ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #53 : Chime

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 67


    Chime (A)
    Playlist: Otsuka Ai – Rocket Sneaker 「ロケットスニーカー」












    .

    อิการิ โซยะคือแบบแผนของเด็กผู้ชายที่เติบโตมาเป็นลูกคนเดียวในครอบครัวที่ร่ำรวยมากและมีชื่อเสียงมาก พ่อของเขาเป็นอดีตกัปตันทีมโรลเลอร์สเกตระดับประเทศที่โด่งดังสุดๆ ชนิดที่พูดชื่อไปใครก็ต้องรู้จัก ถึงต่อให้คุณจะไม่ได้เป็นแฟนกีฬาชนิดนี้หรือชนิดไหนเลยก็ตาม เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้รับการเยินยอ พะเน้าพะนอเอาใจในฐานะเจ้าชายจากผู้คนรอบข้างมาตลอดทั้งชีวิต ขนาดว่าถึงต่อให้โลกใบนี้จะกลายเป็นนรก ผู้คนคงเนรมิตให้มันกลายเป็นสรวงสวรรค์สำหรับเขาได้อย่างไม่ยากเย็น

    ตรงกันข้ามกับมาจิ โซระฮะที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์แบบปุถุชนคนธรรมดา ไม่เคยได้พานพบทั้งนรกหรือสวรรค์ กระทั่งบัลลังก์ตั่งทอง โตมากับแม่ที่ก็ไม่ได้สนิทสนมกันนักเพราะหล่อนมักทำงานยุ่งไม่รู้จะกี่แห่งตลอดทั้งวันคืน อาจเพราะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวบ่อยๆ มาตั้งแต่เด็กเลยกลายเป็นคนไม่ชอบพึ่งพาใคร ไม่ยอมสานสัมพันธ์กับใครอย่างลึกซึ้งพอที่จะเอาใจไปผูกติด ทั้งในฐานะเพื่อนหรือคนรัก ทั้งอย่างนั้นก็ไม่ได้แปลว่าเธอถูกแบ่งแยกจากเพื่อนๆ ในห้อง โซระฮะสามารถพูดคุยหรือทำงานกลุ่มกับทุกคนได้อย่างสนุกสนาน ด้วยความที่วาดรูปเก่ง จึงเป็นดาวเด่นในคาบศิลปะ และเป็นกำลังสำคัญในการออกแบบแผ่นป้ายและใบปลิวเมื่อมีกิจกรรมต่างๆ

    อย่างเช่นในงานวัฒนธรรมที่เธอเลือกอยู่โยงวาดแผ่นป้ายในยามเย็นเพราะไม่เห็นความจำเป็นต้องรีบกลับบ้านที่ไม่มีใครเหมือนอย่างทุกวัน มีฝ่ายตกแต่งสถานที่หรือไม่ก็พวกที่แค่อยากจับกลุ่มอยู่ในโรงเรียนกันจนดึกดื่นค่ำมืดด้วยอีกนิดหน่อย ระหว่างทางเดินไปกดน้ำที่ตู้ในมุมสันทนาการบนอาคารเรียน เป็นตอนนั้นเองที่เหตุการณ์ระหว่างเธอกับอิการิ เพื่อนร่วมห้องที่ไม่เคยพูดคุยกันสักคำ หรือว่าจะมีใครอยากสนใจใคร่รู้เรื่องของกัน จะถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก

