คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : ANIMAL FARM
และเมื่อลิปสติกสีแดงก่ำถูกปาดลงไปบนริมฝีปากเป็นอย่างสุดท้ายแล้ว อุบุกาตะ อาเกฮะ ก็จะยืดตัวขึ้นจากกระจกเต็มตัวที่เธอยื่นหน้าเข้าไปใกล้ มองดูภาพสะท้อนของหญิงสาวใบหน้าหมดจดกับเรือนผมสีชมพูหม่นที่ถูกปล่อยยาวสยาย ในชุดเดรสแขนกุดคอลึกผ่าข้าง ประดับเพชรแท้ที่ต้องล้อแสงไฟเป็นประกายวิบวับ จนเธอต้องยิ้มเหยียดออกมาให้กับความรุ่มรวยหรูหราที่พวกเขาสามารถใช้มันได้อย่างฟุ่มเฟือยบนดินแดนที่ทุกตารางนิ้วคือความเสรี ไม่เหมือนกับเธอที่ต้องรอรับเศษซากที่พวกเขาโยนมาให้ราวกับเดรัจฉานในยามหิวโหย หรือคำเปรียบเปรยนั้นอาจไม่เกินจริงเลยก็ได้กับชีวิตในกรงแคบๆ ของมนุษย์ที่ถูกเรียกว่า ‘โฉมงาม’
หาใช่ด้วยความชื่นชมที่อาเกฮะควรต้องยิ้มรับมันอย่างหน้าชื่นตาบาน อย่างน้อยในประเทศญี่ปุ่นใหม่ที่เศรษฐกิจยังคงตกต่ำต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น เฉกเช่นเดียวกับจำนวนประชากรคนไร้บ้านที่เพิ่มสูงขึ้นจนเกลื่อนกล่นท้องถนนเน่าเหม็น — ทั้งในความหมายทางตรงและโดยอ้อม — อันแสนโสมม เธอก็ยังได้สัมผัสกับคำว่าอิสรภาพ แม้ต้องแลกมาด้วยความยากจนข้นแค้น รวมถึงอันตรายรายรอบด้าน แต่การต้องถูกกักขัง พรากเอาสิทธิเสรีภาพทั้งหมดไป ไม่ต่างจากประชาชนอีกนับร้อยพันชีวิตที่ได้มาอยู่ใน ‘สวนสัตว์มนุษย์’ แล้วใครหน้าไหนมันจะไปยินดีอยู่ได้
นั่นคือวิธีการแก้ปัญหาของโคจิมะ เคน นายกรัฐมนตรีหนุ่มคนใหม่ที่เพิ่งจะขึ้นรับตำแหน่งต่อจากพ่อวัยหกสิบหกซึ่งเสียชีวิตไปด้วยโรคประจำตัว เขาไม่จำเป็นต้องลงแข่งขันเลือกตั้งกับใคร เพราะอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งหมดในประเทศนี้ตกเป็นของตระกูลโคจิมะมาตั้งแต่ก่อนการเปลี่ยนชื่อเป็นประเทศญี่ปุ่นใหม่ ถึงอาจมีข่าวลือหนาหูว่าเป็นเพราะการชักใยอยู่เบื้องหลังของนายซูซูกิ ที่ปรึกษาอาวุโสข้างกายโคจิมะคนพ่อ ผู้ผลักดันการขึ้นครองของโคจิมะคนลูก เพื่อที่จะบ่อนทำลายและยึดอำนาจมาเป็นของตระกูลตนแทนก็ตาม อย่างไรก็ดี ไม่มีใครรู้ว่าถ้อยแถลงกับภารกิจแรกในฐานะนายกรัฐมนตรีของเขาที่ว่า “เราจะแก้ปัญหาคนว่างงานและคนไร้บ้านให้หมดไป” ผ่านการถ่ายทอดสดบนจอโทรทัศน์ทุกหนแห่งในบ่ายวันเสาร์ของเมื่อสามเดือนก่อนนั้นเป็นความคิดของเขาหรือที่ปรึกษา แต่บางที การถูกกวาดล้างกราดยิงให้สิ้นซากอย่างที่อาเกฮะคิดว่าพวกเขาจะทำในทีแรกก็อาจดีกว่าสิ่งที่เธอต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้
