ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #107 : FILTH IN THE BEAUTY-NAGAI YUMENO OWARINI-

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 67


    FILTH IN THE BEAUTY (A)
    Playlist: D'espairsRay – Tsuki no Kioku -fallen- 「月の記憶 -fallen-」











    .

    ๑.

    ชีวิตตลอดสิบเจ็ดปีของทากาฮาชิ ไคโตะ ราวกับถูกทิ่มแทงด้วยหนามแหลมคม

    เขาเกิดมาในครอบครัวที่มีชื่อเสียงมากและร่ำรวยมาก พ่อของเขาเป็นอธิบดีกรมตำรวจนครบาลโตเกียว ไม่ว่าจะขยับตัวไปทางไหนก็ล้วนมีแต่คนนับหน้าถือตา ส่วนแม่ของเขาเป็นอดีตดาราสาวที่ดังระเบิดระเบ้อในช่วงปลายยุคแปดศูนย์ ทั้งอย่างนั้นชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมของไคโตะก็ใช่ว่าจะราบรื่นตามไปด้วย ช่วงเวลาเดียวที่เขามีความสุขอาจจะมีแค่ตอนที่ยังเป็นเด็กน้อยไม่รู้ประสา ครั้นพอขึ้นชั้นประถม เขาก็เริ่มถูกเพื่อนเอาเปรียบให้เลี้ยงขนม หยิบยืมข้าวของหรืออุปกรณ์การเรียนไปแล้วไม่เอามาคืน แต่ไคโตะคิดว่ามันก็แค่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ได้ทำให้เขาเดือดร้อนอะไร จนเมื่อล่วงเข้าชั้นมัธยมต้น จากแค่การหยิบยืมเปลี่ยนไปเป็นรีดไถเงินทอง ความเจ็บปวดจากดาบสองคมของสถานะที่เหนือกว่าผู้อื่นกำลังเล่นงานเขาให้กระอัก

    กระทั่งข่าวอื้อฉาวเรื่องการทุจริตของพ่อถูกเปิดโปง เป็นข่าวใหญ่โตครึกโครมไปทั่วประเทศ ทั้งชื่อเสียงที่เสื่อมเสีย ทรัพย์สินที่ถูกยึดไปจนแทบไม่เหลืออะไรให้กับครอบครัวทากาฮาชิอีก...อาจแม้แต่คุณค่าความเป็นมนุษย์ เมื่อนั่นคือจุดเริ่มต้นของการถูกกลั่นแกล้งที่หนักข้อขึ้น ทั้งทางกายจากมือเท้าของพวกผู้ชาย และทางใจจากคำพูดนินทาว่าร้ายของพวกผู้หญิง พวกคนที่เขาคิดว่าเป็น เพื่อน

    ไคโตะพยายามอดทนกับชีวิตที่เป็นไปในแบบนั้นทุกวันแม้ต้องกล้ำกลืน ก่อนฟางเส้นสุดท้ายที่เหนี่ยวรั้งทุกอย่างจะขาดสะบั้นลงหลังข่าวการฆ่าตัวตายของพ่อ ไคโตะได้รู้ซึ้งถึงการปลดปล่อยที่แท้จริงจากหมัดที่ต่อยเข้าที่ใบหน้าของไอ้ตัวหัวโจกซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็เพื่อระบายความคับแค้นใจตลอดมา ทั้งเลือดสีแดงฉานที่กระเซ็นกระซ่านอยู่ทั่วใบหน้าของมันกับชุดนักเรียนสีขาวสะอาด หรือน้ำตาของแม่ที่ไหลอาบแก้มกับผ้าเช็ดหน้าที่เปียกชื้น ช่างราวกับการยกภูเขาอันหนักอึ้งออกจากอก หากโลกใบนี้มีแต่ความโหดร้ายจอมปลอม ก็แล้วอย่างนั้นเขาจะต้องใยดีไปทำไม เมื่อความอดทนหมายถึงความอ่อนแอ เขาก็ควรเลิกอดกลั้นแล้วแสดงความเข้มแข็งออกมาสักที

    เขาเริ่มต้นใช้ชีวิตแบบไม่สนใจใคร — อาจแม้แต่ตัวเอง — อยู่ในโรงเรียนมัธยมที่ตายายยอมออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด เพื่อให้ยอมรับเขาเข้าเรียนกลางคันหลังถูกไล่ออกจากที่เก่าอย่างกับว่าเขาอาลัยอาวรณ์ กลายเป็นว่าเพราะวีรกรรมอันเลื่องลือซึ่งติดตัวมาด้วยนั้นเองที่ทำให้ไคโตะมีกลุ่มเพื่อนผู้ชายที่เล่นหัว พูดคุย ชวนกันไปซ่องสุมทำเรื่องสนุกๆ ทั้งในและนอกโรงเรียน ถึงนี่จะไม่ใช่ชีวิตที่เขาวาดหวัง แต่แค่ไม่มีการกลั่นแกล้ง ไม่มีการเอาเปรียบ ไม่มีใครคาดหวังอะไรจากกัน เท่านั้นก็ดีเกินพอแล้ว