    จากบทสนทนาของเขากับคนรักที่มีชื่อว่าคาตาคุระ มิโคโตะ

    น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเขาตอนที่แผดตะโกนนั้นดังมากพอที่จะหยุดฝีก้าวของโซระฮะที่เดินฮัมเพลงในลำคอไปไม่ทันพ้นหัวมุมได้ชะงัด ไหนจะคำหยาบคายที่เธอไม่คิดว่าจะเคยได้ยินคนอย่างอิการิสบถออกมา อย่างน้อยๆ ก็กับคนรักที่แม้ใบหน้าของหล่อนจะดูเย่อหยิ่งไม่ได้ต่างอะไรจากเขา แต่แท้จริงแล้วพวกเขาต่างเป็นเพื่อนร่วมห้องที่ดีกับสามัญชนคนธรรมดาทั้งหลายแหล่ อย่างเช่นอิการิที่คอยสร้างสีสันด้วยมุกตลกกับเสียงหัวเราะ หรือมิโคโตะที่มีน้ำใจขนาดเคยให้กิ๊บติดผมรูปมงกุฎประดับไข่มุกราคาแพงมากกับเธอเป็นการตอบแทนที่วาดรูปการ์ตูนให้ โดยไม่ได้มีความดูถูกดูแคลนเคลือบแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย พวกเขาเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันทั้งภายนอกและภายใน ตลอดหนึ่งปีที่คบหากันมา คู่รักตัวอย่างก็ช่างหวานชื่นจนเป็นที่น่าอิจฉาของทุกคน แม้แต่กับโซระฮะที่ไม่สนใจความสัมพันธ์แบบยั่งยืนหรือใช่ว่าเธอจะเคยนึกชอบอิการิเลยสักครั้ง

    เพราะฉะนั้นการที่เธอได้มารู้มาเห็นเรื่องนี้เข้า จึงเป็นอะไรที่...เหลือเชื่อ

    เธอนอนกับมันแล้วใช่ไหมวะ!”

    พูดเรื่องบ้าอะไรของนายโซยะ! ฉันบอกแล้วไงว่าฉันกับซาคุมะไม่ได้มีอะไรกัน!”

    แล้วที่มีคนเห็นเธออยู่กับมันสองต่อสองที่ฮาราจูกุล่ะ เธอคงเห็นฉันโง่มากเลยสิท่า!”

    ใช่ ฉันเห็นว่านายโง่มาก!” หล่อนตะโกนกลับไปอย่างเดือดดาลไม่แพ้กัน จากนั้นเริ่มต้นร่ายยาวโดยไม่ทอนทั้งอารมณ์หรือใส่ใจอิการิที่พยายามจะพูดแทรกเลยว่า “โง่ที่เชื่อคำคนอื่นมากกว่าฉันที่เป็นแฟนนาย! ตอนนั้นฉันแค่บังเอิญเจอกับซาคุมะ เค้าทะเลาะกับมิโอะจังเลยมาปรึกษากับฉัน มันก็แค่นั้น เค้าไม่ได้นอกใจมิโอะจังเหมือนที่ฉันไม่ได้นอกใจนาย...” โซระฮะที่ไม่เห็นหน้าของพวกเขาได้ยินเสียงสะอื้นดังมาก่อนคำสั่นเครือนั้นว่า “อย่างที่นายกับริสะทำ” และร่างของหล่อนที่วิ่งพรวดพราดออกมา ผ่านเธอที่หยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากกันนักให้ได้สะดุ้งโหยง กระนั้นมิโคโตะก็ไม่ได้เงยใบหน้าที่เปรอะไปด้วยน้ำตาขึ้นมามองดู

    แต่ไม่ใช่กับอิการิที่วิ่งตามออกมาตะโกนเรียกชื่อมิโคโตะในจังหวะที่เชื่องช้ากว่าหลายวินาที โซระฮะไม่รู้ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาอยากไล่ตามคนรักไปตั้งแต่แรก หรือเป็นเพราะเขาได้สบสายตากับเธอซึ่งกำลังยืนตัวแข็งนิ่งค้างอยู่กับที่ ชั่งใจว่าจะเดินไปซื้อน้ำอย่างที่หมายมั่น หรือยกธงขาวแล้วกลับห้องเรียนไปก่อนเข้าพอดี แต่มีเรื่องหนึ่งที่โซระฮะแน่ใจคือนี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่เธอควรจะยิ้มทักทาย ทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะมันก็ชัดเจนแล้วว่าเธอเห็นอยู่ทนโท่ หรือเสนอหน้าทำเป็นถามไถ่อย่างห่วงใยทั้งที่ก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับพวกเขาเลย โชคดีที่อิการิจะช่วยแก้ปัญหาให้เธอด้วยการเดินผ่านเลยไป ไม่ยิ้ม ไม่พูด ไม่แสดงปฏิสัมพันธ์อะไรทั้งนั้น หลังจากแผ่นหลังของชายผู้นำพาช่วงเวลาที่แสนจะน่าอึดอัดได้หายลับไปจากสายตา ในที่สุดโซระฮะก็สามารถถอนหายใจออกมาเต็มแรง ราวกับการยกภูเขาออกจากอกทั้งที่เรื่องราวเหล่านั้นก็หาได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอเลย

