ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #106 : FF15: Sunset Waltz (35% สายลมเหนือพัดมาใหม่แล้วจ้าาา)

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 66


    Sunset Waltz
    Inspiration: Final Fantasy XV (Video Game, 2016)
    Playlist: cignature – AURORA











    .

    ทั้งที่อุตส่าห์ฝันหวานถึงทริปเที่ยวทะเลในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนมาตลอดหลายสัปดาห์ แต่ทันใด ฟองสบู่ที่ลอยละล่องนับตั้งแต่หิ้วกระเป๋าเดินทางออกมายืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่รออยู่หน้าบ้านก็จะพลันแตกดังโพล๊ะ! กับรถคันสีดำวาววับกระแทกตาที่เด่นสะดุดตามาแต่ไกล ถึงอย่างนั้นนาโอระ เอ็นนะก็ยังพยายามปลอบใจตัวเองว่าเธออาจแค่ตาฝาดไปเอง แสงจ้าของดวงอาทิตย์ในหน้าร้อนหลอกตาเราได้เสมอ กระทั่งพาหนะสุดหรูที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นในอีออส — ออดี้ R8 สตาร์ออฟลูซิส สนนราคาห้าสิบล้านสิบห้าเยนไม่ขาดไม่เกิน — จะชะลอจอดอยู่เบื้องหน้าเธอที่ได้แต่ตัวแข็งทื่อกับภาพความจริงอย่างตื่นตะลึง ยิ่งเมื่อกระจกฝั่งคนขับรถจะเลื่อนลง เผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่เธอคุ้นเคยซึ่งเยี่ยมออกมาเอ่ยทักทายสั้นๆ เพียงแค่ “ขึ้นรถเร็ว” เอ็นนะก็คล้ายกับว่าจะเป็นลมล้มตึงลงไป ณ เดี๋ยวนั้น

    “ล...แล้วทำไมฉันต้องไปกับนายด้วย!”

    แม้สติจะคืนกลับมาไม่เต็มร้อย แต่ปฏิกิริยาฉับพลันยังคงทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี เอ็นนะทำคอเชิดเหลือบแลมองคนในรถแล้วแหวใส่อย่างไว้ท่า เหมือนทุกครั้งคราวเมื่ออยู่ต่อหน้าทากาฮาชิ เคียวเฮ ที่จะยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ ราวกับการเยาะหยันให้เอ็นนะได้ตงิดเสมอเช่นกัน

    “เพราะว่าคนอื่นๆ ออกเดินทางกันไปหมดแล้วน่ะสิ”

    เป็นคำตอบที่ทำให้นัยน์ตาของเธอเลิกกว้าง เช่นเดียวกับริมฝีปากสีอ่อนที่อ้าค้าง ไม่มีคำพูดใดหลุดลอดออกมาจากข่าวช็อกที่ได้ยิน ดูงี่เง่าเสียจนคนบนรถทั้งขบขันและเวทนาในเวลาเดียวกัน

    “ฉันให้เจ้าพวกนั้นยืมเรกาเลียของพ่อไปขับ แต่เพราะมันมีแค่ห้าที่นั่งฉันก็เลยมารับเธอไปด้วยกันนี่ไง”

    “ห้าที่นั่ง รวมฉันเข้าไปด้วยก็พอดีแล้วนี่!

    “แล้วคิดว่าฉันจะยอมให้คนอื่นนอกจากคาซึยะขับเรกาเลียเหรอเอ็นนะ คิดหน่อย”

    เอ็นนะพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่ระเบิดไปกับท่าทางและคำพูดยียวนกวนประสาทนั่น ทั้งที่อยากจะพุ่งตัวไปเตะประตูรถสักสองสามทีแทนการประทุษร้ายเจ้านายของมันโดยตรงให้สาแก่ใจ หากเพราะรู้ดีว่าปัญญาชดใช้ทั้งชาติคงไม่มี จึงได้แต่กัดริมฝีปากล่าง กำมือทั้งสองข้างแน่น แล้วกระทืบรองเท้าส้นตึกกับพื้นคอนกรีตเร่าๆ ในความคิดเพียงเท่านั้น

    “แล้วทำไมฉันถึงต้องเป็นคนที่ซวยได้ไปกับนายด้วย!”

