงุนงงระคนสับสนแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่านะ แต่สำหรับรินิแล้ว มันมาจากเทียนไขเล่มเล็กที่วางเรียงรายอยู่รอบห้องซึ่งโซฟากับโต๊ะเตี้ยถูกย้ายไปกองไว้ที่อีกมุมหนึ่ง ส่วนกลางห้องก็เปลี่ยนมาปูลาดด้วยพรมขนสัตว์สีน้ำตาลผืนใหญ่ที่รินิจำได้ว่าซูจับมันยัดเข้าตู้ทันทีที่พ่อกับแม่ขับรถกลับบ้านเพราะลวดลายที่หล่อนคิดว่าน่าเกลียดและไม่ยอมให้ใครเอามันออกมาใช้ ถึงเธอกับริกิจะประท้วงว่ามันนุ่มสบายแค่ไหนก็ตาม เป็นเพราะความผิดที่ผิดทางของสิ่งต่างๆ เหล่านั้นที่ทำให้รินิได้แต่หยุดฝีก้าวอยู่ตรงโถงหน้าบ้าน พร้อมกับความคิดที่ว่ามันช่างเป็นภาพที่...แปลกประหลาด

    อาจแม้แต่กับหญิงสาวเพื่อนร่วมบ้านอย่างริกิ ซึ่งไม่ได้มาจากเหตุผลที่ว่าหล่อนเป็นคนผิดประหลาดอยู่แล้วจากทั้งสีผมและการแต่งหน้าแต่งตัวมากสีสันนับตั้งแต่รู้จักกันมา รินิจะคิดว่าเป็นเพราะแสงไฟจากเปลวเทียนวูบวาบซึ่งหล่อนกำลังก้มลงไปจุดอยู่ที่ทำให้ใบหน้าซึ่งเธอคุ้นเคยดูแปลกไปจากที่เธอเคยคุ้น

    รวมถึงชายหนุ่มที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาจากทางประตูหลังบ้านพร้อมกับโทรศัพท์มือถือที่ถูกหย่อนกลับลงไปในกระเป๋ากางเกง เรียกทั้งความประหลาดใจระคนไปกับความขุ่นเคืองใจของหญิงสาวขึ้นมา เมื่อเรื่องราวของเมื่อวานยังคงชัดเจนแจ่มแจ้ง ขนาดที่รินิยังคงจดจำความรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากในตอนที่โชริปฏิเสธการรักษาด้วยแอลเอสดีได้ ราวกับว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้นหมาดๆ นี้เอง

    และเพราะอย่างนั้นเธอถึงได้ตวัดเสียงห้วนเป็นคำถามกับริกิว่า

    “โชริมาทำอะไรที่นี่?”

    “ฉันรู้เรื่องจากริกิแล้ว”

    แต่ก่อนที่รินิจะได้เปลี่ยนไปตวัดสายตาขุ่นหาหญิงสาวเจ้าของชื่อนั้น โชริที่เป็นฝ่ายตอบก่อนโดยไม่สนใจอารมณ์ที่เธอแสดงออกมาชัดเจนซะขนาดนั้นก็เอ่ยต่อโดยไม่รั้งรอ

    “เพราะฉันรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายคนดื้อด้านอย่างเธอก็จะต้องหาทางทำเรื่องนี้จนได้อยู่ดีนั่นแหละ ถ้าเป็นเรื่องยาแล้วแน่นอนว่าคนเดียวที่เธอจะหันไปหาได้ก็คือริกิ เมื่อเช้านี้ฉันเลยตัดสินใจโทร.ไปหา แต่สบายใจได้ รินิ เพื่อนเธอไม่ยอมปริปากบอกอะไรทั้งนั้น เป็นฉันที่เค้นถามเอาเองจนได้เรื่องต่างหาก”

    “ก็ดื้อด้านกันทั้งคู่นั่นแหละ” ริกิพึมพำโดยไม่เงยมอง

    “บอกตามตรงว่าฉันยังไม่เห็นด้วยอยู่ดีที่เธอจะทำเรื่องนี้ หมายถึงไม่ว่าเธอกับริกิคิดจะทำบ้าอะไรก็ตามเถอะนะ ให้ตายสิ รินิ! เธอรู้หรือเปล่าว่าคนที่ริกิรู้จักคือพวกผลิตยาเถื่อนนะ!

    สีหน้าบูดบึ้งถึงก่อนหน้าของรินิเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มเหยียดหยัน

    “อะไร? อยู่ๆ ก็ไม่กลัวโดนเพิกถอนใบอนุญาตแล้วหรือไง?”

    “แล้วเธอไม่กลัวตายหรือไง?”

    “ต่อให้ฉันตายก็ไม่ใช่กงการอะไรของพี่สักหน่อย” เธอยอกย้อน “จิตแพทย์ไม่ต้องใส่ใจเรื่องของอดีตคนไข้นอกเวลาบำบัดให้มันมากนักหรอก”

    “ฉันเป็นห่วงเธอในฐานะพี่ต่างหาก”

    “ไม่ได้ต้องการ”

    “ทำไมถึงดื้อด้านอย่างนี้นะรินิ!

    “ทำไมถึงน่ารำคาญอย่างนี้นะโชริ!

    “รินิ!”

    แต่เป็นริกิที่ตะโกนห้ามทัพในตอนที่ลุกพรวดพราดขึ้นมาหลังจากเทียนไขที่ถูกวางล้อมเป็นวงกลมเล่มสุดท้ายสว่างไสวว่า “พอได้แล้ว! ทั้งสองคน! สงบจิตสงบใจหน่อย! มาถึงขั้นนี้แล้วเราต้องร่วมมือร่วมใจกันสิ! และคืนนี้จะไม่มีใครตายทั้งนั้นแหละ!”

     

    “พิษของมันเข้มข้นกว่าแอลเอสดี”

    ถึงประโยคที่หล่อนกำลังพูดกับสองพี่น้องซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ฝั่งตรงกันข้ามขณะยื่นยาแคปซูลสีแดงให้คนละเม็ดจะไม่ได้เสริมรับกับสิ่งที่ตัวเองว่าไว้เลยก็ตาม

    “ยาเม็ดสีแดง...จะพาเธอไปสู่ดินแดนมหัศจรรย์ และฉันจะแสดงให้เธอเห็นว่าโพรงกระต่ายนั้นลึกแค่ไหน”

    รินิหัวเราะขบขันทั้งจากบทพูดที่ริกิถอดมาจากเรื่องเดอะ เมทริกซ์ และจากความบังเอิญจนน่าตกใจที่เธอเองก็นึกถึงโพรงกระต่ายตั้งแต่เหยียบย่างเข้ามาในบ้าน ซึ่งก็ย่อมแน่นอนว่าโชริ — จิตแพทย์ผู้ซึ่งจริงจังไปกับทุกสิ่งอย่าง — จะไม่เห็นเป็นเรื่องน่าอภิรมย์ไปด้วย ถึงได้โพล่งขัดขึ้นว่า “แน่ใจเหรอว่ามันปลอดภัย?” ด้วยความหงุดหงิดระคนหมั่นไส้ที่มีอยู่เป็นทุนเดิม รินิจึงโยนมันเข้าปากโดยไม่รั้งรอริกิที่จะเอ่ยปากห้ามก็ไม่ทันเสียแล้ว