     

    ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนปกติ เธอกับอิการิก็ยังคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีก นอกจากในฐานะเพื่อนร่วมห้องที่ไม่เคยพูดคุยทักทายกัน ไม่แม้แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเย็นวันนั้น ถึงจะได้บังเอิญสบตากันบ้างก็แค่เสี้ยววินาทีเดียวก่อนที่จะผ่านเลยกันไป ไม่มีอารมณ์อื่นใดบนใบหน้าปรากฏจากคนทั้งคู่ ความรู้สึกที่โซระฮะมีต่อเขาหรือมิโคโตะที่ก็ยังเป็นคู่รักกิ่งทองใบหยกก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าเสียงหัวเราะที่เพื่อนห้องเอทุกคนคุ้นเคยจะกลายเป็นวาจาผรุสวาทแบบที่ทำให้เธอตกใจจนตัวโยนได้ หรือไม่ว่าเรื่องที่เขาจะแอบนอกใจไปกับริสะที่ชอบจับกลุ่มเมาท์เรื่องแฟชั่นกับเพื่อนๆ ข้างหน้าเธอจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม





    Chime (B)
    Playlist: capsule – Step on The Floor (LIAR GAME -REBORN- OST)













    .

    “วู้! ในที่สุดเราก็เรียนจบแล้ว!”

    เป็นเพราะการกระโดดโลดเต้นบนส้นรองเท้าสูงสามนิ้วของคนที่ดูยังไงก็ป้อแป้ เพราะอย่างนั้นคาตาคุระ มิโคโตะที่กำลังตะโกนส่งน้ำเสียงอ้อแอ้ถึงได้ลงเอยด้วยการสะดุดล้มลงไปกับพื้นคอนกรีต เรียกทั้งสายตาและเสียงหัวเราะขบขันของผู้ที่สัญจรผ่านไปมา ทว่าเจ้าตัวก็หาได้มีท่าทีเขินอายอะไร อันที่จริงแล้วเธอไม่ได้แสดงท่าทีอะไรทั้งนั้นนอกจากนั่งแหมะแหงนคอมองดูต้นซากุระที่เปล่งประกายจากดวงไฟในยามค่ำคืน

    “โอ๊ยตายแล้ว! นี่มันบ้าอะไรเนี่ย!

    ตรงกันข้ามกับมาจิ โซระฮะที่เพิ่งจะเดินออกจากหอประชุมตามมา กรีดเสียงร้องลั่นทั้งที่ยังคุยโทรศัพท์ไม่เสร็จดีจนต้องเอ่ยปากขอโทษขอโพยกับปลายสายที่หมายถึงแม่ของเธอ รีบกดฝาพับโทรศัพท์ปิดลงมาแล้ววิ่งไปประคองเพื่อนสนิทให้ลุกกลับขึ้นมาทรงตัว พยายามก้มหน้าไม่สบสายตากับใคร เมื่อยางอายของเธอยังมีอยู่เต็มเปี่ยมเพราะเบียร์แค่แก้วเดียว อดไม่ได้ที่ในหัวจะแอบก่นด่าคนที่ดื่มแอลกอฮอล์จนเมามายให้กลายมาเป็นภาระคนอื่นอย่างยัยนี่!

    “โซระฮะ เราไปหาเก้าอี้สีชมพูกันเถอะ!

    “เก้าอี้สีชมพูอะไรของเธออีกเนี่ย! โอ๊ย! ตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอควรทำคือกลับบ้านแล้วไปนอนซะ” โซระฮะออกแรงเค้นเสียงอย่างเหนื่อยหน่ายในท้ายประโยค อันเนื่องมาจากแรงกดของคนที่ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงมาบนไหล่อย่างไม่เกรงใจกันเลย!