    เหมือนกับการได้มองดูเพื่อนร่วมห้องที่ชื่ออาริอาเกะ มาโอะ เด็กผู้หญิงที่สวยที่สุดในชั้น หรืออาจจะในโรงเรียนเลยก็ว่าได้ ความนิ่งขรึมแม้ไม่ถึงกับเย็นชาแต่ก็ยากที่จะเข้าหาทำให้เธอยิ่งมีเสน่ห์ดึงดูดใจ ไคโตะจับฉลากได้นั่งข้างเธอตอนขึ้นชั้นปีที่สอง ไม่น่าแปลกใจที่เธอซึ่งมีผลการเรียนเป็นอันดับหนึ่งจะเอาแต่ก้มหน้าง่วนอยู่กับตำราเรียนไม่ก็สมุดการบ้านอยู่ตลอด บ้างบางครั้งก็เป็นหนังสือนิยายภาษาต่างประเทศที่ไคโตะไม่เคยนึกสนใจ หากความสนใจที่เขามีให้เธอก็ไม่มากไปกว่าสายตาที่เหลือบแลมอง เธอแทบไม่เคยเปิดปากพูดกับใครก่อนหากไม่มีเรื่องจำเป็นจริงๆ และเรื่องจำเป็นหนึ่งในนั้นก็ย่อมไม่ใช่ไคโตะ

     

    จนถึงช่วงก่อนปิดเทอมฤดูร้อนที่นักเรียนแต่ละห้องต้องแบ่งกลุ่มกันทำความสะอาด เด็กหนุ่มชมรมฟุตบอลสองคนที่จับฉลากได้ห้องเตรียมการสอนวิทยาศาสตร์เหมือนกันกับเขาชิ่งหนีไปอยู่กับกลุ่มทำความสะอาดโรงยิมที่คงจะไม่น่าเบื่อเท่าและอ้างว่าต้องการคนมากกว่าแทน ขณะที่ไคโตะโบกมือลาพวกเขาพร้อมกับฝากเสียงหัวเราะไล่หลัง เด็กสาวที่ยืนอยู่เคียงข้างก็ขยับริมฝีปากสีอ่อนเพื่อเอ่ยประโยคแรกสุดในชีวิตกับเขาว่า

    “คุณทากาฮาชิจะไปกับคนอื่นก็ได้นะคะ”

    “จะปล่อยให้คุณอาริอาเกะทำคนเดียวได้ยังไงล่ะ” ไคโตะหันไปส่งยิ้มให้มาโอะที่เพียงผงกหัวตอบรับ ก้มหน้ากล่าวคำขอบคุณด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินอีก

     

    ไม่มีคำพูดอื่นใดระหว่างกันตามมาหลังจากนั้น นอกจากสรรพเสียงของการปัดกวาดเช็ดถู ขนย้ายข้าวของภายในห้องที่พวกเขาทั้งสองต่างก็ขะมักเขม้นกับหน้าที่ของตัวเองกันไป ความเงียบสงบแบบนี้ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อแต่ไหนแต่ไรไคโตะก็ไม่ได้นิยมชมชอบการคุยเล่นเหมือนอย่างที่เพื่อนร่วมห้องในจุดอื่นคงจะกำลังทำกันอยู่ แม้ว่าบ่อยครั้งที่เขาจะอดสอดส่ายสายตาหันไปหาเด็กสาวอีกคนซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่รับรู้ถึงการจับจ้องหรือมีอยู่ของเขาไม่ได้เลยก็ตาม

    มันเป็นตอนที่ไคโตะแค่เดินผ่านช่องว่างระหว่างชั้นวางของที่มาโอะกำลังทำความสะอาดอยู่ ไม่รู้เพราะความลนลานหรือว่าอะไร แต่เธอก็พยายามเบี่ยงตัวหลบให้พ้นจากระยะของเขา แต่ดันกลายเป็นการกระแทกไหล่กับชั้นวางเข้าอย่างจัง และไคโตะที่ปฏิกิริยาไวว่องมากพอก็จะรีบพุ่งตัวเข้าไปบังเธอจากสิ่งของที่หล่นลงมาระเนระนาด

    ก่อนที่ร่างของเธอจะทรุดฮวบลงไปนั่งแประบนพื้น ทำให้ไคโตะต้องทิ้งตัวตามลงไปด้วย

    “ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ไคโตะได้รู้ว่ามันคือคำถามโง่เง่าก็ตอนที่ได้เห็นรอยแผลข้างแก้มขวาของเธอ ครั้นลดสายตาลงไปเห็นเศษแก้วที่เกลื่อนกล่น เขาก็เข้าใจที่มาได้ทันที กระนั้นเธอก็ยังทำฝืนตอบกลับมาว่า “อื้อ ฉันไม่เป็นไร” ทั้งที่เห็นอยู่ทนโท่ว่าเป็น