    “เหอะ! ก็เพราะฉันรู้ความจริงแล้วน่ะสิว่าเธอเป็นคนจงใจเลือกวันนัดไปเที่ยวกับเจ้าพวกนั้นในช่วงที่ฉันต้องเดินทางไปเทเนไบรพอดี แต่ก็ขอชมอยู่อย่างนะว่าเธอเก่งจริงที่สืบเสาะจนรู้ว่าฉันจะไปเทเนไบรเมื่อไหร่ ทั้งที่อุตส่าห์ทำเป็นไม่สนใจเรื่องของฉันแท้ๆ...” เคียวเฮเว้นจังหวะเพื่อรั้งรอคอย ปรายตามองหญิงสาวที่ใบหน้ากำลังขึ้นสีแดง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโกรธหรือเพราะอับอายกันแน่ แต่อย่างไหนๆ ก็เรียกรอยยิ้มกว้างขวางด้วยความชอบใจขึ้นมาได้ “เอาเป็นว่าฉันขอแสดงความเสียใจด้วยที่แผนของเธอต้องล้มเหลว เพราะฉันจะไม่ยอมพลาดโอกาสไปกาลดินคีย์กับเจ้าพวกนั้นแน่ รวมถึงเธอด้วยเอ็นนะ!

     “ล...แล้วนายรู้เรื่องนั้นได้ยังไง! ไปเค้นคอโจอิจิโร่ให้บอกมาใช่ไหม!” เธอยกปลายนิ้วชี้สั่นเทาขึ้นชี้หน้าเขา

    “อย่างฉันเนี่ยนะจะเอาอะไรไปเค้นคอหมอนั่นได้ เคนโตะต่างหากที่เป็นคนเอามาบอก”

    “ก...โกหกแหงๆ! เคนโตะไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก!

    “ทำไม่ทำฉันก็มาอยู่ที่นี่แล้วไง”

    “น...นาย! ผิดนัดกับเลดี้รีโกะแบบนี้เดี๋ยวพ่อนายก็ว่าเอาหรอก!

    เคียวเฮอยากลงจากรถไปเขย่าตัวเธอแรงๆ เผื่อว่าอะไรๆ ที่เกลื่อนกลาดอยู่ในหัวเธอจะได้เข้ารูปเข้ารอยสักที ไม่รู้ว่าจะดึงดันหาเหตุผลมาโต้แย้งทำไมนักหนา ขืนเอาแต่เถียงกันอยู่อย่างนี้มีหวังไม่ได้ไปไหน แต่แม้ว่าจะนึกฉิวแค่ไหน เอ็นนะก็ยังคงเป็นคนเดิมคนนั้นกับที่เขาเคยรู้จักดีไม่เปลี่ยน

    “ถ้าพ่อจะว่าจริงคงให้พวกคาซึยะยืมเรกาเลียมาขับเล่นมั้ง เลิกพิรี้พิไรแล้วขึ้นรถมาได้แล้วเอ็นนะ ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนโง่ขนาดที่จะยกเลิกนัดเพราะเหตุผลไร้สาระแบบนี้หรอกน่า เร็วเข้า!

    จริงอยู่ที่เขาบอกว่าเธอไม่ใช่ คนโง่ หากก็เน้นย้ำวลีหนึ่งเดียวนั้นได้อย่างร้ายกาจ สมกับเป็นเคียวเฮคนเดิมคนนั้นที่เอ็นนะก็ยังคงรู้จักดีไม่ได้ต่าง ทั้งที่รู้ว่ามันคือคำยั่วล้อจากเขาที่ทั้งเก่งและชอบเหลือเกินกับการหาเรื่องมาปั่นประสาท แต่เอ็นนะก็อดไม่ได้ที่จะเดินตามเกมของเขา ด้วยการฟึดฟัดเลี้ยวไปกระชากเปิดประตูรถ โยนสัมภาระไปไว้ที่ด้านหลัง ก่อนมุดตัวเข้าไปทิ้งตัวนั่งกระแทกเบาะโครมครามด้วยเรี่ยวแรงที่ไม่ทอนลงไปเลยสักนิดอย่างง่ายดายอยู่ดี

