คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : 100 MANKAI NO KISS (B) LOVE IS BEAUTIFUL (แค่บทนำไปก่อนนะ :3)
ความตื่นเต้นดีใจของคายามะ ซานะ ในการคว้าแชมป์ตอบคำถามวิชาการกับเพื่อนร่วมห้องอื่นอีกสามคน ได้กินเนื้อย่างราคาแพงที่ครูอาเบะซึ่งเป็นที่ปรึกษายอมใจป้ำเลี้ยงฉลองกันอย่างเต็มคราบ แถมยังใจดีพาไปเที่ยวเล่นในย่านศูนย์การค้าและซื้อของที่ระลึกเป็นเครื่องเขียนให้ทุกคนก่อนลาจากโตเกียวในทริปสามวันสองคืน ดูเหมือนว่าจะจบสิ้นลงในชั่วพริบตาที่เธอเปิดประตูเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ จากต้นเสียงหลากหลายที่ดังมาจากห้องนั่งเล่น ไม่แยแสต่อเสียงตะโกนที่ว่า “กลับมาแล้วค่ะ!” ที่ก็ใช่ว่าแผ่วค่อยจนไม่ได้ยินเลยสักหน่อยของเธอ
กระทั่งซานะจะกระแทกกระเป๋าเดินทางปึงปังด้วยความเหลืออดนั้นเอง คนที่อยู่ในห้องถึงดูจะได้สำเหนียกเมื่อหันมาแหวใส่ว่า “ทำอะไรหัดเกรงใจคนอื่นหน่อย!”
“ใครกันแน่ที่ต้องเกรงใจ! บ้านช่องตัวเองก็ไม่ใช่! ทำอะไรไม่มียางอาย! ทุเรศ!”
เด็กสาวหยุดยืนที่โถงทางเดิน ไม่มีความที่จะขยับฝีก้าวเข้าไปในห้องนอกจากสายตาแข็งกร้าวที่จดจ้องมองดู ไม่เพียงแค่เสียงหัวร่อต่อกระซิกที่ปนไปกับเสียงที่ซานะแน่ใจว่ามันคือจูบของชายหญิงที่นั่งเกยตักกันอยู่บนโซฟาโดยไม่สนว่าใครจะมาเห็น แต่ยังรวมถึงบทเพลงจากวิทยุที่ซานะไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าจะรบกวนจิตใจได้ขนาดนี้ ในเมื่อมันมาจากวงที่เธอชอบ...เพราะผู้ชายคนนั้นก็ชอบฟังวงเดียวกับเธอ ทว่าทุกอย่างที่ประกอบรวมกันเป็นสรรพเสียงในโมงยามนี้กำลังทำให้ซานะรู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก
“พูดกับพี่ชายดีๆ หน่อยสิซานะ”
“สะเออะ! แล้วมันเรื่องอะไรของเธอยัยโรซี่!”