    ทว่าพริบตาต่อจากนั้น ใบหน้าที่นิ่วลงไปเพราะความเจ็บซึ่งเธอไม่สามารถฝืนกลั้นได้ไหวเรียกเอาความรู้สึกบางอย่างให้พลุ่งพล่านอยู่ข้างในอก นี่เป็นครั้งแรกที่ไคโตะได้เห็นเด็กสาวที่มีสีหน้าเดียวไม่ต่างอะไรจากหน้ากากกำลังแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวเยี่ยงนุษย์ออกมา เขาอยากเห็นความเจ็บปวด อยากได้ร่างกายที่บิดเร่า อยากสัมผัสถึงสิ่งเหล่านั้นให้มากกว่านี้ แล้วไคโตะก็ไม่อาจห้ามตัวเองให้ยื่นหน้าเข้าไปกวาดเลียเลือดบนบาดแผลนั้น ร่างกายของเธอไหวสะท้าน หากก็ไม่ได้ผลักไสเขาออกไป เขาได้ลิ้มรสชาติของเปลือกนอกที่ห่อหุ้มแล้ว และตอนนี้ไคโตะก็ต้องการมากกว่านั้น เขาปรารถนาการลิ้มรสชาติของผลไม้ให้ลึกลงไปจนถึงใจกลางของความฉ่ำหวานที่ทำให้เขาสุขสมได้ แม้ว่าจูบแรกกับมาโอะจะมีรสชาติแปร่งปร่าของสนิมบนปลายลิ้นที่เขาถ่ายทอดมันให้เธอ และเมื่อเธอตอบรับมันด้วยการเกาะเกี่ยว ยกสองมือขึ้นโอบรอบลำคอให้ร่างกายของเขาเข้าไปแนบชิดจนรู้สึกถึงเสียงหัวใจที่อยู่ภายใต้ ไคโตะก็รู้สึกราวกับว่าได้ความเป็นมนุษย์กลับคืนมาเฉกเช่นเดียวกับเธอ...อีกครั้ง




    FILTH IN THE BEAUTY (B)
    Playlist: Nightmare – Lost in Blue











    .

    ๒.

    ชีวิตตลอดสิบเจ็ดปีของนางาเสะ เร็น ถูกปูด้วยกลีบกุหลาบ

    เขาเกิดมาในตอนที่ครอบครัวสามแม่ลูกซึ่งเคยอัตคัดขัดสน ต้องนอนอัดกันในห้องเช่า 1DK เน่าๆ อับๆ ที่ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยฝุ่นและเชื้อรา บางวันข้นแค้นถึงขนาดไม่มีอะไรกินเลยแม้แต่ข้าวสารกรอกหม้อ ต้องบากหน้าไปขอเศษขอเลยจากเพื่อนบ้านที่สงสารพี่สาวซึ่งยังเล็กมากของเขาในตอนนั้น กระทั่งพ่อที่ขยันขันแข็งสามารถไต่เต้าขึ้นไปจนได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการเครือโรงแรมระดับแนวหน้าของประเทศ พร้อมกับการมาถึงของลูกหลงอย่างเขา — สิ่งที่พ่อกับแม่เรียกว่าของขวัญจากพระเจ้า — ด้วยเหตุฉะนั้น เร็นจึงได้รับการประคบประหงมเลี้ยงดูอย่างดีที่สุดเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะมีได้

    การถูกพะเน้าพะนอทั้งจากแม่และพี่สาวที่อายุห่างกันเก้าปีทำให้เร็นเสียนิสัย ถึงเขาจะไม่ได้เติบโตมาเป็นเด็กหนุ่มนิสัยเสีย เขาแทบไม่เคยต้องเผชิญกับเรื่องทุกข์ร้อนใดๆ ในชีวิต ผลการเรียนจัดว่าเป็นเลิศ ความสามารถด้านกีฬาก็โดดเด่น ไม่ต้องพูดถึงฐานะและหน้าตาที่ยิ่งทำให้เขาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในรั้วโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้

    ชีวิตที่สมบูรณ์แบบของเร็นดำเนินไปในแบบนั้น เขามีเพื่อนฝูงมากหน้าหลายตาอยู่รายล้อม เช่นเดียวกับคนรักที่ไม่เคยว่างเว้น เพราะเร็นไม่เคยปฏิเสธคำสารภาพรักของใคร เมื่อรู้ว่าสุดท้ายแล้วมันย่อมต้องลงเอยด้วยการเลิกราอยู่ดี เร็นเข้าใจพวกเธอที่ไม่รู้สึกถึง ความรักที่ต่างพร่ำพูดให้เขาฟังกันได้ไม่รู้เบื่อ นั่นเพราะเร็นไม่เคยรู้จักสิ่งที่เรียกว่า ความรัก

    ความรักในแบบคนรักที่มากกว่าแค่ความชอบพอ

    ความรักที่เพียงแค่อีกฝ่ายส่งยิ้มมาให้ก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวแรงอย่างกับมีเลือดมาสูบฉีดได้ยิ่งกว่าจูบหรือเซ็กซ์ที่ไม่มีความหมาย

     

