คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #59 : Chime
อิการิ โซยะคือแบบแผนของเด็กผู้ชายที่เติบโตมาเป็นลูกคนเดียวในครอบครัวที่ร่ำรวยมากและมีชื่อเสียงมาก พ่อของเขาเป็นอดีตกัปตันทีมโรลเลอร์สเกตระดับประเทศที่โด่งดังสุดๆ ชนิดที่พูดชื่อไปใครก็ต้องรู้จัก ถึงต่อให้คุณจะไม่ได้เป็นแฟนกีฬาชนิดนี้หรือชนิดไหนเลยก็ตาม เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้รับการเยินยอ พะเน้าพะนอเอาใจในฐานะเจ้าชายจากผู้คนรอบข้างมาตลอดทั้งชีวิต ขนาดว่าถึงต่อให้โลกใบนี้จะกลายเป็นนรก ผู้คนคงเนรมิตให้มันกลายเป็นสรวงสวรรค์สำหรับเขาได้อย่างไม่ยากเย็น
ตรงกันข้ามกับมาจิ โซระฮะที่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์แบบปุถุชนคนธรรมดา ไม่เคยได้พานพบทั้งนรกหรือสวรรค์ กระทั่งบัลลังก์ตั่งทอง โตมากับแม่ที่ก็ไม่ได้สนิทสนมกันนักเพราะหล่อนมักทำงานยุ่งไม่รู้จะกี่แห่งตลอดทั้งวันคืน อาจเพราะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวบ่อยๆ มาตั้งแต่เด็กเลยกลายเป็นคนไม่ชอบพึ่งพาใคร ไม่ยอมสานสัมพันธ์กับใครอย่างลึกซึ้งพอที่จะเอาใจไปผูกติด ทั้งในฐานะเพื่อนหรือคนรัก ทั้งอย่างนั้นก็ไม่ได้แปลว่าเธอถูกแบ่งแยกจากเพื่อนๆ ในห้อง โซระฮะสามารถพูดคุยหรือทำงานกลุ่มกับทุกคนได้อย่างสนุกสนาน ด้วยความที่วาดรูปเก่ง จึงเป็นดาวเด่นในคาบศิลปะ และเป็นกำลังสำคัญในการออกแบบแผ่นป้ายและใบปลิวเมื่อมีกิจกรรมต่างๆ
อย่างเช่นในงานวัฒนธรรมที่เธอเลือกอยู่โยงวาดแผ่นป้ายในยามเย็นเพราะไม่เห็นความจำเป็นต้องรีบกลับบ้านที่ไม่มีใครเหมือนอย่างทุกวัน มีฝ่ายตกแต่งสถานที่หรือไม่ก็พวกที่แค่อยากจับกลุ่มอยู่ในโรงเรียนกันจนดึกดื่นค่ำมืดด้วยอีกนิดหน่อย ระหว่างทางเดินไปกดน้ำที่ตู้ในมุมสันทนาการบนอาคารเรียน เป็นตอนนั้นเองที่เหตุการณ์ระหว่างเธอกับอิการิ — เพื่อนร่วมห้องที่ไม่เคยพูดคุยกันสักคำ หรือว่าจะมีใครอยากสนใจใคร่รู้เรื่องของกัน — จะถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก
จากบทสนทนาของเขากับคนรักที่มีชื่อว่าคาตาคุระ มิโคโตะ
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเขาตอนที่แผดตะโกนนั้นดังมากพอที่จะหยุดฝีก้าวของโซระฮะที่เดินฮัมเพลงในลำคอไปไม่ทันพ้นหัวมุมได้ชะงัด ไหนจะคำหยาบคายที่เธอไม่คิดว่าจะเคยได้ยินคนอย่างอิการิสบถออกมา อย่างน้อยๆ ก็กับคนรักที่แม้ใบหน้าของหล่อนจะดูเย่อหยิ่งไม่ได้ต่างอะไรจากเขา แต่แท้จริงแล้วพวกเขาต่างเป็นเพื่อนร่วมห้องที่ดีกับสามัญชนคนธรรมดาทั้งหลายแหล่ อย่างเช่นอิการิที่คอยสร้างสีสันด้วยมุกตลกกับเสียงหัวเราะ หรือมิโคโตะที่มีน้ำใจขนาดเคยให้กิ๊บติดผมรูปมงกุฎประดับไข่มุกราคาแพงมากกับเธอเป็นการตอบแทนที่วาดรูปการ์ตูนให้ โดยไม่ได้มีความดูถูกดูแคลนเคลือบแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย พวกเขาเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันทั้งภายนอกและภายใน ตลอดหนึ่งปีที่คบหากันมา คู่รักตัวอย่างก็ช่างหวานชื่นจนเป็นที่น่าอิจฉาของทุกคน แม้แต่กับโซระฮะที่ไม่สนใจความสัมพันธ์แบบยั่งยืนหรือใช่ว่าเธอจะเคยนึกชอบอิการิเลยสักครั้ง
เพราะฉะนั้นการที่เธอได้มารู้มาเห็นเรื่องนี้เข้า จึงเป็นอะไรที่...เหลือเชื่อ
“เธอนอนกับมันแล้วใช่ไหมวะ!”