พอยอกย้อนเข้าใส่ยัยคนรักสามเดือนของพี่ชายที่พยายามทำตัวเป็นพี่สาวอีกคนด้วย ก็จะถูกไอ้คนไม่เอาไหนตะคอกใส่ว่า “ให้มันน้อยๆ หน่อยซานะ!” ให้ความอดทนของซานะขาดผึงลงไปในวินาทีนั้น เธอกรีดเสียงร้องด่าทอสาปส่งพวกเขาลงนรกไปในเร็ววัน แล้วจึงหมุนตัวกลับออกไปยังทิศทางที่เพิ่งจะกลับเข้ามาเพื่อสงบจิตสงบใจของตัวเองก่อนที่จะอาละวาดมากไปกว่านี้ และอาจลงเอยด้วยการเลือกตกยางออกที่ซานะไม่ต้องการให้เกิดขึ้น อย่างน้อยๆ ก็ในวันที่เคยดีแบบนี้
ถึงจะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ยังจำความแทบไม่ได้ แต่เคียวโมโตะ ไทกะที่อายุห่างกันสี่ปีก็ไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ของเธอ เขาเป็นลูกติดของแฟนเก่าแม่ที่คบหากันมานานมากโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส กระทั่งจะมาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปเมื่อห้าปีก่อน คุณเคียวโมโตะอาจเป็นพ่อเลี้ยงที่ดีสำหรับซานะ หากตรงกันข้ามกับไทกะซึ่งไม่อาจเรียกว่าเป็นพี่ชายที่ดีของเธอได้เลย ทั้งเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่งจนพาลมีปัญหากับคนในบ้านอยู่บ่อยครั้ง เรียนหนังสือก็ไม่จบชั้นมัธยมปลาย ถึงอาจไม่ได้ลักเล็กขโมยน้อยหรือเกาะที่บ้านกินให้เธอได้ด่าว่าทุเรศ แต่ก็ใช่ว่าจะทำงานทำการเป็นหลักแหล่งนอกจากเล่นดนตรีข้างถนนบ้าง นอนกับผู้หญิงแลกเงินบ้างในจำนวนที่สามารถเลี้ยงตัวได้ไปวันๆ ด้วยความหวังว่าจะได้เข้าตาแมวมองสักค่าย จริงอยู่ที่เขาเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี มีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงและเล่นกีตาร์โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพรแสวงเหมือนอย่างใคร แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่มากพอสำหรับการไขว่คว้าตามหาความฝันในเมืองรองที่ไม่ใช่เมืองหลวง เป็นชีวิตที่ซานะคิดว่ามันช่างน่าสังเวชสิ้นดี
แต่หลังจากได้ข่าวเรื่องการเสียชีวิตของพ่อจากทางโรงพยาบาล เขาก็จะเผ่นพรวดออกจากบ้านไปเลย ไม่แม้แต่จะเข้าร่วมงานศพเพื่อเป็นการไว้อาลัยผู้ให้กำเนิดด้วยซ้ำ เขาหายสาบสูญไปจากชีวิตของสองแม่ลูกบ้านคายามะง่ายๆ แบบนั้น เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ ด้วยไม่เคยคิดที่จะส่งข่าวกลับมาหาแม่เลี้ยงที่เป็นห่วงเป็นใยเหมือนกับลูกในไส้เลยสักคร้ง
กระทั่งในเย็นฤดูร้อนของอีกสองปีต่อมา ซานะและแม่ที่กำลังจะได้เริ่มต้นชีวิตครอบครัวใหม่ก็หวนกลับมาพานพบกับความผิดพลาดเก่าที่มีชื่อว่าเคียวโมโตะ ไทกะ แม้คุณมาซาคาโดะจะให้การต้อนรับลูกชายที่ก็หาได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของแม่เธอด้วยความเต็มใจ แต่ไม่ใช่กับซานะที่เฝ้าแต่นึกต่อต้านพี่ชายเฮงซวยที่สุดเท่าที่จะมีได้คนนี้
หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะมาซาคาโดะ โยชิโนริคือพี่ชายอย่างที่ซานะเฝ้าฝันว่าอยากจะมีมาโดยตลอด นอกจากอายุเท่ากัน ทำงานเป็นสตาฟฟ์ในไลฟ์เฮาส์เหมือนกัน และใช้ชีวิตอยู่กับความรักในเสียงดนตรีเหมือนกันแล้ว โยชิโนริก็แตกต่างจากไทกะแทบทุกอย่าง
“ซานะเหรอ? ชื่อเพราะมากเลย แถมหน้าตาก็น่ารักมากด้วย”
ไม่แน่ว่าจุดเริ่มต้นอาจมาจากวินาทีแรกเลยก็ได้ ซานะไม่ได้ชอบหรือว่าเกลียดชื่อของตัวเองเป็นพิเศษ แถมใช่ว่าจะไม่เคยได้ยินคำชมแบบนี้จากผู้ชายที่รุกจีบมาก่อน แต่โยชิโนริก็คือผู้ชายคนแรกที่ทำให้หัวใจของเธอไหวสั่น และอาจเพราะอย่างนั้น ซานะถึงได้ก่อเกิดความรู้สึกที่ผิดที่ผิดทางกับพี่ชายไม่แท้ของตัวเอง ราวกับคนละขั้วของความเกลียดชังที่เธอมีต่อพี่ชายอีกคนหนึ่ง
ความคิดที่จะโทรศัพท์ไประบายความในใจให้เพื่อนสนิทที่รู้ความลับของกันทุกเรื่องอย่างโรคุทันดะ ฮีรากิฟัง — ไม่ว่าหล่อนจะอยากฟังหรือไม่ — จำต้องถูกปัดตกไป เมื่อซานะไม่ได้หยิบมือถือติดมาด้วย อีกทั้งการบากหน้ากลับไปเอามันที่บ้านตอนนี้ทั้งที่เพิ่งจะออกมาก็ไม่ใช่ทางเลือก
นั่นเป็นเพราะเพื่อนรักของเธอก็เกลียดผู้ชายเฮงซวยห่วยแตกคนนี้มากพอๆ กับเธอ ถึงเหตุผลจะเล็กน้อยมากอย่างการที่ไทกะไม่ยอมรับรักฮีรากิที่ไม่มีเงินทองมากองให้ ซ้ำยังตะคอกใส่หน้าว่าเป็นยัยอ้วนอัปลักษณ์อีกต่างหาก หากนั่นก็ถือเป็นเรื่องใหญ่โตเหมือนโลกจะถล่มทลายสำหรับเด็กสาวอายุสิบสี่ในตอนนั้น แม้ว่าตอนนี้ฮีรากิจะทั้งผอมและสวยขึ้นไปตามวัย มีเงินทองมากมายให้ไทกะมีกินมีใช้ไปทั้งชาติโดยไม่ต้องหลับนอนกับผู้หญิงคนอื่นอีกเลยก็ยังได้ แต่ฮีรากิที่ผูกชีวิตติดอยู่กับความแค้นก็ไม่มีความคิดที่จะหวนกลับมาให้อภัยผู้ชายทุเรศพรรค์นี้อยู่ดี
ขณะที่ซานะกำลังลังเลว่าจะเดินไปหาฮีรากิถึงที่บ้าน หรือนั่งแท็กซี่ไปเรียกเก็บเงินจากปลายทางที่ยังไงหล่อนก็เต็มใจจ่ายให้อยู่แล้วดี ไม่ว่าทางไหนก็แล้วแต่ที่เธอจะต้องได้ก่นด่าชายหญิงคู่นั้นให้สาแก่ใจสักทีหนึ่ง ไหนจะต้องเผื่อเหตุการณ์ที่เจ้าของบ้านอาจไม่อยู่ด้วยอีก ซานะก็จะได้ยินเสียงตะโกนร้องเรียกชื่อต้นของตัวเองดังมาแต่ไกล ครั้นแหงนเงยมองก็จะได้เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนร่วมอพาร์ตเมนต์ตลอดสามปีที่คุ้นเคยดีอย่างอุกิโช ฮิดากะวิ่งทั่กๆ มาหา ก่อนหยุดฝีก้าวในรองเท้าแตะตรงทางเชื่อมระหว่างตึกที่เธอกำลังเดินอยู่
“กลับมาแล้วเหรอ”
เป็นคำทักทายแรกที่อบอุ่นมากจากคนนอกครอบครัวจนทำให้ซานะรู้สึกเต็มตื้นอยู่ในอก
“อื้อ! กลับมาแล้ว ได้รางวัลชนะเลิศด้วยล่ะ ขอบคุณฮิดากะมากนะ!”