     

    เป็นที่รู้กันทั่วสาขาวรรณกรรมแห่งวิทยาลัยอินซอมเนียว่าทากาฮาชิ เคียวเฮ กับ นาโอระ เอ็นนะ เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาแต่ไหนแต่ไร...หรือแต่ไหนแต่ไรที่อาจไม่ได้ไกลเกินกว่าหนึ่งปีกับอีกครึ่ง เมื่อจู่ๆ สถานะของเพื่อนเคยสนิทระหว่างคนทั้งสองจะเปลี่ยนไปเป็นเหินห่างราวกับคนแปลกหน้า ท่ามกลางความงุนงงของเพื่อนร่วมสาขา หากทว่าไม่เคยมีใครขุดค้นจนเจอต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงเลยแม้แต่คนเดียว เมื่อคนหนึ่งหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ไม่ยอมพูด อีกคนก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดเหมือนกับคนอื่นๆ ก่อนความเฉยชาและหลบลี้หนีหน้าของหญิงสาวจะเปลี่ยนไปเป็นการจิกกัดตั้งแง่กับชายหนุ่มในอีกหลายเดือนต่อมา เช่นนั้นเองทุกคนจึงพร้อมใจกับลงความเห็นว่า “เคียวเฮคงเผลอไปเหยียบหางยัยเอ็นนะเข้าเลยกลายเป็นบ้าขึ้นมา” ซึ่งมันก็ดูเป็นไปในทิศทางนั้นจริงๆ ไม่ว่าเคียวเฮจะทำอะไรก็ดูเหมือนจะขัดใจแม่เจ้าประคุณไปซะทุกอย่าง ตรงกันข้ามกับเจ้าตัวที่กลับเห็นเป็นเรื่องสนุกแล้วจี้จุดอ่อนอย่างแม่นยำตามประสาคนเคยสนิทให้ยิ่งได้โมโหอยู่เรื่อย เปอร์เซ็นต์การชนะของเธอกำลังจะขึ้นเป็นศูนย์จุดศูนย์ศูนย์หนึ่งเปอร์เซ็นต์อยู่แล้วแท้ๆ! ถ้ายวดยานคันหรูที่สุดในอินซอมเนียจะไม่แล่นมาปาดหน้าเธอตอนเช้าตรู่วันนี้ ให้ร่างกายแทบจะทรงตัวไม่อยู่เสียก่อน

    เอ็นนะคุ้นเคยกับเรกาเลีย แต่ไม่เคยเป็นตุ๊กตาหน้ารถที่เขาได้เป็นของขวัญวันเกิดครบรอบอายุยี่สิบปีคันนี้เนื่องจากการแตกหักก่อนหน้านั้นเพียงแค่ไม่กี่เดือน เคียวเฮเคยพยายามถามหาเหตุผลของความมึนตึงที่เธอไม่เคยให้คำตอบแล้วสะบัดหน้าหนีรวมถึงตัดขาดการติดต่อทุกช่องทางอยู่กว่าสองสัปดาห์ เมื่อรู้แน่แล้วว่าอย่างไรก็คว้าน้ำเหลว คนอย่างเจ้าชายแห่งลูซิสก็ไม่ทู่ซี้ที่จะอยู่ต่อ แน่นอนว่าเอ็นนะเองก็ไม่ได้คาดหวังลึกๆ ให้เขามางอนง้อเหมือนกับที่พวกผู้หญิงบางคนค่อนขอดว่ามารยาด้วย ก็แล้วจะให้เธอทนยิ้มร่าคบหาเป็นเพื่อนอยู่กับผู้ชายที่เล่าลือกันว่ามีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว ยังมีหน้าไปจูบกับผู้หญิงคนอื่นได้ยังไง