    “โซระฮะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย!”

    “โห อาจารย์มาพอดีเลย! รบกวนขอฝากเอาตัวยัยมิโคโตะไปด้วยค่ะ! ดื่มจนเมาแอ๋ทั้งที่หนูห้ามแล้วห้ามอีก พอคลาดสายตากันตอนที่อาจารย์ซากุไรเรียกหนูไปคุยด้วยก็ซัดซะเต็มที่เลย! แสบมาก!” โซระฮะยังคงบ่นพึมไม่ยอมหยุด แม้ภาระจะถูกส่งต่อไปให้กับชายหนุ่มที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาหาด้วยความตื่นตกใจนิดๆ และดูเหมือนว่าจะสลบเหมือดไปแทบจะทันทีที่ได้ขึ้นขี่หลังอาจารย์ฮาชิโมโตะ ชื่อเล่นฮาชิมจจัง ชื่อเต็มๆ ฮาชิโมโตะ เรียว แม้แต่มิโคโตะที่เป็นน้องสาวของคนรักสี่ปีและเข้าฟังการเลคเชอร์ของเขาเพียงแค่ไม่กี่ครั้งก็ยังเรียกว่าอาจารย์จนติดปากตามโซระฮะไปอีกคน

    “แล้วเราล่ะว่าไง? อยากให้ไปส่งด้วยไหม?”

    “ไม่เป็นไรค่ะ อาจารย์พาคนเมาไปส่งบ้านเถอะ หรือจะทิ้งไว้แถวกองขยะที่ไหนก็เชิญเลย!” คำพูดประชดประชันของหล่อนเรียกเสียงหัวเราะรวนร่าอารมณ์ดีที่เป็นเอกลักษณ์ของอีกฝ่ายขึ้นมาได้ แต่ก่อนที่อาจารย์จะได้เดินแบกภาระ (ขยะ) ชิ้นหนักอึ้งจากไป โซระฮะที่ปากไวก็จะเบรกเขาไว้ก่อนด้วยคำถามที่เพิ่งนึกออกว่า “อ๊ะ จริงด้วย เมื่อกี้ฉันได้ยินมิโคโตะพูดถึงเก้าอี้สีชมพู อาจารย์พอจะรู้ไหมคะว่าหมายถึงอะไร?”

    และเมื่อมุมริมฝีปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อตอบกลับมาว่า “ไม่รู้สิ” ไฉนเลยที่คนหัวไวอย่างเธอจะดูไม่ออกว่าอาจารย์รู้...ชัดๆ!

     

    “ยินดีด้วย”

    ขณะนั้น บัณฑิตจบใหม่กำลังทอดสายตาไปยังบรรยากาศความสดใสชื่นบานที่รายล้อมอยู่ทั่วอาณาบริเวณ เพราะว่าเพื่อนสนิทกำลังถ่ายรูปพูดคุยอย่างสนุกสนานอยู่กับคนในครอบครัวที่อุตส่าห์จับรถไฟมาจากต่างจังหวัด จึงมีเพียงมิโคโตะที่ยืนอยู่ลำพัง เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว มิโคโตะเลยสะดุ้งเฮือกเมื่อหันไปเห็นว่าเป็นใครที่เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ

    “อาจารย์ฮาชิโมโตะ!” ก่อนเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะโล่งอก ซึ่งจะตามมาด้วยรอยยิ้มกว้าง “ขอบคุณมากเลยนะคะ!

    “นี่ มิโคโตะ”

    “คะ?”

    “ในห้องว่างที่มีแค่เก้าอี้วางอยู่ ถ้ามีเก้าอี้สามตัว เธอจะเลือกตัวไหน?”

    แม้จะไม่รู้เหตุผลที่จู่ๆ เขาก็ถามคำถามแปลกๆ ขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย (มิโคโตะคิดว่ามันต้องเป็นคำถามจิตวิทยาอย่างแน่นอนเมื่อดูจากรายวิชาที่เขาสอน) หากเธอก็ตอบกลับไปทันทีโดยแทบไม่เสียเวลาคิดว่า “ตรงกลางค่ะ”

    “แล้วเก้าอี้ตัวนั้นสีอะไร?”

