ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #193 : stroboscopic

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 65


    stroboscopic
    Playlist: Vaundy  Shiwaawase 「しわあわせ」













    .

    มันไม่ใช่การตกหลุมรักนับแต่แรกพบ

    แน่นอนว่ามันย่อมต้องเป็นแบบนั้นสำหรับเด็กหนุ่มรักความสงบอย่างโอคาซากิ โคทาโร่ เพราะการได้เห็นความปากร้าย โมโหร้าย ซ้ำยังเอาแต่ใจอย่างร้ายกับทั้งคนรักหรือแม้แต่เพื่อนสนิทของคุรุรุงิ ยูคาริ ลูกค้าที่บาร์บลูมูนของพี่เซย์ยะ ลูกพี่ลูกน้องที่แม่ไปรบกวนขอให้เขามาอาศัยอยู่ด้วยตอนย้ายขึ้นมาเรียนต่อไฮสคูลที่โตเกียว และเธอก็เป็นแบบนั้นมาตลอดหนึ่งปีที่เขาพอจะเรียกได้ว่าคุ้นหน้าค่าตา หากเด็กหนุ่มอย่างเขาและหญิงสาวอย่างเธอก็ไม่เคยได้พูดคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวมากไปกว่าแค่คำทักทายแบบผาดเผินเท่านั้น

    กระทั่งเธอเลิกรากับอดีตคนรักด้วยไม่ดี แม้ว่าเหตุผลที่โคทาโร่ได้ยินมาจะไม่อาจเรียกว่า ดี ได้เลยอย่างการที่เธอเป็นฝ่ายนอกใจไปหาผู้ชายคนอื่น แต่สุดท้ายผู้ชายคนนั้น — ที่เป็นทั้งแฟนเก่าและเพื่อนเก่าสมัยเรียน — ก็ทิ้งเธอไปอยู่อเมริกากับคนรักตัวจริงของเขาซึ่งยินยอมให้อภัยทุกอย่าง ตรงกันข้าม ความสัมพันธ์ของเธอกับคนรักตัวจริงดันกลับกลายเป็นชิ้นส่วนเรื่องราวที่ต่อไม่ติดอีกเลย บางที สิ่งที่เธอกำลังประสบอยู่นี้ก็อาจจะสาสมแล้วอย่างที่พี่รินาริ เพื่อนสนิทของเธอ เอามาเล่าให้พี่เซย์ยะฟังอย่างออกรสก็ได้ และแม้ว่าโคทาโร่จะรู้จักกับคุณมิยาจิกะจนถึงขั้นเห็นอกเห็นใจเมื่อถูกด่าว่าหรือเมินเฉยอยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงอย่างไร โคทาโร่ก็ไม่ใช่คนตัดสินว่าอะไรถูกผิดอยู่ดี

    หากเมื่อได้เห็นเธอเงียบขรึมผิดไปจากที่เคย พยายามปั้นแต่งรอยยิ้มฝืดเฝื่อนเพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่เป็นไรกับพี่เซย์ยะตอนแวะมาที่ร้าน แล้วจมจ่อมอยู่กับเครื่องดื่มและบทเพลงในซอกมุมหนึ่งลำพัง ก็ทำให้โคทาโร่อดนึกสงสารเธอขึ้นมาไม่ได้

     

    มันเป็นวันกลางสัปดาห์หนึ่งในช่วงปิดเทอมฤดูหนาว โคทาโร่ที่ไม่มีอะไรทำเลยมานั่งเล่นอยู่โยงเฝ้าร้านแทนพี่เซย์ยะก่อนร้านจะเปิดตอนช่วงหัวค่ำ เธอที่ผลักบานประตูเข้ามามีสีหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นเขา อาจรวมถึงความหนักใจเล็กน้อยอยู่ในที หากเมื่อโคทาโร่ตะโกนบอกว่าเดี๋ยวพี่เซย์ยะก็กลับมา เธอจึงผงกศีรษะรับ พึมพำออกมาว่าขอรบกวนด้วย ขณะที่เขาก้มลงไปเปิดตู้แช่ หยิบโค้กกระป๋องมารินลงในแก้วใส่น้ำแข็งส่งให้เธอที่เพิ่งจะถอดเสื้อโค้ตแขวนกับราวตรงมุมห้องเสร็จ มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นพร้อมคำขอบคุณกับเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ที่เธอชอบ ให้โคทาโร่เองก็ตอบรับกลับไปด้วยการกระทำแบบเดียวกัน

    มีความเงียบงันเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาแค่เพียงชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น เพราะหลังจากที่เธอนั่งลงบนเก้าอี้ไม่มีพนักหน้าเคาน์เตอร์ แตะหลอดเข้ากับริมฝีปากคู่สีอ่อน เพลงป๊อปเบาสบายที่เล่นผ่านลำโพงในร้านถึงก่อนหน้านั้นก็เปลี่ยนไปเป็นเพลง ชิวะอาวาเสะ (รอยย่นที่ทับซ้อน) เรียกเสียงหัวเราะเบาๆ ที่ไม่เข้ากับท่วงทำนองแช่มช้าจากเธอ

    “เธอชอบวอนดี้เหรอ?”