“พูดเรื่องบ้าอะไรของนายโซยะ! ฉันบอกแล้วไงว่าฉันกับซาคุมะไม่ได้มีอะไรกัน!”
“แล้วที่มีคนเห็นเธออยู่กับมันสองต่อสองที่ฮาราจูกุล่ะ เธอคงเห็นฉันโง่มากเลยสิท่า!”
“ใช่ ฉันเห็นว่านายโง่มาก!” หล่อนตะโกนกลับไปอย่างเดือดดาลไม่แพ้กัน จากนั้นเริ่มต้นร่ายยาวโดยไม่ทอนทั้งอารมณ์หรือใส่ใจอิการิที่พยายามจะพูดแทรกเลยว่า “โง่ที่เชื่อคำคนอื่นมากกว่าฉันที่เป็นแฟนนาย! ตอนนั้นฉันแค่บังเอิญเจอกับซาคุมะ เค้าทะเลาะกับมิโอะจังเลยมาปรึกษากับฉัน มันก็แค่นั้น เค้าไม่ได้นอกใจมิโอะจังเหมือนที่ฉันไม่ได้นอกใจนาย...” โซระฮะที่ไม่เห็นหน้าของพวกเขาได้ยินเสียงสะอื้นดังมาก่อนคำสั่นเครือนั้นว่า “อย่างที่นายกับริสะทำ” และร่างของหล่อนที่วิ่งพรวดพราดออกมา ผ่านเธอที่หยุดยืนอยู่ไม่ไกลจากกันนักให้ได้สะดุ้งโหยง กระนั้นมิโคโตะก็ไม่ได้เงยใบหน้าที่เปรอะไปด้วยน้ำตาขึ้นมามองดู
แต่ไม่ใช่กับอิการิที่วิ่งตามออกมาตะโกนเรียกชื่อมิโคโตะในจังหวะที่เชื่องช้ากว่าหลายวินาที โซระฮะไม่รู้ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาอยากไล่ตามคนรักไปตั้งแต่แรก หรือเป็นเพราะเขาได้สบสายตากับเธอซึ่งกำลังยืนตัวแข็งนิ่งค้างอยู่กับที่ ชั่งใจว่าจะเดินไปซื้อน้ำอย่างที่หมายมั่น หรือยกธงขาวแล้วกลับห้องเรียนไปก่อนเข้าพอดี แต่มีเรื่องหนึ่งที่โซระฮะแน่ใจคือนี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่เธอควรจะยิ้มทักทาย ทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะมันก็ชัดเจนแล้วว่าเธอเห็นอยู่ทนโท่ หรือเสนอหน้าทำเป็นถามไถ่อย่างห่วงใยทั้งที่ก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับพวกเขาเลย โชคดีที่อิการิจะช่วยแก้ปัญหาให้เธอด้วยการเดินผ่านเลยไป ไม่ยิ้ม ไม่พูด ไม่แสดงปฏิสัมพันธ์อะไรทั้งนั้น หลังจากแผ่นหลังของชายผู้นำพาช่วงเวลาที่แสนจะน่าอึดอัดได้หายลับไปจากสายตา ในที่สุดโซระฮะก็สามารถถอนหายใจออกมาเต็มแรง ราวกับการยกภูเขาออกจากอกทั้งที่เรื่องราวเหล่านั้นก็หาได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอเลย
ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนปกติ เธอกับอิการิก็ยังคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีก นอกจากในฐานะเพื่อนร่วมห้องที่ไม่เคยพูดคุยทักทายกัน ไม่แม้แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเย็นวันนั้น ถึงจะได้บังเอิญสบตากันบ้างก็แค่เสี้ยววินาทีเดียวก่อนที่จะผ่านเลยกันไป ไม่มีอารมณ์อื่นใดบนใบหน้าปรากฏจากคนทั้งคู่ ความรู้สึกที่โซระฮะมีต่อเขาหรือมิโคโตะที่ก็ยังเป็นคู่รักกิ่งทองใบหยกก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าเสียงหัวเราะที่เพื่อนห้องเอทุกคนคุ้นเคยจะกลายเป็นวาจาผรุสวาทแบบที่ทำให้เธอตกใจจนตัวโยนได้ หรือไม่ว่าเรื่องที่เขาจะแอบนอกใจไปกับริสะที่ชอบจับกลุ่มเมาท์เรื่องแฟชั่นกับเพื่อนๆ ข้างหน้าเธอจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม
“วู้! ในที่สุดเราก็เรียนจบแล้ว!”
เป็นเพราะการกระโดดโลดเต้นบนส้นรองเท้าสูงสามนิ้วของคนที่ดูยังไงก็ป้อแป้ เพราะอย่างนั้นคาตาคุระ มิโคโตะที่กำลังตะโกนส่งน้ำเสียงอ้อแอ้ถึงได้ลงเอยด้วยการสะดุดล้มลงไปกับพื้นคอนกรีต เรียกทั้งสายตาและเสียงหัวเราะขบขันของผู้ที่สัญจรผ่านไปมา ทว่าเจ้าตัวก็หาได้มีท่าทีเขินอายอะไร อันที่จริงแล้วเธอไม่ได้แสดงท่าทีอะไรทั้งนั้นนอกจากนั่งแหมะแหงนคอมองดูต้นซากุระที่เปล่งประกายจากดวงไฟในยามค่ำคืน
“โอ๊ยตายแล้ว! นี่มันบ้าอะไรเนี่ย!”
ตรงกันข้ามกับมาจิ โซระฮะที่เพิ่งจะเดินออกจากหอประชุมตามมา กรีดเสียงร้องลั่นทั้งที่ยังคุยโทรศัพท์ไม่เสร็จดีจนต้องเอ่ยปากขอโทษขอโพยกับปลายสายที่หมายถึงแม่ของเธอ รีบกดฝาพับโทรศัพท์ปิดลงมาแล้ววิ่งไปประคองเพื่อนสนิทให้ลุกกลับขึ้นมาทรงตัว พยายามก้มหน้าไม่สบสายตากับใคร เมื่อยางอายของเธอยังมีอยู่เต็มเปี่ยมเพราะเบียร์แค่แก้วเดียว อดไม่ได้ที่ในหัวจะแอบก่นด่าคนที่ดื่มแอลกอฮอล์จนเมามายให้กลายมาเป็นภาระคนอื่นอย่างยัยนี่!
“โซระฮะ เราไปหาเก้าอี้สีชมพูกันเถอะ!”
“เก้าอี้สีชมพูอะไรของเธออีกเนี่ย! โอ๊ย! ตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอควรทำคือกลับบ้านแล้วไปนอนซะ” โซระฮะออกแรงเค้นเสียงอย่างเหนื่อยหน่ายในท้ายประโยค อันเนื่องมาจากแรงกดของคนที่ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงมาบนไหล่อย่างไม่เกรงใจกันเลย!
“โซระฮะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย!”
