คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #58 : Chilla's Art: WITHOUT A TRACE
貴方を愛した私がいる 貴方を見つめた私がいる
คือฉันที่รักเธอ คือฉันที่เฝ้ามองเธอ
貴方を求めた私がいる 貴方を失くした私がいる
คือฉันที่เสาะหาเธอ คือฉันที่สูญเสียเธอ
私を愛した貴方がいる 私を見つめる貴方がいる
คือเธอที่รักฉัน คือเธอที่เฝ้ามองฉัน
私を壊した貴方がいる 私を奪った貴方がいる
คือเธอที่ทำลายฉัน คือเธอที่ครอบงำฉัน
私を殺した貴方がいる
คือเธอที่ฆ่าฉัน
— นาคิกาฮาระ, เดอะ กาเซตต์
นับตั้งแต่ตอนที่ฮันดะ ฮิโอริได้เจอกับบันทึกเล่มนั้น เธอก็บังเกิดความรู้สึกเกลียดชังจากความน่ารังเกียจของผู้คนในอพาร์ตเมนต์ห้าชั้นที่มีชื่อว่าชิโรยูริแห่งนี้ ที่ยังเสแสร้งแกล้งปั้นหน้า ทำคอเชิดลอยตาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่ตนเองได้กระทำลงไปอยู่ได้เป็นครั้งแรก
รายชื่อของผู้คนที่อยู่ในนั้นไม่ว่าจะเป็น...
‘คุณโคจิ ยูโกะ’ ผู้จัดการอพาร์ตเมนต์
‘คุณเคียวโมโตะ ไทกะ’ นักดนตรีห้อง 205
‘คุณอากาซาวะ มิยูกิ’ และ ‘คุณอากาซาวะ นัตสึโกะ’ พี่สาวคอลัมนิสต์ในบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์กับน้องสาววัยไฮสคูลห้อง 305
‘คุณมัตสึมูระ โฮคุโตะ’ อาจารย์มหาวิทยาลัยห้อง 505
ก็จะทำให้ฮิโอริรู้สึกพะอืดพะอมทุกครั้งแม้แค่ตอนที่เดินสวนทางกับพวกเขาและหวนนึกถึงเรื่องที่อยู่ในบันทึกเล่มนั้นขึ้นมา
∞
ฮิโอริเจอบันทึกเล่มนั้นเมื่อสามวันที่แล้ว เธอจำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนตอนกลางดึกเพราะเผลอทำน้ำอัดลมหกใส่ระหว่างทบทวนบทเรียน เป็นตอนนั้นเองที่เธอจะพบมันนอนแน่นิ่งอยู่ใต้ฟูกถึงจะมีฝุ่นจับอยู่เล็กน้อย เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อที่ได้เจอของจากผู้เช่าคนเก่าหลงเหลืออยู่ ทั้งที่คิดว่าทำความสะอาดห้องพักทุกตารางนิ้วจนหมดจดดีแล้วแท้ๆ (เธอได้ห้องนี้มาในราคาถูกมากพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบครัน) คิดว่าบางทีอาจจะนำมันไปให้ผู้จัดการ หรือไม่ก็ขอชื่อกับที่อยู่ใหม่ของใครก็ตามที่เคยอยู่ห้องนี้เผื่อว่าจะส่งมันกลับคืนไปให้ โดยไม่ได้มีความคิดว่าอยากจะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของคนอื่นในทีแรก แต่ถ้าไม่เปิดดูสักหน่อย เธอจะรู้ได้อย่างไรว่ามันคือสมุดที่บันทึกเรื่องราวของอะไรและเป็นบันทึกของใคร
แล้วฮิโอริก็ได้พบคำตอบจากข้อความที่หน้าแรกสุด สมุดเล่มนั้นที่แท้ก็คือบันทึกประจำวันที่เริ่มต้นตั้งแต่การย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
5 พฤษภาคม
เรากับแม่เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ใหม่ชื่อชิโรยูริ มันเป็นอพาร์ตเมนต์ที่สะอาด น่าอยู่ และสะดวกสบายมากเพราะมีลิฟต์ให้ใช้ด้วย ถึงต่อให้จะอยู่ชั้นสูงๆ แบบห้อง 405 ก็ไม่เป็นปัญหา เราคิดว่านั่นคือเหตุผลที่แม่ตกลงตะครุบอพาร์ตเมนต์นี้โดยไม่มองหาตัวเลือกอื่นอีก แม่บอกว่าเหตุผลนั้นก็ใช่ แต่ความจริงแล้วเป็นเพราะชื่ออพาร์ตเมนต์ต่างหาก
