คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #116 : Higeki wa Yasashiki Utsu
17 กันยายน
นีมูระ ซาคุโระได้ก้าวเข้ามามีตัวตนอยู่ในชีวิตของมิจิเอดะ ชุนสุเกะเป็นครั้งแรก — ในตอนที่เธอเดินตามหลังครูมัตสึมูระเข้ามาในคาบโฮมรูมช่วงต้นเทอมสองของชั้นปีที่สอง เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงเริ่มต้นแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้มที่ขัดเขินกับน้ำเสียงที่ตะกุกตะกักไปเล็กน้อยจากความประหม่าว่า
“ฉันชื่อนีมูระ ซาคุโระ เพิ่งย้ายมาจากชิซึโอกะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
ถึงสายตาคล้ายว่าจะกวาดไปทั่วก็ไม่ได้จ้องสบกับใคร ทั้งที่ใครๆ ก็ต่างกำลังจดจ้องมองเธอ เหมือนกับเขาที่ก็ไม่อาจละสายตาจากทุกการกระทำของเธอหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นการค้อมหัวหลังตอบรับคำบอกเล่าของครูมัตสึมูระ เดินก้มหน้ากระชับสายกระเป๋าที่ถือพาดไหล่มาจนถึงที่นั่งว่างด้านหลังสุดข้างกันกับเขา เป็นตอนนั้นเองที่สายตาของเธอจะได้สบจ้องมองมา
แต่ก็แค่เพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น เมื่อเขาจะเป็นฝ่ายรีบเบือนหลบ ก้มลงไปแสร้งพลิกหนังสือเรียนบนโต๊ะอย่างไม่เป็นธรรมชาติเอาซะเลยเสียเอง
19 กันยายน
มิจิเอดะ ชุนสุเกะเกือบต้องอับอายต่อหน้านีมูระ ซาคุโระเป็นครั้งแรก — หลังจากที่เขาเดินก้มหน้าก้มตาออกจากห้องน้ำ สวนทางกับเธอที่เพิ่งผละจากการสนทนากับครูมัตสึมูระอยู่บนโถงทางเดินมา แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็คงไม่ใช่เรื่องดีเพราะสีหน้าที่แสดงออกถึงความขุ่นเคืองอย่างไม่ปิดบัง กระทั่งวินาทีที่เธอมองเลยมาเห็นเขาซึ่งจำต้องเงยหน้าขึ้นเพราะถูกเพื่อนห้องอื่นเดินชนไหล่โดยไม่ตั้งใจในจังหวะเดียวกัน คิ้วของเธอเลิกขึ้นเล็กน้อย เช่นเดียวกับริมฝีปากที่ยกขึ้นคล้ายว่าจะพูดอะไรด้วยสักอย่าง หากเค้าหน้าที่โอนอ่อนลงไปก็ทำให้แน่ใจได้ว่ามันจะต้องเป็นไปในแง่ดี
แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาจะรีบก้าวเร็วๆ จากไป โดยไม่มีแม้แต่การค้อมศีรษะหรือแสดงทีท่าว่ารู้จักเพื่อนร่วมห้องที่นั่งข้างกันเลยแม้แต่น้อย
20 กันยายน
และนั่นคือวันที่นีมูระ ซาคุโระจะได้มองเห็นและรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ‘จริง’ กับมิจิเอดะ ชุนสุเกะเป็นครั้งแรก
มันเกิดขึ้นริมแม่น้ำในละแวกอพาร์ตเมนต์ที่เขาอยู่อาศัย แม้ไม่ถึงกับเป็นกิจวัตร แค่อาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้งตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน แต่ไม่ว่าอย่างไร ชุนสุเกะก็ไม่เคยห้ามการบังคับมือของตัวเองไม่ให้สั่นได้ในตอนที่หยิบธนบัตรทั้งหมดออกจากกระเป๋าสตางค์ แล้วยื่นส่งให้กับซาโต้ที่จะรีบตะครุบมันไปอย่างรวดเร็ว
“พ่อใหม่แกรวยจะตายไม่ใช่เหรอวะ?” ซาโต้ว่า คลี่ธนบัตรทั้งหมดเหล่านั้นเพื่อนับจำนวนคร่าวๆ ก่อนที่จะส่ายหัว “แค่นี้มันจะไปพอยาไส้อะไร ไปจิ๊กมาให้มากกว่านี้สิวะ”
“เอามาให้มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
“อ้าวๆ ชุนสุเกะคุง พูดแบบนี้แปลว่ายอมให้พวกเราถ่ายรูปได้อีกงั้นสิ?”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานในห้องน้ำชายหวนกลับคืนมา และใบหน้าที่ซีดลงไปของชุนสุเกะก็มากพอที่จะทำให้รอยยิ้มชอบใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซาโต้ที่ถือดีเข้ามากอดคอ เพื่อที่จะพูดตอกย้ำถึงเรื่องทุเรศพรรค์นั้นข้างใบหูของเขา พร้อมกับเสียงหัวเราะน่ารังเกียจที่ประสานไปกับคนอื่นๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาตบบ่าเขาด้วยเจตนาที่ไม่ใช่เพื่อการปลอบใจ อย่างที่คนไร้มโนสำนึกอย่างมันไม่เคยมี
“ไปล่ะ ไว้เราจะแวะมาเอาอีกนะชุนสุเกะคุง”
กระทั่งตอนที่พวกมันทั้งสามจะเดินลับจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะเยาะหยันที่ยังคงดังก้องอยู่ไม่จางหาย ทิ้งไว้เพียงความแค้นเคืองอันไร้ซึ่งหนทางระบายให้เขาที่ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่พร้อมหมัดที่กำแน่นเข้าหากัน
“คุณมิจิเอดะถูกพวกของซาโต้กลั่นแกล้งใช่ไหม?”