สำหรับคนที่ถูกนำไปขัดสีฉวีวรรณแล้วออกมาดูดี เป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับเหล่ามหาเศรษฐี ก็จะได้รับการยกระดับให้เป็น ‘โฉมงาม’ แม้ว่าจะไม่ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในสวนสัตว์มนุษย์ให้ผู้คนแห่มาดูความกักขฬะป่าเถื่อน หรือไม่ก็เพื่อแสดงความป่าเถื่อนนั้นออกมาเสียเองมากกว่าด้วยการดูถูก เหยียดหยาม ขว้างปาสิ่งของเข้าใส่พร้อมกับเสียงหัวเราะชอบใจ หากการต้องเป็นเหมือนกับหุ่นโชว์ในห้องลองเสื้อให้เหล่ามหาเศรษฐีมาเยินโฉม โลมเลียด้วยสายตา เหยียบย่ำผ่านเสียงหัวร่อแสดงความดูแคลน ถึงอาจแค่เพียงผ่านบานกระจกกั้นก็ยังน่าสะอิดสะเอียนอยู่ดี
เว้นก็แต่คืนนี้ที่อาเกฮะกำลังจะได้กระทบไหล่กับพวกผู้รากมากดีเหล่านั้นอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก ในงานเลี้ยงฉลองเนื่องในโอกาสที่พวกเขาก็แค่อยากฉลอง ขณะที่เหล่าโฉมงามอย่างพวกเธอถูกเลือกให้ทำการเดินแบบ และอาเกฮะก็เกือบแน่ใจว่ามันคือการโชว์ตัวเพื่อซื้อขาย การฝึกซ้อมเป็นเรื่องที่สาหัสสากรรจ์ อาเกฮะหมายถึงทางกายที่ถ้าเธอแตกแถวเมื่อไหร่ ก็จะถูกช็อตด้วยไฟฟ้าเข้าที่หลังคอตรงจุดเดิมจุดเดียว เพราะคงไม่มีใครอยากให้สินค้ามีรอยช้ำเป็นตำหนิ
ทว่าไม่ใช่กับทางใจ
เมื่ออาเกฮะได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจลอบสังหารนายกรัฐมนตรีระหว่างการเดินแบบ คุณนากาทานิ หญิงสาวระดับสูงหากใบหน้ายังอ่อนเยาว์อยู่ผู้นั้นรู้ว่าเธอจะเป็นคนลงมือที่ใช่ จากความพยายามขืนขัดแม้ว่าจะต้องถูกทรมานเมื่อไม่ยอมรับคำสั่งในทีแรก หล่อนบอกว่าหากเธอทำสำเร็จ เขาจะทำให้ประเทศญี่ปุ่นกลับมาเข้ารูปเข้ารอยในแบบที่ควรจะเป็น อย่างแรกเลยคือการยุติสวนสัตว์มนุษย์ที่ลดทอนคุณค่าความเป็นคน “จากนโยบายของไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั่น”
ข่าวลือเรื่องของเขา...ซูซูกิดูเหมือนว่าจะเป็นความจริง เพียงแต่อาเกฮะไม่คาดคิดว่าตนเองจะได้เป็นตุ๊กตาอีกตัวหนึ่งที่ถูกชักใยเพื่อช่วยให้ซูซูกิบรรลุเป้าหมายนั้น