แม่บอกว่าดอกลิลลี่มีความหมายถึงการเริ่มต้นใหม่ และมันจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีของเราสองแม่ลูก ส่วนเราก็ได้แต่หัวเราะให้กับความเพ้อฝันของแม่ ถึงแม้ว่าเราจะไม่แน่ใจนักหรอกว่ามันจะเป็นไปได้จริงสำหรับเราทั้งสองคนไหม แต่พอได้เห็นรอยยิ้มสดใสของแม่เป็นครั้งแรก หลังจากต้องทนอยู่กับการถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายทั้งทางกายและทางใจครั้งแล้วครั้งเล่ามาตลอดสามปี อย่างน้อยๆ เราก็แน่ใจได้ว่านี่จะเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีสำหรับแม่
แต่ยอมรับนะว่าลึกๆ เราเองก็แอบหวังแบบนั้นสำหรับตัวเองเหมือนกัน
ทีแรกฮิโอริคิดว่าจะหยุดการอ่านไว้แค่หน้าแรกเท่านั้น แต่พอได้รับรู้ว่าเจ้าของบันทึกเล่มนี้กับผู้ให้กำเนิดต้องผ่านเรื่องราวโหดร้ายมา ก็ราวกับมีแรงดึงดูดให้เธอไม่อาจห้ามตัวเองจากการพลิกหน้าถัดไป...ต่อไป...และต่อๆ ไป เพื่อเฝ้าติดตามและเอาใจช่วยต่อชีวิตการเริ่มต้นใหม่ของเขาและแม่ได้เลย
10 พฤษภาคม
แม่ได้งานทำที่โรงงานอาหารกะดึกแล้ว เพราะอย่างนั้นเราเลยพลอยตาสว่างเอาตอนดึกและนอนตอนกลางวันเหมือนแม่ไปด้วย เราเพิ่งรู้ว่าตอนกลางคืนมันเงียบสงัดแค่ไหน ขนาดได้ยินเสียงความคิดของตัวเองเลย มันก็ดีที่ทำให้เรามีสมาธิอ่านหนังสือได้ แต่บางครั้งมันก็รบกวนจิตใจเรามากจนฟุ้งซ่านถึงเรื่องราวในอดีต พอถึงตอนนั้นเราก็จะออกไปนั่งรับลมและรับฟังสรรพเสียงของชีวิตที่ริมแม่น้ำแถวละแวกนี้บ้าง เพื่อไม่ให้รู้สึกว่ามีแค่เราคนเดียวบนโลก
ระหว่างที่เราทำแบบนั้นวันนี้ เราก็ได้เจอกับคุณเคียวโมโตะที่อยู่ห้อง 205 ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นนักดนตรีเพราะเห็นสะพายเคสกีตาร์กลับมาด้วยตอนเกือบรุ่งสางบ่อยๆ พอเราถามด้วยความกระตือรือร้นว่าเล่นเพลงแนวไหนและเล่นที่ไหน คุณเคียวโมโตะที่เราจะเห็นว่ามีรอยยิ้มสดใสทุกครั้งก็กลับแสดงสีหน้ารำคาญใจแล้วพูดว่า ‘คนพิการอย่างนายอย่าได้คิดเสนอหน้าทำมาเกาะแกะฉันเชียวล่ะ!’
ตอนนั้นมันก็ใกล้เช้าเต็มที เราคงไปถามตอนเขาง่วงเข้าเลยพาลอารมณ์ไม่ดี ตอนเราง่วงๆ เรายังเคยวีนใส่แม่ตั้งบ่อย
คุณเคียวโมโตะ ไทกะที่เคยให้ตั๋วฟรีกับเธอแล้วชักชวนไปดูเขาเล่นคอนเสิร์ตในไลฟ์เฮาส์ กระนั้นเธอก็ยังไม่เคยหาเวลาว่างไปดูได้สักทีเพราะการบ้านและงานพิเศษที่ล้นมือ ให้เธอได้เพียงตอบรับรอยยิ้มสดใสอย่างในบันทึกเล่มนั้นพร้อมคำสัญญาว่าสักหนึ่ง เขาเป็นเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาดูดีที่สุดในชีวิตเท่าที่ฮิโอริได้เคยพานพบ เสียจนเธอไม่อยากเชื่อว่าเทวดาปีกสีขาวจะมีจิตใจดำมืดไม่ต่างจากปีศาจชั่วร้ายเช่นนี้ เพียงเพราะความแตกต่างเท่านั้นน่ะหรือ?