ทันใดนั้นเอง นักเรียนใหม่ที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนก็ปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้า จ้องสบดวงตากับเขาด้วยความห่วงใยแน่วแน่ขณะเอ่ยถาม ทว่าสิ่งที่ชุนสุเกะเลือกจะทำคือการก้มหน้าหลบตา ส่ายหัวปฏิเสธความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นไม่ว่าเธอจะได้มองเห็นมันมากแค่ไหน เพื่อที่จะหนีห่างจากความหวังดีของเธอไปให้ไกล...อีกครั้ง
27 กันยายน
หลังจากวันนั้น ความสัมพันธ์ของชุนสุเกะกับซาคุโระก็กลับไปเป็นเพียงเพื่อนร่วมห้องที่นั่งข้างกัน แต่ไม่มีการพยายามที่จะมองหน้า ส่งยิ้ม หรือว่าทักทายจากเธอเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาอีกแล้ว และมันก็ควรต้องเป็นแบบนั้น หลังจากความเมินเฉยที่ได้กระทำ เขาจะคาดหวังถึงอะไรได้อีก
ไม่มีทางที่เขาจะดึงนางฟ้าลงมายังขุมนรกเพื่อให้แปดเปื้อนไปด้วยกัน ถึงต่อให้อีกไม่ช้าเขาจะตัดสินใจลงไปยังขุมนรกเพียงลำพังก็ตาม
ชุนสุเกะถูกพวกซาโต้กอดคอลากกลับเข้ามาในห้องเรียนด้วยกันตอนช่วงพักเที่ยง โดยไม่จำเป็นต้องออกปากไล่ เพื่อนร่วมห้องที่ไม่เคยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออะไรเขาอยู่แล้วก็จะรีบลุกหนีออกไปด้วยรู้ดีถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ชุนสุเกะเกลียดการถูกบังคับขู่เข็ญให้กินแมลงรสชาติผะอืดผะอม กลัวการถูกทำร้ายด้วยคัตเตอร์กับบุหรี่ซึ่งจี้ลงไปในจุดที่จะไม่มีใครมองเห็น เขาต้องกลับบ้านไปทำแผลและซักเสื้อที่เปื้อนเลือดด้วยตัวเองเพื่อไม่ให้แม่ผิดสังเกต และรังเกียจการต้องได้เห็นรูปถ่ายและคลิปที่ซาโต้จะหยิบยกขึ้นมาข่มขู่ ไม่ก็ล้อเลียนกันอย่างสนุกสนานเหมือนที่ทำอยู่ในเวลานี้
กระทั่งบานประตูห้องเรียนถูกเลื่อนเปิดออกก่อนที่จะถูกเลื่อนปิดตามมาด้วยความรุนแรงเอามาก เรียกเอาสายตาของเด็กหนุ่มทั้งสี่คนที่อยู่ในห้องให้ต้องหันขวับไปมอง จากตำแหน่งหลังห้องริมหน้าต่างที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่
และสิ่งที่พวกเขาได้พบคือเด็กสาวซึ่งชะงักฝีเท้าค้างไปอยู่ครู่ขณะหนึ่ง ใบหน้าที่แสดงความตกใจของซาคุโระเปลี่ยนไปเป็นความขุ่นเคืองแทบจะทันที ในตอนที่ก้าวฝีเท้ายาวๆ ผ่านโต๊ะเก้าอี้ตั้งแต่หน้าห้องเข้ามากลางวง จากนั้นฉวยคว้าโทรศัพท์ในมือของซาโต้ที่เพิ่งจะถ่ายรูปของเขามาอย่างถือวิสาสะเหมือนกับการกระทำอันรวดเร็วต่อจากนั้น เมื่อเธอจะเขวี้ยงมันลงไปจากหน้าต่างห้องบนชั้นสามด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
“ทำบ้าอะไรของเธอวะ!”
