คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #195 : sulky baby
อิวาซากิ ไทโช ซึ่งจะรีบผละจากการทำครัวทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตูแค่สองก๊อก ไม่คาดคิดว่าคนที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องของเขาจะเป็นหญิงสาวร่วมอพาร์ตเมนต์ในสภาพหน้าสด ใบหน้าขาว แต่ใต้ตาดำคล้ำอย่างกับหมีแพนด้า ผมเผ้าหรือก็ยุ่งเหยิง สวมชุดนอนแขนยาวกับกางเกงวอร์มลายหมีแบรนด์เจลาโต้พีเก้ที่สื่อให้รู้ชัดๆ เลยว่าเพิ่งตื่นนอนมา แต่ทั้งหมดเหล่านั้นยังไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจสำหรับไทโชมากเท่าการได้เห็นหน้าค่าตาของทาจิบานะ มิเนะ ในเวลาเที่ยงเศษๆ และเขาหมายถึงต่อหน้าต่อตาในรอบหนึ่งเดือนเป็นครั้งแรกแบบนี้ด้วย
นับตั้งแต่ที่เธอหายหน้าไปกว่าสองสัปดาห์ทั้งในชีวิตจริงหรือรายชื่อเพื่อนที่ออนไลน์ในเพลย์สเตชั่นด้วยเหตุผลที่ว่า “งานยุ่งมาก” — กว่าเดิมที่ก็ยุ่งอยู่แล้ว — แล้วเก็บตัวเงียบ ไม่ยอมย่างกรายออกมาจากห้องเลยแม้แต่ก้าวเดียว เสบียงก็ได้จากเพื่อนสนิทที่จะแวะซื้อขนมนมเนยและอาหารสำเร็จรูประหว่างเดินทางจากบ้านแฟนในคานากาวะมาเยี่ยมเยือนสัปดาห์ละครั้งให้พอประทังชีวิตไปได้ ถึงเมบุกิจะเอามาเล่าให้ไทโช (ที่จะแสร้งทำเป็นเปิดประตูออกมาเจอในจังหวะที่พอเหมาะพอดี ชวนไปหามื้อค่ำกินด้วยกัน เพื่อจะได้ฟังหล่อนบ่นเรื่องเพื่อนสนิทก่อนจับรถไฟกลับบ้านเสมอ) อย่างออกรสว่า “ยัยมิเนะอาจตายเข้าสักวันถ้าขืนยังโหมงานหนัก กินข้าวกินปลาแค่วันละมื้อ หรือบางวันก็ไม่กินเลยด้วยซ้ำถ้าติดพันกับงานที่ฉันบอกว่าให้เพลาๆ ลงบ้าง แบ่งเวลาให้มันเป็น ดูฉันเป็นตัวอย่างซะมั่งอยู่แบบนี้!”
แต่ทั้งที่ห่วงแสนห่วง ไทโชก็ไม่กล้าไปรบกวนเวลาอันมีค่ามากของเธอ แม้แค่การเคาะประตูถามไถ่ทั้งที่อยู่ห้องเยื้องๆ ไปเท่านั้น
และการที่มิเนะจะขอเข้ามาในห้องของเขากับตุ๊กตาหมีแข็งสีขาวตุ่นตัวใหญ่ซึ่งคงใช้แทนหมอนข้างที่ถือแนบอกไว้ ก่อนทิ้งมันลงบนพื้น แล้วโผเข้าหาเขาที่หมุนตัวมาหลังปิดประตูห้องเรียบร้อยก่อนจะได้เอ่ยปากด้วยซ้ำว่า “ขอกอดหน่อยสิ” ก็จะยิ่งทำให้ไทโชแปลกใจระคนงุนงงเข้าไปใหญ่ กระนั้นก็ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นโอบรอบแผ่นหลังของเธอกลับด้วยความเต็มใจ
น้ำเสียงอู้อี้ที่ซุกลงกับหน้าอกของเขาพึมพำออกมาว่า “ฉันเหนื่อยจังเลยไทโช” หากเมื่อเขาเปลี่ยนมือข้างหนึ่งขึ้นไปลูบผ่านเส้นผมสีดำสนิทอย่างแผ่วเบาเป็นการปลอบโยนนั้นเอง เมื่อนั้นน้ำตาของเธอก็จะระเบิดออกมาในที่สุด