12 พฤษภาคม
ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่แม่ก็ให้เราเลิกไปเรียนหนังสือ บอกว่าโรงเรียนคือโลกที่เลวร้ายสำหรับเด็กพิการ แม่ไม่อยากให้เราถูกเพื่อนที่โรงเรียนแกล้งอีกเหมือนสมัยอยู่ที่เก่า ทั้งที่ก็ใช่ว่าเราอยากจะอุดอู้อยู่แต่กับห้อง แต่แค่จะทำงานช่วยแบ่งเบาให้แม่ สภาพเราตอนนี้ก็ยังทำไม่ได้เลย เรารู้สึกแย่มากที่ต้องกลายมาเป็นภาระให้แม่แบบนี้
แต่เราจะไม่ปิดโอกาสให้ตัวเองเป็นคนโง่ที่ไม่มีความรู้รอบตัวอะไรเลย เพราะฉะนั้นเราเลยคิดว่าจะเริ่มต้นทบทวนบทเรียนด้วยตัวเอง ได้ยินว่าคุณมัตสึมูระ ห้อง 505 เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เขาก็ย่อมต้องช่วยเรื่องหลักสูตรระดับไฮสคูลได้ เย็นวันนั้นเราเลยเคาะประตูห้องของเขา
‘คนอย่างนายจะอยากเล่าเรียนไปทำไม ในเมื่อชีวิตของนายไม่มีวันทำอะไรที่เป็นประโยชน์ได้อีกแล้ว’
เราได้แต่นั่งตัวแข็งค้างอยู่หน้าประตูห้องที่กระแทกปิดเข้าใส่อยู่อีกสักพักด้วยความหวาดกลัวต่อสายตาเย็นชาที่มองต่ำลงมาคู่นั้น แต่เราจะตอบโต้อะไรได้ ในเมื่อสิ่งที่คุณมัตสึมูระพูดน่ะถูกต้องแล้ว
คุณมัตสึมูระ โฮคุโตะที่เต็มอกเต็มใจช่วยสอนการบ้านวิชายากๆ ให้เธอ แม้จะอยู่ต่างคณะและต่างมหาวิทยาลัยโดยไม่ปริปากบ่น เขาเป็นอาจารย์ใจดีที่ชอบสรรหาเรื่องสนุกๆ มาเล่าให้ฟังระหว่างติว ทำให้การเรียนวิชาน่าเบื่อของเธอไม่เคยน่าเบื่อ และยังคอยพูดให้กำลังใจเธออยู่เสมอว่าจะต้องทำตามความฝันในการไปต่างประเทศได้อย่างแน่นอน แค่เพราะเธอสามารถใช้งานอวัยวะได้ครบทุกส่วน เลยสามารถเป็นประโยชน์ได้มากกว่าคนพิการอย่างนั้นหรือ?
17 พฤษภาคม
เราเจอสุนัขตัวหนึ่งอยู่ที่หลังอพาร์ตเมนต์ตอนขากลับจากไปกดน้ำ มันเป็นพันธุ์ชิบะอินุตัวสีดำ คอยวิ่งตามมาเกาะแกะรอบๆ รถเข็นเราตลอด เห็นแบบนั้นเราเลยอดใจหยุดเล่นกับมันไม่ได้จริงๆ มันพยายามเลียชาที่เราทำหกด้วย ดูเหมือนว่ามันจะหิว เราจำได้ว่าคุณโคจิ ผู้จัดการอพาร์ตเมนต์นี้เลี้ยงแมวอยู่ตัวหนึ่ง เราเลยตัดสินใจว่าอาจจะไปขออาหารไม่ก็นมมาให้มัน พอประตูห้องเปิดออกปุ๊บแมวสีดำก็วิ่งออกมาจากห้องทันที คุณผู้จัดการเลยได้แต่ตะโกนเรียกชื่อเจ้าคุโรโระซึ่งจะเผ่นแผล็วหายลับกระโดดข้ามรั้วออกไปแล้ว
แล้วเราก็ถามว่าพอจะมีอาหารปันให้สุนัขที่ดูเหมือนจะหลงทางมาบ้างหรือเปล่า แต่คุณผู้จัดการก็จะบอกว่า ‘ขนาดเอาตัวเองยังไม่รอดแล้วยังหวังจะไปเลี้ยงสัตว์อีกหรือไง’
แต่ไม่มีทางที่คนรักสัตว์จะเป็นคนไม่ดี เขาก็แค่หงุดหงิดที่แมวเกเรของตัวเองหนีไปเพราะเราไปรบกวนเข้าพอดี
เพราะในห้องไม่มีอาหารเหลืออยู่ เราเลยให้ได้แค่น้ำเปล่าที่มีติดตู้เย็น เอาไว้พรุ่งนี้เราจะกลับมาดูใหม่ว่ามันยังอยู่ไหม
คุณโคจิ ยูโกะ ผู้จัดการอพาร์ตเมนต์ที่จะทักทายเธออย่างเป็นมิตรทุกครั้งเมื่อเจอหน้า บางคราวเธอจะเห็นเขานั่งเกาคางเจ้าคุโรโระด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายอยู่บนขั้นบันได เธอเองยังเคยไปนั่งดูตอนที่เจ้าคุโรโระกินอาหารกับเขา แล้วพูดคุยทั้งเรื่องแมวเหมียวของเขาหรือลาบราดอร์ของเธอที่บ้านเกิดในไซตามะอย่างสนุกสนานด้วยกันตั้งมาก ส่วนตัวเธอไม่ได้เห็นด้วยกับข้อความในบันทึกที่ว่า ‘ไม่มีทางที่คนรักสัตว์จะเป็นคนไม่ดี’ เพราะเด็กผู้ชายสมัยประถมที่เคยเป็นเวรให้อาหารกระต่ายกับเธอก็โตมาและมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่นจนต้องเข้าสถานพินิจมาแล้ว ทำไมคนเราถึงทำดีกับสัตว์ได้ แต่ดันดูถูกดูแคลนมนุษย์เหมือนกันเพียงเพราะความไม่สมบูรณ์ด้วย?