“พวกนายเลิกยุ่งกับคุณมิจิเอดะสักที!”
ซาคุโระแผดตะโกนออกมาเสียงดังขณะแหงนเงยใบหน้าขึ้นสบดวงตาแข็งกร้าวกับซาโต้อย่างไม่หวั่นเกรง ทั้งทีท่าและคำพูดของเธอทำให้ซาโต้พ่นลมหายใจออกจมูก ยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นเป็นรอยยิ้มแสดงถึงเจตนาที่มาจากความเยาะหยัน...และเกลียดชัง อันไม่ได้มีต้นเหตุมาจากแค่ตัวเขาหรือพ่อเลี้ยงผู้ร่ำรวยของเขาอีกต่อไป
“อ๋อ เป็นเดือดเป็นร้อนแทนกันขนาดนี้ สงสัยว่ามันคงจ่ายเงินซื้อเธอเยอะเลยสิท่า หรือนี่จะเป็นเหตุผลที่ทำให้แกเอาเงินที่จิ๊กพ่อมาให้เราได้แค่นั้นวะชุนสุเกะ?” แม้ว่าจะเป็นคำถาม ซาโต้ก็ไม่ได้ต้องการคำตอบจากเขาที่ยังคงยืนตัวลีบอยู่ในมุมหนึ่ง เมื่อเริ่มต้นเอ่ยกับคนตรงหน้าต่อไปว่า “เดี๋ยวนะ ไม่สิ บางทีผู้หญิงอย่างเธออาจไม่ต้องจ่ายเยอะขนาดนั้นก็ได้ น่าเสียดายนะ ถ้าแค่ไม่กี่พันเยนฉันเองก็มีให้ ไม่เห็นจำเป็นต้องไปเอาไอ้อ่อนแบบนี้ ขนาดไอ้ตรงนั้น...”
แต่ก่อนที่ซาโต้จะได้พูดพล่ามในเรื่องน่าทุเรศที่ทึกทักเอาเองอย่างนั้นจนจบประโยค ซาคุโระก็จะยกหนังสือเล่มหนาหนักที่ถือมาตั้งแต่ห้องสมุดขึ้นฟาด ผลักร่างของซาโต้ออกไปจนกระแทกกับโต๊ะเก้าอี้ระเนระนาด
“หุบปากเน่าๆ ของนายสักทีซาโต้!” เช่นเดียวกับที่เธอจะตามไปฟาดหนังสือเล่มเดิมใส่เด็กหนุ่มที่ยังซวดเซไม่ทันตั้งตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า “นายอิจฉามิจิเอดะที่เรียนเก่งกว่า บ้านรวยกว่า หน้าตาดีกว่า ถึงได้พยายามกดเค้าให้ดูน่าสมเพชเพื่อที่จะได้ไม่มีใครชื่นชมเค้าอีก นายจะได้รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าขึ้นมา แต่คนอย่างนายก็เป็นได้แค่เศษสวะเท่านั้นแหละ! ถึงต่อให้นายตายไปวันนี้ ตอนนี้ ก็ไม่มีใครร้องไห้ให้ขยะอย่างนายหรอก!”
“อยากปกป้องไอ้กระจอกมันนักใช่ไหมวะ!”
