ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #122 : KAZE NO CORRIDOR―風の回廊―

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 67


    KAZE NO CORRIDOR -風の回廊-
    Playlist: NEWS – SUMMER TIME











    .

    ความทรงจำของช่วงฤดูร้อนที่แจ่มชัดที่สุดในห้วงความคิดของคุโรซาวะ เอด้า เกิดขึ้นที่เกาะโอกินาวะทางตอนใต้สุดของญี่ปุ่น ในปีสองพันสิบสอง ที่ท้องทะเลเป็นสีมรกตสดสวย ตัดกับเส้นขอบฟ้าสดสว่างที่กลมกลืนราวกับจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน สะท้อนต้องแสงแดดร้อนแรงของเวลาแปดนาฬิกาส่องประกายวิบวับในแววตา

    ทั้งที่มันควรจะเป็นภาพที่งดงามและตราตรึงอย่างที่ตัวเองได้เคยเฝ้าฝันมาตลอด แต่ตราบเท่าที่คำพูดของเขาจะยังคงวนเวียนอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนี้ เธอในตอนนี้ก็ไม่อาจจะทำใจให้จดจ่ออยู่กับมันได้เลย

    “นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำให้เอด้าได้ ขอโทษนะ”

    เหมือนกับสายลมฤดูหนาวที่บาดต้องกับผิวเนื้อ เจ็บแปลบในวินาทีแรก หลังจากนั้นก็ว่างเปล่า

    น่านับถือที่เขาตั้งใจทำตามความต้องการของคนรักสาวชาวคานากาวะ ผู้มีความฝันว่าอยากจะมาสัมผัสกับเกาะโอกินาวะ มองเห็นทะเลทอดยาวออกไปสุดลูกหูลูกตา รับรู้ถึงกลิ่นความสดชื่นที่ลอยล่องในทุกอณูพื้นที่ และแล้ว หัวใจที่เคยพองโตด้วยความสุขสมก็เต้นช้าลง เมื่อผละจากอ้อมกอดที่ทดแทนถ้อยคำล่ำลาของเขาได้อย่างดีที่สุด

    โอกินาวะ...สรวงสวรรค์ที่เธอน่าจะตกหลุมรักด้วยความทรงจำแสนสุข กลับผันเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา


    “ไหนล่ะ! โฮชิซุนะที่เคยสัญญาว่าจะพาไปดู!”

    น้ำลายเหนียวหนืดที่ฝืดคอจากประโยคแรกที่ตะโกนออกมาจนสุดเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณเส้นทางเลียบชายหาดซึ่งขณะนี้มีเพียงเธอลำพัง หรืออย่างน้อยเธอก็คิดว่าลำพัง กระทั่งเสียงอุทานแผ่วเบาที่มาพร้อมกับฝีเท้าเงียบกริบจะเรียกให้หญิงสาวหันใบหน้าขวับ นัยน์ตาที่พร่าไปด้วยหยาดใสเกาะรื้น เพียงกะพริบจะไหลหยดลงอาบแก้ม เธอยกหลังมือขึ้นปาดมันลวกๆ เมื่อย่ำรองเท้าสานส้นเตารีดไปบนพื้นคอนกรีตสวนทางกับร่างของชายหนุ่มตัวสูงที่ยืนอยู่ไม่ไกลห่าง เรือนผมยาวสีน้ำตาลเข้มที่ถูกปล่อยสยายพัดโพยไปตามสายลม ระผ่านเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่ถูกพับแขนขึ้นจนถึงข้อศอกอย่างแผ่วผิว

    หลงเหลือเพียงกลิ่นหอมจางๆ เคล้ากลิ่นเกลือเค็มจากทะเล และใบหน้างดงามที่ฝังสลักลึกลงไปในห้วงหัวใจของเขา นับตั้งแต่วินาทีนั้น


     