    “สีชมพูล่ะมั้งคะ...ว่าแต่อาจารย์ถามไปทำไมคะเนี่ย!”

    “เปล่าหรอก” ว่าแล้วก็เดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม ทิ้งคำถามและความสงสัยให้แล่นวนอยู่ในหัวสมองของมิโคโตะที่จะคิดหาคำตอบอย่างไรก็ไม่เข้าใจเอาเสียเลย

     










    2023年04月07日
    _______________
     แต่งฟิคเรื่องนี้ไว้ครั้งแรกเดือนสองปี 2021 ที่ไฮไฮร้องเพลง living large ของสแมปในโชคุระที่กูบ้ามาก อวยหนักมาก เพราะลุคใส่สูทไถสเก็ตแบบลูกคุณหนูโรงเรียนนานาชาติ สมเป็นลิฟวิ่งลาร์จของจริง (เพราะมีลูกเศรษฐีอยู่ในวงจริง U_U) ถามว่าอวยขนาดไหนก็ขนาดกูยกให้อิการิเป็นแรปเปอร์ที่ดีที่สุดในจูเนียร์ก็ขนาดนั้นแหละ (ผ่านมาสองปีกว่าก็ยังเป็นอยู่) แต่เลือกเอาลงวันนี้เพราะละครเรื่องครูนร.ที่ฮาชิโมโตะเล่นละกูกรี๊ดตั้งแต่ตอนปล่อยภาพและอ่านเรื่องย่อจะฉายแล้วจ้า >_< อีดอก กูขำมาก กูบอกว่าเลือกอิการิกับฮาชิโมโตะ ไม่ใช่ซาคุมะ เพราะในโชคุระสองคนนี้หล่อสุด ระหว่างนั้นก็หมั่นคนนี้สุดในวง (คนละแบบกับนาสุจ้ะ) ผ่านมาสองปีกว่า ก็ถึงวันที่กูได้เมนเค้าที่สุดในวงเพราะละครที่เค้าจะเล่นเป็นเซนเซย์นั่นเองจ้า (คนนี้เองหรือเปล่าสีน้ำเงินที่แท้จริงของกู...ไม่จริงหรอก) เพราะพล็อตครูนักเรียนเค้าทำมาขายพวกบาปๆ ไร้ศีลธรรม ไม่ได้ตอแหลแบบชาวทวิตเตี้ยรอย่างเราสองคนยังไงล่ะ :p ค่ายยังปล่อยให้เด็กจอห์นนีส์เล่นพล็อตแบบนี้ได้ แล้วถ้าพวกกูชอบมันจะทำไมเหรอ อย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้ด่าไป แอบไปดูหรือแอบมาอ่านฟิคชั่วๆ บาปๆ ที่พวกเราแต่งละกัน จะอ้วกเนาะ ไอ้ชื่อที่ขโมยไปใช้ก็เห็นมาจากฟิคต่ำๆ ที่พวกกูแต่งทั้งนั้น เสือกไม่เอาจากเรื่องใสๆ ไป ควายที่ไหนก็ดูออกว่าแอบอ่าน อีโง่ 55555 แต่ลืมไป ปกติก็ไม่ได้ฉลาดอยู่แล้วนี่นะ มั่นหน้ามากว่าพล็อตดี โธ่ ที่ไม่มีคนอ่านไม่ใช่เพราะมันเนิบ ฟีลกู๊ด ไม่มีฉากเอ็นซี โน่นนี่นั่นหรอก แต่มันห่วยตั้งแต่ภาษาแล้ว ทำเหมือนดีเลิศเลอ ตัวละครสมจริงนักหนา สมจริงในโลกแคบโลกมโนมึงน่ะสิ กรรมของมึงก็คือการไม่รู้ตัวว่ามันห่วย ไม่รู้ตัวเองด้วยว่าโง่ไง รู้ตัวก็ดี ไม่รู้ตัวก็โง่โดนกูด่าต่อไปละกัน เวิล์ดพีซจ้าาา
