คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #91 : ES or S - Seizensetsu (A) 50% ขอเสียงชาวโอตาขุหน่อยคนับ
ถ้าฉันต้องสูญเสียทุกอย่าง
ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เธอไป
—วิลล์-อิลล์, ทีเค
‘ความรัก’ สำหรับนาสุ ยูโตะ คือสิ่งจอมปลอม
เขาเติบโตมาในครอบครัวที่สมบูรณ์แบบที่สุดและน่าอิจฉาที่สุดเท่าที่ใครในมิโตเกียวจะมีได้ พ่อเป็นนักการเมืองชื่อดังที่จะได้เป็นตัวแทนพรรคส่งเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งใหม่อีกไม่กี่ปีข้างหน้า ขณะที่แม่ก็เป็นเจ้าของมูลนิธิเพื่อการกุศลต่างๆ มากมาย จึงย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกหากลูกชายคนเดียวจะถูกฟูมฟักเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเรื่องกิริยามารยาทหรือการศึกษาเล่าเรียนก็ล้วนแล้วแต่ดีเลิศไร้ที่ติ ใช้ชีวิตอย่างเป็นระเบียบแบบแผนอยู่ในกรอบที่พ่อแม่วางไว้ให้ แม้ว่าพวกท่านจะไม่ค่อยมีเวลาให้ ช่วงเวลาที่ได้พร้อมหน้ากันบนโต๊ะอาหารในตอนกลางคืนคือการถามไถ่เรื่องผลการเรียนทั้งในและนอกห้อง ย้ำชัดให้เขามุ่งมั่นตั้งใจเพื่อที่จะได้สานต่อเจตนารมณ์ของผู้เป็นบิดา ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น กระนั้นเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาก็เชื่อสุดหัวใจว่ามันคือความรักจากผู้ให้กำเนิด
กระทั่งเด็กน้อยเติบใหญ่กลายเป็นเด็กหนุ่ม เริ่มระแคะระคายและได้ล่วงรู้ความลับเรื่องพี่ชายนอกสมรสเป็นครั้งแรกเมื่ออายุได้สิบสี่ หากเท่านั้นก็มากพอที่จะทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจต่อพ่อที่เขารักและเทิดทูนตลอดมาพังทลายลงไปในชั่วพริบตา นอกจากข้อความจริงที่ว่าพ่อของเขาไม่ได้ซื่อสัตย์กับแม่แค่คนเดียวแล้ว ชู้รักที่พ่อยังคงส่งเสียเลี้ยงดูจากที่นาสุเคยแอบตามไปดูก็ทั้งงดงามและอ่อนเยาว์กว่าแม่ของเขาอย่างเทียบไม่ติด เพราะอย่างนั้นหล่อนถึงได้ให้กำเนิดเทพบุตรออกมายังโลกใบนี้นี่เองสินะ ฟุคุโมโตะ ไทเซย์ที่อายุมากกว่าเขาหกปีตัวสูง รูปร่างดี หน้าตาดี หัวก็คงจะดีด้วยจากการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าเหมือนกันกับพ่อ ทั้งหมดเหล่านั้นยังไม่ทำให้นาสุรู้สึกเจ็บปวดใจได้มากเท่ากับการมองดูใบหน้ายิ้มแย้มของพ่อตอนที่พูดคุยอยู่กับสองแม่ลูกบนโต๊ะอาหารของร้านอาหารจีนในซอกมุมหนึ่งของละแวกย่านเสื่อมโทรมที่ครอบครัวนาสุของเขาไม่มีทางจะมาเหยียบย่าง เสียงหัวเราะเริงร่าแสดงความสุขสันต์ที่ดังแว่วมาตามสายลมบาดลึกเข้าไปข้างในราวกับคมมีดที่กรีดเฉือน
นี่ต่างหากคือความรักที่แท้จริงจากผู้ให้กำเนิด