    ความทรงจำของช่วงฤดูร้อนที่แจ่มชัดที่สุดในห้วงความคิดของเคียวเต็น โมโคมิ เกิดขึ้นที่เกาะโอกินาวะทางตอนใต้สุดของญี่ปุ่น ในปีสองพันสิบสอง บนเกาะเล็กๆ ที่มีชื่อว่าโทคะชิกิซึ่งสงบเงียบ นาฬิกาชีวิตของผู้คนไม่เร่งรีบ ทั้งไม่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนแม้จะเป็นช่วงวันหยุดฤดูร้อนแล้วก็ตาม ถึงแม้ว่าโมโคมิจะใช้ชีวิตอยู่ที่โอกินาวะเป็นระยะเวลาได้เกือบหนึ่งปีแล้ว เธอก็ไม่เคยสละเวลาเจ็ดสิบนาทีขึ้นเรือมายังเกาะโทคะชิกิแห่งนี้มาก่อนเลย

    บ้านเกิดของโมโคมิอยู่ที่โอกินาวะ แต่ทันทีที่เข้าพิธีจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเมจิ คณะวรรณคดีอังกฤษ ร่วมกับคุโรซาวะ เอด้า เพื่อนสนิทจากโรงเรียนมัธยมปลายจวบกระทั่งปัจจุบัน โมโคมิที่ยังคงไม่แน่ใจกับอนาคตของตัวเองจึงเลือกที่จะกลับมาใช้ชีวิต ณ บ้านเกิดเมืองนอนกับพ่อที่เกษียณแล้วด้วยกันอีกครั้ง เป็นช่วงเวลาที่หญิงสาวได้มีความสุขกับเพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเยาว์อย่างฟุคุโมโตะ ไทเซย์และอามาตะ คิมิโกะในทุกๆ วัน ตอนกลางวัน โมโคมิจะไปนั่งพูดคุยสัพเพเหระ เฝ้ามองความมีชีวิตชีวาของผู้คนที่ร้านขายรองเท้าแตะริมชายหาดซึ่งมาจากน้ำพักน้ำแรงของหนุ่มเพื่อนซี้ที่เรียนไม่จบแม้แต่ชั้นไฮสคูลดี จากนั้นเมื่ออาทิตย์ลับลาไปจากเส้นขอบฟ้า ทั้งคู่ก็จะเป็นฝ่ายมาแฮงค์เอาท์ยามดึกที่ร้านอาหารกึ่งผับในชาตันซึ่งโมโคมิทำงานอยู่

    มีความสุขมากเสียจนคิดว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตลอดไป


    “โมโคมิ?”

    ก้าวขึ้นบันไดไปยังเกสต์เฮาส์แบบล็อกเคบินไม่ทันจะพ้นขั้นแรกดี เสียงร้องเรียกก็จะทำให้เจ้าของชื่อต้องเอี้ยวตัวหันไปยังที่มาจากทางขึ้นล็อกเคบินคู่อีกหลังที่อยู่ติดกัน ใบหน้าฉงนเปลี่ยนไปเป็นความตกใจด้วยไม่ทันคาดคิด ในทันทีที่ได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน

    “เอ๊ะ! ครู! ครูสุเอซาวะ!” เป็นโมโคมิที่ส่งเสียงดังลั่น ก่อนยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปากที่อ้าค้าง จากนั้นจึงรีบค้อมหัวแสดงการทักทายให้กับสุเอซาวะ เซย์ยะ ครูประจำชั้นสมัยเรียนไฮสคูลอย่างเลิ่กลั่ก เรียกเสียงหัวเราะรวนร่าจากเจ้าตัวที่ยืนอยู่ไม่ห่าง

    “ครูจำได้ว่าบ้านเกิดของเธออยู่ที่โอกินาวะ แต่ไม่นึกเลยนะว่าจะได้มาเจอกันที่นี่” สายตาที่มองท้องฟ้าครามในยามบ่ายแก่ๆ ของอดีตครูประจำชั้นค่อยเคลื่อนกลับมาหาอดีตลูกศิษย์ พร้อมรอยยิ้มที่วาดกว้างบนใบหน้า ไม่ต่างจากเมื่อหกปีก่อนที่โมโคมิยังคงจดจำได้เลยแม้แต่น้อย เช่นนั้นเธอจึงวาดรอยยิ้มสดใสไม่ต่างอะไรกันกลับคืน ความประหม่าพลันเปลี่ยนไปเป็นความกระตือรือร้นที่เปี่ยมไปด้วยความสุขสันต์แทน

    “แล้วครูไปเที่ยวโอกินาวะมาแล้วหรือยังคะ?”