“ฉันทุ่มเททำงานนี้มาตลอดทั้งสัปดาห์เลยนะ ยากมากเพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถนัด คำศัพท์ก็น่าปวดหัวไปหมด แต่ฉันก็พยายามเต็มที่เหมือนกับทุกงาน ถึงอย่างนั้นก็ยังโดนลูกค้าตำหนิแรงๆ เหมือนกับที่เคยโดนตอนเพิ่งเข้าทำงานใหม่ๆ จนเสียศูนย์ไปเลย ฉันอาจเป็นพวกมั่นอกมั่นใจกับผลงานของตัวเองก็จริงนะ แต่ก็ไม่ใช่พวกเหลิงคิดว่าตัวเองเก่งอะไรขนาดนั้นจนปิดหูปิดตาไม่ยอมรับคำติ เพราะฉันเองก็ไม่คิดว่ามันออกมาแย่มากเหมือนอย่างที่เค้าว่า ทั้งที่เพิ่งได้นอนแค่สองชั่วโมงแท้ๆ แต่จะให้นอนหลับต่อก็ไม่ไหว อยู่คนเดียวก็ฟุ้งซ่านไปหมด ไม่รู้ว่าผิดหวัง เสียใจ หรือว่าเจ็บใจ อันที่จริงก็ไม่ได้คิดว่าถึงขนาดที่จะต้องร้องไห้หรอก แต่พอเจอไทโชทำดีด้วยเลยกลั้นไว้ไม่ไหวจริงๆ”
มิเนะพูดประโยคยาวเหยียดไม่มีสะดุดไป สะอึกสะอื้นไป กินไข่ดาวและไส้กรอกที่เขาจัดแจงทอดให้เป็นมื้ออาหารง่ายๆ ไป หลังจากช่วงเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่นาที ก่อนเธอจะผละจากอ้อมกอดที่ต่อให้เนิ่นนานกว่านี้เขาก็ยินดี ยกมือขึ้นป้ายน้ำหูน้ำตา พึมพำบอกว่า “หิวแล้ว” แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เพราะเข้าใจอารมณ์แปรปรวนปุบปับของเธอดี ไทโชเลยแค่ยิ้ม ก้มลงไปหยิบตุ๊กตาหมีแข็งคืนให้เธอเอากลับไปกอดแทนเขาในช่วงเวลาระหว่างนั้น เหมือนกับที่บอกว่าจะทำอย่างอื่นให้แทนข้าวผัดมื้อเที่ยงที่เธอเกลียดแสนเกลียด ต่อให้จะเป็นฝีมือของคนที่ชอบก็ไม่อาจเปลี่ยนความไม่ชอบขึ้นมาได้อยู่ดี
“พออย่างนั้นเลยอดคิดไม่ได้ว่าแล้วงานที่ผ่านๆ มาของฉันมันดีแล้วจริงๆ หรือเปล่า? เมบุกิกับไทโชอาจแค่พูดเอาใจฉันเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนก็ได้ แต่ว่าจริงๆ แล้วล่ะ...”
ทั้งที่กำลังพูดเรื่องเคร่งเครียดอย่างนั้น แต่เจ้าตัวก็ยังหั่นไข่ดาวเคล้าน้ำตาเค็มๆ เข้าปากไปอีกคำ
“ดีสิ! งานของมิเนะน่ะดีอยู่แล้ว!” ไทโชที่กลืนข้าวผัดลงคอไปแล้วรีบตะโกนตอบคำถามนั้น “ใครๆ ก็ทำผิดพลาดกันได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าที่แล้วๆ มามันแย่สักหน่อย มิเนะอาจแค่เจองานที่ไม่ถนัด ทำออกมาแล้วลูกค้าไม่ถูกใจ แต่อย่าสงสัยในตัวเองแบบนั้นสิ มิเนะเก่งออกจะตาย ขนาดหัวหน้าของมิเนะที่เก่งมากๆ เองก็ไว้วางใจไม่ใช่เหรอ?”
แม้จะเอ่ยออกมาจากใจจริงว่า “ไทโชใจดีตลอดเลยนะ พูดปลอบใจก็เก่ง ทำอาหารก็เก่ง” ริมฝีปากสีซีดของเธอก็ยังคงไม่มีรอยยิ้มปรากฏอยู่ดี
“งั้นก็กินให้เยอะๆ เมบุกิบอกว่าเวลาทำงานหนักมิเนะแทบไม่กินอะไรทุกที เพราะงั้นเย็นนี้อยากกินอะไรก็บอกมาได้ทุกอย่างเลยนะ ฉันทำให้เอง”
“ทุกอย่างเลยเหรอ?”