“เจ๋ง!” อีกฝ่ายตะโกนเสียงดังลั่น ทำท่าทางเหมือนกับเด็กน้อยทั้งที่ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรด้วยเลยสักหน่อย แต่นั่นก็จะช่วยเรียกเสียงหัวเราะขบขันแรกในรอบวันของเด็กสาวออกมาได้ “งั้นเราไปฉลองกันเถอะ ฉันเลี้ยงร้านไอศกรีมที่ซานะชอบเอง!”
“ไม่มีอารมณ์หรอก”
เมื่อนั้นฮิดากะจึงส่งสีหน้าแสดงความเห็นใจออกมา เพราะเขาก็เป็นอีกคนหนึ่งนอกจากฮีรากิที่รู้เรื่องความอัดอั้นตันใจในครอบครัวที่ยุ่งเหยิงของเธอเป็นอย่างดี
ซานะได้รู้จักกับฮิดากะในตอนที่ทะเลาะกับไทกะแล้วออกมาหาที่หลบมุมอยู่ตรงขั้นบันไดของอีกปีกตึกหนึ่ง ฟูมฟายร้องไห้ใหญ่โตโดยไม่ได้นึกอับอายเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะเอาไปเล่าให้ใครฟังต่อหรือเปล่า หากนับตั้งแต่วันนั้น เด็กหนุ่มที่เคยเป็นเพียงเพื่อนร่วมชั้นเรียนธรรมดาๆ ก็ได้กลายมาเป็นเพื่อนคนที่ซานะสนิทใจพอที่จะร่วมแบ่งปันเรื่องราวหลายๆ อย่าง ยิ่งในเวลาที่เพื่อนรักหายหัวไปอยู่กับคนรักตัวติดกันจนน่าขนลุก แม้ว่าหนึ่งในนั้นจะไม่รวมถึงความลับที่ไม่ควรต้องมีใครมาล่วงรู้ เว้นก็แต่เธอกับฮีรากิ
แต่ไม่ใช่กับความลับที่ดูอย่างไรเขาก็เก็บเป็นความลับไม่ได้...มากขนาดที่ฮีรากิซึ่งไม่ค่อยสนอกสนใจเรื่องของชาวบ้านยังออกปากทักว่า “แม้แต่คนบ้าๆ บอๆ อย่างเธอก็มีคนตกหลุมรักตั้งขนาดนี้เลยนะ” จากการที่ฮิดากะคอยสรรหาเรื่องราวโน่นนี่มาแวะเวียนพูดคุยด้วยในตอนพัก พาไปที่ห้องชมรมกระจายเสียงเมื่อไหร่ที่ว่าง ชวนไปเที่ยวด้วยกันตอนเย็นหลังเลิกเรียน และได้กลายมาเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมก๊วนของเรย์อะที่ดูจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป หากซานะที่ปักใจรักผู้ชายแค่คนเดียวมากเสียจนไม่ได้มีสายตาไว้เหลือบแลมองใครอีกก็ทำได้แค่นึกสงสารอยู่ในใจ แต่ในเมื่อฮิดากะไม่เคยสารภาพรักออกมาตรงๆ ไม่เคยทำตัวให้เธอหนักอกหนักใจ ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องราวความรักของเธอกับใคร และซานะก็ยังต้องการใครสักคนที่รับฟังปัญหาเรื่องครอบครัวของตัวเอง ซานะจึงไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องเสียหายอะไร
หรือเธอก็แค่ไม่สนใจว่าเขาจะต้องรู้สึกอะไร เพราะคนที่ได้ผลประโยชน์ก็คือพวกเขาทั้งสองฝ่ายไม่ใช่หรือไง
วันนี้ไม่มีใครอยู่ที่บ้านกับฮิดากะ พ่อที่ทำงานในตำแหน่งผู้จัดการอาวุโสซึ่งสูงกว่าพ่อเลี้ยงมาซาคาโดะของเธอเพิ่งถูกส่งไปประชุมที่ต่างจังหวัดและจะไม่กลับมาในสัปดาห์นี้ ไม่ต้องพูดถึงแม่ที่หย่าขาดกันไปจนกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันอีก กระนั้นฮิดากะก็ไม่เคยเก็บเรื่องครอบครัวที่บกพร่องมาคิดมากให้รกสมองเหมือนกันกับเธอ