    เอ็นนะไม่ได้คิดว่าตัวเองสงสารเลดี้รีโกะมากเท่ากับความโกรธเคืองที่เขาไปรักกับอริตั้งแต่สมัยไฮสคูลของเธอ ทั้งที่เขาก็รู้ว่าเธอเกลียดยัยนั่นเพราะการถูกใส่ร้ายอย่างไม่เป็นธรรม แล้วแอบทำอะไรๆ กันลับหลัง เหมือนไม่เห็นค่าความเป็นเพื่อนสนิทอย่างเธอที่เคยต้องนั่งร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร แม้ขนาดตอนที่เล่าย้อนความหลังถึงชีวิตในนรกตลอดหนึ่งปีเต็มเพราะยัยนั่นเลยแม้แต่น้อย

    แต่ยอมรับเถอะว่าเหตุผลหลักที่สุดนั้นเป็นเพราะ...เขา

     

    บทเพลงแนวชูเกซเข้ากับบรรยากาศของรถที่เปิดประทุน เมื่อพ้นจากอินซอมเนียซึ่งเต็มไปด้วยตึกสูงและความศิวิไลซ์มาถึงแคว้นลีดทำให้เอ็นนะทั้งรู้สึกพอใจและหงุดหงิดใจไปพร้อมๆ กัน ไม่ปิดบังการขยับตัวยามหันไปจับจ้องมองเสี้ยวหน้าของเคียวเฮก่อนขวับกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างกับแผ่นดีวีดีเก่าๆ ที่ตกร่อง สุดท้ายจึงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ กอดอกทิ้งแผ่นหลังพิงกับเบาะหนังนุ่มสบายกว่าเตียงนอนที่บ้านเสียอีก! เรียกเสียงหัวเราะในลำคอที่เธอพยายามทำเป็นไม่ใส่ใจได้

    สมัยที่ยังคบหาเป็นเพื่อนกัน เธอเคยรับหน้าที่จัดเพลย์ลิสต์และพร่ำบอกกับเคียวเฮที่มักชวนบึ่งเรกาเลียออกไปกินลมชมแสงสียามค่ำคืนด้วยกันบ่อยๆ ว่านิยมชูเกซมากแค่ไหน มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญได้อยู่ถ้าไม่ใช่ว่าบทเพลงที่กำลังกินพื้นที่ทั่วบริเวณอยู่กว่าชั่วโมงนี้จะเป็นเพลงในเพลย์ลิสต์ครั้งหนึ่งของเธอทั้งหมด!

    นี่เป็นการปั่นประสาทที่ร้ายแรงที่สุดนับแต่เธอตั้งตัวเป็นคู่อริกับเขาจนไม่น่าให้อภัย!

    “เรากำลังจะไปสนุกกัน เลิกทำหน้าบูดได้แล้วน่า”

    “สนุกแน่ถ้านายไม่ไปด้วย”

    “แล้วคนอื่นๆ เขาคิดเหมือนเธอไหมล่ะ?”

    เพราะทุกคนในที่นี้ล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนสนิทของเขาและเธอที่สลับกันคบหา แถมคะแนนความนิยมของฝั่งเคียวเฮยังมากกว่าเธอแบบไม่ต้องถามให้เจ็บใจด้วยซ้ำ เช่นนั้นแล้ว คนนอกเลยเลิกต่อความยาวสาวความยืดให้เสียปาก เบือนใบหน้าออกไปนอกบานกระจกแทน