    “โธ่เอ๊ย รินิ ฉันยังไม่ทันได้พูดถึงวิธีการให้เธอฟังเลย แต่ถ้าอย่างนั้นโชริก็รีบๆ กลืนตามไปเลย เพราะวิธีนี้เราทุกคนจะต้องทำด้วยกัน”

    “ยังไง?” รินิรับขวดบรั่นดีที่ริกิยื่นให้มาดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง สีหน้าของเธอเหยเกไปเล็กน้อยเพราะรสชาติที่แรงเกินไปหน่อย โดยไม่สนใจสายตาขุ่นเขียวของโชริ ในเมื่อเธอต่างหากคือคนที่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น

    “เพราะทุกคนจะเข้าไปในความคิด...ความฝัน...ของเธอ”

    หนนี้เป็นทีของโชริให้ได้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

    “พูดอะไรไร้สาระน่า ริกิ เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้! ถึงต่อให้ยาของเธอจะแรงแค่ไหน หรือพวกเราจะเมาไม่รู้เรื่องด้วยกันหมดยังไง แต่ไม่มีทาง...ฉันย้ำเลยนะว่าไม่มีทางที่ทุกคนจะแบ่งปันความฝันร่วมกันได้! มันไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์อะไรทั้งนั้นมารองรับ เพราะฉะนั้นในทางวิทยาศาสตร์แล้ว ฉันบอกเลยว่าไม่”

    และเป็นครั้งแรกในรอบวันที่รินิซึ่งขัดแย้งกับเขามาตลอดจะเห็นพ้องตรงกัน “ฉันก็เห็นด้วยว่าไม่”

    “ความฝันของเธอก็เป็นไปไม่ได้ในทางวิทยาศาสตร์ แล้วทำไมถึงอยู่ๆ คิดว่าเรื่องที่ฉันพูดจะเป็นไปไม่ได้ขึ้นมาล่ะรินิ?” ริกิสวนย้อนกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย หาได้ถือสาอะไรกับคำพูดของพวกเขา “โลกเรายังมีเรื่องเหลือเชื่อที่ให้คำตอบไม่ได้อยู่ตั้งมากมาย ฉัน เธอ ซู ยังเคยนั่งดูทไวไลท์โซนแล้วถกกันตั้งบ่อยไม่ใช่หรือไง รินิ? ไม่แน่นะ บางทีอาจเป็นวิทยาศาสตร์เองก็ได้ที่สามารถให้คำตอบเหล่านั้นได้”

    “มันคือจินตนาการ ริกิ” โชริยังคงยืนยันความเห็นของตัวเองอยู่อย่างนั้น

    ด้วยคร้านที่จะโต้เถียงอะไรอีก เมื่อสิ่งเดียวที่สามารถทำให้คนหัวแข็งที่ปักใจเชื่อแต่ในสิ่งที่ตัวเองเชื่อก็คือการแสดงให้เห็น ริกิเอื้อมไปแย่งขวดบรั่นดีจากโชริที่รับต่อจากรินิมาดื่มตามยาเม็ดที่เพิ่งจะกลืนลงคอไปอึกใหญ่ๆ จากนั้นยื่นมือทั้งสองออกไปข้างหน้าแล้วว่า “ให้ทุกคนจับมือกันเป็นวงกลมแล้วหลับตา ฉันกับโชริจะเฝ้าดูจากวงนอก พยายามไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้ตามเสียงของฉันมา จำไว้ให้ดีนะ รินิ กุญแจเข้าสู่ความฝันคือต้องจดจำว่าเธอเป็นคนควบคุมมัน ไม่ว่าจะความคิด ความฝัน เธอต้องรู้สึกเป็นอิสระที่จะสำรวจมัน ใจกลางจิตไร้สำนึกจะพยายามบอกความจริงกับเธอ แต่เธอต้องข้ามผ่านอุปสรรคที่จะขัดขวางไม่ให้ไปถึงให้ได้ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร เธอต้องเชื่อว่าตัวเองทำได้”

    ขณะที่โชริได้แต่ส่ายหัวกับเรื่องที่เขาคิดว่าเพ้อเจ้อสิ้นดี หากก็ยอมทำตามที่หล่อนว่าแต่โดยดี รินิที่อยู่กึ่งกลางระหว่างนั้น — เอนเอียงไปทางริกิเมื่อที่หล่อนพูดก็ไม่ผิด — ก็พยักหน้าตอบรับ วางมือที่เริ่มจะชื้นไปด้วยเหงื่อทั้งที่ยังไม่ทันทำอะไรลงบนฝ่ามือที่หงายขึ้นของพวกเขาทั้งคู่

    “ฉันทำได้”

    “ดีมาก เอาล่ะ งั้นหลับตาได้”

     

    มันไม่ใช่อาการหลอนประสาท เคลิ้มฝัน ที่ทำให้รินิมองเห็นภาพเป็นสีสันฉูดฉาดเหมือนอย่างการสูบแอลเอสดี ว่ากันแล้วมันไม่มีอะไรที่ชวนให้เธอรู้สึกสับสนมึนงงราวกับหลุดเข้ามายังดินแดนพิศวงด้วยซ้ำไป เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้ารินิซึ่งหลับตาลงในโลกความเป็นจริง ก่อนลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในโลกแห่งความฝัน — หรือจิตไร้สำนึกตามแต่ที่ริกิจะเรียก — ก็คือห้องหนังสือของเอสเคปรูมเหมือนกับในความฝันของคืนที่สิบ ความฝันที่เร้นเรียกความปรารถนาที่ซุกซ่อนอยู่ต่อไทโช อิวาซากิออกมาเป็นครั้งแรกจากสัมผัสและถ้อยคำที่เขากระซิบว่า

    “แล้วเราจะได้อยู่ด้วยกัน”

    “แต่...ฉันต้องทำยังไง?”

    เป็นเสียงนำทางของริกิที่ตอบกลับมาว่า “ตามหากุญแจ” เพื่อชี้แนะเธอ

    ภายในห้องกว้างซึ่งอัดแอไปด้วยชั้นหนังสือสูงจรดเพดานกับชั้นเต็มเอี๊ยดที่เคยแน่นขนัดไปด้วยผู้คนกับเสียงเจื้อยแจ้วเมื่อต่างต้องช่วยกันไขปริศนาหาทางออก ขณะนี้มีแค่ตัวเธอลำพังกับความเชียบงันที่ลอยวนอยู่ทั่วชั้นบรรยากาศ ไม่มีแม้แต่เงาร่างของริกิหรือว่าโชริให้เธอได้รู้สึกวางใจ แต่ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง รินิก็รู้สึกถึงการมีอยู่ของพวกเขาในความฝันที่แบ่งปันกันอยู่นี้ แต่รินิก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครอยู่แล้ว เมื่อเธอจดจำตำแหน่งของหนังสือเล่มนั้นที่ซ่อนกุญแจทางออกเอาไว้ในช่องตรงกลางได้ เว้นก็แต่การที่เธอต้องปีนบันไดขึ้นไปหยิบเอาจากชั้นด้านบนเพราะส่วนสูงที่ไม่เอื้ออำนวย ถึงต่อให้จะยื่นมือออกไปจนสุดแล้วก็ตาม

    สิ่งที่รินิหยิบออกมาจากช่องตรงกลางก็ยังคงเป็นกุญแจสีเงินปั๊มรูปกระต่ายดอกเดิม แต่สัมผัสที่เย็นเยียบของมันต่างหากที่แตกต่างไปจากเดิม อาจเพราะอย่างนั้น มือของเธอถึงได้สั่นเทาขณะพยายามเสียบกุญแจให้ลงช่อง

    “เธอแน่ใจแล้วเหรอว่าอยากไขมันจริงๆ?”