ด้วยความโกรธจัดจนซาโต้ใช้ฝ่ามือตบเข้าที่ใบหน้าซึ่งเพื่อนๆ ช่วยกันล็อกตัวไว้จนหันไปอีกทาง ตามมาด้วยเลือดที่ไหลซึมลงจากริมฝีปากซึ่งกัดไปโดน กระนั้นสิ่งที่ซาคุโระเลือกจะทำคือการสะบัดตัวให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม ปาดป่ายหมัดลงไปใส่คนตรงหน้า พร้อมกับตะโกนด่าทอเขาด้วยคำหยามเหยียดอย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าพอจะพูดแบบนั้น มันถึงได้ตอบโต้กลับไปด้วยสิ่งเดียวที่มีมากกว่าคือพลังกาย แต่ซาคุโระก็ยังไม่ยอมหยุดปาก ซ้ำยังกรีดเสียงหัวเราะเยาะหยันตลอดเวลาเหล่านั้น ถึงตัวเองจะเป็นได้แค่เป้านิ่งให้ฝ่ามือและหมัดซัดลงไป กับใบหน้าขาวที่อีกไม่ช้ามันจะบวมปูดและช้ำเลือดเป็นสีเขียวแดง
ขณะที่ชุนสุเกะได้แต่นิ่งค้างยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดราวกับถูกตอกตรึง และสิ่งเดียวที่เขาทำก็เหมือนกับที่ทำมาตลอดก็คือ...ไม่ทำอะไรเลย
เขาไม่เคยกล้ายืนหยัดขึ้นตอบโต้ต่อการกลั่นแกล้งของพวกซาโต้ที่บีบบังคับให้เขาทำเรื่องน่าอดสูตั้งแต่เข้าเรียนชั้นไฮสคูลที่นี่ เขาไม่เคยกล้าปริปากบอกแม่กับพ่อเลี้ยงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียน เมื่อพวกเขาต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายรับรู้มันด้วยตัวเองแล้วยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขา หรือแม้แต่ตอนนี้ เขาก็ยังไม่กล้าเข้าไปปกป้องเด็กผู้หญิงที่กำลังถูกทำร้ายทั้งที่เธอพยายามปกป้องเขา — คนที่เมินเฉยต่อเธอมาโดยตลอด — เพื่อปกปิดความรู้สึกที่ว่าเขาก็ต้องการมีเพื่อน เขาก็ต้องการมีใครสักคนไม่ได้ต่างจากคนอื่นๆ
โชคดีที่เสียงโหวกเหวกในห้องดังพอให้กลุ่มนักเรียนหญิงที่เดินผ่านมารีบวิ่งไปเรียกบุคลากรที่ห้องพักครู และทันทีที่บานประตูเปิดออก ซาโต้และพรรคพวกก็จะรีบถอยห่างจากซาคุโระ หาใช่เพราะความหวาดกลัวต่อครูประจำชั้นที่นักเรียนเอาไปด่ากันลับหลังสนุกปากเหมือนอย่างที่เขาชอบด่านักเรียนต่อหน้า ทว่าเป็นเพราะครูมัตสึมูระไม่เคยสนใจให้ค่าเรื่องของนักเรียนคนไหนอยู่แล้วต่างหาก ทั้งที่รู้เรื่องการกลั่นแกล้งของนักเรียนในห้องมาโดยตลอด แต่ก็ยังเลือกที่จะปิดหูปิดตาแล้วปล่อยให้พวกเขากระทำมันต่อไป นั่นก็แทบไม่ได้ต่างอะไรจากการลงมือทำด้วยตัวเองไม่ใช่หรือไง
“มีปัญหาอะไรกัน!”
“หนูหาเรื่องซาโต้ก่อน เค้าก็เลยเอาคืนค่ะ” ซาคุโระค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นยืน โพล่งผ่านริมฝีปากที่แตกด้วยคำพูดที่ไม่แยแส “เรื่องเล็กแค่นี้ ช่างมันเถอะค่ะ”
“เรื่องเล็กอะไร! เธอถูกเด็กผู้ชายทำร้ายนะ!”