22 พฤษภาคม
เรารู้ว่าตัวเองเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นไม่ค่อยได้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่ต้องพูดถึงเพศตรงข้ามที่เราไม่เคยสนิทใจที่จะคุยด้วยตั้งแต่ก่อนพิการแล้ว เพราะฉะนั้นเราเลยไม่คิดที่จะเข้าไปทักทายสองพี่น้องอากาซาวะที่อยู่ห้อง 305 เลย แม้แต่การเดินสวนทางก็ยังเป็นเรื่องที่เราไม่อาจหาญ
เราไม่ค่อยรู้เรื่องของคนพี่มากเท่าไหร่เพราะดูเหมือนเธอจะยุ่งวุ่นวายอยู่ตลอดและไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน แต่ก็ใช่ว่าเราจะรู้เรื่องของคนน้องมากไปกว่ากัน นอกจากว่าเธออายุน้อยกว่าเราหนึ่งปี เรามักจะเห็นเธอเดินกลับบ้านมาตอนค่ำๆ อาจเพราะงานชมรมหรือไม่ก็เที่ยวเล่นกับเพื่อน เรื่องนั้นเราไม่รู้และไม่มีทางที่จะกล้าถาม แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นเธอสวมชุดเครื่องแบบ เธอจะทำให้เรานึกถึงชีวิตวัยเรียนที่ครั้งหนึ่งเราก็เคยมี
หรือไม่ก็เพราะเธอทำให้เรานึกถึงเด็กผู้หญิงคนสำคัญของเรา ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าที่สะสวย ผมสีดำยาว และรอยยิ้มที่เปล่งประกายมากเหมือนกับดวงอาทิตย์ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ชอบคุณอากาซาวะคนน้องในแบบนั้น แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ เราก็จะอดเหลียวหลังมองตามเธอไปไม่ได้ทุกที
จนเราตกใจมากที่เธอจะพุ่งตัวเข้าใส่ตอนเราออกมาจากลิฟต์ แล้วตะคอกเสียงดังมากใส่หน้าเราว่า ‘เลิกแอบมองตามฉันสักที! แค่พิการก็น่าสมเพชพออยู่แล้วยังจะทำตัวทุเรศอีก! หัดเจียมตัวซะบ้างเถอะไอ้สตอล์กเกอร์โรคจิต!’ โดยไม่ฟังคำแก้ตัวของเราเลยขณะเดินปึงปังตอกฝีเท้าขึ้นบันไดไปด้วยความฉุนเฉียว
บางทีเราอาจจะไม่รู้ว่าการกระทำของตัวเองมันออกมาน่าเกลียดแค่ไหนก็ได้ เรารู้สึกแย่มากที่ทำให้คุณอากาซาวะคนน้องต้องรู้สึกอึดอัดมาตลอด แต่เราก็ไม่มีความกล้าพอที่จะบากหน้าไปขอโทษเหมือนกัน
ถ้าเราสอดจดหมายขอโทษให้ที่ตู้ เธอจะยอมรับคำขอโทษไหมนะ
คุณอากาซาวะ มิยูกิคนพี่ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนิทสนมด้วยเพราะหล่อนกลับบ้านไม่เคยเป็นเวลา ตรงกันข้ามกับอากาซาวะ นัตสึโกะจังคนน้องที่มักจะแวะเวียนมาแบ่งอาหารหรือขนมนมเนยที่ทำเองมาให้ตลอดแทบไม่เคยขาดปาก เธอเป็นเด็กสาวแบบที่ผู้หญิงด้วยกันก็ยังอดปากชมว่าน่ารักไม่ได้ ก็ไม่แปลกถ้าหากจะมีใครชื่นชมหรือชื่นชอบเพียงแค่จากการได้เห็นใบหน้าของเธอ แต่การพูดคุยกันดีๆ มันเป็นเรื่องยากถึงปานนั้น หรือเพราะอีกฝ่ายคือคนพิการเลยชวนให้รู้สึกขยะแขยงไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตามกันแน่?