    ก่อนถ้อยเสียงที่ดังชัดเจนจากทางด้านหลัง  ไม่เหมือนกับเสียงก้องที่สะท้อนอยู่แค่ในหัวอย่างของริกิ  จะรั้งเรียกเธอให้ขวับมอง เพื่อที่จะได้พบกับร่างเล็กของหญิงสาวผมสั้นที่แสร้งเอียงคอทำท่าฉงนฉงาย ดวงตากลมโตใสแจ๋วจับจ้องอยู่ที่กุญแจในมือเธอ

    “เธอแน่ใจจริงๆ เหรอว่าอยากจะรู้คำตอบ?”

    ความฉุนกึกแล่นปราดเข้ามาทันทีที่รินิได้เห็นใบหน้าของคนที่เกลียดที่สุดในโลก บนดินแดนส่วนตัวที่หล่อนไม่มีสิทธิ์ย่างก้าวเข้ามาด้วยซ้ำ โดยไม่ปิดบังสีหน้ากับหล่อนที่ยังคงเอ่ยต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้าน “เธอควรเก็บความต้องการแต่เพียงฝ่ายเดียวกับผู้ชายที่ไม่ควรค่าไว้ดีกว่านะรินิ ในเมื่อเธอเคยพูดเองไม่ใช่เหรอว่าเขาไม่คู่ควรกับเธอ ถึงไม่เคย ไม่คิด ไม่มีวันชอบ แล้วนี่อะไร? แค่เพราะเธอฝันถึงเขาขึ้นมาก็เลยชอบ ไม่สิ...รัก...ผู้ชายพรรค์อย่างนั้นถึงขนาดยอมเสี่ยงทุกอย่างแม้แต่ชีวิตของตัวเองได้เลยเหรอ? พูดเป็นเล่นน่า ไม่คิดว่ามันแปลกหรือไง รินิ ที่คนอย่างเธอจะยอมเสี่ยงตัวเองเพื่อ...” เมอริน่าเว้นจังหวะเพื่อเน้นย้ำถ้อยคำบาดหูน่ารังเกียจผ่านเสียงที่ลดให้เบาลงราวเสียงกระซิบ ผ่านริมฝีปากที่ฉีกกว้าง ผ่านท่าทางที่โน้มตัวยื่นใบหน้าเข้ามาถึงหล่อนจะยืนห่างออกไป ที่ดูอย่างไรก็เป็นการเย้ยเยาะความฝันเดิมของเธอต่อ... “ไทโชที่เป็นของฉัน”

    แต่เมื่อรินิยกแขนขึ้นเงื้อง่า ทำท่าว่าจะพุ่งตัวเข้าหาพร้อมกับกุญแจที่คงจะทิ่มแทงหล่อนให้เจ็บแสบได้เหมือนคำพูดที่กรีดแทงจิตใจเธอ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นแค่ความฝันที่ไม่ส่งผลกับความเป็นจริงอยู่แล้วไม่ใช่หรอกหรือ? ทว่าทันใดนั้นเอง เถาวัลย์สีดำที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ก็จะพุ่งเข้ามารัดข้อมือและตรึงฝีเท้าของเธอไว้ ปล่อยให้กุญแจที่ถืออยู่ร่วงหล่นลงไปบนพื้น กระเด้งกระดอนไปหาเมอริน่าที่ก้มตัวลงแล้วหยิบมันขึ้นมา และเมื่อหล่อนแหงนเงยใบหน้ากลับขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตากลมโตคู่นั้นก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ส่วนที่เป็นสีขาวก็ถูกเส้นเลือดฝอยสีดำเหมือนกับเถาวัลย์โยงใยเข้ากลืนกิน เฉกเช่นเดียวกับภาพของห้องหนังสือที่อยู่เบื้องหลังหล่อนซึ่งจะถูกความมืดมิดไม่ต่างอะไรจากหลุมดำเข้าแทนที่

    “หนึ่งชีวิตแลกกับนับอนันต์ เธอคิดว่ามันคุ้มจริงๆ เหรอ?”

    “เพื่อ...ไทโช...ที่เป็นของฉัน” รินิสวนย้อนคำพูดเดียวกันของเมอริน่ากลับไปอย่างยากเย็น ขณะพยายามยื้อยุดกับเถาวัลย์ที่ยิ่งกดลงไปลึกขึ้นราวกับจะกรีดเฉือน แต่ต่อให้แขนขาของเธอจะขาดสะบั้น ตราบที่ยังมีร่างกายให้เสือกไส มีปากให้ใช้คาบ รินิก็ต้องได้กุญแจดอกนั้นมา เธอต้องได้ไขประตูบานนี้ออกไปสู่ความจริงอะไรก็ตามที่ถูกเก็บซ่อนอยู่

    “ชีวิตนั้นไม่ได้ควรค่า!”

    ในจังหวะเดียวกับที่เสียงขาดๆ หายๆ ของริกิจะเรียกสติเธอกลับมาด้วยประโยคที่ว่า

    “รินิ...เธอ...ควบคุม...มัน!”

    “ฉันเป็นคนควบคุมมัน!” รินิย้ำซ้ำคำพูดของริกิด้วยเสียงแผดตะโกนดังลั่น ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเหมือนกับอะดรีนาลีนเฮือกสุดท้ายหลั่งไหลออกมา ก่อนพุ่งกระโจนเข้าหาร่างที่บิดเบี้ยวเหมือนกับกลิตช์ในคอมพิวเตอร์ซึ่งจะวับหายไปทันทีที่เข้าถึงตัว เสียงโลหะทันได้กระทบพื้นแค่เพียงแกร๊งเดียวเท่านั้น รินิจะรีบฉวยคว้าแล้วหมุนตัวกลับไปไขมันกับช่องประตูด้วยมือไม้ที่ยังคงสั่นเทา ทว่าไม่ใช่กับเจตนาอันแน่วแน่มั่นคง และก่อนที่ความมืดมิดจะเคลื่อนเข้าใกล้เพื่อดูดกลืนเธอให้เป็นส่วนหนึ่งของมัน บานประตูที่เปิดออกในที่สุดก็จะกระชากร่างของรินิออกมาสู่แสงสว่างที่เจิดจ้า

    บนโถงทางเดินของสถานที่ที่เธอแน่ใจว่าเป็น...โรงแรม

    รินิไม่ทันได้เสาะสำรวจดูบานประตูสีขาวที่มีอยู่มากมายเหล่านั้นอย่างที่ใจคิด เมื่อเธอที่หันไปมองตรงสุดทางเดินที่ทอดยาวเสียก่อนจะได้เห็นบางอย่าง...บางคน...ยืนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น

    “ฉันต้องทำยังไง?”

