คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #93 : Everybody's Darling
หากมีสิ่งหนึ่งในชีวิตที่ลลินไม่เคยนึกฝันมาก่อน นั่นก็คือความจริงที่ว่าเธอจะได้ระหกระเหินมาใช้ชีวิตอยู่ ณ ดินแดนอีกซีกโลกหนึ่งที่ห่างไกลจากบ้านหลังที่สองของตนยังเมืองแห่งความรุ่มรวยอย่าง...ปารีส
อันที่จริง นี่เป็นการโยกย้ายถิ่นฐานครั้งที่สองของเธอ ครั้งแรกคือตอนอายุห้าขวบซึ่งเธอแทบจดจำความไม่ได้ มีเพียงคำบอกเล่าจากมารดาในภายหลังว่าหล่อนกระเตงเด็กหญิงกับสัมภาระเพียงน้อยนิดขึ้นเรือมาปักหลักอยู่ที่มะละกา คฤหาสน์อันโอ่อ่าของพ่อไม่มีอะไรเหมือนกับบ้านเช่าหลังกระจ้อยที่มีเพียงสองคนแม่ลูกในพระนครที่เธอเติบโตขึ้นมาเลย พวกเขาพบกันในตอนที่พ่อเดินทางมาเจรจาค้าขายที่นี่ ขณะที่แม่ซึ่งยังสาวและสวยมากทำงานอยู่ในโรงเต้นรำ ทั้งสองต่างตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบ แม้ต้องใช้เวลาพัฒนาความสัมพันธ์นั้นอยู่เกือบปี ก่อนที่พ่อจะทำให้แม่ใจอ่อนด้วยความสม่ำเสมอในทุกๆ ครั้งที่เดินทางมายังพระนครถึงไม่มีธุระปะปังอะไรเสียด้วยซ้ำ แต่ด้วยอาชีพเต้นกินรำกินของแม่ถึงหลังจากให้กำเนิดเธอแล้ว อีกทั้งเชื้อชาติที่แตกต่าง ครอบครัวชาวจีนทางฝั่งพ่อจึงไม่ยินยอมที่จะรับสะใภ้ต่างชาติน่าเสื่อมเสียเข้ามาในวงศ์ตระกูลเป็นอันขาด! ต้องใช้เวลานานกว่าห้าปี พ่อถึงจะสามารถพาแม่ไปอยู่ที่มะละกาด้วยกันได้ในที่สุด ท่ามกลางความมึนตึงที่ไม่เจื่อนจางลงไปเลยของคนในบ้าน โชคดีที่แม่ของลลินเป็นคนแข็งแกร่ง หล่อนจึงได้ปลูกฝังลูกสาวคนเดียวให้หยัดยืนอยู่กลางคลื่นใต้น้ำโดยไม่คลอนแคลน ด้วยความหน้าซื่อตาใสนี้เองที่ทำให้ ‘ลี่หลิน’ ทลายกำแพงที่พวกเขาเคยตั้งแง่ไว้ เช่นเดียวกับมันสมองของแม่ที่ช่วยเหลือเรื่องธุรกิจของพ่อให้ยิ่งงอกเงยขึ้นไปอีก
กระทั่งเหตุการณ์เรือล่มได้ทำให้พ่อของเธอต้องหวนจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ขณะที่แม่ซึ่งเดินทางไปด้วยกันกลับรอดชีวิตมาได้ นั่นเรียกความโมโหโทโสซึ่งเลือนหายไปแล้วให้หวนคืนมา มาดามอู๋โทษว่าหล่อนเป็นตัวกาลกิณีที่ทำให้ลูกชายคนโตต้องตายและขับไล่หล่อนออกจากบ้าน เด็กหญิงอายุสิบห้าในตอนนั้นร้องไห้คร่ำครวญเมื่อต้องสูญเสียผู้ให้กำเนิดทั้งสองคนในเวลาไล่เลี่ยกันไม่ยอมหยุด ไม่ใช่คำบอกลาในตอนที่หล่อนเข้ามาโอบกอดลูกสาวเป็นครั้งสุดท้ายแล้วกระซิบว่า “สักวันหนึ่งแม่จะกลับมารับลูกอย่างแน่นอน” นัยน์ตาของหล่อนหนักแน่นพอที่จะสร้างความเชื่อมั่นแม้เวลาจะผ่านไปถึงกว่าห้าปีแล้วก็ตาม