     อย่างที่เคยเล่าว่าพล็อตของแฟนอิการิจะได้คู่กับเรียวที่เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับอิการิ แล้วเป็นที่ปรึกษาอีกทีหนึ่ง ตอนแต่งสนุกมาก และกูก็ยังชอบภาษามากอยู่นะ แต่ต่อไม่ติดแล้ว ตอนนี้ถึงกูจะกลับมาแนวใสๆ เพราะวงคู่กันก็ยังต่อไม่ติด ก็เลยไปคุ้ยฟิคเก่าๆ ที่เคยแต่งสมัยก่อนมา ขอสักตอน แล้วก็เจอเรื่องที่พระเอกเป็น(อา)จาน ชาม ช้อนส้อมว่ะ 55555 สมัยบ้าไลเออร์เกมมาก โว้ยยย เป็นละครที่เปิดโลกมากเพราะร้อยทั้งร้อยทุกคนจะพูดว่าพระเอกโคตรบ่าหล่อ แต่พอดูไปทุกคนกรี๊ดหมด ตายหมด เพราะบท เพราะการแสดง ผชก็ชมว่าเท่ ผญก็ชมว่าหล่อ ขนาดนั้นแหละ แล้วก็ทำให้กูชอบแคปซูลเป็นบ้าเป็นบอ สมัยนั้นแนวอิเล็กโทรมาแรงเว่อร์ กูก็ฟังเว่อร์ แต่ภาษาโคตรเหี้ย กูลงอันเดิมไม่ได้เลยเพราะอุบาทว์มาก 55555 ต้องแก้ใหม่หมดเลยที่ก็ดีขึ้นมานิดหน่อย...นิดเดียวเท่านั้น เพราะมันเกินเยี่ยวยาแล้ว เหมือนต้องแต่งใหม่หมดเลยซึ่งกูก็ไม่ได้อยากแต่งอะไรขนาดนั้นไหมล่ะ แต่ก็อยากเอาลง อภัยให้ความห่วยบัดซบของข้าพเจ้าด้วย orz นอกจากแก้บทเสนเสอากิยามะเดิมที่นิ่งๆ แล้วเปลี่ยนให้เป็นสายเฮฮาเพราะอยากได้เสนเสกากๆ แบบที่เรียวเล่น เลยรวดเปลี่ยนบทให้โซระฮะด้วย นิดๆ หน่อยๆ ก็เอาว่ะ อิอิ / แต่เอาจริงนะ กูอยากแต่งพล็อตครูนร.แบบในเรื่องที่เรียวเล่นมากกกก ชอบชิบหาย แค่แต่งไม่ออก เห้ออออ ครูฟิสิกส์ที่รักของกู
     ทีแรกกูจำไม่ได้จริงๆ ว่าที่นางเอกเลือกเก้าอี้สีชมพูตรงกลางแปลว่าอะไรเลยไปเสิร์ชดู เอาล่ะ มันอยู่ในไลเออร์เกมภาครีบอร์น (ที่เปลี่ยนนางเอกเป็นทาเบะจัง (ในเรื่องชื่อยู) แล้วคนด่าตรึมเพราะอยากดูโทดะ) ประมาณว่ามีจิตใจดี อยากช่วยเหลือคนอื่น แต่ก็เป็นคนจริงจังที่จะถูกหลอกได้ง่าย ถ้าไม่มีคนปกป้องก็อาจเสียตัวเองไปได้ง่ายๆ เลย เพราะงั้นอาจานก็เลยต้องคอยดูแล...น้องสาวแฟน 55555 สมัยโน้นกูแต่งฟิคมาก่อนกาลดีว่ะ ฮักเมาแฟนพี่ ผู้ชายตบตี สมัยนี้มึงรับหมด ครบจบในที่เดียว
     ขอต้อนรับมึงเข้าสู่ก๊วนเรอโคล่าด้วยกันจ้าาา ไม่ต้องกลัว ได้เมนทุกคน >_<
    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×