    รินิไม่รู้ว่าคำถามแผ่วเบาที่หลุดออกจากริมฝีปากนั้นเธอตั้งใจเอ่ยกับใคร ริกิ หรือว่าคนสวมชุดมาสคอสกระต่ายที่เธอจดจ้องมองอยู่อย่างไม่ลดละ ทว่าไม่ยอมขยับฝีก้าวเข้ามาหากันแน่

    หากแต่คำตอบที่เธอได้รับกลับไม่ได้มาจากใครที่ว่าเลย หรือไม่บางทีกระต่ายตัวนั้นอาจเป็นสื่อกลางเหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหรือเปล่า? เมื่อเป็นอีกครั้งที่ถ้อยเสียงของไทโชจะดังอยู่ข้างใบหู ครานี้ไม่ใช่ด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน แต่เป็นความเร่งเร้าที่มากเสียจนรินิมั่นใจว่าลมหายใจอุ่นร้อนบนผิวหนังนั้นไม่ได้เป็นเพราะเธอคิดไปเอง

    “ตามหาฉัน รินิ ฉันอยู่ที่นี่ ไม่ช้าเราจะได้อยู่ด้วยกัน”

    กระต่ายตัวนั้นยังคงอยู่ที่เดิม เธอก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่สิ่งที่ยืดยาวออกไปคือโถงทางเดิน กระทั่งร่างของเธอค่อยๆ ลอยขึ้นไปอยู่ในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงจนต้องปาดป่ายมือออกไปเบื้องหน้าที่ไร้ซึ่งสิ่งอื่นใดให้ยึดเกาะ ความมืดมิดหลุดออกมาจากบานประตูของห้องหนังสือที่เปิดกว้างออกแล้วเข้ากลืนกินแสงสว่างจนหมดสิ้น กระทั่งไม่หลงเหลือสิ่งใดอยู่ในแววตาของรินิอีกนอกจากความเวิ้งว้างว่างเปล่า แต่เมื่อเธอกะพริบนัยน์ตาปริบ ภาพเหตุการณ์ตัดสลับไปมาที่เธอปะติดปะต่อไม่ได้ก็ปรากฏอยู่ท่ามกลางวงสีสันนับล้านเหมือนกับฟองสบู่ มันไม่ใช่ภาพความหลังทั้งชีวิตที่ย้อนกลับมาเมื่อถึงวาระสุดท้าย เพราะทุกสิ่งที่รินิได้เห็นผ่านดวงตาที่เปิดกว้างและไม่ได้มัวพร่านั้นไม่มีอะไรที่เธอพูดได้ว่า คุ้นเคย เลยแม้แต่อย่างเดียว

    อาจยกเว้นก็แต่ผู้ชายคนเดียวในนั้นอย่างไทโชที่กำลังก้มหน้ามองดูอะไรสักอย่าง รินิไม่จำเป็นต้องรั้งรอคอยคำตอบเนิ่นนานนักจากภาพที่ตัดสลับไปเป็นหญิงสาวบนเตียงผ่าตัด

    หญิงสาวที่มีใบหน้าเหมือนกับเธอไม่มีผิดเพี้ยน!

    ต่างกันก็ตรงที่เส้นผมของเธอคนนั้นเป็นสีเข้มจัด ส่วนดวงตาเป็นสีแดงก่ำที่ถูกทับถมด้วยเส้นเลือดสีดำราวกับเถาวัลย์ที่แตกกิ่งก้านออกไปอย่างที่ได้เห็นจากเมอริน่า ซึ่งจะค่อยๆ ขยับมาหาตัวเองอีกคน

    ครั้นเธอคนนั้นฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันสีขาวที่เป็นระเบียบให้แล้ว รินิก็ลอยละล่องออกไปในอวกาศอันไกลโพ้นโดยไม่ใช่แค่คำเปรียบเปรย




    รินิรับรู้ได้ว่าขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายจัดแล้วก็จากแสงแดดโรยราที่ลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านซึ่งไหวพะเยิบไปตามแรงลม เพราะห้องนอนของเธอไม่มีทั้งนาฬิกาติดผนัง ตั้งโต๊ะ หรือมือถือที่ควานไขว่จากใต้หมอนไม่พบ รินิจึงไม่สามารถชี้ชัดช่วงเวลาที่แน่นอนลงไปได้ ทว่าสิ่งที่แน่ชัดคืออาการปวดหัวตุบในตอนที่ยันตัวเองลุกขึ้นนั่งอยู่อีกพักก่อนลุกไปเปิดประตูห้อง ดูท่าว่าอาการตกค้างจากฤทธิ์ยาที่ริกิบอกว่าเข้มข้นกว่าแอลเอสดีจะเป็นความจริง

    “ไชโย! รินิ เลอวิตต์ยังไม่ตาย!” ครั้นได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดจานบานประตู ซูก็เงยหน้าขึ้นจากตำราเรียนที่อ่านอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นเงียบๆ แต่เสียงตะโกนของหล่อนนั้นไม่ใกล้เคียงกับคำว่าเงียบเลยจนรินิต้องนิ่วหน้า “เธอหลับไปตั้งสองวันเต็มๆ เลยนะรู้ไหม! ให้ตายสิ รินิ! คิดบ้าอะไรอยู่ถึงได้เล่นยาเถื่อนจากยัยริกิแบบนั้น! โชคดีไปนะที่ครั้งนี้เธอไม่เป็นไร แต่ครั้งหน้าเธออาจไม่ได้โชคดีแบบนี้ก็ได้ แต่ฉันก็สวดยัยริกิไปยกใหญ่แล้วล่ะนะ ถึงแน่นอนว่ายัยนั่นจะทำเป็นหูทวนลม...”

    รินิไม่สนใจฟังคำพล่ามพูดที่คงจะเหยียดยาวต่อไปไม่รู้จบของเพื่อนร่วมบ้านอีกคนเมื่อทะลุขึ้นกลางป้องว่า “สองวันเหรอ?” แล้วเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมาดื่มอั้กๆ

    “ก็ใช่น่ะสิ! ฉันกลับบ้านมาเมื่อวานแล้วตกอกตกใจแทบแย่ที่เห็นสภาพห้องนั่งเล่นของเราเหมือนกับห้องทำพิธีของพวกลัทธิน่าขนลุกยังไงยังงั้น! ริกิบอกว่าเธอจะไม่เป็นไร แค่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานนิดหน่อยเพราะนี่เป็นครั้งแรก ฉันที่เป็นห่วงกลัวเธอจะตายเลยตัดสินใจโดดร่มไม่ไปรงไปเรียนมันแล้ว! กะว่าถ้าตอนเย็นเธอยังไม่ตื่นอีกฉันจะเรียกรถพยาบาลมารับ แล้วเรียกตำรวจมาจับยัยริกิด้วยเอ้า!