    เร็นได้รู้สึกถึงสิ่งนั้นเป็นครั้งแรกในวันเปิดเทอมขึ้นชั้นปีที่สองกับการย้ายมาของนักเรียนใหม่ที่ชื่ออาริโยชิ มิกุ เธอเป็นเด็กสาวหน้าตาดีแม้ไม่ได้สวยจัด หากเป็นรอยยิ้มของเธอต่างหากที่งดงามสว่างไสว เธอได้ที่นั่งว่างข้างหน้าเขา และการได้มองดูแผ่นหลังในชุดสูทกับเรือนผมสีดำยาว บ้างบางวันก็มัดขึ้นเป็นหางม้าสูงมองเห็นต้นคอ ท่วงท่าตอนที่ก้มลงไปจดบันทึกหรือส่วนใหญ่ก็แค่วาดรูปขีดเขียนอะไรเรื่อยเปื่อยลงในตำรา เท้าคางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเวลาที่เบื่อหน่าย พอหมดคาบเรียนก็จะรีบเก็บข้าวของลงในกระเป๋า ลุกพรวดพราดจนถอยเก้าอี้มาชนโต๊ะของเขาอยู่บ่อยครั้ง อย่างที่เร็นก็วาดหวังให้เป็นแบบนั้น เพราะเธอจะหันมาขอโทษขอโพย บ้างหัวเราะขบขัน บ้างก็ยิ้มขัดเขิน เท่านั้นก็มากพอให้เขาเก็บเอาเธอไปนอนฝันทุกคืน

    ไม่ใช่เพราะมิกุเป็นนักเรียนใหม่เลยไม่มีกลุ่มก้อนหรือเพื่อนสนิทอย่างใครเขา แต่เป็นเพราะเธอไม่รู้เรื่องรายการทีวีหรือข่าวสารทันสมัยอย่างเด็กวัยรุ่นทั่วไป ทั้งยังไม่มีเรื่องน่าสนใจมาคุยกับใครเลยถูกจัดให้อยู่ในระดับน่าเบื่อหน่าย ถึงเจ้าตัวที่จมจ่อมอยู่แต่กับหนังสือนิยายสภาพเยินไม่ก็วอล์คแมนเครื่องเก่าจะไม่ได้ดูเดือดเนื้อร้อนใจอะไร และเหตุผลอีกประการอาจมาจากการที่เธอไม่สามารถไปเที่ยวเล่นหลังเลิกเรียนหรือช่วงสุดสัปดาห์ได้เพราะต้องทำงานพิเศษ...ช่างเป็นคำที่ห่างไกลจากชีวิตบนกองเงินกองทองของเร็นเหลือเกิน

    เหมือนกับคำบอกเล่าที่ว่า “อาริโยชิขายตัวต่างหาก” หลังจากที่ใกล้จะครบเทอม

    ทำไมเร็นที่คอยเฝ้าดูทุกวันจะไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเธอ ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มสดใสให้เขาทุกเช้าสายเปลี่ยนกลายเป็นความเฉยชาต่อทุกสิ่งรอบข้าง เธอไม่มองหน้าสบตากับใคร บางครั้งก็นอนหลับฟุบหน้าลงกับโต๊ะ บ่อยครั้งที่จะเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง หากก็ดูว่างเปล่าเสียจนไม่เห็นความรื่นรมย์ใดๆ อีก เร็นมองเห็นรอยแดงเป็นปื้นเหมือนมีคนกดกำมันที่ข้อมือตอนที่แขนเสื้อร่นลงไปเพราะเธอยกขึ้นเท้าคาง และการที่เธอพันผ้าพันคอมาโรงเรียนทั้งที่อยู่ในช่วงใบไม้ผลิก็ดูราวกับต้องการปกปิดอะไรบางอย่างอย่างที่ทุกคนในห้องพูดกันหนาหูว่า “รอยดูดไง”

    เร็นรู้สึกผิดหวัง ถึงเขามีสิทธิ์คาดหวังอะไรในตัวเธอได้ด้วยหรือไง เขาไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเพื่อนร่วมห้องที่ไม่ได้สนิทสนม ยังไม่ได้พยายามสานต่อความสัมพันธ์ และการที่ได้รับรู้เรื่องราวแบบนี้ก็กระทบกระเทือนจิตใจของเขามาก...ขนาดทำให้เขายอมสละช่วงเย็นวันพุธที่ควรได้ไปสนุกกับเพื่อนๆ สะกดรอยตามเธอไปยังร้านอาหารครอบครัวสาขาชินจูกุที่เขาบังเอิญเห็นจากข้อความในโทรศัพท์มือถือของเธอตอนที่ยกมันขึ้น กับเจ้าของเลขหมายที่ไม่มีแม้แต่ชื่อเมมไว้ด้วยซ้ำ ทั้งที่เขาเว้นช่วงไว้ไม่กี่ก้าว แต่เธอก็ยังคงไม่สังเกตเห็นเขา หรือสังกาสิ่งอื่นใดนอกจากฝีเท้าที่จ้ำไปข้างหน้า ยังที่นั่งริมหน้าต่างของร้านอาหารบนชั้นสองแล้วสั่งแค่น้ำอัดลมกับสาวเสิร์ฟ จากนั้นก็แสดงท่าทีที่เร็นเคยคุ้นด้วยการเหม่อมองออกไป ท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่ สายตาและความนึกคิดของเธอบัดนี้ไปอยู่ที่ใด

    ครั้นแล้วเร็นก็กระทำในสิ่งที่แม้แต่ตัวเองยังไม่อยากจะเชื่อด้วยการลุกไปนั่งข้างกันกับเธอที่ค่อยๆ หันขวับกลับมาด้วยความประหลาดใจ

    ฉันจะจ่ายให้มากกว่าผู้ชายคนนั้น แต่คืนนี้อยู่กับฉันได้ไหม?”