“อื้อ ทุกอย่าง”
ก่อนอีกครั้งที่มิเนะจะทำ...พูด...เรื่องปุบปับให้ไทโชเป็นต้องตกใจอีกหนด้วยประโยคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาพูดไปเลยสักนิดว่า
“งั้นไปอิตาลีด้วยกันเถอะ”
“เอ๊ะ?”
“ไปซิซิลีกัน เหมือนอย่างเรื่องไวท์โลตัสที่ฉันเคยทำ แล้วก็ไปเกาะคาปรีอย่างโจโจ้ที่ไทโชชอบด้วยก็ได้”
“แล้วงานล่ะ?”
“โปรเจกต์ที่คิดว่าจะได้ทำทั้งเดือนหายวับไปกับตาแล้วนี่ไง ตอนนี้ฉันไม่มีแก่ใจจะทำอะไรแล้ว กะจะขอหัวหน้าพักยาวๆ สักอาทิตย์สองอาทิตย์ ถึงจะไม่ต้องขอหรอกเพราะคงยังไม่มีงานอะไรให้ทำต่ออยู่แล้วก็เถอะ” ตอบพลางสูดจมูกไปพลาง “แต่ถ้าไทโชไม่ว่างก็ไม่ต้องลำบากหรอกนะ”
“หมายถึงถ้าฉันไม่ว่างมิเนะก็จะไม่ไปใช่ไหม?”
“เปล่าหรอก เพราะถึงยังไงฉันก็จะไปอยู่ดี”
“กับเมบุกิ?”
“กับตัวเอง”
พอสบตากับคนที่จ้องหน้าทำตาแป๋วเหมือนไม่ได้ตั้งใจ (แต่เขารู้เลยว่าเธอตั้งใจ) เข้าให้ ก็ทำให้ไทโชถึงกับต้องหลุดหัวเราะออกมากับลูกไม้นี้ เพราะมิเนะรู้ดีแก่ใจอยู่แล้วว่าไม่มีทางที่เขาจะยอมให้เธอทำแบบนั้นคนเดียวอย่างแน่นอน
ไม่ใช่แค่เพราะเธอเคยเล่าว่าโดนตามสตอล์กเกอร์ที่โอซาก้าขนาดมีเมบุกิไปด้วยก็แล้ว หรือเคยโดนผู้ชายชวนเข้าโรงแรมที่เมืองไทยตอนไปเยี่ยมยายที่นั่น ไหนจะเคยทำกระเป๋าตังค์หาย ไม่มีทั้งบัตรเดบิตให้รูดหรือเงินสดให้จ่ายค่าแท็กซี่จนต้องเดินตากฝนสองชั่วโมงกลับห้องตอนดึกๆ ดื่นๆ ทั้งที่แค่โทร.มาขอให้เขาที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะตื่นมารับสายของเธอช่วยก็ทำได้
แต่ยังเป็นเพราะว่าไทโชชอบเธอ ถึงได้เป็นห่วงตั้งมากมายขนาดนี้
เหมือนอย่างที่มิเนะเองก็ชอบเขา แต่เป็นเพราะคำพูดที่เจ้าตัวตอบรับคำสารภาพจากเขาเมื่อหนึ่งเดือนก่อนอย่าง “ไทโชเป็นผู้ชายที่ฉันชอบมากที่สุดในตอนนี้เลยนะ แต่ฉันคบกับใครไม่ได้ทั้งนั้นแหละ เพราะชีวิตฉันมีแต่งาน งาน งาน คงไม่มีเวลาดีๆ ให้ในฐานะคนรักเหมือนกับคนอื่น เพราะงั้นไทโชอย่าเอาเวลามาเสียกับฉันเลยดีกว่า” เจ้าตัวก็เลยไม่กล้าแสดงท่าทีเอาแต่ใจกับเขามาตรงๆ ถึงอย่างนั้นก็ใช่จะไม่รู้ว่าไอ้คำพูดอ้อมไปอ้อมมาแบบนี้ยังไงก็ใช้ได้ผล...ที่ก็เห็นๆ อยู่แล้ว!