ฉับพลันทันใด สติของเธอก็จะถูกฉุดกระชากอย่างรุนแรง เหมือนกับความรู้สึกตอนตกจากที่สูงในความฝันจนร่างกายเกิดปฏิกิริยาอัตโนมัติแล้วดึงเรากลับคืนมาสู่โลกของความเป็นจริง ที่แม้ว่าตอนนี้ฮิโอริอาจไม่ได้กำลังยืนอยู่อย่างหมิ่นเหม่บนขอบระเบียงหรือหน้าต่างสูงบนชั้นสี่ที่ชวนให้รู้สึกหวาดหวั่น หากความเป็นจริงที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ณ เวลานี้ก็สามารถทำให้เธอพรั่นพรึงได้
เมื่อฮิโอริได้มองเห็นเลือดสีแดงฉานเปรอะอยู่ทั่วร่างกาย สาดกระจายไปทั่วชุดกระโปรงนอนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสีขาวสะอาด ผ่านแสงของจันทร์เต็มดวงในยามค่ำคืนที่สาดส่องเข้ามา เสียงของมีดที่ร่วงหล่นลงไปกระทบกับพื้นไม้มาจากมือข้างขวาที่สั่นเทาของเธอเอง
แต่ก่อนที่เข่าของเธอจะทรุดฮวบลงไปพังพาบ ไม่ต่างอะไรจากร่างไร้วิญญาณเหล่านั้น เธอก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักของท่อนแขนที่พาดลงมาผ่านต้นคอเพื่อล็อกมันจากด้านหลัง ด้วยส่วนสูงที่ทัดเทียมกัน เขาจึงไม่จำเป็นต้องก้มลงมายามกระซิบกระซาบถ้อยคำริมใบหูของเธอ
“นับจากนี้ไปฉันจะมอบทุกอย่างให้เธอ ฮิโอริ”
ด้วยน้ำเสียงที่เป็นของทากาฮาชิ ไคโตะ…คนรักเก่าสมัยไฮสคูลไม่มีผิดเพี้ยน
∞
บัดซบเอ๊ย!
ฉันอยากให้ไอ้พวกในอพาร์ตเมนต์ชิโรยูริห่าเหวนี่ตายๆ ไปให้หมด! ไม่ว่าหน้าไหนๆ ต่างก็ทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน ปฏิบัติตัวเหมือนกับฉันเป็นคนพิการที่ทำอะไรเองไม่ได้ ฉันไม่ได้ต้องการความเห็นใจจากใครทั้งนั้น ทั้งผู้จัดการที่เอาแต่ถามด้วยน้ำเสียงโง่เง่าเหมือนตอนคุยกับไอ้แมวดำน่าเกลียดนั่นว่าฉันจะไปไหนหรือทำอะไรทุกครั้งที่นั่งรถเข็นออกไปข้างนอก นักดนตรีที่คอยโบกมือทักทายและส่งยิ้มน่ารำคาญมาให้ อาจารย์มหาวิทยาลัยที่ชอบเข้ามาจุ้นจ้านเสนอหน้าอยากสอนหนังสือให้ หรือสองพี่น้องที่ชอบหอบอาหารทำเองมาฝากพวกเราสองแม่ลูกได้ทุกวี่วัน
แต่รู้ไหมว่าอะไรที่น่าสมเพชที่สุด? ก็คนที่เป็นฝ่ายรับความช่วยเหลือจากคนอื่นอย่างหน้าไม่อายยังไงล่ะ เรื่องที่ฉันคิดว่าทุเรศที่สุดคือการที่นางบ้านั่นไม่ยอมเปิดปากคุยกับฉันอีกตอนที่อยู่ด้วยกันสองคนเลยด้วยซ้ำ แต่พออยู่ต่อหน้าคนอื่นดันเสนอหน้าทำเหมือนตัวเองเป็นแม่ที่ห่วงใยนักหนา ห่วงใยด้วยการแต่งงานกับไอ้พ่อเลี้ยงขี้เมาที่เลวระยำนั่นน่ะนะ? ทุกครั้งที่มันเมาเหล้าหรือหาเงินไปเล่นปาจิงโกะไม่ได้ก็จะเปลี่ยนเป้าหมายมาหาเรื่องทำร้ายฉันด้วยหมัดกับลำแข้งตลอด ทั้งที่นางบ้านั่นก็เห็นเนื้อตัวที่เป็นจ้ำช้ำเลือดช้ำหนอง แต่ก็ยังปล่อยให้มันทำแบบนั้นโดยไม่ดูดำดูดีเลยสักครั้ง เวลาที่คนอื่นถามว่าหน้าฉันไปโดนอะไรมา นางบ้านั่นก็จะตอบว่าฉันซุ่มซ่ามเอง หนักข้อเข้าก็เริ่มกล่าวหาว่าฉันไปมีเรื่องกับเด็กคนอื่น ทั้งที่คนอย่างฉันเนี่ยนะจะมีเด็กคนไหนกล้ามาหาเรื่องด้วย น่าขำชะมัด!