เธอไม่ได้โง่ขนาดที่จะมองไม่เห็นความระยำบัดซบของพวกนักการเมืองที่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกัน คำตอบมันก็มีแค่ชั่วมากหรือชั่วน้อยเท่านั้น แต่การโค่นล้มอำนาจสูงสุดลงได้ก็ย่อมดีกว่ามิใช่หรอกหรือ? ถึงอาเกฮะจะไม่ได้อยู่ดูอนาคตที่รุ่งโรจน์หลังจากนั้น จะไม่มีใครเชิดชูเธอในฐานะผู้พลีชีพเพื่อสันติภาพ นามของเธอจะกลายเป็นที่รังเกียจ ศพของเธอจะถูกถ่มน้ำลายรดหน้า แต่อย่างน้อยๆ เธอก็ได้ลากปีศาจกลับลงไปในที่ที่มันควรจะอยู่แล้ว
∞
ภาพของความหรูหรา รุ่มรวย จนถึงกับฟุ่มเฟือยปรากฏขึ้นในดวงตาของอาเกฮะที่เดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงอันแสนโอ่อ่าของทำเนียบ คลอเคล้าไปกับเสียงหัวเราะรวนร่าราวกับไม่มีเรื่องเลวร้ายใดให้ต้องกังวลใจ เพราะชีวิตของพวกเขาเป็นแบบนั้น สิ่งที่ทำให้พวกเขากังวลใจในค่ำคืนนี้อาจมีแค่อาหารไม่ถูกปาก บทเพลงไม่ถูกหู เรื่องจิ๊บจ๊อยพรรค์นั้นที่พวกชนชั้นล่างอย่างเธอไม่มีแม้แต่เวลาจะให้คิดด้วยซ้ำ อาเกฮะพยายามที่จะไม่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา หากด้วยความสมเพชต่อตนเองมากกว่าความขบขันต่อพวกเขา จนต้องยกหลังมือขึ้นซ่อนริมฝีปากที่แปรสภาพเป็นรอยยิ้มบิดเบี้ยว ขณะเดินตามคุณนากาทานิไปกับเหล่าโฉมงามซึ่งล้วนแล้วแต่กังวลใจ
“เธออาจจะตายก็ได้นะ”
อย่างเช่นน้ำเสียงแผ่วเบาในค่ำคืนหนึ่งของเรียวฮะ เพื่อนสนิท — เพื่อนร่วมกรงหากจะพูดให้ถูก — ที่ทำให้อาเกฮะซึ่งกำลังก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่ต้องเงยมอง เมื่อไม่พบวี่แววอื่นใดนอกจากความหวาดหวาดหวั่น เธอก็จะยิ้มออกมา “มันคือภารกิจฆ่าตัวตายเลยต่างหาก” ก่อนช่วยแก้ไขความเข้าใจผิดของหล่อนให้
“มันคุ้มแล้วจริงๆ เหรออาเกฮะ? เธอคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะเปลี่ยนอะไรได้จริงๆ เหรอ?”
“แต่อย่างน้อยๆ เราก็แน่ใจได้ว่าคนเลวๆ จะตายไปหนึ่ง”
“แต่เราก็ยังเหลือคนเลวๆ อีกตั้งเยอะอยู่ดี อย่างนายซูซูกินั่น เธอแน่ใจเหรอว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องสวนสัตว์มนุษย์นี่ แน่ใจเหรอว่าเขาจะปล่อยพวกเราที่เหลืออยู่จริงๆ บางทีเขาอาจจะแค่หลอกใช้เธอฆ่าผู้นำเพื่อให้ลูกชายตัวเองขึ้นครองอำนาจแทนโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยก็ได้”
อาเกฮะได้แต่นิ่งงันไปกับคำถามไม่หยุดหย่อนจากปากคอที่สั่นเทาของหล่อน
“แล้วเธอแน่ใจได้ยังไงว่าตัวเองจะทำสำเร็จ”