    “อ๊ะ ครับ”

    “แฟนเก่าของฉันเคยบอกว่า ถ้าได้ฟังเพลงของวอนดี้บนท้องถนนแล้วจะมองโลกเปลี่ยนไปเลย แล้วโอคาซากิล่ะ เคยรู้สึกแบบนั้นบ้างไหม?”

    เขามีสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย

    “ก็...อาจจะมั้งครับ”

    “โตเกียวเป็นที่ที่เหงานะ”

    โคทาโร่แน่ใจว่ามันคือรอยยิ้มที่เธอปั้นแต่งในตอนที่เท้าแขนข้างหนึ่งบนโต๊ะเมื่อเอ่ยประโยคเหล่านั้น หรืออาจเมื่อเอ่ยถึงแฟนเก่า...ที่โคทาโร่รู้ว่าเป็นคุณมิยาจิกะ เสียจนเผลอหลุดปากออกไปว่า “คุณคุรุรุงิคิดถึงเขาเหรอครับ?”

    ไม่ใช่ความโกรธจากการสอดรู้สอดเห็นอย่างที่โคทาโร่คิดว่าไม่น่าปากพล่อยออกไปแต่แรกเลย หากเป็นเนื้อเพลงท่อนหนึ่งที่เธอตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มที่ยังคงไม่จางหายไปไหนว่า “'หัวใจที่บริสุทธิ์ของเขานั้นราวกับภาพวาด'“ ก็ดูกล้ำกลืนจนกลายเป็นความน่าสงสารที่พาดผ่านเข้ามาข้างในใจของเขา

    “ฉันอยากให้เขามีความสุขกับคนที่รักเขาได้จากใจจริง” เธอขยับเปลี่ยนท่านั่งแล้วเอ่ยต่อไป “เธออาจคิดว่าฉันเป็นคนเลว ไม่เคยพูดจาดีๆ หรือทำตัวดีๆ กับเขาเลย แถมยังทำเรื่องแบบนั้นลงไป แต่รู้อะไรไหม ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย นอกจากเรื่องของจากะคนเดียว ฉันจะปล่อยให้เขาได้ไปเจอคนที่ดีกว่า คนที่จะรักเขาและไม่ทำให้เขาเสียใจ แทนที่จะต้องเสียเวลาอยู่กับผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวอย่างฉัน”

    “คุณคุรุรุงิยังอยากมีความสุขกับคนที่รักถึงแม้ว่าสุดท้ายจะต้องเสียใจ แล้วทำไมไม่คิดว่าคุณมิยาจิกะก็อยากมีความสุขกับคนที่เขารักเหมือนกันล่ะครับ ผมคิดว่าอย่างน้อยเขาก็ไม่เสียใจกับช่วงเวลาที่ได้เคยมีความสุขกับคนที่รัก ถึงจะเป็นแค่ช่วงหนึ่ง”

    เธอผินใบหน้าไปอีกทาง ยกแขนขึ้นมาปิดบังเสี้ยวหน้าข้างหนึ่งแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วค่อยว่า “เธอใจดีเหมือนกับเขาเลย”

    “และผมไม่เคยคิดว่าคุณคุรุรุงิเป็นคนเลวนะครับ”

    ตอนที่เธอพยักหน้าพร่ำคำขอบคุณให้เขา แสดงความรู้สึกที่แท้จริงให้เห็นออกมาเป็นครั้งแรกผ่านเนื้อตัวที่สั่นเทาและหยดน้ำตาที่เป็นประกาย ตอนที่โคทาโร่วางมือแตะลงไปบนหลังมือของเธอเพื่อช่วยปลอบโยน นั่นก็คือวินาทีที่โคทาโร่ตกหลุมรักเธอ

     

    และเมื่อโคทาโร่ได้เห็นเธอกลับมาต่อปากต่อคำกับพี่รินาริ พี่เซย์ยะ รวมไปถึงพนักงานใหม่นิสัยดีที่พยายามเรียกคืนเสียงหัวเราะให้กับเธออย่างโคจิเคน ถึงจะอย่างเบาบาง แต่สักวันหนึ่ง เมื่อเธอตื่นจากความฝันที่เจ็บปวด เธอก็จะกลับมายิ้มได้จากใจจริง...และมีความสุขด้วยมือที่จับกระชับแน่นกับใครสักคนหนึ่งนั้น