    ถ้าเป็นเวลาปกติ รินิคงเห็นเป็นเรื่องตลกแล้วหัวเราะขำไปกับนิสัยเล่นใหญ่ช่างตื่นตูมของหล่อนไปแล้ว แต่ไม่ใช่สำหรับวันที่สติยังคงมึนงงไม่เต็มร้อยเพราะอาการปวดตุบที่จะมากหรือน้อยก็ไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์เสียจนต้องเดินดุ่มไปคุ้ยยาแก้ปวดในห้องน้ำมากรอกปากไปสองเม็ด แล้วกลับมานอนขดตัวห่มผ้าผืนบางบนโซฟาให้ซูต้องระเห็จลงไปนั่งบนพื้น ปากก็บ่นพึมพำโน่นนี่นั่นไปเรื่อยเปื่อยอย่างกับบทสวดตามประสาคนช่างสอนที่รินิได้แต่ปล่อยให้มันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา

    แต่รินิก็ไม่ทันได้จมดิ่งกลับลงไปในห้วงภวังค์ล้ำลึกอีกครั้ง เมื่อเสียงเปิดประตูปึงปังตามด้วยแรงเขย่ากับเสียงตะโกนเรียกชื่อจากเพื่อนร่วมบ้านอีกคนที่ซูเปลี่ยนเป้าหมายโจมตีไปหาหล่อนแล้วจะกระชากลากเธอให้เปลี่ยนมาลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าของรินิยับยู่ กระนั้นก็ยังไม่มีแก่ใจที่จะอ้าปากหรือลืมนัยน์ตาเปิด ตรงกันข้ามกับเพื่อนร่วมบ้านทั้งสองที่อ้าปากเถียงกันฉอดๆ อยู่อีกพัก ก่อนที่ซูจะถูกไล่กลับเข้าห้องนอนของตัวเองไป

    เมื่อนั้นริกิจึงเปลี่ยนเป้าหมายกลับมาหาเธอ เขย่าแขนปลุกให้ลืมตาตื่นพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นว่า

    “ฉันเจอโรงแรมนั้นแล้วนะ!

    ริกิดึงเธอที่ยังคงสับสนกับชีวิตอยู่ลงมานั่งบนพื้นหน้าโต๊ะเตี้ยด้วยกัน จากนั้นเปิดแล็ปท็อปของตัวเองที่วางทิ้งไว้มาพิมพ์ชื่อเว็บไซต์หนึ่งลงไป ภาพของโรงแรมหรูหรากับเทือกเขาปกคลุมหิมะลูกมหึมาที่ตั้งตระหง่านเป็นฉากหลังไม่มีอะไรที่เรียกได้ว่าคุ้นตารินิเลยแม้แต่น้อย กระทั่งตอนที่ได้เห็นภาพถ่ายของโถงทางเดินที่ปูลาดด้วยผืนพรมสีเขียวเข้มกับวอลเปเปอร์ลายดอกไม้สีขาวสไตล์วินเทจ ลมหายใจของรินิก็คล้ายว่าจะสะดุดลงไป

    “ใช่ใช่ไหม รินิ?” น้ำเสียงของริกิแผ่วกระซิบ “ตอนแรกฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าฉากในความฝันของเธอมันมีอยู่จริงหรือเปล่า แต่ฉันก็ลองสเกตช์รูปโถงทางเดินที่เห็นแล้วเอาไปถามเพื่อนที่มีญาติเป็นนักเขียนสายท่องเที่ยวดู ตอนที่ฉันเห็นรูปโรงแรมนี้เป็นครั้งแรกก็เล่นเอาช็อกเหมือนกับเธอนี่แหละ”

    รินิเลื่อนเมาส์ลงไปที่ด้านล่างสุดของหน้าเพจ “โรงแรมซิลเวอร์มูน เทลลูไรด์” เธอพึมพำก่อนหันไปจ้องสบกับริกิด้วยสีหน้าแสดงความมุ่งมั่น เฉกเช่นเดียวกับน้ำเสียงอันหนักแน่นว่า “ฉันจะไปที่นั่น”

    “เรื่องนั้นฉันก็รู้อยู่แล้วแหละ เพราะอย่างนั้นฉันก็เลยไปชวนไทโช...ที่ก็แน่นอนว่าเมอริน่าต้องไปด้วยในเมื่อสองคนนั้นเป็นคนรักกัน ไม่ๆ ฟังฉันก่อนรินิ อย่าเพิ่งทำหน้าเมื่อยแบบนั้น ต่อให้เขาจะไม่ใช่ไทโชคนเดียวกับในฝันของเธอก็จริง แต่เราที่ก็ยังไม่รู้อะไรเลยไม่คิดว่าควรจะพาเขาไปด้วยเหรอ?

    “พาเขาไปพลอดรักกับแฟนสิไม่ว่า”

    “เผื่อว่าเขาอาจเป็นกุญแจสำคัญ เป็นเปลือกให้กับไทโชตัวจริงของเธอ หรือไม่เราก็อาจต้องกำจัดเขาทิ้งเพราะโลกนี้จะมีไทโชสองคนไม่ได้ อะไรแบบนั้นไง ไทโชของโลกนี้อาจน่ารักนิสัยดีก็จริงนะ แต่ฉันก็ไม่ได้ผูกพันอะไรกับเขามากเท่าเพื่อนรักอย่างเธอหรอกจ้ะ รินิ”

    คำพูดสมอ้างของหล่อนไม่ได้ทำให้ เพื่อนรัก รู้สึกปลาบปลื้มตามไปด้วยเลยนอกจากแสยง

    “ที่พักนี้เธอเลิกเข้าโบสถ์เพราะไปนับถือลัทธิใหม่อีกแล้วสินะริกิ คราวนี้บูชาอะไรแผลงๆ เข้าล่ะ ถึงได้พูดเรื่องน่ากลัวอย่างการฆ่าคนแบบนั้น?”

    ทว่าหล่อนก็ไม่ได้ตอบคำถามนั้นนอกจากเปล่งเสียงหัวเราะขบขัน เปลี่ยนหัวเรื่องไปหาใครอีกคนที่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ช่วยคลายอารมณ์ขุ่นข้องให้รินิเลยอย่าง “อ้อ โชริก็จะไปด้วยนะ”

    “โอ๊ย! ริกิ! เธอไปสรรหาคณะเดินทางยอดแย่มาจากไหนเนี่ย!”