กระนั้นก็เป็นครั้งแรกที่เรื่องนี้สะกิดใจอาเกฮะมากพอ แผนที่ฟังจากปากของคุณนากาทานินั้นดูง่ายดายมาก เพราะระบบการป้องกันภัยที่หละหลวม หรือหมายถึงพวกเขาทำให้มันหละหลวม เพราะการเจียดเงินสักก้อนที่ก็หาได้ทำให้ขนหน้าแข้งร่วงแม้สักเส้นเพื่อฟาดหัวคนไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร สิ่งที่เธอต้องทำก็แค่เดินไปลั่นไกปล่อยลูกกระสุนแสกกลางหน้าผากผู้นำด้วยปืนที่คุณนากาทานิจะมอบให้ในวันงาน เหน็บมันเข้ากับถุงน่องโคนขาระหว่างการเดินแบบบนโต๊ะอาหารให้พวกมหาเศรษฐีน่ารังเกียจแหงนเงยมองตาม นั่นเองที่ทำให้อาเกฮะนึกรังเกียจถึงเดียดฉันท์ในทีแรก ก่อนที่จะได้เข้าใจว่ามันคือโอกาสที่เหมาะเหม็งที่สุด เธอทุ่มเทฝึกซ้อมทั้งเรื่องการเดินแบบและลอบสังหาร...พลีชีพ...อย่างเต็มที่จนไม่น่าจะเกิดความผิดพลาดได้ ทางทฤษฎีแล้วเป็นแบบนั้น เสียจนอาเกฮะไม่เคยคิดเผื่อใจในทางปฏิบัติ
และคำย้ำซ้ำอย่างหนักแน่นต่อเรียวฮะที่ว่า “ไม่ ฉันจะทำได้ ฉันแน่ใจ” ก็ดูเหมือนจะเป็นเพียงการปลุกประโลมตนเองเท่านั้น
เหล่านักการเมืองระดับสูงนั่งเรียงรายกันอยู่บนโต๊ะอาหารตัวยาว จดจ้องมองดูเหล่าโฉมงามคนแล้วคนเล่าด้วยดวงตาวาววับ บ้างก็หยามเหยียด แต่ฮาเกฮะก็หาได้ให้ความสนใจต่อผู้ใดนอกจากชายที่นั่งอยู่สุดมุมตรงหัวโต๊ะ เธอเคยเห็นใบหน้าของเขาผ่านกรอบสี่เหลี่ยมบนจอโทรทัศน์หรือหน้าหนังสือพิมพ์มาแล้ว กระทั่งในตอนนั้น อาเกฮะก็ยังคิดว่าเขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีที่สุดเท่าที่เคยได้เห็นมา และหากว่าเขาตกต่ำเหมือนกับเธอก็คงจะถูกจับมาอยู่ในกรงของโฉมงามไม่ได้ต่างอะไรกัน ทว่าสิ่งที่ผิดแปลกไปจากโคจิมะ เคนที่อาเกฮะรู้จักผ่านสื่อเหล่านั้นก็คือความนิ่งเฉยเย็นชาจนเกือบจะว่างเปล่า ราวกับว่าดวงตาของเขาเพียงทอดมองออกไป แต่ไม่ได้จับจดต่อสิ่งใดทั้งนั้น — กระทั่งมาถึงคราวของเธอ
และอาเกฮะที่มองตรงไปด้วยความแน่วแน่ก็มั่นใจว่าได้สบกับดวงตาสีดำสนิทของเขา ซึ่งไม่ใช่แต่เพียงฝ่ายเดียว
แปลกดีที่ระยะทางอันแสนสั้นกลับไม่ได้ยาวนานราวกับนิจนิรันดร์อย่างที่เธอเคยคิดไว้ หากมือที่ชื้นเหงื่อเล็กน้อยยามที่คว้าเอาปืนกระบอกเล็กออกมานั้นไม่ผิดไปจากความคาดหมาย ยกมืออีกข้างขึ้นช่วยจับกระชับ เล็งเป้าอยู่ที่กลางศีรษะของชายตรงหน้า ด้วยระยะห่างเพียงเซนติเมตรย่อมไม่มีคำว่าพลาด จากนั้นลั่นไกออกไปโดยไม่ลังเล