    เธอเปลี่ยนโตเกียวของเขาให้ไม่เหมือนเดิม

    และโคทาโร่ก็หวังว่ายูคาริจะได้พบบทเพลงใหม่ที่เปลี่ยนแปลงโลกของเธอ...อีกครั้ง












    2022年11月06日
    _______________
     เป็นพล็อตที่แวบมาตั้งแต่ตอนอ่านแมกแล้วเจอว่าโคทาโร่ชอบวอนดี้...ที่จากะก็เคยชอบ แต่ก็ทิ้งไว้ไม่ได้แต่งต่อเพราะไม่มีใจ จนเจอข่าวคิงปุริแล้วกูก็สะท้อนใจนึกถึงวันวาน เลยอยากแต่งอะไรสักอย่างที่เขียนถึงความสุขความเศร้าความรักใดๆ หยิบยื๊มตัวละครกับบลูมูนมาจากเรื่องเลิฟมีฯ แต่พล็อตนี้ไม่ใช่ตอนจบของเรื่องนั้น เพราะกูวางให้คุริได้กับอุมิอยู่แล้ว ถึงจะคบชู้กันแต่ก็ลงเอยได้รักกันอยู่ดีนะ แต่มันก็ไม่มีตอนต่อแล้วหลังจากพระเอกกูไปเมกาฯ ทุกอย่างก็พังยับๆ orz / ในเรื่องเลิฟมีฯ จริงๆ กูแต่งถึงตอนที่คุริเล่าให้คนอื่นฟังว่าได้คบกับจากะเพราะเจ้าตัวพูดประโยคนั้นแหละ แบบว่าพอได้ฟังโตเกียวแฟลชตอนกลับบ้านด้วยกันก็เลยมองโลกเปลี่ยนไป มองจากะเปลี่ยนไป ตกหลุมรักด้วยเรื่องง่ายๆ แค่นี้ ก็เลยคิดว่าอยากจะเอาประโยคนี้มาใส่ในเรื่องนี้ให้ได้ ละแม่งเอ๊ย กูเปิดเพลงวอนดี้ฟังไปด้วย ดูรูปจากะไปด้วย แล้วน้ำตากูก็ไหลพรากๆ เลยตอนแต่งเรื่องนี้ มันน่าเศร้าตรงที่ทุกวันนี้กูเห็นเค้ากูก็ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้วด้วยนี่แหละ TT_TT
     เพราะฉะนั้นมึงก็สู้นะ คนอื่นคงไม่เข้าใจว่ากูจะเสียใจเรื่องทราวิสไปเมกาอะไรนักหนา ในเมื่อเค้าได้ไปมีชื่อเสียง ออก AGT ตอนนี้ก็ได้เดบิวต์แล้ว ยังเป็นจอห์นนีส์เหมือนเดิมไม่ได้ออกจากค่ายสักหน่อย แต่คนเรามีมาตรวัดความเสียใจไม่เท่ากัน ใครจะทดแทนช่วงเวลาหกเดือนที่เสียไปให้กูได้ ก็ไม่มีไง บางทีแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ มันก็ทำให้หัวใจคนเราเปลี่ยนไปได้แล้ว แต่ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่กูก็ไม่เสียใจจริงๆ ที่ได้เคยรักทราวิส ได้รัก W Kaito จะเป็นจะตาย ถึงตอนนี้เวลาก็ช่วยเยียวยาทุกสิ่ง มึงก็ได้เห็นแล้วว่ากูกลับมามีความสุขได้ในที่สุดเพราะเคียวเฮ เพราะเคน เพราะไทเซย์ อย่างน้อยก็ใช้เวลาที่ได้รักเค้าให้เต็มที่ แค่นั้นกูก็ไม่เสียใจเสียดายอะไรแล้ว เพราะมีพบก็ต้องมีจาก และบางทีความรักก็อาจเป็นแค่การได้เห็นเค้ามีความสุขและทำตามความฝันได้สำเร็จ เหมือนที่เค้ามอบความสุขให้เรามาตลอดยังไงล่ะวะ โอ๊ยอีเหี้ย น้ำตามา กูเขียนไปก็สงสารทั้งมึงและตัวกู ขอให้สักวันมึงได้พบบทเพลงที่เปลี่ยนแปลงโลกของมึงอีกครั้ง...เหมือนที่กูได้พบบทเพลงฮิปฮอปนะ TT_TT / และครั้งหน้าอย่าหาทำหาชอบวงเองแบบนี้อีก กูเคยทำให้มึงเสียใจเพราะสโตรสโนว์ไหม มึงมาชอบเอ๋กรุ๊ปตามกูแต่แรกก็ไม่ต้องมาร้องห่มร้องไห้เพราะคิงปุริแล้ว อีจุงอีควายเอ๊ย