หัวใจที่เคยเปี่ยมไปด้วยความรักและความดีงามของนาสุเปลี่ยนไปเป็นด้านชา ลามมาถึงตัวตน แม้จะได้ล่วงรู้ความลับเรื่องชู้รักคนขับรถของแม่ที่น่าอดสูยิ่งกว่าในภายหลังก็ไม่ทำให้เขารู้สึกอะไรได้อีก เขาสวมใส่หน้ากากเหมือนที่ทุกคนในครอบครัวต่างก็หยิบมันขึ้นมาทาบทับเมื่ออยู่ที่บ้าน กระทั่งในที่สุดมันก็แนบสนิทเข้ากับใบหน้าราวกับอวัยวะอีกชิ้นหนึ่ง
นาสุได้รู้จักกับยูอาสะ นินะ ตอนขึ้นชั้นไฮสคูล เธอเป็นเด็กสาวธรรมดาๆ ที่กลมกลืนไปกับเด็กนักเรียนอีกร้อยพันคนในสถาบัน ไม่มีอะไรโดดเด่นเลยสักอย่างทั้งรูปลักษณ์ นิสัยใจคอ ผลการเรียน อาจรวมไปถึงการใช้ชีวิต จนไม่เคยอยู่ในสายตาหรือว่าความสนใจของเขามาก่อน กระทั่งในเย็นวันกลางฤดูใบไม้ร่วงที่เขาอยู่ช่วยเธอที่เป็นเวรทำความสะอาดต่อหลังเลิกเรียน เด็กสาวเพื่อนร่วมห้องก็เอ่ยปากพูดกับเขาเป็นประโยคแรกด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเรียบนิ่ง ที่นาสุเชื่อว่าตัวเองเข้าใจไม่ผิดต่อเจตนาของการเสียดเย้ยภายในนั้นว่า
“ถ้านายไม่อยากทำก็บอกครูไปสิว่าไม่อยากทำ จะมาเสแสร้งอยู่ได้ทำไม”
“เอ๊ะ...ทำไมคุณยูอาสะถึงพูดแบบนั้นล่ะ?”
และถึงเขาจะทำเป็นส่งสีหน้าไร้เดียงสา หัวเราะกลบเกลื่อนคำพูดเหล่านั้นเหมือนกับว่าไม่ได้คิดอะไรเลย แต่ใครไหนจะรู้ว่าแท้จริงข้างในใจของเขากำลังรุมร้อนเป็นไฟ
“ที่จริงนะ ให้ฉันทำเองคนเดียวดีกว่า ส่วนนายก็กลับบ้านหรือจะไปไหนก็ไปเถอะ บอกตามตรงว่าเห็นความเสแสร้งแกล้งทำตัวเป็นนักเรียนดีเด่นของนายแล้วฉันสะเอียนจนอยากอ้วก ทั้งที่แต่ไหนแต่ไรนายก็ไม่เคยแยแสคนอย่างฉันมาก่อนอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”
หนนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของนาสุหุบลงไปขณะจ้องสบกับเธอที่ยืนอยู่คนละฟากฝั่งของกระดานดำโดยไม่มีฝ่ายไหนคิดจะเบือนหลบ เธอมันก็แค่ผู้หญิงกระจอกๆ กล้าดียังไงถึงมาว่าเขาแบบนั้น กล้าดียังไงถึงมองเขาด้วยสายตาดูแคลนแบบนั้น กล้าดียังไงถึงมาพูดเหมือนกับว่าตัวเองรู้ดีไปซะทุกอย่างทั้งที่เธอไม่รู้อะไรเลยสักนิด แล้วโดยที่ไม่รู้ตัว นาสุก็เดินไปตบหน้าเธอ
เขาไม่ได้ใส่เรี่ยวแรงลงไปทั้งหมดแม้ว่าจะไม่พอใจคนตรงหน้าแค่ไหน เพราะถึงยังไงเธอก็ยังเป็นผู้หญิง...ที่อ่อนแอมากเสียจนแค่เท่านี้ก็ทำให้ใบหน้าของเธอหันไปอีกทาง แก้มขาวของเธอขึ้นเป็นรอยแดงที่อาจไม่ได้ชัดเจน แต่เป็นของเหลวสีสดจากมุมริมฝีปากนั้นต่างหากที่ทำให้นาสุงันไป ก่อนที่เขาจะได้เข้าใจต่อความเข้มแข็ง — หรือไม่ก็บ้าบิ่น — ในตอนที่นินะพุ่งตัวเข้ามาตบหน้าเขาคืน นาสุแน่ใจว่าเธอใส่ลงไปสุดแรงแล้ว กระนั้นก็หาได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดนอกจากระคาย นั่นคงเป็นตัวกระตุ้นให้เธอยิ่งขุ่นเคืองใจจนต้องยกมือขึ้นตบหน้าเขาซ้ำๆ โดยที่นาสุไม่คิดจะโต้ตอบกลับไป และการที่เขายังยืนก้มหน้ามองเธอราวกับคนต้อยต่ำกว่าอยู่ได้ก็เป็นเหตุผลมากพอให้เธอผลักเขาที่ไม่ทันได้ตั้งตัวให้ล้มลงไป เหมือนกับที่นาสุก็ไม่ทันได้ตั้งตัวกับร่างของเธอที่ตามลงมานั่งคร่อมเขาไว้และ...จูบเขา