แต่ที่น่าขำจริงๆ อาจเป็นตัวฉันเองก็ได้ คิดดูสิว่าคนที่ไม่มีใครในโรงเรียนกล้าแม้แต่จะพูดจาหาเรื่องด้วย กลับต้องมารองมือรองเท้าไอ้เวรนั่นโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่การป้องกันตัว ฉันทึ่งใจที่ตัวเองอดทนอยู่ได้ตั้งนานเป็นปี ทั้งที่ฉันสามารถตอบโต้มันได้ หนีออกจากบ้านได้ หรือแม้แต่ฆ่ามันก็ยังได้ แต่เพราะความคิดโง่ๆ ที่อยากจะปกป้องแม่ คนคนเดียวที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉัน ครอบครัวคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่ เพราะถ้าเกิดว่าฉันไม่อยู่ขึ้นมา แม่อาจจะเป็นคนที่ต้องถูกทำร้ายแทน และนั่นก็เป็นเรื่องโหดร้ายเกินกว่าที่ผู้หญิงอ่อนแออย่างนั้นจะทนรับไหว
ฉันกล้ำกลืนฝืนใช้ชีวิตที่ไม่ได้ต่างจากนรกให้ผ่านพ้นไปวันๆ จนกระทั่งฉันได้พบกับเด็กผู้หญิงคนนั้น
จนกระทั่งฉันได้พบกับเธอ...ฮิโอริ
นับตั้งแต่ที่รู้ว่าโลกที่แสนอัปลักษณ์ใบนี้มีแต่ความจอมปลอม ฉันก็เลิกปฏิสัมพันธ์กับสิ่งมีชีวิตรอบข้างอีก แต่ที่นั่งเดียวที่ว่างสำหรับเด็กใหม่ที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาตอนขึ้นชั้นปีที่สามคือข้างกันกับฉัน ตอนที่เธอพยายามร้องเรียกฉันซึ่งนั่งเท้าคางมองออกไปข้างนอกโดยไม่ได้สนใจใครเหมือนอย่างเคยโดยไม่ลดละ เพียงเพื่อที่จะได้เอ่ยแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงสดใสและรอยยิ้มกว้างซึ่งเปล่งประกาย เป็นวินาทีนั้นเองที่ฉันแน่ใจแล้วว่าได้พบกับแสงสว่างที่เจิดจ้าที่สุดเป็นครั้งแรก
เธอยินยอมให้ความมืดมิดอย่างฉันเข้าไปในชีวิต
แต่สุดท้ายแล้วกลับเป็นแสงสว่างอย่างเธอที่ผลักให้ฉันต้องจมดิ่งลงไปในก้นหลุมที่ลึกสุดหยั่ง
ฉันรู้มาตลอดว่าเป็นเธอที่เริ่มต้นใส่ร้ายป้ายสีฉันในกระดานข่าวของโรงเรียน เพียงแค่ว่าในตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจเหตุผลที่เธอทำลงไป
ตั้งแต่ไอ้พวกสวะชั้นต่ำในโรงเรียนเห็นว่าฉันเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนหลังจากคบกับเธอ พวกมันเลยคิดว่าตัวเองสามารถกลั่นแกล้งหรือทำอะไรฉันก็ได้ ไอ้พวกหมาหมู่ ดีแต่ใช้วิธีลอบกัด แต่เธอรู้ไหมฮิโอริ บาดแผลภายนอกที่ฉันโดนมาตลอดทั้งที่บ้านและที่โรงเรียนจนกลายเป็นความชาชิน ทุกอย่างเหล่านั้นไม่มีอะไรเทียบได้กับสายตาเย็นชาและการกระทำที่แสดงออกถึงความโกรธเกลียดจากเธอเลยแม้สักอย่างเดียว
แต่สิ่งที่ทำให้ฉันแทบบ้าคือตอนที่เธอเดินควงคู่หัวร่อต่อกระซิกอยู่กับนากาเสะ ถึงพวกเธอจะบอกกับคนอื่นๆ ว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน ทว่านั่นคือตอนที่เธอจะจงใจสบประสานสายตาเพื่อแสดงความเย้ยเยาะมาทางฉัน ราวกับการยั่วยุเพื่อทดสอบว่าฉันสามารถอดทนได้มากแค่ไหน
จากเรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อยแค่เพราะเธอเห็นฉันเดินควงแขนอยู่กับผู้หญิงคนอื่นในย่านสถานเริงรมย์ เป็นฉันก็คงจะคิดมากแบบเดียวกันจากระยะห่างที่ใกล้ชิดขนาดนั้น แต่ถ้าเธอมาถามหาเหตุผลกับฉันตรงๆ ฉันก็ไม่ลังเลที่จะตอบกลับไปอย่างบริสุทธิ์ใจว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่ผู้อยู่อาศัยร่วมอพาร์ตเมนต์ที่บังเอิญเจอกันตอนฉันกลับจากซูเปอร์มาร์เก็ต หล่อนดื่มเหล้าไปมากเอาการจนอาการไม่ค่อยดี และกลุ่มเพื่อนผู้ชายที่อยู่กับเธอก็ส่อเจตนาที่ดูไม่น่าไว้วางใจ หล่อนเลยขอให้ฉันช่วยเรียกแท็กซี่พากลับไปส่งที่บ้าน มันก็เท่านั้น
แต่เธอไม่เคยแม้แต่จะปริปากถาม แล้วเอาเรื่องเล่าน่ารังเกียจที่ไม่เป็นความจริงไปเขียนลงในกระดานข่าว จากนั้นก็เอามันมาใช้เป็นเหตุผลบอกเลิกฉันต่อหน้าคนอื่นๆ ในห้องเรียนด้วยน้ำตาที่นองหน้า ใครเล่าจะรู้ว่าสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังโฉมหน้าของเทพธิดาที่ฉันหรือที่ใครต่อใครนึกว่าเธอเป็น แท้จริงแล้วกลับเป็นนางปีศาจที่แสนชั่วช้าเกินกว่าที่ใครจะคาดคิดถึง
ก่อนความอดทนต่อเรื่องเหลวไหลทั้งหมดนี้ของฉันจะสิ้นสุดลง ในวันที่ฉันตัดสินใจไปดักรอเธอระหว่างเส้นทางกลับบ้าน ตอนที่ฉันจับท่อนแขนของเธอที่พยายามจะเดินหนี เธอก็จะรีบปัดมือของฉันออกไปอย่างไม่ใยดี บอกว่ารังเกียจฉัน ไม่ต้องการฉันอยู่ในชีวิตอีกต่อไป ฉันไม่เข้าใจอะไรเลยในทีแรก กระทั่งเธอเริ่มต้นแผดเสียงด่าทอใส่หน้าฉัน บอกเล่าถึงภาพเหตุการณ์ที่ได้เห็นในวันนั้นแล้วตะโกนทิ้งท้ายอย่างเหลืออดว่า ‘นายให้ฉันไม่ได้แต่ให้ผู้หญิงคนอื่นได้งั้นสิ! ผู้ชายน่าขยะแขยงอย่างนายไม่มีค่าอะไรกับฉันเลยสักนิด!’ โดยที่เธอไม่แม้แต่จะยอมฟังคำแก้ตัวของฉัน ทั้งยังตบหน้าแล้วผลักฉันที่ไม่ทันตั้งตัวจนล้มลงไป ขณะที่ตัวฉันเองก็ได้แต่นิ่งงันไปจากเหตุผลที่ไม่เคยแม้แต่จะคาดคิดถึง
ที่แท้ต้นเหตุมาจากเรื่องเล็กน้อยเท่านี้เองเหรอฮิโอริ? ในเมื่อเธอเองก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรแม้แต่การจูบ จนฉันคิดว่าเธอพอใจกับสถานะของเราในแบบนี้แล้ว
ฉันยอมรับว่าฉันกลัว...กลัวว่าถ้าเธอได้เห็นบาดแผลมากมายใต้ร่างกายของฉัน ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วฉันไม่ได้เข้มแข็งพอที่จะปกป้องตัวเองจากทุกอย่างได้เหมือนอย่างที่แสดงออกว่าเป็น เธอจะนึกรังเกียจฉันหรือเปล่า? นั่นคือคำถามที่แล่นวนอยู่ในหัวสมองของฉันมาตลอด ถึงเธอจะไม่เคยแสดงทีท่าแบบนั้นต่อบาดแผลบนใบหน้าที่ฉันสามารถสรรหาเหตุผลมาหลบเลี่ยงได้ แต่เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันคนละเรื่อง เพราะเธอคือมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบมากเสียจนฉันกลัวว่าถ้าเธอได้เห็นความไม่สมบูรณ์แบบของฉันแล้วจะตีจากไป
แต่การได้รู้ว่าเธอรักฉันมาก ต้องการฉันมาก จนเกลียดฉันได้มากขนาดนั้น เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
เพียงพอที่ฉันจะผลักไสใครก็ตามที่ขวางทางเราออกไปให้พ้นทาง
แต่พระเจ้าคงเกลียดชังฉันมาก ไม่แน่ว่าป่านนี้อาจจะกำลังหัวเราะเยาะฉันอยู่ก็ได้กับเรื่องน่าสังเวชซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ต้องเผชิญ ขณะที่พระเจ้าห่าเหวเข้าข้างคนที่เกิดมาพร้อมกับชีวิตที่มีทุกสิ่งพรักพร้อมอย่างนากาเสะ ถึงขนาดมอบสิ่งที่ทุกคนเรียกขานมันว่า ‘ปาฏิหาริย์’ ให้ เธอก็คงได้เห็นแล้วว่าฉันต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง
ฉันต้องกลายเป็นคนพิการเดินไม่ได้จากอุบัติเหตุรถชนครั้งนั้น ไอ้พ่อเลี้ยงระยำก็หอบข้าวของกับเงินเก็บของแม่แล้วหนีไปอยู่กับชู้รักคนใหม่เพราะไม่อยากรับภาระเลี้ยงดูฉัน เพราะอย่างนั้นแม่ที่หมดตัวและอับอายขายขี้ปากชาวบ้านเลยพาฉันย้ายมาอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แถบชานเมืองนี่ ถึงจะไม่เคยพูด แต่สีหน้าและแววตาของนางบ้านั่นก็สื่อความหมายออกมาชัดเจน หล่อนพยายามกล่าวโทษว่าฉันเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทุกอย่าง แทนที่จะใช้หัวสมองกลวงๆ ตรองดูว่าใครกันแน่ที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นกับลูกชายของตัวเองตั้งแต่แรก
กระทั่งฉันได้พบกับคุณเจสซี่ ลูอิส บาทหลวงชาวตะวันตกห้อง 105 ที่เพิ่งย้ายเข้ามา
คนคนเดียวที่ไม่ยินดียินร้ายกับความพิการของฉันอย่างที่ฉันต้องการ
คนที่มอบ ‘ปาฏิหาริย์’ ให้ฉันด้วยคำพูดเพียงแค่ประโยคเดียวว่า “ทุกคำขอแลกกับการสังเวย”
ฉันถึงได้เลือกสังเวยชีวิตของแม่เพื่อแลกกับการได้เธอคืนมา
ฉันไม่รู้สึกถึงความลังเลใจเลยสักนิดขณะกำมีดทำครัวแทงเข้าที่หัวใจนางบ้านั่นตอนมันนอนหลับ ฉันดื่มด่ำกับความรู้สึกสุขสงบของการหลุดพ้นพร้อมกับน้ำตาแห่งความปีติที่หลั่งรินลงมาเงียบๆ อยู่อีกพัก จากนั้นถึงกระเสือกกระสนพาร่างตัวเองกระโดดลงไปจากห้องพักชั้นสี่ หลังจากการเจรจากับปีศาจในคราบของนักบุญลวงตา
ปีศาจ...ที่มอบความตายซึ่งฉันเต็มใจโอบรับด้วยความยินดีมาให้
แต่ปีศาจก็คือปีศาจ พวกมันล่อหลอกเพื่อความปรารถนาต่อดวงวิญญาณของเรา เช่นนั้นฉันจึงบอกว่าจะสังเวยชีวิตที่มากกว่านั้นให้อีกห้า แลกกับชีวิตนับจากนี้ไปของเราสองคน และเพราะฉันรู้ว่าเธอที่แสนดีย่อมไม่มีวันยอมรับการกระทำอันแสนชั่วช้าใดๆ ฉันเลยตั้งใจทิ้งบันทึกเล่มนี้เอาไว้กับเรื่องราวที่ไม่เป็นความจริงทั้งหมด (เธอเป็นคนสอนเรื่องนี้ฉันเองนี่นะฮิโอริ) เรื่องราวที่จะทำให้เธอนึกเกลียดชังพวกมันที่เสนอหน้ามาทำดีกับฉันทั้งที่ไม่ได้มีใครร้องขอ ไหนจะการที่พวกมันได้รับรอยยิ้มและความจริงใจจากเธอซึ่งควรเป็นของฉันคนเดียว ก็สาสมดีแล้ว
ฉันเฝ้าอดทนรอให้ความนึกคิดของเธอที่มีต่อพวกมันเต็มไปด้วยความโกรธเกลียด เคียดแค้น ชิงชัง เพื่อให้ความอ่อนแอชักนำการกระทำจากจิตใต้สำนึกของเธอ เพื่อให้เธอที่กระทำบาปอันชั่วร้ายแปดเปื้อนไปจนถึงจิตวิญญาณจนไม่อาจเป็นแสงสว่างให้แก่ใครได้อีกแม้แต่ตัวเอง และจมดิ่งลงสู่ความมืดมิดเหมือนอย่างที่เธอเคยผลักฉันลงไป
แต่ฉันจะไปกับเธอ
I know your ugliness
ฉันรู้ถึงความอัปลักษณ์ของเธอ
I My feelings for you never change
ความรู้สึกที่ฉันมีให้เธอไม่มีวันแปรเปลี่ยน
My life is dirty now
ชีวิตของฉันมันแปดเปื้อนไปแล้ว
Such a life is sad
น่าเวทนาสิ้นดี
— เดราซีเน่, เดอะ กาเซตต์
_______________
ความคิดเห็น