เหมือนเจ้าหญิงที่ร่วงหล่นจากบัลลังก์ เมื่อในอีกหนึ่งปีให้หลัง หนี้สินจากการจับจ่ายที่ไม่พอดีกับรายรับเมื่อขาดเสาหลักของบ้านไปจะพอกพูน ครอบครัวของเธอต้องระเห็จมาอยู่ในตรอกการค้า ขณะที่ลลินก็ต้องมาช่วยคุณป้าขายเกี๊ยวน้ำ ทั้งซื้อของ เตรียมร้าน ทำอาหาร บริการ จนถึงทำความสะอาด เหนื่อยสายตัวแทบขาด ไม่เพียงแค่นั้น เธอยังต้องทำงานบ้านให้มาดามอู๋ที่ไม่ละทิ้งความเป็นมาดามอู๋ ทั้งที่ลลินไม่เห็นว่าหล่อนจะกระดิกตัวทำอะไรสักอย่างนอกจากเดินฉุยฉาย ออกไปใช้เงินที่ลูกสาวและลูกชายคนเล็กที่ยังเหลืออยู่ของหล่อนหามาอย่างเหนื่อยยากไปวันๆ
ลลินคิดอยู่เสมอว่าสักวันเธอจะต้องหลุดพ้นจากชีวิตบัดซบนี้ให้ได้ กระนั้นก็มองไม่เห็นหนทางเลยว่าจะเป็นไปได้อย่างไร เธอไม่เคยได้รับเงินเลยสักแดงเมื่อป้าคิดว่าการให้ที่ซุกหัวนอนและอาหารก็มากพอแล้ว มีหลายครั้งที่เธอคิดถึงการแต่งงานออกเรือนไปให้พ้นๆ แต่ชีวิตที่ตัวติดอยู่กับป้าซึ่งคอยไล่ตะเพิดทั้งหัวดำหัวหงอก ก็ทำให้ลลินไม่คิดว่าเธอจะมีโอกาสได้เลย
โดยที่ไม่คาดคิด โอกาสนั้นกลับมาถึงจากบุคคลที่ไม่ว่าใครในบ้านต่างก็เกรงกลัว
“ฉันจะให้เธอแต่งงานเข้าบ้านตระกูลหลิน”
ลลินไม่เข้าใจอะไรเลยในทีแรก เธอรู้จักทายาทตระกูลหลินทั้งสองคนตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้ว แต่พี่คนโตเพิ่งจะเสียชีวิตไป ส่วนน้องคนเล็กก็ไปร่ำเรียนที่มาเก๊าโดยไม่มีข่าวคราวอะไรในมะละกาอีกเลยตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อน ไม่ว่าจะให้คิดถึงใคร ก็ดูเป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น
เป็นมาดามอู๋ที่ไขคำตอบให้แก่เธอในวินาทีถัดมา
“ไปเป็นเจ้าสาวของผีให้หลินเฉิงอี้”
แน่นอนว่าเรื่องไร้สาระพรรค์อย่างนี้ใครจะไปยอม! เธอไม่อยากต้องถือความเป็นม่ายเพราะสมรสกับผีที่ตัวเองไม่ได้รักแม้แต่น้อยยิ่งถ้าหมายถึงคนใจร้ายอย่างหลินเฉิงอี้ นั่นเป็นครั้งแรกที่ลลินแผดเสียงลั่นตอบโต้และระบายความอัดอั้นในใจด้วยคำว่า ‘เห็นแก่ตัว’ ผลลัพธ์คือเธอได้ความเจ็บชาบนใบหน้าจากฝ่ามือที่เงื้อง่ามาเต็มแรงให้เป็นบทเรียน มาดามอู๋ด่าทอเธอด้วยคำหยาบคาย หาว่าเธอต่างหากที่ ‘เห็นแก่ตัว’ ไม่ยอมเสียสละตนเองเพื่อครอบครัว คืนนั้น เธอถูกขังเอาไว้ในห้องและสั่งให้อดอาหาร ลลินใช้เวลาไปกับการร่ำร้องไห้ด้วยความคับแค้นใจจนกระทั่งรุ่งสาง และนับตั้งแต่วันนั้น ลลินก็ไม่ยอมก้าวออกมาจากห้องอีกเลย เธอประทังชีวิตด้วยอาหารเพียงน้อยนิดที่ได้เป็นข้าวเย็นจากป้าที่เวทนาเพียงวันละมื้อ แต่ลลินไม่สนใจ อันที่จริงเธอคิดว่าอยากจะตายๆ ไปให้พ้นๆ เสียดีกว่า อาจฟังดูน่าสมเพช หากความหิวแสบท้องที่เล่นงานก็ยากเกินจะทานทน ระหว่างนั้น เธอได้ยินพวกเขาพูดคุยเรื่องพิธีแต่งงานของเธอซึ่งดังผ่านผนังบางๆ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