ห้องนอนที่เต็มไปด้วยโปสเตอร์หนัง แผ่นดีวีดี รวมถึงหนังสือการ์ตูนผู้ชายของฮิดากะไม่ใช่พื้นที่ลี้ลับอะไรสำหรับซานะ เธอสามารถเทียวเข้าออกเมื่อไหร่ก็ตามที่มีปัญหาได้ ไม่ว่าอุกิโชคนพ่อจะอยู่หรือไม่ เช่นเดียวกับในตอนนี้ที่เธอทั้งถือวิสาสะเลือกแผ่นดีวีดีที่มีเป็นตั้งจากชั้นวาง ปากก็บ่นพึมถึงพฤติกรรมของสองคู่รักที่เกลียดชังไปด้วย ก่อนกลับมานั่งทิ้งตัวกอดหมอนอยู่บนเตียงของเด็กหนุ่มเจ้าของห้องที่นั่งอยู่บนพื้นแทน
“ทั้งที่เป็นบ้านของฉันแท้ๆ แต่ทำไมฉันถึงต้องเป็นฝ่ายเกรงใจคนนอกอย่างพวกนั้นเหมือนกับฉันไปแบมือขออาศัยอยู่ด้วยก็ไม่รู้ น่าหงุดหงิดชะมัด! ฉันอยากให้สองคนนั้นหายไปให้พ้นๆ สักที!”
“ซานะมาหาฉันได้ทุกเมื่อเลยนะ ที่นี่ยินดีต้อนรับซานะเสมอ”
เธอยิ้มรับคำพูดที่แฝงความนัยทุกอย่างของเขา
“สักวันหนึ่งที่นี่จะไม่ได้ต้อนรับฉันอีก”
ซานะอยากจะเอ่ยตัดรอนฮิดากะไปอย่างนั้น แต่สิ่งที่เธอทำก็คือการปิดปากเงียบ ปล่อยให้เขาวางมือทาบลงบนหลังมือแล้วใช้นิ้วโป้งลูบมันไปมาโดยไม่เขยื้อน มอบความหวังลมๆ แล้งๆ ให้เขาเหมือนกับทุกที
‘คิลบิล’ ไม่ใช่หนังที่ซานะมีอารมณ์อยากดูเท่าไหร่ ว่ากันตามตรง มันไม่ใช่หนังเรื่องโปรดของเธอเหมือนฮีรากิที่พร้อมฆ่าคนทั้งโลกเพื่อแก้แค้นให้...และต่อ...คนที่รักเลยด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยๆ การได้เห็นความดุเดือดเลือดพล่านก็ช่วยทำให้เธอรู้สึกสะอกสะใจขึ้นมาได้บ้างเมื่อคิดถึงใบหน้าของสองคนนั้น กระทั่งตอนที่กริ่งประตูดัง ฮิดากะเลยขอตัวลุกไปคุยกับใครก็ไม่รู้อยู่นานสองนาน อาจจะเป็นคุณป้าขี้เหงาสักคนในอพาร์ตเมนต์ หรือไม่ก็เพื่อนสนิทของเขาที่แวะมาหา มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงโทรทัศน์ในห้องเงียบลงไปแล้ว แสงที่ลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านพลิ้วไสวเข้ามาก็คือสีส้มของยามสนธยาที่ยิ่งชวนให้เกียจคร้านไปกันใหญ่ ดูเหมือนว่าเธอจะผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
ทว่าในตอนที่พลิกตัวหันไปอีกฟากนั้นเอง ซานะถึงได้เห็นคนที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ...ด้วยระยะห่างที่ใกล้ที่สุดเท่าที่เคยมีกับเขา
ซานะจึงได้พินิจพิจารณาเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างถี่ถ้วนเป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะมองในแง่มุมไหน รูปลักษณ์ภายนอกของอุกิโช ฮิดากะก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับมาซาคาโดะ โยชิโนริ — ผู้ชายที่เธอรัก — เลยสักอย่าง ความคิดถึงเรื่องนี้ผ่านเข้ามาในหัวสมองของซานะได้สักระยะหนึ่งแล้ว อาจตั้งแต่ตอนที่เพื่อนสนิทของตัวเองจะไปตกหลุมรักกับผู้ชายที่ด้อยกว่าแฟนเก่า แถมดูยังไงก็ห่างไกลจากสเปคของฮีรากิลิบโลก ใช่ว่าอิวาซากิ ไทโชเป็นผู้ชายที่แย่ แต่ถ้าเทียบกับแฟนเก่าของหล่อนที่เป็นเอซในทุกทางก็แทบจะเรียกได้ว่าเหมือนฟ้ากับเหว
หรือหล่อนต้องการพิสูจน์อะไรกันแน่?