    ใช่จะไม่รู้ว่าทุกคนอยากให้เธอกับเคียวเฮกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ยิ่งโดยเฉพาะกับชุนสุเกะและซาจิโกะที่เคยเกาะกลุ่มไปไหนมาไหนด้วยกันสามสี่คนตลอด ถึงจะสามารถอยู่ร่วมวงกันได้เวลาเรียน ทำงานกลุ่ม กินข้าวกลางวัน หรือสังสรรค์เฮฮา แต่ปกติถ้าไม่อยากเสียอารมณ์เธอก็จะไม่เข้าไปสนทนาอะไรด้วยแม้แต่การมองหน้า เวลาที่รวมกลุ่มกันเยอะๆ ก็ยังพอทำเนียนหลบหน้าได้ แต่เมื่อไหร่ที่มีแค่สามหรือสี่คนจะเป็นอะไรที่น่าอึดอัดทันที แน่นอนว่ารังสีนั้นแผ่มาจากแค่เธอ ไม่ใช่เคียวเฮ กระทั่งทุกวันนี้ เพื่อนๆ ก็ยังคงพากันถามหาเหตุผลตรงๆ ด้วยอยากให้ความอึดอัดในสาขาจบสิ้นลงเสียที หากก็จะได้รับเพียงสีหน้ารำคาญใจเมื่อพูดถึงอดีตเพื่อนสนิทเป็นคำตอบ เอ็นนะรู้เกินหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าถ้าบอกออกไป ทุกคนจะต้องลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าเพราะเธอชอบเขาแน่ๆ ถึงได้ถือเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ต่อให้เธอจะพร่ำบอกว่าไม่ใช่ก็ตามที ซึ่งนั่นคือเรื่องที่เอ็นนะรับไม่ไหว

    ก็จะให้ทุกคนรู้ได้อย่างไรว่าเธอตกหลุมรักเขา...จริงๆ นั่นแหละ!

    มันเกิดขึ้นตั้งแต่แรกพบหน้า ถึงแม้ว่าจะเห็นเขาผ่านสื่อมาตลอดหลายปี เอ็นนะก็ไม่เคยคาดคิดว่าเจ้าชายแห่งลูซิสจะบ้าขนาดลงเรียนสาขาวรรณกรรม ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเมืองการปกครองเลยแม้แต่น้อย เขาให้เหตุผลว่าเป็นเพราะไม่รู้อยากเรียนอะไรเลยตามชุนสุเกะที่ชักชวนมาเรียนด้วยกัน เธอด่าว่าเขางี่เง่าชะมัด แต่ก็ดีใจที่เหตุผลงี่เง่านั่นทำให้ได้ใกล้ชิดกัน ก่อนที่จะเลื่อนขั้นจากเพื่อนร่วมสาขาเป็นเพื่อนสนิท เมื่อชุนสุเกะแอบปิ๊งเพื่อนที่คอยไปไหนมาไหนกับเธออย่างซาจิโกะ แม้เพื่อนๆ จะชอบออกปากแซวที่เธอไปไหนมาไหนกับเคียวเฮสองต่อสอง ขณะที่ชุนสุเกะกับซาจิโกะมักแยกตัวกันไปจู๋จี๋ตามประสาคู่รักอยู่บ่อยครั้ง หากเอ็นนะก็พยายามที่จะไม่ออกนอกหน้าเมื่อรู้ดีว่าเคียวเฮมีคู่หมายที่ทัดเทียมแล้วอยู่ทั้งคน เอ็นนะคิดว่าด้วยสถานะเพียงเท่านี้ก็ยังดีกว่าไม่ได้เป็นอะไรเลย กระทั่งการได้มาเห็นเขาจูบกับยัยนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ความอดทนของเธอมาถึงจุดแตกหัก เรื่องที่เขานอกใจเลดี้รีโกะก็แย่พออยู่แล้ว แต่ทำไมถึงต้องเป็นยัยศัตรูคู่อาฆาตหมายเลขหนึ่งของเธอด้วยอีก ความผิดหวังที่ผสมปนเปกันกับความจริงที่ได้ค้นพบว่าที่แท้เคียวเฮก็แค่ผู้ชายสั่วๆ คนหนึ่ง จะทำให้เอ็นนะเกลียดเขามากเท่าๆ กับที่เคยรักเขานับตั้งแต่วินาทีนั้น การที่เธออาจเอื้อมไปแอบรักเจ้าชายแห่งลูซิสยังไม่น่าอดสูเท่าการที่เธอไปแอบรักผู้ชายกะหลั่วๆ ซึ่งนอกใจคู่หมั้นทางไกลได้หน้าตาเฉย เพราะฉะนั้นก็ไม่มีทางเสียล่ะที่เอ็นนะจะยอมให้ใครหน้าไหนในอีออสรู้ว่าครั้งหนึ่งเธอเคยปิ๊งรักผู้ชายพรรค์นี้!

