คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #209 : THE EVIL WITHIN | Chapter 2: Sins Of The Past (75% เคียวเฮ แอม แบ้คคคคคค)
๖.
ทั้งที่วันพรุ่งนี้เขาจะต้องออกเดินทางกลับไปยังคริมสัน
ซิตี้ตั้งแต่เช้าตรู่ หากไม่ว่าจะพยายามฝืนข่มตาลง ระงับความตื่นเต้นของประสาทที่ยังคงทำงานอยู่อย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเพียงไร
เคียวเฮก็ยังคงนอนไม่หลับอยู่ดี
หัวสมองที่ประดังประเดไปด้วยเรื่องราวของเขาวนเวียนอยู่กับคำบอกเล่าที่สงบนิ่งของโอฮาชิ
การระเบิดอารมณ์ด้วยความโกรธเกรี้ยวของอารีน่า
เจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ของมายากะ ก่อนที่จะหวนย้อนกลับไปยังความตายอันน่าสยดสยองของทามาโมริและโฮโซยะ
ตลอดจนการกระทำอันแสนเลือดเย็นผิดมนุษย์มนาของชายในชุดคลุมผู้นั้น เหตุการณ์ที่เพียงแค่ประหวัดไปถึงก็จะทำให้เลือดในกายเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบ
ความรู้สึกปวดแปลบที่ท่อนขาจากใบเลื่อยหวนกลับคืนมาอีกครั้งให้เคียวเฮต้องผุดลุกขึ้นนั่ง
นิ่วหน้ากัดฟันเมื่อกดกำลงไปรอบท่อนขาของตนราวกับการยืนยันต่อข้อความจริงถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
และต่อหลักฐานความเป็นจริงอีกหนึ่งอย่าง...คน...ที่เขาได้รับรู้จากปากของผู้มาเยือนทั้งสองคนนั้น
ไม่ใช่แค่เพราะชั่วเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่เขาได้มองเห็นใบหน้าที่เปื้อนเปรอะไปด้วยเลือด
สบประสานกับดวงตาแข็งกร้าวที่จ้องมองมา ผิดแผกไปจากเด็กหนุ่มคนที่เคียวเฮเคยรู้จักเนิ่นนานถึงกว่าสิบปีมาแล้วที่ทำให้เขาจำจดไม่ได้ในทีแรก
แต่เป็นเพราะความปรารถนาที่จะลืมเลือน
ต่อเรื่องราวซึ่งเกี่ยวข้องกับคนที่ครั้งหนึ่งเคียวเฮเคยเรียกว่า
‘เพื่อนสนิท’ และอารีน่าเคยเรียกว่า ‘คนรัก' ต่างหาก
๗.
ในตอนที่เคียวเฮอายุได้สิบห้า
ฉับพลันทันใด คฤหาสน์หลังใหญ่บนเนินเขาซึ่งถูกทิ้งร้างไว้มาเนิ่นนาน จนอาคารสีขาวสะอาดแปรเปลี่ยนไปเป็นความทึบทึมหมองหม่น
เฉกเช่นเดียวกับดอกไม้ใบหญ้าที่ขึ้นรกชัฏเป็นสีเขียวครึ้มปนสีน้ำตาลแห้งของพืชพรรณที่อับเฉาอยู่ในสวน
ผนวกกับเถาวัลย์ที่เกาะเกี่ยวจนปกคลุมทั่วอาณา ยิ่งทำให้คฤหาสน์แห่งนี้เป็นที่เล่าขาน
เต็มไปด้วยเรื่องเล่าสยองขวัญ ฝังลึกลงไปราวกับคราบที่ฝังแนบแน่นเป็นตำนานของเมืองเล็กที่สุขสงบแห่งนี้
กระทั่งมันจะถูกกะเทาะให้แตกออกด้วยความมีชีวิตชีวาของครอบครัวฟุคุโมโตะ เจ้าของที่ดินและคฤหาสน์หลายร้อยปีซึ่งจะย้ายเข้ามาพำนักตามสิทธิ์โดยชอบธรรมในที่สุด
ขณะที่เรื่องราวความเป็นไปของคฤหาสน์อยู่ในความสนใจของเคียวเฮที่กระเหี้ยนกระหือรือกับเรื่องราวรอบตัวเอามาก
กลับเป็นเรื่องของสองพี่น้องตระกูลฟุคุโมโตะต่างหากที่อารีน่าให้ความสนใจ
ทั้งชินจูและไทเซย์เป็นพี่น้องที่ทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสมบูรณ์แบบ
พี่สาวเป็นเจ้าของผมสีทองสลวยราวกับเส้นไหมเหมือนกับมารดาที่เป็นชาวต่างชาติ ตัดกับผิวสีขาวจนเกือบซีด