     ตั้งใจแต่งไม่ให้โคทาโร่ได้รักกับคุริอยู่แล้ว เพราะไม่มีทางที่สองคนนี้จะลงเอยกันได้ (ไม่ใช่เพราะเป็นเด็กม.ปลายกับผู้ใหญ่เลยรักกันไม่ได้เหมือนอีพวกทวิตเตี้ยรตื่นรู้ด่าคนแต่มาอ่านฟิคพวกกูที่รวมความเหี้ยทุกอย่างแล้วค่า) แค่อยากให้โคทาโร่มีความสุขที่ได้เห็นคนที่รักมีความสุข สองวรรคล่างสุดคือประโยคแรกสุดที่แต่งเรื่องนี้ เลยไม่คิดอยากเปลี่ยนอะไร เลือกโคจิเคนเพราะบาร์บลูมูนรวมเด็กคันไซจ้า แต่ที่จริงก็เพราะเค้าคือคนที่กูรักที่สุดในตอนนี้ และกูมั่นใจว่าคนที่จะทำให้คุริกลับมายิ้มได้ก็คือคนนี้ เหมือนที่เค้าทำให้กูยิ้มได้แหละนะ (เพราะอาย) / ปล. ปีนี้กูแต่งฟิคสั้นพันคำและจบเรื่องสั้นอย่างที่ต้องการได้ภายในหนึ่งวัน เกลาอีกหนึ่งวัน ถ้าจะทำก็ทำได้...แต่ไม่ทำจ้า
     เล่าหน่อย พอไปอ่านแมกเล่มเดิมที่โคทาโร่บอกว่าศิลปินที่ฟังช่วงนั้นคือวอนดี้ แล้วอะไรไม่รู้ ศิลปินในค่ายก็พูดถึงนางาเสะ เร็น กูอยากตาย เอ็มวีที่ชอบคือสตรอว์เบอร์รี่เบรคฟาสต์ ละอะไรอีกรู้ไหม กูเพิ่งรู้ว่าโคทาโร่เล่นเปียโน!!! เล่นเทนนิสด้วย ละโคจิเคนก็เพิ่งบอกว่าเคยอยู่ชมรมเทนนิสสมัยเรียน!!! ถามจริงๆ เลยนะ คุรเชื่อเรื่องเมนดึงดูดไหม คุรเคยกินแอปเปิลแล้วเลือดออกตามไรฟันไหม บาปบุรมาก ตอนแรกกูจะเมนนิชิทาคุเพราะหล่อ (ตอนนี้ไม่ชอบละ ให้เป็นน้องกูแทนเพราะเราคือแก๊งแมวน้ำร้ายที่แซะโคจิเคนด้วยกัน) แต่สุดท้ายก็ปักโคตาโร่เพราะดูคลิปในช่องไปๆ มาๆ แล้วน่ารักดี ไปไร่ข้าวโพดแล้วออกทางเข้า ไม่เคยรู้ประวัติอะไรมากไปกว่านั้น กูจะบ้า งานอดิเรกมีเล่นเกมกับเล่นรถบังคับด้วย กูอยากตาย คันไซของแม่งแรง ปอมปาดัวร์
     ชื่อเรื่องมาจากอัลบั้มชื่อ strobo ของวอนดี้ แต่กูคิดว่ามันยังขาดๆ อะไรไปเลยไปหาจนเจอคำนี้ ที่แปลว่าอะไรไม่รู้แต่กูจะใช้จ้า ส่วนเพลงประกอบกูไปหาอ่านแบบเว็บญี่ปุ่นเค้ามีวิเคราะห์จริงจังเลยนะ แต่เท่าที่หาอ่านมาเหมือนเค้าจะสื่อว่าเมื่อจับมือกันก็จะเกิดรอยย่นบนฝ่ามือ ในตอนที่คนเราอายุมากขึ้น ช่วงเวลา ความทรงจำและประสบการณ์ก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกับรอยย่น และก็ยังสอดคล้องกับคำว่าชิอาวาเสะที่แปลว่าความสุขด้วย
     ปล. กูเบื่อหน้านากยองแล้วโฮ้ย แต่นี่คือนางเอกฟิคอินดี้ร้อยล้านเรื่องของกูเอง จะบ้า ส่วนตอนหน้าจะเอาเซ็ตพาราไดซ์ของมัสซังมาลงแล้ว ก็ทนดูหน้าสี่ตอนติดกันไปนะ orz
    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×