    และเอ็นนะก็คิดว่าตัวเองทำหน้าที่ได้ดีมาตลอดสองปี ยิ่งเมื่อเขาคอยต่อล้อต่อเถียงหรือหาเรื่องกวนประสาท ก็ยิ่งตอกย้ำให้เธอเกลียดชังเขาได้อย่างสนิทใจกว่าเดิมโดยไม่ต้องรู้สึกผิด

    ถึงไม่อยากยอมรับ แต่เอ็นนะก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าลึกๆ ข้างในใจเธอไม่เคยลืมเลือนความรู้สึกเช่นเมื่อแรกพบเขาเลย หากเมื่อไหร่ที่ความคิดเริ่มจะโบกโบย เอ็นนะก็จะดึงมันกลับคืนมาได้ด้วยฉากจูบที่เธอแสนเกลียดชัง แต่ไม่ว่าจะพยายามลบเลือนมันเท่าไหร่ก็กลับยิ่งตอกย้ำมากเท่าๆ กัน

    “ที่จริงถ้าเธอบอกมาตรงๆ ว่าไม่อยากให้ฉันไป ฉันก็จะไม่ไป...”

    “ฉันไม่อยากให้นายไปด้วย” ไม่รีรอเลยแม้แต่น้อยที่จะโพล่งขึ้นสวนย้อนไปแทบจะในวินาทีเดียวกันนั้นเอง แต่กลับเรียกไหล่ที่ยักไหว “ฉันหมายถึงก่อนหน้านั้นต่างหาก” ให้เอ็นนะได้จดมองเขาเขม็ง

    “นิสัยอมพะนำของเธอถ้าเลิกได้ก็เลิกซะนะ คนคนนั้นก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำอะไรผิดไป” หนนี้เอ็นนะจะรีบเสหลบตา เมินเฉยไม่สนใจอีกถึงแม้เขาจะต่อประโยคที่กวนประสาทชะมัดยาดอย่าง “หรือไม่เธอก็แค่กินอะไรผิดสำแดงไปเอง” โดยแม้แต่จะหันไปแยกเขี้ยวใส่เหมือนอย่างทุกที