“อ๋อ เพราะหนูเป็นเด็กผู้หญิงที่ถูกเด็กผู้ชายทำร้ายเลยเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนการกลั่นแกล้งของเด็กผู้ชายด้วยกันคือเรื่องเล็กงั้นสินะคะ ครูถึงได้ปล่อยให้มันเกิดขึ้น”
ทั้งอย่างนั้น ครูมัตสึมูระก็จะทำเมินเฉยต่อคำพูดของเธอขณะมองเลยมาหาเด็กหนุ่มที่ยืนก้มหน้าอยู่ตรงมุมหลังห้อง “มิจิเอดะ ที่นีมูระบอกว่าเป็นคนเริ่ม เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
“มันเป็นเรื่องของหนูกับซาโต้นะคะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณมิจิเอดะเลย!” เธอแหวขึ้นด้วยความหงุดหงิดกว่าเดิมมาก “ถ้าครูจะกรุณา ช่วยพาหนูไปห้องพยาบาลดีกว่าค่ะ เห็นไหมคะว่าปากหนูจะฉีกอยู่แล้ว!” และเมื่อเธอจะเดินตอกฝีเท้าด้วยความหัวเสียจากไป ครูมัตสึมูระก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพ่นลมหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย
“มิจิเอดะ มากับครู ส่วนพวกซาโต้ หลังเลิกเรียนไปที่ห้องพักครูด้วย”
สายตาของคนทั้งสามที่จดจ้องมองมาล้วนสื่อความหมายเดียวกันว่าถ้าขืนเขาเปิดปากพูดอะไรออกไป เหตุการณ์มันจะไม่จบลงแค่นี้แน่ และเขาจะต้องโดนหนักกว่าที่นีมูระได้เผชิญ แต่พวกซาโต้ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลย เพราะไม่ว่าอย่างไร คนอย่างเขาก็ไม่มีทางกล้าปริปากเพื่อขอความช่วยเหลือจากใคร...หรือแม้แต่เพื่อขอให้ใครมาช่วยเหลือเธอ
ความพยายามคาดคั้นเอาความจากลูกศิษย์ที่ครูทาเคมิกำลังช่วยทำแผลช้ำเลือดที่ใบหน้าให้อยู่บนเตียงในห้องพยาบาลของครูมัตสึมูระไม่เป็นผล ขณะยืนกอดอกมองดูเด็กสาวที่ไม่ปิดบังความหงุดหงิดใจเลยแม้แต่น้อย ที่เมื่อเขาทำท่าว่าจะเปลี่ยนมาถามลูกศิษย์อีกคนหนึ่งในที่นั้น ซาคุโระก็จะกระชากน้ำเสียงขุ่นเคืองแล้วว่า
“หนูก็บอกแล้วไงว่าเป็นเรื่องของหนูกับซาโต้ ไม่เกี่ยวกับคนอื่น ครูช่วยเลิกเซ้าซี้น่ารำคาญสักทีเหอะ!”
นั่นเองที่จะทำให้ความอดทนของครูมัตสึมูระหมดลง
“แล้วฉันจะบอกแม่ของเธอว่ายังไงซาคุโระ! ไปหาเรื่องเด็กผู้ชาย ทำอะไรไม่มีหัวคิดแบบนั้น! อยากจะถูกไล่ออกเหมือนตอนอยู่โรงเรียนเก่าอีกหรือไง!”
“พอได้แล้วค่ะครูมัตสึมูระ” ครูทาเคมิหันไปปรามเพื่อนร่วมอาชีพ “ตอนนี้เด็กเค้าเจ็บอยู่ สิ่งที่ควรทำคือการคาดคั้นเหรอคะ?”
“ผมกลับก่อนก็ได้ แต่มิจิเอดะ...”
หากซาคุโระจะเอ่ยแทรกขึ้นว่า “หนูอยากให้คุณมิจิเอดะอยู่กับหนูที่นี่ด้วยค่ะ” ด้วยการจ้องสบตากับครูทาเคมิที่รู้ว่าหล่อนต้องช่วยได้ ด้วยการส่งเสียงแข็งให้ครูมัตสึมูระที่ไม่มีอยากมีปัญหากับหล่อนเหมือนที่พยายามมีกับเธอจำต้องยกธงขาวยอมแพ้แล้วออกจากห้องไป
ชุนสุเกะได้แต่นั่งก้มหน้าเงียบมองดูมือตัวเองอยู่อย่างนั้น ขณะปล่อยให้สุ้มเสียงของซาคุโระกับครูทาเคมิที่พูดคุยกันเบามากจนเขาแทบไม่ได้ยินลอยผ่านไป ครั้นทำแผลให้เธอเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ครูทาเคมิก็บอกว่าจะไปคุยกับครูมัตสึมูระให้ และเมื่อบานประตูเลื่อนปิด เด็กสาวก็ผุดลุกขึ้นจากเตียงมาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้คนละฟากฝั่งกับเขา
“ฉันเคยถูกไล่ออกเพราะไปมีเรื่องกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เขาแกล้งเพื่อนในห้องของฉันด้วยวิธีวิปริตสารพันเท่าที่จะนึกออก แต่ไม่มีใครยอมยื่นมือเข้าไปช่วยเลยเพราะกลัวว่าตัวเองจะตกเป็นเหยื่อด้วย ฉันเองก็กลัว จนกระทั่งเย็นวันหนึ่งเขาก็มาสารภาพรักกับฉัน จากนั้นก็ฆ่าตัวตายเพราะทนการกลั่นแกล้งไม่ไหว ฉันไม่อยากเห็นใครต้องตายด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวแบบนั้นอีกแล้ว”
“คุณมิจิเอดะ มาแก้แค้นกันเถอะ ก่อนที่คุณมิจิเอดะจะต้องตกเป็นเหยื่อซะเอง”
_______________
ความคิดเห็น