หากก็หาได้มีสิ่งใดหลุดลอดออกมา ทั้งกระสุนสีเงินหรือเลือดสีแดง นอกจากเสียงหวีดร้องตกใจของผู้คนรอบข้าง ตามมาด้วยมุมริมฝีปากที่ยกขึ้นแสดงความรู้สึกเป็นครั้งแรกในรอบค่ำคืนของเขา ขยับส่งถ้อยคำโดยไม่มีทีท่าว่าจะเบือนหลบสายตากับเธอที่ยังคงนิ่งค้างอยู่ในท่วงท่าเดิม “ผมผิดหวังในตัวลุงจริงๆ ที่ถึงขนาดใช้วิธีสกปรกในการลอบสังหารผมด้วยการให้โฉมงามเป็นคนลงมือแบบนี้” แล้วเคลื่อนสายตาเปลี่ยนไปหาคนที่นั่งอยู่ทางด้านขวามือ “น่าเสียดาย” เขาจบประโยคเพียงเท่านั้น ก่อนที่ฮาเกฮะจะได้ยินเสียงปืนดังสนั่นนัดแล้วนัดเล่า เช่นเดียวกับเสียงกรีดร้องซึ่งคราวนี้มาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ทำให้เธอตื่นตระหนกจนต้องรีบหันขวับไปดู เพื่อจะได้พบกับภาพการวิ่งหนีตายของแขกเหรื่อในงาน ทว่าไม่ใช่กับเหล่านักการเมืองระดับสูงที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารเดียวกันนี้ซึ่งอยู่ในสภาพคอตก พับพาบ อาบไปด้วยเลือดสีแดงสดที่สาดกระจายไปทั่วผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดราวกับหยดหมึกที่เปรอะละเลง
“ก...แกรู้ได้ยังไง!”
ซูซูกิที่เป็นคนเดียวซึ่งยังคงเหลือรอดอยู่ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ หรือไม่...เขาก็แค่หนีไปไหนไม่ได้เพราะปากกระบอกปืนจากลูกน้องคนหนึ่งของโคจิมะที่จ่ออยู่หลังศีรษะ
“ลุงรู้ไหมว่าผมไม่เคยชอบขี้หน้าลุงเลยนะ ไม่ชอบความคิดโง่ๆ ของลุงด้วย แต่ในเมื่อคนเก่าคนแก่อยู่ฝ่ายลุงกันหมดผมก็ไม่อยากรีบร้อนสร้างศัตรู ที่จริงเรื่องสวนสัตว์มนุษย์นี่ก็สนุกดี ถ้าเพียงแต่ลุงจะไม่เล่นลูกไม้นี้กับผม”
“แกมันไอ้เด็กเมื่อวานซืน!”
โคจิมะไม่สนใจเสียงแผดตะโกนนั่น เขาเปลี่ยนกลับมาเงยหน้ามองเธอ เอ่ยกลั้วไปกับเสียงหัวเราะว่า “คนที่คิดเรื่องสวนสัตว์มนุษย์คือเขานะ ไม่ใช่ฉัน”
“เพราะความคิดแกมันชั่ว...”
นั่นเป็นคำกล่าวสุดท้ายในชีวิตที่ซูซูกิไม่ทันจะได้พูดจนจบประโยคด้วยซ้ำ เมื่อมันจะถูกทำให้หยุดลงจากเสียงกัมปนาทที่ดังอื้ออึงอยู่ข้างใบหูของเธอ ของเหลวเหนียวเหนอะเปรอะมาโดนท่อนแขนและขาที่โผล่พ้น รวมถึงเสี้ยวหน้าด้านข้างกับเส้นผมสีทองสว่างของโคจิมะที่นั่งอยู่ใกล้ที่สุด กระนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่เขยื้อน
และทั้งที่ตอนนี้เธอกำลังยืนค้ำหัวเขาอยู่ แต่อำนาจของพระเจ้าแท้จริงต่างหากที่อยู่เบื้องล่าง
พระเจ้าที่จะเป็นผู้กำหนดชีวิตของเธอนับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป
_______________
ความคิดเห็น