รับกันดีกับใบหน้าอ่อนหวานไม่ผิดแผกไปจากเจ้าหญิงน้อยในป่าใหญ่ และดูเหมือนอาการป่วยกระเสาะกระแสะของหล่อนจนร่างกายผอมบางซึ่งไม่เคยเที่ยวท่องอยู่ที่ไหนไกลเกินกว่าสวนดอกไม้ในคฤหาสน์จะยิ่งเสริมรับฐานะนั้นเข้าไปใหญ่
แตกต่างจากน้องชายที่อายุห่างกันสี่ปี เท่ากันกับเคียวเฮและอารีน่า...ที่ก็ต่างให้การต้อนรับเพื่อนใหม่ในโรงเรียนมัธยมต้นชั้นปีสุดท้ายด้วยความยินดี
ไทเซย์เป็นเด็กหนุ่มแข็งแรง
ร่าเริง สุขภาพดี เข้ามาได้ไม่เท่าไหร่ก็กลายเป็นที่รักของเพื่อนๆ และคุณครู ทั้งยังสามารถทำคะแนนสอบได้ดีมากในทุกรายวิชาจนใครต่อใครต่างพากันชื่นชม
แต่เรื่องที่เขาสนใจที่สุดดูเหมือนจะเป็นวิทยาศาสตร์ที่น้อยคนในโรงเรียนจะเข้าใจหรือว่าสนใจ
ครั้งหนึ่งเคียวเฮเคยได้ยินไทเซย์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับครูคามิยามะเรื่องการปลูกถ่าย
การรักษา นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ลูกศิษย์เล่าว่าอ่านเจอในวารสารวิทยาศาสตร์อะไรสักอย่างซึ่งคนที่ไม่ได้มีมันสมองไว้สำหรับเรื่องยากๆ
พวกนั้นดูเหมือนจะเข้าใจเพียงแค่ว่า ‘เพื่อนใหม่อยากรักษาพี่สาวให้หายจากอาการป่วยไม่รู้ที่มา’
ก็เท่านั้น
และอาจเป็นเพราะความสมบูรณ์แบบเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะมีได้
เด็กสาวที่แตกต่างจากคำคำนั้นทุกอย่างอันเป็นผลพวงมาจากครอบครัวที่ยากไร้และไม่อบอุ่น
จึงได้ตกหลุมรักลูกชายคนเล็กของบ้านฟุคุโมโตะหัวปักหัวปำ และอารีน่าก็ไม่คิดที่จะปิดบังมัน
ในวันที่ผมสีดำธรรมชาติของเธอกลายเป็นสีทองตามอย่างแม่และพี่สาวที่เขาบอกว่ารักมันนักหนา
เป็นอีกคืนวันศุกร์หนึ่งที่ไดโกะชักชวนกลุ่มเพื่อนสนิทจำนวนหลักหน่วยมาเข้าร่วมปาร์ตี้ที่ล็อกเฮาส์ในป่าของพ่อ
ไม่ต่างอะไรจากพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ประจำเดือน หนึ่งในนั้นรวมถึงเขา อารีน่า และเพื่อนที่ไม่ว่าไดโกะหรือใครก็อยากสนิทสนมด้วยอย่างไทเซย์
ไม่นานหลังจากนั้นก็พากันเคลิบเคลิ้ม จมดิ่งเข้าสู่ภวังค์ของใครของมันทั้งจากบทเพลงสมัยนิยมที่ดังมาจากรถบ้าน
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์นานาชนิด หรือไม่ก็ยากล่อมประสาทที่ไดโกะสามารถหามันมาได้อย่างง่ายดาย
หากทว่าหลานชายของนายอำเภอซึ่งเป็นคนเดียวในที่นี้ที่ไม่ได้แตะต้องมันนอกจากเบียร์แค่ครึ่งขวดก็จะได้มองเห็นภาพอันแปลกประหลาด
จากเด็กชายหญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม เคียวเฮรู้สึกว่าประสาทของเขากำลังพร่าเลือน
หรือไม่ ก็อาจเป็นเพราะกองไฟสีส้มที่ลุกโชติช่วงอยู่ในแววตา
“ผมสีทองของอารีน่าสวยมากเลย”
แล้วไทเซย์ก็เริ่มต้นแสดงความสนิทสนมกับอารีน่าที่รู้จักกันเพียงแค่ผิวเผินในแบบนั้น