    “น่าๆ ช่างเรื่องอื่นแล้วมาคุยเรื่องวันนั้นกันดีกว่า”

    “เอางั้นก็ได้”

    เมื่อนั้นพวกเธอทั้งสองก็เปลี่ยนมานั่งขัดสมาธิหันหน้าเข้าหากันแทน

    “แรกสุดฉันก็เห็นภาพทุกอย่างเหมือนกับที่เธอเห็นนั่นแหละ รินิ แต่หลังจากที่เธอได้กุญแจมาแล้ว ฉันกับโชริก็ถูกเถาวัลย์บ้านั่นดึงออกไปจากที่ตรงนั้น เหมือนกับว่ามันไม่อยากให้เราเข้าไปช่วยเธอ เหมือนกับว่ามันไม่อยากให้เธอเปิดประตูออกไป ฉันคิดว่าจิตไร้สำนึกพยายามจะบอกความจริงกับเธอ แต่จิตใต้สำนึกพยายามจะหยุดเธอ และแสดงมันออกมาด้วยรูปลักษณ์ของคนที่เธอเกลียดเพื่อยั่วยุ”

    “ผู้หญิงคนนั้นพูดว่า...” รินิเว้นจังหวะครุ่นคิด ไม่มีแม้สักเสี้ยวความคิดที่อยากเอ่ยชื่อของหล่อน คนที่เธอเกลียด  ออกมา “หนึ่งชีวิตแลกกับนับอนันต์ ชีวิตเดียวนั้นไม่ได้ควรค่า”

    ถึงทีของริกิได้เป็นฝ่ายครวญคิด ไม่นานหลังจากนั้นก็จะถอนหายใจออกมา

    “พอฟังเธอเล่าแล้วฉันก็ยิ่งมั่นใจว่าไทโชคนนั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดา ไม่แน่ว่าเขาอาจเป็นปีศาจจำแลงที่หลอกให้เธอทำบางอย่างเพื่อที่จะได้มายังโลกใบนี้ของเราก็ได้ แต่ไม่ว่าเหตุผลที่แท้จริงของเขาจะเป็นอะไร ฉันก็รู้ว่าเธอจะไม่มีวันหยุดตามหาเขาต่อให้ต้องเสี่ยงอันตรายแค่ไหน” มือของหล่อนเอื้อมมาจับกับของรินิแล้วตบที่หลังมือเบาๆ เป็นการปลอบโยน “ไหนๆ เราก็ร่วมหัวจมท้ายกันมาตั้งขนาดนี้แล้ว ฉันเองก็ทนค้างคาใจไม่ไหวเหมือนกันนั่นแหละ”

    “ถ้าเป็นอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นพูดจริงๆ ทุกคนบนโลกของเราอาจต้องตายกันหมดเพราะฉันดึงดันเพื่อผู้ชายคนเดียวก็ได้นะ”

    “งั้นก็ฝากบอกให้เขาไว้ชีวิตฉันในฐานะเพื่อนสนิทของเธอทีละกันนะ” ริกิยังมีอารมณ์เล่นมุกตลกอยู่ได้แม้จะอย่างแห้งแล้งเต็มที เรียกสายตาค้อนควักจากรินิที่ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องขบขันไปหนึ่งดอก

    “ทีนี้นะ พอตอนที่เธอเปิดประตูออกไปจากห้อง ก็กลับเหลือแค่ตัวฉันคนเดียวบนโถงทางเดินนั่น ไม่มีทั้งเธอ ไม่มีทั้งโชริ ไม่ว่าฉันจะตะโกนร้องเรียกหาหรือพยายามเปิดประตูบานไหนๆ ก็ไม่ออก แต่ฉันก็หาทางออกไปไม่ได้เหมือนกัน เหมือนกับว่าฉันติดแหง็กอยู่ที่โถงทางเดินนั้น แล้วพอฉันตัดสินใจว่าจะกลับไปตั้งหลักในเอสเคปรูมอีกครั้ง ตอนนั้นแหละฉันถึงได้สะดุ้งตื่น!”

    รินิตั้งใจฟังเรื่องราวที่แตกต่างจากที่เธอได้เผชิญด้วยความสนใจใคร่รู้

    “ตอนที่ตื่นขึ้นมาฉันก็เห็นโชรินั่งจ้องหน้าฉันอยู่ พอฉันถามเขาว่าไปเจออะไรมาเขาก็ไม่ยอมตอบ บอกแค่ว่าเราต้องไปที่โรงแรมนั่น ไม่สิ! ที่จริงโชริพูดเลยต่างหากว่าเธอต้องไปที่โรงแรมนั่น แต่หลังจากที่เขาช่วยอุ้มเธอกลับไปนอนที่ห้องแล้วก็ผลุนผลันกลับไปเลย ไม่ทันให้ฉันได้ถามอะไรต่อสักคำ”

    “หรือว่าโชริจะเจออะไรในจิตใต้สำนึกของฉัน?”

    “มีแค่เจ้าตัวเท่านั้นแหละที่ให้คำตอบได้” ริกิยักไหล่ไหว ใช่ว่าเป็นเพราะหล่อนไม่สนใจ แค่ไม่อยากคาดเดาเรื่องที่ให้ตายก็คงไม่มีวันทายถูก “ว่าแต่เธอเถอะรินิ ตอนที่ออกไปตรงโถงทางเดินนั่นแล้วเธอเจออะไรงั้นเหรอ?”

    “ไทโชบอกว่าให้ตามหาเขา บอกว่าเขาอยู่ที่นั่น...ที่ที่ตอนนี้ฉันมั่นใจแล้วล่ะว่ามันต้องหมายถึงโรงแรมซิลเวอร์มูน” รินิซึ่งคร้านจะเล่าเหตุการณ์ยาวยืดทั้งหมดตัดสินใจรวบรัดตัดความให้ริกิฟังเพียงเท่านั้น “แล้วเราจะไปกันได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่?”

    ริกิหันไปยิ้มกว้างให้กับรินิ

    “เธอคงเอาแต่หมกมุ่นกับเรื่องของไทโชจนลืมไปแล้วว่าวิทยาลัยของเรากำลังจะปิดยาวช่วงสุดสัปดาห์นี้เอง”












    2023年08月08日
    _______________
     แต่งได้นิดหน่อยอยู่เลยยังไม่เอาลง แต่จะถือฤกษ์มาลงวันที่แปดเดือนแปด เพื่อมาทอล์คว่าโลกนี้มีเรื่องบังเอิญมากมาย แต่บางทีพวกเราก็แม่งจะเจอเรื่องบังเอิญเกินปุยมุ้ย! สะพรึง! เพราะไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเสาร์ที่แล้วบีทูบไปเล่น...เอสเคปรูม! ที่แม่งเล่นตามใคร...สโตร! (ลิงค์) และตอนกูดู (ทำ) สตาร์เทรคก็มีตอนที่ทำพิธีเพื่อค้นหาความหมายที่ซ่อนอยู่ในความฝัน...ซึ่งก็เหมือนฟิคกูจนขนลุก! (ไว้ลงฟิคแล้วจะเล่าให้ฟัง) เอาเป็นว่าพาร์ทบนจะเป็นเรื่องตอนบำบัด ส่วนพาร์ทล่างจะเริ่มเดินทางไปโรงแรมไชนิ่งจริงๆ แล้ว ไม่จกตา แล้วหลังจากตอนหน้านี้แหละ รูปรินิจะได้อยู่ข้างไทโช ส่วนเมอริน่าก็ข้างกับโชริสักทีโว้ยยย!