เป็นความตื่นตกใจในทีแรกของสิ่งที่นาสุก็เรียกได้ว่าเป็นจูบแรกในชีวิต แต่ก็แค่ครู่ขณะเดียวเท่านั้นจนเขาแทบไม่ทันได้รู้สึกถึงอะไร เมื่อสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นจะเป็นความเจ็บของริมฝีปากที่ถูกกัดอย่างแรงมาก จนเขาผลักเธอออกไป ยกหลังมือขึ้นปาดเพื่อจะได้มองเห็นรอยเลือดอยู่บนนั้น
“ทำอะไรไว้ก็ควรได้อย่างนั้นกลับไปไม่ใช่เหรอ?” เธอเยาะหยัน
ขณะที่นาสุยกแขนเสื้อสูทขึ้นเช็ดปากและมองดูเธอด้วยความหงุดหงิด นินะที่ไม่สนใจจะทำอะไรกับมันก็เพียงยันตัวเองลุกขึ้นยืน หากในวินาทีที่เธอแค่ใช้ลิ้นกวาดเลีย นาสุก็รู้สึกถึงบางอย่างที่พลุ่งพล่านอยู่ภายใน สิ่งที่เขาไม่อาจเข้าใจ สิ่งที่เกินกว่าเขาจะควบคุมได้ ทว่าบัดนี้มันกำลังควบคุมหัวใจที่เคยนิ่งสนิทให้กลับมาเต้นแรงได้อีกครั้งหลังจากเนิ่นนานมาแล้ว เขาอาจจะบ้าไปแล้วที่ปล่อยให้มันครอบงำการกระทำจนเข้าไปจับท่อนแขนทั้งสองข้างของเธอไว้ กระแทกแผ่นหลังนั้นลงไปกับบอร์ดหน้าห้องเพื่อที่จะก้มลงไปลิ้มรสชาติของสนิมที่คลุ้งอยู่ในโพรงปากเมื่อเขาสอดลิ้นเข้าไปโดยไม่รั้งรอ ความเจ็บปวดที่ก่อนหน้านี้เขาเป็นฝ่ายผลักไส บัดนี้กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความรุนแรงเมื่อบดขยี้ลงไป ราวกับว่าเขาโหยหาปรารถนามันมาตลอด
ใบหน้าของนินะเป็นสีแดงก่ำยามหอบหายใจเอาอากาศเข้าไปเมื่อเขาผละออกในที่สุด เช่นเดียวกับริมฝีปากบวมเจ่อที่เปรอะไปด้วยเลือด ซึ่งคงไม่ได้ต่างอะไรจากเขา นี่อาจเป็นครั้งแรกที่นาสุได้มองเห็นความงดงามของเธอ
ฉับพลันนั้นเอง ความรู้สึกผิดก็ถั่งโถมเข้ามา เมื่อคิดว่าตัวเองได้ทำลายความงดงามนั้นลงไปเสียแล้ว เขาได้แต่ทิ้งตัวนั่งก้มหน้ากอดเข่าลงบนพื้น พร่ำคำขอโทษกับเธอด้วยเสียงที่แผ่วเบาหากก็ดังพอในห้องเรียนยามเย็นที่เงียบสงัดนี้
นาสุคิดว่าเธออาจจะตรงเข้ามาทำร้ายเขา หรือหนีกลับไปเลยโดยไม่มีวันญาติดีกันอีกตลอดชาติ...เหมือนอย่างที่เธอกับเขาควรจะเป็น แต่ไม่ว่าจะอะไร มันย่อมต้องไม่ใช่อ้อมกอดที่โอบรับเขาเข้าไปอย่างแนบแน่นมากเสียจนนาสุสัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจที่ไม่สงบของเธอ พร้อมกับคำพูดจากลมหายใจอุ่นร้อนที่รดรินอยู่ข้างลำคอของเขาว่า
“นายแบ่งปันความเจ็บปวดให้ฉัน แล้วฉันจะแบ่งปันความสุขให้นายเอง”
กับความรู้สึกที่นาสุเกือบเชื่อว่ามันคือความจริงแท้แรกในชีวิตที่เขาได้รับจากใคร
ก่อนที่จะได้เข้าใจว่าสุดท้ายมันก็แค่เรื่องจอมปลอมทั้งเพ
‘ความรัก’ สำหรับยูอาสะ นินะ คือการแบ่งปันที่เทียมเท่ากัน
_______________
ความคิดเห็น