เมื่อเด็กหนุ่มเขยิบเข้าไปใกล้กับเธอโดยไม่ได้สนใจว่าจะมีใครกำลังมองดูอยู่ ด้วยระยะที่สามารถกอบกำเส้นผมของเธอขึ้นมา สูดดมมัน ก่อนที่จะโอบแขนข้างหนึ่งขึ้นรอบลำคอ ดึงเอาร่างที่นิ่งค้างจากการกระทำที่ไม่คาดคิดของคนที่ได้แต่นึกฝันอยู่ในอ้อมกอดเข้ามาใกล้ เพื่อที่เขาจะได้ก้มลงไปซุกไซ้ คลอเคลีย แตะริมฝีปากแนบลงไปกับทุกตารางนิ้วที่ลากไล้ผ่าน เคียวเฮได้ยินน้ำเสียงหอบสั่นของไทเซย์ที่เอ่ยชื่นชมความงดงามของมันแม้จะไม่ชัดเจนนัก ราวกับความลุ่มหลงที่มีต่อวัตถุมากกว่าบุคคลจนเขาขนลุกวาบด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย กระทั่งไทเซย์เปลี่ยนมาเป็นยังกรอบใบหน้า เปลือกตาที่ปิดหลับ จนถึงริมฝีปากคู่นั้นในที่สุด หัวใจที่บีบรัดของเคียวเฮก็เรียกเอาสติที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวให้กลับคืนมา ลุกขึ้นยืนอย่างเงียบเชียบ พาตัวเองออกมาจากการเป็นส่วนเกินที่อยู่ผิดที่ผิดทาง เหมือนอย่างที่เคียวเฮเป็นมาตลอดในสายตาของอารีน่า
การเปลี่ยนสถานะเป็น
‘คนรัก’ ของเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่นับจากค่ำคืนที่เขาไม่อยากรับรู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นต่อจากนั้นหรือเปล่ารบกวนจิตใจของเคียวเฮมาก
แม้ว่าเขาจะพยายามไม่แสดงมันออกมาในตอนที่นัดกันไปทำรายงานกลุ่มวิชาประวัติศาสตร์ช่วงสุดสัปดาห์
ยังคฤหาสน์สไตล์ยุโรปอันโอ่อ่าซึ่งเขาเพิ่งจะเคยได้มาเหยียบย่างของครอบครัวฟุคุโมโตะ
เป็นความแปลกใหม่ที่เคียวเฮไม่เคยคุ้น หากยิ่งได้เข้าไปสัมผัสก็กลับยิ่งรู้สึกแปลกประหลาดจนไม่คิดว่าอยากจะทำความคุ้นเคยมากไปกว่านี้
เคียวเฮไม่รู้ว่าสิ่งใดที่รบกวนจิตใจเขามากที่สุด
ความรุ่มรวยหรูหราจากข้าวของเครื่องใช้แบบแอนทีคในคฤหาสน์ ดนตรีคลาสสิกที่แว่วดังมาจากเครื่องเล่นปากแตรทองเหลืองในห้องนั่งเล่น
หรือการได้พบกับพี่สาวของไทเซย์อย่างเป็นทางการ คนที่รีบลุกพรวดพราดขึ้นจากเบาะโซฟาที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่
ปรี่เข้ามาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้มกว้างมากแสดงความกระตือรือร้น แล้วเอ่ยแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะมากอย่างกับระฆังแก้ว
เหนือสิ่งอื่นใดคือใบหน้าขาวจัดภายใต้เครื่องสำอางบางๆ ที่สะสวยมากและเข้ากันมากกับผมสีทองธรรมชาติของหล่อนเกินกว่าที่เคียวเฮเคยได้เห็นจากที่ไกลๆ
ไม่มีอะไรที่เด็กสาวคนธรรมดาอย่างอารีน่าสามารถทัดเทียมกับลูกสาวคนโตของตระกูลฟุคุโมโตะได้เลยแม้แต่อย่างเดียว
ความรื่นเริงจากบทเพลงที่ชินจูเปล่งเสียงหัวเราะอันรื่นรมย์
บอกว่ามันคือเซเรเนด ฟอร์ สตริงส์ อิน ซี เมเจอร์ ลำดับที่ 48 ของปิออตร์
อิลิช ไชคอฟสกี — เพลงโปรดของหล่อน — เรียกได้เพียงรอยยิ้มฝืดฝืนของอารีน่าซึ่งพยายามกดกลั้นความรู้สึกเอาไว้ข้างใน
ความเจ็บปวดที่ไทเซย์ไม่ได้ใส่ใจจะหันมองมาเลยสักเสี้ยววินาที จากความตระหนักถึงข้อความจริงเดียวกัน
ที่แม้แต่คนโง่อย่างเขาก็ยังมองออก
ถึงความหมายของคำว่ารักที่ไทเซย์มีให้กับพี่สาวของตัวเอง
_______________
_______________
ความคิดเห็น