    2023年09月02日
    _______________
     จารึกไว้หน่อยว่าในที่สุดวันนี้กูก็ปิดจ็อบซีรีส์อวกาศแล้วโว้ยย! กลับมายังดาวโลกโดยสวัสดิภาพ แม้จะเผชิญอุปสรรค การต่อสู้ และรอยน้ำตามากมายก็ตาม แต่ก็เอนเกจ! กับอีกเรื่องบังเอิญอย่างเช่นว่าวันนี้บชนก็ไปเป็นซีเคร็ตเกสต์ใน TGC (เพราะเป็นพรีเซนเตอร์ TIRTIR แบบนี้ฟิคเครื่องสำอางกูต้องกลับมาให้โดนด่าว่าซ้ำซากแล้วสินะ >_<) และฟูจิไทจัดราจิราคู่กัน (กูขำไทโชรีเควสต์เพลงออลไรท์ของคิงปุริเป็นรอบที่แสนล้านแปด มันจะอะไรขนาดนั้นวะ ส่วนพี่ฟูจิอิเพลงนานิโมโนะ ก็รักกันเกินปุยมุ้ย หรือนี่แหละว่าที่เจสสี้อุมิของเราวะ 55555)
     เป็นเรื่องที่แต่งทีละนิดละหน่อยมาทั้งเดือนเพราะกูบอกแล้วว่าหมายมั่นมากทั้งที่ไทโชออกแค่นิดเดียว หรือเพราะใจกูอยากแต่งไปจนถึงเค้าเด่นแล้วพอคอมพลีตก็ค่อยเทวะ เป็นไปได้ บอกตรงนี้แหละว่าไม่ต้องหาเหตุผลมารองรับฉากเข้าไปในความฝันอะไรทั้งนั้น...เพราะกูก็หาไม่ได้! คิดไว้ล้านแปด ไม่เปิงใจสักอัน หาความสมเหตุสมผลก็ไม่ได้สักอัน แต่พอคิดว่าเรื่องเรคคอนนิ่งมันยังแค่กินยาแล้วหาตัวฆาตกรได้ทั้งที่ไม่มีหลักฐานหรืออะไรที่โยงไปได้ขนาดแม่งเป็นซีรีส์สืบสวนธรรมดา แล้วทำไมเรื่องของกูที่ปูมาเหนือจริงอยู่แล้วจะทำไม่ได้วะ! เอาเป็นว่ากูอยากแต่งเหี้ยไรก็แต่ง ปล่อยใจม่วนๆ จอยๆ 55555 / อย่างที่ก็ได้เคยเล่าไปว่าพิคาร์ดซีซั่นหนึ่งมีฉากทำพิธีหาความหมายในฝันที่เหมือนเรื่องนี้จนขนลุก ๑ จากนั้นพอกูได้ทำซีซั่นสามก็เฮ้ย! มีบทพูดที่บอร์กควีนว่า "ตามหาฉัน ไม่ช้าเราจะได้อยู่ด้วยกัน" เหมือนกู! แล้วตัวละครก็ต้องไปเปิดประตูเหมือนกูจนขนลุก ๒ อีชิบหาย มึง น่ากลัวมาก เซนส์แรงสัสๆ ในทุกเรื่องที่ทำ ก็เลยได้แรงบันดาลใจให้ริกิเป็นคนนำทางด้วยเสียงแทนที่จะให้รินิไปคนเดียว ส่วนโชริไปไหน เมอริน่าโผล่มาได้ไง เดี๋ยวกูเฉลยให้ที่พาร์ทล่างนี่แหละ แต่อย่าว่าโง้นงี้นะ กูไม่ชอบบทโชริเลย แต่ก็เป็นบทอย่างที่คิดไว้แต่แรกแล้วจริงแหละ orz / และจะเล่าว่ากูแต่งฉากที่เปรียบเปรยว่าเหมือนอลิซเข้าโพรงกระต่ายมาตั้งแต่แรกแล้ว จนพอมาเกลาแล้วเห็นยาเม็ดเลยนึกถึงเมทริกซ์ขึ้นมา แล้วอะไรรู้ไหม พอไปเสิร์ชหาถึงรำลึกได้ว่าเมทริกซ์มันก็เกี่ยวกับทฤษฎีโพรงกระต่าย! เฮ้ยยย มันจะอะไรเบอร์นี้วะมึง! ยูจุงไซคิก!
     เพราะฉะนั้นก็ขอขอบคุณเพลงจากเมทริกซ์ที่พอนึกถึงขึ้นมาก็เลยได้หวนรำลึกกลับไปฟังเพลงจนเจอที่ตรงใจ ขนลุกซู่เลย ทำนองมันแบบปิ้วๆ ฟังแล้วลอยๆ เคลิ้มๆ เมดิเตชั่น / ลืมเล่าว่าที่เหมือนเถาวัลย์อันนี้ได้มาจากบอร์กควีนในสตาร์เทรค ที่จะมี...เค้าเรียกว่าไรวะ รยางค์ได้ไหม เหมือนพวกสายที่เชื่อมคอมพิวเตอร์อ่ะ และควีนก็มีความสามารถหลอมรวม ยึดร่าง ถึงเรื่องนี้จะไม่ใช่หรอก (ฮั่นแน่) แต่ก็ขอบคุณสำหรับแรงบันดาลใจที่แว่บมาตอนกูเกลาวินาทีสุดท้าย เนี่ย กูถึงบอกว่าขนลุกป่ะเพราะตั้งใจวางให้เรื่องนี้เป็นไซไฟตั้งแต่ตอนเปิดเรื่องแรกสุด เพราะมีที่มาจากเรื่องที่ยังบอกไม่ได้ TwT ใครจะไปคิดไปฝันว่าจะได้ทำซีรีส์ไซไฟอวกาศที่ร้อยวันพันปีแนวนี้ไม่เคยมา แถมยังมาเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้ฟิคนี้ได้มากมายแบบงงๆ ขนาดโดนด่ายับๆ กูยังได้ทำต่อจนจบ ไปคิดเอา
     รวมถึงอีกเรื่องบังเอิญที่ทำกูกรี๊ดมากถึงมากที่สุดอย่างเช่นเอ็มวีใหม่เซ็กซี่โซนกับนานิวะเป็นฉากในโรงแรมที่กูพูดเช้าเย็นว่าเรื่องนี้ยังไงก็จะไปจบที่โรงแรม! ก็เลยเอาล่ะ ประกาศตรงนี้ว่าแอนีมอยอา 1.5 สตอรี่ที่มาของโรงแรมโอเวอร์ลุค (ยังไม่ได้คิดชื่อ) มันจะมาเร็วๆ นี้ ตัวละครจากแชป 1 ไคโตะ ริสะ มามิ (พี่สาว...ที่เดี๋ยวกูเปลี่ยนชื่อใหม่ก่อน ไม่เปิงใจ) จะได้มาครบ! แต่เจ้าของโรงแรมที่แท้จริงคือสีเขียวของกูเองจ้าา บางทีเราก็ต้องสานฝันด้วยตัวเองบ้าง ไม่ใช่ไปเกาะแต่มึงเพราะกูแต่งบทพระเจ้าไม่ได้ก็ใช่ที่ T_T น่าเสียดายที่โชริไม่ได้ไปต่อเพราะที่คิดไว้เป็นพาร์ทย้อนอดีตหลายปี (ส่วนอีกสองคนยุ่งๆ เลยอดไป บ๊ะบายนะ แต่นากาจิมะอาจได้ไปเล่นแชปโรงหนังที่กูยังคิดไม่ออกว่ะ รอๆ) แต่ไม่เป็นไร กูมีโรงแรมรอเปิดทำการอีกหลายแห่ง อาจมีลุ้นๆ >_<
     ผ่านมาสามตอนสรุปยังไม่ได้เฉลยอะไรสักทีทั้งที่เรื่องก็คืบหน้าไปอย่างที่กูตั้งใจแล้ว งั้นขอคันปากเฉลยเองว่ามันคือวิทยาศาสตร์เว้ยย! (แบบมั่วๆ เว่อร์ๆ) ไม่มีเทพไม่มีอะไรทั้งนั้น กูยืนยันความทไวไลท์โซนของจริง ไม่ใช่ให้ถีบ! แต่รู้แค่นี้แหละ พอละ / และมึงเคยพิมพ์ชื่อทั้งเรื่องแล้วเครียดไหมวะ รินิ ริกิ โชริ ไทโช เอาไปเอามาพอซ้ำกันแล้วกูเจ็บหัวเหม่ด มีเมอริน่าดีหน่อย แต่เดี๋ยวมีไทกะอีก โอ๊ยยย แต่แต่งมาตั้งสามตอนแล้วก็อยู่กันไปแบบนี้แหละ orz