    “ก็สักสามสี่วันได้แล้วล่ะ อ๊ะจริงสิ เย็นนี้พวกครูจะทำบาร์บีคิวกินกัน โมโคมิก็ชวนเพื่อนๆ มาด้วยกันสิ”

    “แต่ว่า...จะดีหรือคะ?”

    “ไม่เป็นไรหรอก คนเยอะๆ สนุกดี มาเถอะ”


    และเมื่อแสงแดดของวันที่ส่องสว่างให้แก่ผืนโลกเริ่มคล้อยต่ำลง โมโคมิจึงชักชวนสองเพื่อนสนิทชายหญิงที่เต็มใจกับปาร์ตี้บาร์บีคิวอย่างสุดซึ้ง ไม่ลืมที่จะหอบหิ้วทูน่าชิ้นโตจากตลาดปลาเมื่อเที่ยงวันไปด้วยเพื่อเป็นมารยาท จะมีก็แต่เอด้าที่แม้จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อเห็นแก่เพื่อนชาวโอกินาวะที่อุตส่าห์พาเธอมาพักใจที่โทคะชิกิแห่งนี้หลังถูกบอกเลิกตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน อีกทั้งการได้พบเจอกับอดีตครูประจำชั้นที่แสนดีอีกครั้ง บางที...มันก็คงจะดีกว่าการเอาแต่จมจ่อมอยู่กับความคิดของตัวเองลำพัง

    ที่ข้างนอก ครูสุเอซาวะ ไทเซย์ และเพื่อนของครูอีกสามคนที่มีชื่อว่าโคจิมะ เคน, ซาโนะ มาซายะและคุซามะ ริชาร์ด เคตะ ก็กำลังช่วยกันจุดเตา ย่างเนื้อหลากชนิดส่งกลิ่นหอมลอยมาตามสายลมอุ่นที่โพยพัดมาตลอดเวลารอบเกาะติดชายทะเล เคล้าคลอไปกับเสียงพูดคุยสนุกสนาน พร้อมด้วยความช่วยเหลือ (หรือไม่ก็เป็นภาระ) ของโมโคมิ ส่วนที่ข้างในล็อกเคบิน เอด้าและคิมิโกะ สองสาวที่เพื่อนสนิทต่างยกย่องว่าฝีมือทำอาหารเป็นเลิศ ก็ร่วมด้วยช่วยกันทำยากิโซบะจากในครัวเพื่อนำไปสมทบด้วยอีกอย่างหนึ่ง

    ยิ่งดึกก็ยิ่งครึกครื้น จากคนแปลกหน้าที่แม้จะต่างวัยกัน แต่ก็สามารถสนิทสนมกันได้อย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะฤทธิ์เครื่องดื่มมึนเมาที่หมดไปกระป๋องแล้วกระป๋องเล่า การันตีด้วยการเป็นสินค้าขึ้นชื่อของท้องถิ่นโอกินาวะ แทรกซึมเข้าสู่สายเลือด จะมีก็แต่เอด้าที่ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนลำพังโดยอ้างว่าปวดหัว ข้ออ้างหลอกเด็ก หากโมโคมิก็จำต้องยอมแพ้ให้กับความดื้อดึงของเพื่อนสาว

    ทุกคนต่างพากันขึ้นไปนั่งสังสรรค์ที่บนระเบียงของล็อกเคบิน แลกเปลี่ยนบทสนทนาและเสียงหัวเราะที่ดังก้องไปทั่ว ปล่อยให้โมโคมิลงมายืนทำหน้าที่ย่างเนื้อหน้าเตาบาร์บีคิวคนเดียว พลางฮัมเพลงเบาๆ ไปด้วยอย่างสบายอารมณ์ ก่อนเผลอตัวสะดุ้งเฮือก ห้วงความคิดถูกดึงกลับมาเมื่อรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่วางลงบนไหล่ข้างขวา

    “ครู!”