    2023年02月28日
    _______________
     ฤกษ์งามยามดีเมื่อปฏิทินนานิวะมาส่งในวันไวท์เดย์ กูเลยหยิบฟิคเรื่องนี้มาแปลง (ไม่เสร็จ) เนื่องในวันเกิดของเคียวเฮสักที >_< แม้ว่าเราจะได้รักกันแค่ช่วงสั้นๆ แต่ก็ขอบคุณที่มาเป็นพระเอกสายบู๊ เป็นหนึ่งในเมนที่หล่อที่สุดตลอดกาล เป็นเกมเมอร์เกมใจที่เยียวยากูจากเมนเกมเมอร์คนก่อนได้ในช่วงหนึ่ง ก่อนความโง่ ความผีบ้าผีบอ ความหลงตัวเอง ความอิหยังวะจะทำให้เราต้องแยกกัน ถึงอย่างนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่ได้เปิดโลกอะไรใหม่ๆ เยอะมาก อย่างเช่นการเมนวงใสๆ ที่คนละแนวกับตัวเองลิบโลก เป็นต้น แถมยังเป็นวงแรก (และขอให้เป็นวงสุดท้าย) ที่เมนหลักเพี้ยนกว่าเมนรอง ในเมื่อกูแข็งแกร่งขนาดผ่านเคียวเฮกับโคจิเคนมาได้แล้ว ใครก็ทำอะไรกูไม่ได้แล้วหนุ่ม
     หนึ่งในฟิคท่องเที่ยวที่แต่งจากภาค 15 ซึ่งทีแรกก็จะให้เอ๋กรุ๊ปเนี่ยแหละ กระทั่งแมกฯ Men's Preppy ที่เคียวเฮใส่มงออก (รูปล่าง) กูก็ชักแหง่กๆ ชิบหาย เจ้าชายเสด็จ o<-< ไม่ได้การแล้ว บทเจ้าชายต้องมาสักเรื่อง ขอบคุณตัวเองที่แต่งฟิคภาคนี้ไว้อยู่สี่ห้าเรื่องและยังไม่ได้แปลงเรื่องที่บทเจ้าชายเปื่อยๆ เนือยๆ ซึ่งเหมาะกับเคียวเฮ ที่สุด! ไหนๆ มันก็เซ็ตติ้งเดิมงั้นก็ใช้นางเอกคนเดิมไปเลยสิวะ! เพราะชื่อเรื่องโน้นคือสตาร์ลิทวอลซ์ เลยหยิบเพลงในเกมที่ชื่อซันเซ็ตวอลซ์มาเป็นชื่อเรื่องนี้ให้เข้าคู่ และถ้าจำได้เจ้าชายเจสสี้ก็ชื่อมูนลิทเมโลดี้ส์ ถือว่าครบองค์แล้ว ครบสามวงที่เราระหกระเหินมาด้วยกันแล้ว คอมพลีตแล้ว TvT / เทียบกับในเกมก็ เคียวเฮ-น็อกซ์ / มิจิ-พรอมพ์ / รีโกะ-ลูน่า / โจฮาชิ-กลาดิโอ้อิกนิส / เคนโตะ-อิริส (น้องกลาดิโอ้) / ส่วนซาจิโกะกับฮาอาสะคือเสริมมาเอง รู้ป่ะว่าบทฮาอาสะเดิมกูตั้งใจวางให้คู่บทของ...โอฮาชิ ราชเลขาของเจ้าชาย 55555 เพราะสมัยนั้นกูบ้าพลัง โลกหมุนด้วยความรัก ละอุตส่าห์มาเที่ยวมันก็ต้องตัวละครเยอะๆ ไรงี้เนาะ ที่คิดไว้แรกสุดคือสามวัน สามตอน แต่สุดท้ายก็แต่งได้แค่วันเดียว ตอนเดียว เพราะหมดไฟแล้ว ช่วงนั้นเคลียร์เกมไปแล้ว เล่นไปเป็นร้อยชั่วโมงแล้ว ไม่ค่อยได้เล่นแล้วเลยเบื่อๆ แต่ก็เป็นเรื่องที่ชอบนะ ถึงจะน้ำเน่าจังวะ TvT ตอนแต่งก็สนุกมากเพราะชอบที่นี่ที่สุดรองจากอัลทิสเชีย ไปสิงอยู่โคตรนานทั้งที่ฉากก็มีแค่นิดเดียว เนี่ยย กูก็ชอบอะไรแนวแม่น้งแม่น้ำทะลงทะเลจริง ชาติที่แล้วบ้านอยู่ริมเลมั้ง แต่คงแปลงนานหน่อยเพราะบทเดิมมันไม่ค่อยเหมาะกับวงนี้ กูก็ไม่เปิงใจ แต่ก็ยังดันทุรังจะเป็นนานิวะล้วนให้ได้ไง ขอบพระคุณค่ะ
     และโลกรู้ว่าฟิคซัมเมอร์ซัมใจกูจะขาดเคพ้อพ (ไก่พ้อพ) ไปได้อย่างรึย / สมัยช่วงที่ชอบนักแสดง ฟังเพลงอินดี้ กูเคยบ้าชูเกซญี่ปุ่นมาก หลังจากนั้นพอช่วงบ้าเกมก็ขยายมาเป็นฝรั่งเลยหยิบมาใส่ด้วย เพราะงั้นถึงมันจะดูกระแดะจังวะ แต่เพื่อบันทึกเป็นจดหมายเหตุความชอบในยุคนั้นเลยจะไม่เปลี่ยนล่ะนะ TvT / ปล. นึกถึงตอนแถลงข่าวงานขาวแดงที่นานิวะยืนข้างไอฟ์ขึ้นมาเลย 
    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×