    2023年10月28日
    _______________
     แต่งตอนนี้จบตั้งแต่เดือนที่แล้วโน่นแต่ไม่ว่างเกลาสักทีจนล่วงเลยมานานขนาดนี้ได้ยังไงวะเนี่ย กูจะบ้า เรื่องนี้เป็นอะไรที่แปลกมากคือแต่งไหลลื่นไปตามพล็อตที่คิดไว้ทุกอย่าง แต่พอแต่งๆ ไปมันจะต้องมีฮั่นอย่าง เหมือนขับรถแล้วเลี้ยวผิด ถึงสุดท้ายจะออกมาที่ถนนเส้นเดิมได้ แต่พอเจอทางแยกกูก็จะเลี้ยวผิดไปเรื่อยๆ อย่างนี้เป็นต้น TwT เช่นว่าตอนแรกริกิจะเป็นตัวละครลึกลับ รู้ความลับของไทโชในโลกโน้นอะไรแบบนี้ แค่ว่าต้องทำให้รินิเปิดประตูให้ได้ก่อนพาไปที่โรงแรม แต่แต่งๆ ไปดันออกมาเป็นมนุษย์ปกติธรรมดา สายเมาท์ สายเสือก สายอวยกันเอง! นิสัยกูมึงไปเสียฉิบ! เอ้า! เมอริน่าไม่ใช่นางเอกสองแล้วบ่นิ 55555 ส่วนโชริที่จริงตอนแรกต้องมาเล่าให้สองคนนี้ฟังว่าไปเจออะไรมาจริง แต่สุดท้ายมันก็ลงมาเวย์นี้เฉย กูเป็นอะไรกับพล็อตโชรินักหนาบ่ะ แต่ก็เป็นนิสัยอย่างที่คิดไว้แต่แรกจริงแหละนะ เห้อออ มาคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด
     เรื่องยา ความฝันเดียวกัน จิตใต้สำนึก จิตไร้สำนึก ฯลฯ คือไม่ต้องมาถามหาความสมเหตุสมผลเพราะกูก็ไม่มีให้ แต่งฟ.ฟันเฉยๆ จ้าา ถึงกูจะมีแรงบันดาลใจมากมายหลายล้านอย่าง แต่พอเอามายำรวมก็เป็นพล็อตของกูเองไหมร่ะ ประเด็นคือกูไม่ได้เทพเหมือนมึงหรือทีมอลัน เวคไหม ละคนโง่อย่างกูจะหาคำตอบเรื่องวิทย์มาให้จากไหนนอกจากนั่งเทียน อยากเขียนอะไรก็เขียนค่ะ ขอบพระคุณ / ส่วนชื่อโรงแรมซิลเวอร์มูนเคาะแล้วจากเพลงของเซ็กซี่โซนเพราะโซเป็นเจ้าของโรงแรมตัวจริงนั่นเองจ้าา >_< (เพราะมากกกก ถ้าถามว่าแนวไหนก็แนวเพลงประกอบฟิคไฮสคูลกูแหละ เป็รต้น)
     ขอบคุณรูปคอมมิชจากใครได้ถ้าไม่ใช่คุณตูนคู่บุญของยูโทเปียกูนั่นเองจ้า ในที่สุดก็ถึงวันที่มีรูปของสองนางเอกสักที! กูเลือกฉากมาจากเรื่องยูโทเปียเลยนะ (แต่เค้าก็เอาไปเสริมเติมแต่งจนออกมาเป็นแฟนตาซีมากกว่าแนวดราม่า บ่าเฮ้ย) ในเรื่องเป็นล็อบบี้ของบริษัทยาเมกะคอร์ปอเรชั่น ที่สวยมาก หรูมาก อีดอกกูบอกเลยว่าซ๊รีส์เรื่องนี้ภาพสวยจริง ทุกช็อต ทุกฉาก ลิมินอลจริง กูแบบไค่ต๋ายง่าวบ่ะเลยมึง นาฬิกาก็มีในซีนจริง ที่เรื่องเวลาก็เป็นกิมมิคของเรื่องนี้ กูแอบใบ้ไว้รายทาง ไม่เชื่อไปย้อนอ่านดู แต่ในภาพนี้เวลาไม่ตรงกับของเรื่องเพราะกูไม่ทันคิดถึงจนล่วงเลยมาหลายเดือน จะบอกให้เค้าไปแก้ก็ไม่ดีมั้ง TvT ดอกไม้ก็มีในซีนแหละ แต่เค้าวาดใหม่ให้แล้วเลือกเป็นดอกอะไรรู้ไหม (นัทสึโนะ) ไฮเดรนเยีย! เพลงของวงพระเอกสอง! ที่วงพระเอกหนึ่งเอามาคัฟเวอร์! เค้าเลือกสีน้ำเงินให้เพราะมันอยู่ตรงกลาง จะได้ดูเป็นแม่สีเหลือง น้ำเงิน แดง ที่ก็บังเอิญว่าเรื่องนี้กูจิ้มริกิเป็นสีน้ำเงินเพราะสีหัว! / ตอนแรกคิดชุดไว้หลายแบบ ธรรมดาหมดทุกแบบเพราะอยากจะเล่นสีเฉยๆ แต่สุดท้ายก็จิ้มชุดนี้ของจียูดรีมแคชเชอร์ไปเพราะอยากให้ผูกเนคไทกับใส่ลายสก็อต แค่นั้นแหละ ดูสิ รินิใส่เสื้อกินมือด้วยนะ >_<
     ปล. ไม่ 30 ก็ 31 ตั้งตี้ฟอลกายกับอลัน เวคกัน เดี๋ยวกูทักไปอีกที วู้วววว แต่เรียนมาเพื่อทราบก่อน ทราบไม่ทราบก็เรียนแล้ว

    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×