    ทว่ากลับไม่มีความประหลาดใจหลังจากเขาเอ่ยประโยคนี้ มิกุแค่จ้องสบตากับเขาอยู่ครู่สั้นๆ ก่อนที่จะตอบกลับไปว่า

    ฉันแพงนะ”

    เท่าไหร่ฉันก็จ่ายให้ได้”

    และเมื่อดวงตาของเธอไหวสั่น เร็นก็ไม่อาจต้านทานความปรารถนาในการยื่นหน้าไปจูบเธอ เพียงแค่ริมฝีปากที่แตะประกบก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่ทั้งที่ลืมตาตื่น




    FILTH IN THE BEAUTY (C)
    Playlist: the GazettE – GRUDGE











    .

    ๓.

    ชีวิตตลอดสิบเจ็ดปีของอาริมูระ โมอะ ไม่ต่างอะไรจากกุหลาบที่ร่วงโรย

    เธอเกิดมาในบ้านที่ไม่เคยเป็นบ้าน ครอบครัวที่ไม่เคยเป็นครอบครัว ไม่เคยได้รับความรักความอบอุ่นจากพ่อกับแม่ และในที่นี้ก็ไม่ได้เป็นเพราะพวกเขายุ่งกับการทำงานบริษัทจนไม่มีเวลาให้ เมื่อต่างฝ่ายต่างก็มีเวลาเหลือเฟือหลังว่างเว้นจากการทำงานไปกับใครอื่นที่โมอะเลิกสนใจใคร่อยากรู้ไปนานแล้ว เหมือนกับที่พวกเขาก็ไม่เคยสนใจใคร่อยากรู้เรื่องอะไรของเธอเลยไม่ว่าจะชีวิตความเป็นอยู่หรือผลการเรียน เพียงแค่ส่งเสียไปตามหน้าที่ ไม่มีความรักใคร่ ไม่มีความห่วงใย ไม่มีการพูดคุยหยอกล้อตามประสาพ่อแม่ลูกอย่างที่ควรเป็น สัจธรรมมันก็ง่ายดายอย่างนั้น ในเมื่อเธอคือเด็กที่ไม่ได้เกิดจากความรัก หรือไม่ ความรักที่พวกเขาต่างเคยมีให้กันถึงก่อนหน้านั้นก็อาจเจื่อนจางลงไปจนแทบไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว เช่นนั้นไยเธอจึงวาดหวังว่าจะได้รับเผื่อแผ่มันมาด้วยกัน โมอะเลิกงอแงร้องขอความรักจากคนที่ไม่เห็นค่าไปนานแล้วเพราะมันไม่ได้มีประโยชน์อะไร เหมือนกับที่ความรักก็ไม่เคยมีประโยชน์อะไรทั้งนั้นในชีวิตของเธอ

    ดังนั้นการที่ปุบปับพวกเขาจะพาใครอื่นมาอาศัยอยู่ด้วยโดยไม่แม้แต่จะถามไถ่ความเห็น นอกจากบอกกล่าวล่วงหน้าแค่ไม่กี่วันก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องธรรมดา ไม่ต่างจากเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไปสำหรับโมอะ

    เธอได้พบกับ ใครคนนั้นที่พ่อพามาแนะนำให้รู้จักในช่วงบ่ายวันเสาร์ของต้นฤดูใบไม้ผลิ เด็กหนุ่มตัวผอมสูงกับผิวสีขาวซีดที่อายุเท่ากันกับเธอมีชื่อว่าอิวาซากิ ไทโช สูญเสียพ่อและพี่ชายไปจากอุบัติเหตุรถชนเมื่อสี่ปีก่อน กระทั่งสมาชิกครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่อย่างแม่จะมาเสียไปอีกคนเพราะเส้นเลือดในสมองแตก เพราะอย่างนั้น พ่อของเธอที่เป็นเพื่อนรักกับแม่ของเขาเลยตัดสินใจช่วยรับเลี้ยงดูเด็กหนุ่มจากโทจิกิคนนี้ อย่างน้อยๆ ก็จนกว่าจะจบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย ถึงโมอะจะมั่นใจว่าเพื่อนรักที่ว่าคงหมายถึงชู้รักต่างหาก แต่นั่นก็ไม่ใช่กงการอะไรของเธอ