อาจเพราะเหตุผลเหล่านั้น อาจเพราะบรรยากาศที่พาไปในยามนี้ หรือไม่ว่าคำตอบแท้จริงจะเป็นเช่นไร หากสิ่งที่ซานะทำก็คือการขยับเข้าไปหาเขา ยกมือข้างหนึ่งขึ้นโอบและซุกใบหน้าขดอยู่ในอ้อมแขนนั้น
ด้วยปฏิกิริยาตอบรับที่ไวเกินคาดเมื่อเขาจะรีบผละออก ละล่ำละลักเรียกชื่อเธอออกมา
“ซานะ!”
“ก่อนที่นี่จะไม่ได้ต้อนรับฉันอีก”
“พูดอะไรแบบนั้นล่ะซานะ!” ฮิดากะเปลี่ยนไปลุกขึ้นนั่ง พลอยให้เธอลุกพรวดพราดตามไปด้วย “เธอก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ!”
“แล้วนายจริงจังขนาดนั้นเลยเหรอฮิดากะ!” ซานะสวนย้อนกลับไป “ถ้าฉันไม่มีวันตอบรับรักนายตลอดทั้งชีวิต! นายจะยอมปล่อยโอกาสตอนนี้ที่ฉันให้หลุดลอยไปเหรอ! งั้นก็คงจะไม่มีวัน...” แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดจนจบประโยค เขาก็จะพุ่งตัวเข้ามาปิดปากเธอไว้ด้วยอวัยวะเดียวกัน ซานะตกใจกับการกระทำแบบปุบปับที่ไม่ได้คาดคิดถึงจนทำอะไรไม่ถูก ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือแผ่นหลังของเธอยังกระแทกเข้ากับผนังที่เขาผลักไหล่ทั้งสองข้างไปชนอีกต่างหาก
แต่ก็แค่ครู่สั้นๆ เท่านั้นเมื่อเขาจะถอนจูบที่เป็นแค่เพียงการชนออกไป พร้อมกับน้ำหนักของแรงกดที่คลายลง
“ขอโทษนะ ฉันลืมตัวไปหน่อย เจ็บหรือเปล่า?”
เธอสั่นหัว
“ขอจูบอีกได้ไหม?”
หนนี้เธอเงยหน้าขึ้นไปจ้องสบประสานดวงตากับเขา “มากกว่านี้ก็ได้”
“ทั้งที่ไม่รักใช่ไหม?”
“ทั้งที่ไม่รัก” ซานะย้ำคำพูดของเขาอย่างหนักแน่น
เหมือนกับจูบที่หน่วงหนักยิ่งกว่าเดิมราวกับการถ่ายทอดความปรารถนาอันรุนแรงที่กักเก็บไว้ตลอดมาให้ จนความนึกคิดทั้งมวลของเธอสลายหายวับไป
_______________
ความคิดเห็น