“โห อาจารย์มาพอดีเลย! รบกวนขอฝากเอาตัวยัยมิโคโตะไปด้วยค่ะ! ดื่มจนเมาแอ๋ทั้งที่หนูห้ามแล้วห้ามอีก พอคลาดสายตากันตอนที่อาจารย์ซากุไรเรียกหนูไปคุยด้วยก็ซัดซะเต็มที่เลย! แสบมาก!” โซระฮะยังคงบ่นพึมไม่ยอมหยุด แม้ภาระจะถูกส่งต่อไปให้กับชายหนุ่มที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาหาด้วยความตื่นตกใจนิดๆ และดูเหมือนว่าจะสลบเหมือดไปแทบจะทันทีที่ได้ขึ้นขี่หลังอาจารย์ฮาชิโมโตะ ชื่อเล่นฮาชิมจจัง ชื่อเต็มๆ ฮาชิโมโตะ เรียว แม้แต่มิโคโตะที่เป็นน้องสาวของคนรักสี่ปีและเข้าฟังการเลคเชอร์ของเขาเพียงแค่ไม่กี่ครั้งก็ยังเรียกว่าอาจารย์จนติดปากตามโซระฮะไปอีกคน
“แล้วเราล่ะว่าไง? อยากให้ไปส่งด้วยไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะ อาจารย์พาคนเมาไปส่งบ้านเถอะ หรือจะทิ้งไว้แถวกองขยะที่ไหนก็เชิญเลย!” คำพูดประชดประชันของหล่อนเรียกเสียงหัวเราะรวนร่าอารมณ์ดีที่เป็นเอกลักษณ์ของอีกฝ่ายขึ้นมาได้ แต่ก่อนที่อาจารย์จะได้เดินแบกภาระ (ขยะ) ชิ้นหนักอึ้งจากไป โซระฮะที่ปากไวก็จะเบรกเขาไว้ก่อนด้วยคำถามที่เพิ่งนึกออกว่า “อ๊ะ จริงด้วย เมื่อกี้ฉันได้ยินมิโคโตะพูดถึงเก้าอี้สีชมพู อาจารย์พอจะรู้ไหมคะว่าหมายถึงอะไร?”
และเมื่อมุมริมฝีปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อตอบกลับมาว่า “ไม่รู้สิ” ไฉนเลยที่คนหัวไวอย่างเธอจะดูไม่ออกว่าอาจารย์รู้...ชัดๆ!
“ยินดีด้วย”
ขณะนั้น บัณฑิตจบใหม่กำลังทอดสายตาไปยังบรรยากาศความสดใสชื่นบานที่รายล้อมอยู่ทั่วอาณาบริเวณ เพราะว่าเพื่อนสนิทกำลังถ่ายรูปพูดคุยอย่างสนุกสนานอยู่กับคนในครอบครัวที่อุตส่าห์จับรถไฟมาจากต่างจังหวัด จึงมีเพียงมิโคโตะที่ยืนอยู่ลำพัง เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว มิโคโตะเลยสะดุ้งเฮือกเมื่อหันไปเห็นว่าเป็นใครที่เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ
“อาจารย์ฮาชิโมโตะ!” ก่อนเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะโล่งอก ซึ่งจะตามมาด้วยรอยยิ้มกว้าง “ขอบคุณมากเลยนะคะ!”
“นี่ มิโคโตะ”
“คะ?”
“ในห้องว่างที่มีแค่เก้าอี้วางอยู่ ถ้ามีเก้าอี้สามตัว เธอจะเลือกตัวไหน?”
แม้จะไม่รู้เหตุผลที่จู่ๆ เขาก็ถามคำถามแปลกๆ ขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย (มิโคโตะคิดว่ามันต้องเป็นคำถามจิตวิทยาอย่างแน่นอนเมื่อดูจากรายวิชาที่เขาสอน) หากเธอก็ตอบกลับไปทันทีโดยแทบไม่เสียเวลาคิดว่า “ตรงกลางค่ะ”
“แล้วเก้าอี้ตัวนั้นสีอะไร?”
“สีชมพูล่ะมั้งคะ...ว่าแต่อาจารย์ถามไปทำไมคะเนี่ย!”
“เปล่าหรอก” ว่าแล้วก็เดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม ทิ้งคำถามและความสงสัยให้แล่นวนอยู่ในหัวสมองของมิโคโตะที่จะคิดหาคำตอบอย่างไรก็ไม่เข้าใจเอาเสียเลย
_______________
ความคิดเห็น