    โมอะชินชากับความโดดเดี่ยวจนหัวใจเปลี่ยนกลายเป็นด้านชา ทั้งที่ครั้งครานี้มันก็ควรจะเป็นแบบนั้น หากการได้เห็นพ่อที่ไม่เคยมอบความรักให้เธอเลยสักครั้ง ทว่ากลับแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเด็กหนุ่มที่ไม่ได้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองเลยแม้แต่น้อย...นอกจากการเป็นลูกของคนที่รัก...ก็จะทำให้โมอะรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เธอนึกว่าไม่มีหลงเหลือมันอยู่แล้วข้างในอกเป็นครั้งแรก

    และหลังจากคำพูดฝากฝังของพ่อที่ว่า “ช่วยดูแลไทโชด้วยนะลูก” โมอะก็ต้องพยายามข่มกลั้นความพะอืดพะอมเอาไว้ขณะที่ยิ้มรับมัน

     

    บ้านที่เคยเป็นดั่งฤดูหนาวอันเยียบเย็นตลอดเวลา บัดนี้ได้ถูกแทนที่ด้วยฤดูร้อนซึ่งดวงอาทิตย์ทอแสงเปล่งประกายเจิดจ้าจากเสียงหัวเราะพูดคุยหยอกล้อด้วยความสนุกสนาน กระทั่งแม่ที่ย่อมรู้เบื้องลึกเบื้องหลังก็ยังไม่มีทีท่ารังเกียจลูกชายของชู้รักพ่อ ทั้งเสียงโทรทัศน์ในตอนหัวค่ำวันธรรมดาหรือสุดสัปดาห์ที่พ่อไม่ได้พาเขาออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านที่ไหน เสียงดนตรีตอนเข้าครัวกับคำชื่นชมลูกมือคนเก่งได้ไม่หยุดปากในวันที่แม่กลับบ้านมาทำมื้อค่ำสัปดาห์ละสองสามครั้งยามที่ว่างเว้น โมอะได้แต่มองดูบรรยากาศที่ผิดปกติเหล่านี้ด้วยความคิดที่ว่าเธออาจกำลังหลงเข้ามาอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง หรือนี่อาจเป็นความฝันที่โมอะต้องการจะตื่น

    เหมือนกับความรู้สึกที่ห่างหายไปทั้งหมดทั้งมวลซึ่งได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอโกรธแม่ ชังพ่อ แม้มั่นใจว่าไม่ใช่ความเกลียดที่มีต่อไทโช คนที่กระตือรือร้นในการพยายามผูกมิตรด้วยตลอดเวลาที่อยู่บ้านและเมื่อไปกลับจากโรงเรียนถึงจะอยู่ต่างห้องกันทุกวัน ทั้งอย่างนั้นเธอก็ทำใจให้ชอบเขาไม่ลง

    รอยยิ้มและความใจดีที่มากเกินพอดีของเด็กหนุ่มทำให้โมอะสะเอียน เฉกเช่นมื้อค่ำฝีมือเขาที่เธอไม่เคยรู้รสและจะอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุงทุกครั้งในตอนกลางดึก ทั้งยังเริ่มมีอาการปวดหัวปวดท้องอันเนื่องมาจากความเครียด แต่ความเจ็บปวดทางกายแค่นี้เป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับทางใจ หากโมอะก็คิดว่าเธอสามารถอดทนกับมันได้จนกว่าจะจบการศึกษาในอีกปีสองปีข้างหน้า แล้วเมื่อเวลานั้นมาถึง เธอจะเป็นฝ่ายย้ายออกไปให้ไกลที่สุดเอง

    ถ้าเพียงแต่เหตุการณ์ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนนั้นจะไม่ได้เกิดขึ้น

    เมื่อเธอกลับมาบ้านหลังจากออกไปซื้อของตอนเย็นวันหนึ่ง แล้วได้เห็นเค้กช็อกโกแลตจากร้านดังแถวสถานีอยู่บนโต๊ะอาหารกับคอนโซลเกมเครื่องใหม่แกะกล่องที่ดูเหมือนว่าเพิ่งจะออกมาจากห่อ เป็น ของขวัญวันเกิดปีที่สิบเจ็ดให้กับเด็กหนุ่มในห้องนั่งเล่นที่เงยหน้าขึ้นจากการต่อสายอุปกรณ์กับจอทีวีมาส่งยิ้มแล้วทักทายเธอ ทุกอย่างก็พังทลายลงไปในชั่วพริบตา

    น้ำตาที่ระเบิดออกมาอย่างกดกลั้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไปไม่ได้เป็นเพราะโมอะต้องการของพวกนั้น หรือว่าต้องการความรักจากพ่อแม่ที่เธอแน่ใจว่าปล่อยวางมันได้แล้วตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาจะมอบความรักให้กับใครก็ช่างปะไรในเมื่อเธอไม่ได้รู้เห็นกับตาตัวเอง แต่ไม่ใช่ภายในบ้านของตัวเองที่ลูกสาวเพียงคนเดียวได้ตระหนักถึงความเป็นส่วนเกิน ผ่านเค้กที่ไม่เคยได้กินเลยสักก้อน ผ่านของขวัญที่ไม่เคยได้รับเลยสักชิ้น

    และเมื่อไทโชมองเห็น เขาก็จะรีบลุกพรวดพราดขึ้นมาแล้วถามว่าเป็นอะไร ให้โมอะได้กรีดตะโกนใส่หน้าเขาเป็นครั้งแรกว่า

    “นายมันก็แค่ลูกชู้ที่พ่อฉันรับมาเลี้ยง! ทั้งที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันเลยด้วยซ้ำ! แต่ทำไมนายกลับเป็นคนเดียวที่ได้ความรักจากพ่อจากแม่ฉันไปหมด!”