แล้วลลินก็คิดถึงแม่...จนนึกว่าตนเองยังไม่ตื่นจากความฝันเมื่อได้ยินเสียงเอะอะมะเทิ่งดังลั่นบ้านภายในตอนสายๆ ของวันที่ห้ากับการประท้วงเงียบ พร้อมกับเสียงบานประตูที่ถูกผลักเข้ามาโดยไม่รอมชอม สตรีในชุดแต่งกายแบบตะวันตกที่ลลินเรียกขานว่า ‘แม่’ ยืนอยู่ตรงนั้น แค่หล่อนเอ่ยปากเพียง “ลลิน ไปกับแม่” เธอก็จะรีบโผเข้าหาอ้อมกอดที่โหยหาทันที
วาจาของมาดามอู๋เข้มข้นกว่าที่เธอเคยประสบอีกหลายเท่า แต่หล่อนไม่แคร์ มาดามอู๋สาปแช่งขอให้ชีวิตหาความเจริญไม่ได้ทั้งแม่ทั้งลูก ลลินคิดว่าแม่ของเธอเท่ชะมัดยาดที่กรีดเสียงหัวเราะทิ้งท้ายพร้อมกับมือเรียวที่โบกแทนคำลาตลอดกาล
“แม่จะไม่มีวันยอมให้ลูกแต่งงานกับผี”
ครั้นถามแม่ว่ารู้ได้อย่างไร หล่อนก็จะเพียงยิ้ม
ลลินได้รับรู้เรื่องราวของแม่ในระหว่างขึ้นเรือสำราญ เดินทางไกลมากๆ ไปยังนิวาสสถานแห่งใหม่ หลังถูกไล่ออกจากบ้านแล้ว หล่อนก็กลับไปทำงานอยู่ที่โรงเต้นรำเหมือนเดิม หล่อนตั้งหน้าตั้งตาทำแต่งาน งาน งาน เพื่อจะได้เก็บเงินก้อนใหญ่ๆ สร้างชีวิตดีๆ ให้ทั้งตนและลูกสาวได้ โดยไม่สนใจบุรุษเพศที่เทียวเข้าหาคนใดอีกเลย กระทั่งหล่อนจะได้พบกับชายชาวฝรั่งเศสในอีกสามปีต่อมา ความพยายามของเขาเหมือนครั้งที่พ่อเคยทุ่มเทอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนหล่อนต้องยอมแพ้ และเมื่อหล่อนเล่าเรื่องของลูกสาวที่มะละกาให้ฟัง ชายผู้ที่ได้กลายมาเป็น ‘พ่อเลี้ยง’ ของเธอนับตั้งแต่วินาทีที่พวกหล่อนจดทะเบียนสมรสกันที่ฝรั่งเศสก็ยินดีที่จะรับเลี้ยงดูให้มาอยู่ที่ปารีสด้วยกันพร้อมหน้าทั้งครอบครัว
แต่กว่าที่จะทำเช่นนั้นได้ เวลาก็ล่วงเลยไปพอสมควร หล่อนกับพ่อเลี้ยงยุ่งอยู่กับธุรกิจพบปะคู่ค้ารายใหญ่ หากทันทีที่ได้ยินข่าวว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนจะต้องไปเป็นเจ้าสาวของผี หล่อนก็จะรีบเดินทางมาที่มะละกาเพื่อรับตัวลลินกลับไปด้วยกัน
ลลินไม่เพียงได้พบกับคุณเรย์มงด์ เบล
แต่เธอยังได้พบกับทายาทคนเล็กของตระกูลหลินที่เหินห่างไปเนิ่นนานอย่างหลินเฉิงเหริน...เด็กหนุ่มที่ไม่เพียงเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเธอ หากยังเป็นรักแรก และเธอรู้ว่าเขาจะเป็นรักเดียวตลอดไป ในวินาทีที่นัยน์ตาทั้งสองได้หวนกลับมาสบประสานกันอีกครั้ง
_______________
ความคิดเห็น