แต่เขาจะต้องไม่ทำตัวใจง่ายให้เธอเห็น เขาควรต้องเล่นตัวบ้างเหมือนอย่างที่เธอปฏิเสธเขา เพราะอย่างนั้นไทโชเลยเย้ากลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
“มิเนะต้องไม่ปุบปับเข้ามาขอกอดเพื่อน ไม่ชวนเพื่อนไปเที่ยวต่างประเทศแค่สองคน เพื่อน...ที่รู้อยู่แก่ใจว่าชอบตัวเอง”
เหมือนกับที่มิเนะก็ไวพอจะต่อคำพูดไปว่า
“เพื่อนที่ก็ชอบเพื่อนแต่คบไม่ได้”
“แค่เพราะไม่มีเวลาให้แค่นั้นเองเหรอ?”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ!” มิเนะตะโกนสวนย้อนไปอย่างเร็วรี่ “นานๆ ทีถึงจะว่างออกไปเดตหรือไปกินข้าวด้วยกัน ต่อให้อยู่ในห้องด้วยกันแต่แค่ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม หรือเข้านอนพร้อมกันก็ยังทำแทบไม่ได้ ขนาดเวลาให้ตัวเองยังแทบไม่มีแล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาให้กับคนอื่น!”
“ฉันก็ไม่ได้ร้องขออะไรแบบนั้นจากมิเนะสักหน่อย” ก่อนไทโชซึ่งนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะจะขยับหันมาหาเธอแล้วยกนิ้วโป้งขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่เริ่มจะเหือดหายออกจากใบหน้าให้ ส่วนมิเนะก็เพียงแค่นั่งนิ่ง ปล่อยให้อีกฝ่ายทำอย่างนั้นไป
“ฉันรักมิเนะที่ตั้งใจในสิ่งที่ทำ คิดถึงใจคนอื่นมากกว่าตัวเอง แต่มิเนะล่ะ เคยคิดถึงตัวเองบ้างหรือเปล่า? ข้าวปลาก็กินไม่ครบมื้อ เวลามีปัญหาอะไรก็เอาแต่เก็บกดไว้คนเดียวแล้วไปลงกับข้าวของในห้อง ไม่ก็ต้องรอระบายให้เมบุกิที่จะมาหาแค่สัปดาห์ละครั้งสองครั้งฟัง รู้ไหมว่าเรื่องแบบนั้นไม่ดีต่อสุขภาพนะ เพราะงั้นวันนี้ฉันถึงดีใจมากเลยที่มิเนะเลือกมาหาฉัน เพราะฉันก็แค่อยากอยู่ข้างๆ อยากช่วยแบ่งเบาความทุกข์ อยากทำให้มิเนะมีความสุข อยากเป็นอ้อมกอดเดียวในโลกให้มิเนะ อยากให้รู้สึกว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็พึ่งพาฉันได้”
ขณะรับฟังความในใจที่เรียบเรื่อยของเขาในบรรยากาศที่ก็เรียบง่าย ไม่ได้ยักกะโรแมนติกเหมือนคำสารภาพรักริมแม่น้ำเมื่อหนึ่งเดือนก่อนนั้นเลยสักนิด หากรอยยิ้มอบอุ่นกับสายตาอ่อนโยนยามทอดมองดูเหมือนอย่างที่เป็นมาตลอดของเขา...เหมือนอย่างที่ทำให้เธอตกหลุมรัก ก็ทำให้มิเนะรู้สึกว่าตัวเองจะสามารถข้ามผ่านอุปสรรคที่รอคอยอยู่ข้างหน้าไปกับเขาได้
และเมื่อมิเนะยื่นมือไปจับกับมือที่ใหญ่กว่าของเขาแทนคำตอบรับที่เอ่ยออกมาอย่างเก้อเขินว่า “ฉันจะไม่มีวันปล่อยไปอีกเลยนะ” ไทโชก็จะเปล่งเสียงหัวเราะ กระชับมือข้างหนึ่งนั้นที่จับกับไว้แน่นกว่าเดิม
“ฉันก็ไม่มีวันยอมอยู่แล้ว”
รอยยิ้มแรกสุด — หากก็เปล่งประกายที่สุดในสายตาของไทโช — ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมิเนะ ถึงชีวิตของเธอจะไม่มีวันหยุดยุ่งวุ่นวาย แต่หากมีใครสักคนมาช่วยแบ่งปันความยุ่งวุ่นวายนั้นด้วย บางทีมันอาจจะไม่แย่นักก็ได้
_______________
ความคิดเห็น