    โมอะ ฉัน...”

    เธอปัดมือของอีกฝ่ายที่พยายามเข้ามาจับทิ้งอย่างไม่ใยดี

    นายคงมีความสุขมากเลยสินะที่ได้ทุกอย่างมาง่ายๆ แบบนี้ แต่รู้ไว้ซะว่าฉันเกลียดนายมาตลอด! แค่ต้องทนเห็นหน้านายทุกวันก็อยากจะอ้วก! เลิกเสแสร้งแกล้งทำเป็นดีกับฉันได้แล้ว เราไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน ไม่มีวันจะเป็นด้วย!”

    ก่อนรีบวิ่งกลับขึ้นห้องนอนของตัวเองพร้อมกับเสียงกระแทกบานประตูดังปัง เหมือนกับเสียงสะอึกสะอื้นร่ำไห้ของเธอที่นอนคู้ตัวอยู่กับความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างและหัวใจที่แตกสลาย ทั้งที่เธอไม่ควรจะได้กลับมามีความรู้สึก หากเด็กผู้ชายคนนั้นก็กลับมาทำให้เธอต้องรู้สึก คนที่โง่เง่าพอจะเคาะประตูห้องเธอแม้จะไม่ได้รับการตอบรับเพียงเพื่อที่จะเอ่ยว่า

    ขอโทษนะ ฉันไม่เคยรู้เลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาโมอะต้องเจ็บปวดแค่ไหน จะโกรธจะเกลียดฉันก็ได้ แต่โมอะก็ยังเป็นคนสำคัญของฉันเสมอนะ”

    เพราะคำพูดใจดีแบบนั้นกำลังทำให้เธอเจ็บ ความอบอุ่นแรกที่โมอะได้รับกำลังทำให้เธอปวด หัวใจที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งคล้ายกับว่าจะถูกละลายด้วยแสงอาทิตย์ แต่เพราะอย่างนั้น ไม่ช้ามันก็จะจางหายไป

     









    2024年09月13日
    _______________
     แอบแปลงฟิคเก่าแบบสอดไส้ ขนมใส่ไส้ อิอิ เพราะไทเซย์เดิมไม่อยู่แล้วจ้ะ (กูเห็นรูปของหน้าคอนฯละก็ เห้อออ ก็หล่อแหละ แต่เห้อออ เป็นท้อ) ไหนๆ แล้วรวดเลยเปลี่ยนเป็นคิงปุริเพราะเห็นฮาปินุยออกเมื่อวานไปละกัน (จริงๆ เพราะเร็นหล่อ กูพิมพ์ตรงนี้แหละ คนจริง กูตัวจริง ไม่มีแสตนด์อิน) / กับพล็อตของไทโชเดิมที่ไม่ได้ชอบเลย แต่ยัดมาลงให้มันครบๆ จะได้จบๆ ไป -_- เลยให้นางเอกนามสกุลหมวด あり และชื่ออยู่ในหมวด  เหมือนกันให้หมดงับ
     ขอบคุณชื่อเรื่องที่อยากใช้มานานแล้วจากเพลงที่รักมากของเดอะกาเซตต์ที่กูเทิดทูน บูชา แต่มึงรู้ไหมว่าความหมายเหี้ยมาก มันก็มีมุมมืดบางอย่างที่กูมึงเข้าไม่ถึงจริงๆ ลองเอาไปอ่านเอง (ลิงค์orz / ส่วนชื่อตอนมาจากเพลงของวง exist†trace แต่ก็ไม่ได้ชอบเพลงนี้เท่าไหร่เพราะไม่ค่อยฟังเพลงช้า แปลได้ว่า 'ในตอนท้ายของความฝันอันยาวนาน' / เพลงประกอบพาร์ทแรกของวงที่มึงเคยใช้ก่อนกูในเรื่องต้นผลเลือด ตอนนั้นกูฟังแล้วยังเฉยๆ ไม่ค่อยชอบ กระทั่งเข้าปี 2023 ที่กูเริ่มกลับมาฟังวิชวลเคย์ ได้วงใหม่ๆ เพลงใหม่ๆ มากมาย เข้าปี 2024 ตอนนี้หายไปไหนแหมละนิ / เลือกเพลงของไนท์แมร์เพราะอยากได้วงไม่ส้ำเลยลองไปกดฟังเพลงดู แต่คนอย่างกูไม่เคยลอสต์อินบลู เดินเข้าไปแล้วออกมาได้เหมือนพัสเสิ้ลพาธในฟอลกายเสมอ (เย้ดแม่ม กดเข้าไปดูเอ็มวีดิ เป็นฉากในโบสถ์ว่ะ งานศพโลงศพ) / ส่วนพ่อกาเซตต์นี่ใช้แบบฝืนมาก เข้ากับพล็อตตรงไหนไม่รู้ แต่กูใช้ตั้งแต่ตอนเอาลงครั้งแรกแล้ว ก็ฝืนกันต่อไป กับชื่อเพลงที่ตรงกับกูมากเลยนะเนี่ย >_<
     พล็อตไคโตะลักมาจากการ์ตูนเรื่อง 'รสชาติผลไม้ที่ไม่มีวันได้ลิ้มรสอีกครั้ง' (ชื่อญี่ปุ่นก็แปลได้อย่างนี้เป๊ะ!) เกี่ยวกับพระเอกนางเอกที่ลักลอบคบกัน จูบกันตอนช่วงปิดเทอมหน้าร้อนเพราะคลายเครียดจากการอ่านหนังสือสอบเข้ามอปลาย (ควิซคลับไหมจ๊ะ) พล็อตที่กูลักมาคือตอนไปทำความสะอาด (เลียเลือดก็เลียจริง) คำบรรยายกูก็ก็อปมา (ที่จริงในเรื่องยังเหลือให้กูก็อปอีก แต่การ์ตูนไปซุกอยู่ในกล่องไหนไม่รู้ T_T) แต่ในเรื่องนางเอกเป็นคนเริ่มก่อนเพราะพระเอกมันชอบทำหน้านิ่ง เนี่ยยยย อ่านจบเล่มปุ๊บไม่ได้พล็อตก็ต้องได้เลยป่ะเพราะแนวกูขนาดนี้ และ...บทสองคนนี้มึงว่ามันคล้ายทสึคิโยมิมึงเลยไหมวะ ชอบนางเอกอมทุกข์นักใช่ไหม ได้! กูจัดให้! และบทของไคโตะที่ถึงจะซ้ำซาก สเตอริโอไทป์อะไรเบอร์นี้ แต่แต่งแล้วสนุกจริง กูชอบเรื่องของคู่นี้มากกว่าคู่ล่างจริง ที่ผ่านมาเป็นปี ตอนนี้กูจำไม่ได้แล้วว่าเอาพล็อตของคู่เร็นมาจากไหน / และที่เปรียบให้เป็นกุหลาบกับหนามแหลมเพราะชื่อเพลงโรสบลอสซั่ม ป๊าดดด เอาเรื่องว่ะ
     ส่วนพาร์ทของไทโชได้มาแบบจับฉ่าย แต่ถ้าถามว่าจุดเริ่มต้นจริงๆ คืออะไร กูไม่อยากจะเล่าเลยเพราะเซ็ง แต่ก็จะเล่าว่าเพราะไปเจอคนญี่ปุ่นแต่งฟิคไทโชเป็นแนวพี่น้อง (กรี๊ดดด ชอบมากกก ดีใจมากกกที่เค้าแต่งพล็อตนี้ให้เมนดิชั้นค่ะ :p) แต่ประเด็นคือแม่งเหมือนฟิคชิโระมึงเลย เพราะพ่อชอบทำร้าย พี่เลยยอมโดนเองเพื่อปกป้องน้อง (ไม่แท้ที่ย้ายมาอยู่ด้วยทีหลัง) ตอนกูอ่านครั้งแรกคือไค่หัวเลย มันจะบังเอิญอะไรขนาดนี้ แถมเป็นไทโชเหมือนกันอีก แม่มเอ๊ย ถึงจะเสียดายมาก อยากแต่งมาก แต่ก็ยอมตัดใจไม่แต่งก็ได้เดี๋ยวทับไลน์ 55555 ละบังเอิญที่ตอนนั้น (ราวเดือน 7 ของปีที่แล้ว) กูได้เกลาละครเกาหมีแล้วมีฉากที่ย่าของพระรองตาย พ่อแม่พระเอกเลยให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน ก็เลยลักมาดัดแปลงหน่อย (งานเกาเรื่องดีๆ ที่เคยทำก็มี แต่ปีนี้คือระยำหมดจ้า ALL) / ขอโทษนะ เผลอใช้นามสกุลอาริมูระ...กับดูนาอีกแล้ว...ด่าเค้าได้แต่อย่าด่ากู บายนะ
     จำได้ละว่าพล็อตที่โยงกันสองเรื่องบนคือนางเอกเป็นพี่น้องกัน แต่ครอบครัวถูกจับแยกกัน มาโอะไปอยู่กับพ่อที่รวยกว่า ชีวิตดี แต่มีแต่ความเศร้าโศกทุกข์ตรม เป็นสาวร่ำไห้ ส่วนมิกุ (ไม่อ้วนฟอลกาย) ไปอยู่กับแม่ ชีวิตตกอับ เลยต้องมาทำงานหาลำไพ่พิเศษ สุดท้ายเร็นก็คงเป็นเสี่ยเลี้ยงแหละมั้ง -_-


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×