    แต่เจ้าตัวกลับเพียงหัวเราะร่วน มือข้างหนึ่งก็ถือกระป๋องเบียร์ทรงยาวยกขึ้นดื่มไปด้วย

    “อยู่ที่โอกินาวะเป็นยังไงบ้าง? มีความสุขดีไหม?”

    “อื้อ! มีความสุขมากๆ เลยค่ะ!” ขานรับพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า “แล้วครูล่ะคะเป็นยังไงบ้าง? ลูกศิษย์รุ่นหลังๆ สร้างเรื่องวุ่นวายอะไรให้ชวนปวดหัวบ้างหรือเปล่า?”

    “ไม่มีเด็กคนไหนสร้างเรื่องวุ่นวายให้ครูเท่าโมโคมิแล้วล่ะ”

    “ครูอ่ะ!” เธอทำหน้ายู่ เอาตะเกียบไม้สีแดงจิ้มลงไปบนเนื้อย่างที่กำลังเริ่มจะสุกแรงๆ

    กระทั่งคำพูดของอดีตครูจะทำให้มือเล็กชะงักค้าง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเดียวกับหางปลาสีชมพูระเรื่อที่เพิ่งจะวางลงบนเตา

    เป็นคำพูดสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอย่างที่เป็นมาเสมอ

    “แต่ครูก็คิดถึงเธอมากนะ” ด้วยหัวใจที่พองโตอย่างที่สุด

      

     

    นอนไม่หลับ...

    ไม่ใช่เพราะเสียงพูดคุยจากเคบินล็อกหลังข้างๆ ที่ทะลุผ่านขึ้นมาบนเคบินอีกหลังในชั้นสอง ซึ่งเอด้าลืมตาโพลง นอนพลิกตัวกระสับกระส่ายมาได้เกือบชั่วโมงแล้ว แต่เป็นเพราะเรื่องราวที่รบกวนจิตใจของเธอมาตลอดสามวันต่างหาก ในที่สุดจึงยกธงขาวยอมแพ้ ผุดลุกขึ้นนั่ง พาร่างออกจากผ้าห่มผืนบาง ลงบันไดไปหยิบเอาขวดน้ำเปล่าจากตู้เย็น ก่อนทิ้งตัวนั่งกับขอบบันไดไม้ที่เชื่อมต่อเส้นทางขึ้นลงระหว่างตัวบ้านแล้วยกมันขึ้นดื่ม

    ถึงเป็นฤดูร้อน อากาศในตอนกลางคืนก็จัดได้ว่าสดชื่นเย็นสบาย แต่ทั้งที่พยายามจะลืมเลือน มันก็เป็นอีกครั้งที่หัวสมองและหัวใจของเอด้าจะไพล่หวนนึกไปถึงเรื่องราวและความทรงจำระหว่างคนรักเก่าที่คบหากันตั้งกว่าสองปีอย่างช่วยไม่ได้

    เธอปล่อยความคิดให้ลอยละล่อง กระทั่งได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดของบานประตูกั้น คิ้วของเธอเลิกขึ้นแสดงความฉงนอยู่ไม่น้อยกับร่างสูงที่แตะท้ายทอยตัวเองเมื่อค้อมหัวลงทักทาย นั่นเรียกปฏิกิริยาเช่นเดียวกันจากหญิงสาว

    “คุณโคจิมะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

    “ขอนั่งด้วยคนได้ไหม?”

    “ได้ค่ะ” ตอบรับ แล้วขยับตัวให้กับเพื่อนสนิทของครูประจำชั้นสมัยไฮสคูลได้ใช้พื้นที่นั่งลงไปข้างกัน

    แต่ก่อนที่เอด้าจะได้เอ่ยอะไรอีก ขวดโหลใบเล็กขนาดประมาณหนึ่งข้อนิ้ว มีสายคล้องสีดำต่อยาวออกมาก็ถูกยื่นมาตรงหน้าเธอ ภายใต้ความมืดมิดที่ยังพอมีแสงนวลจากพระจันทร์ ปรากฏแสงสีฟ้าที่ส่องระยิบจากภายในขวดโหลใบนั้น

    “โฮชิซุนะ”

    “เอ๊ะ?” แต่เคนจะเพียงพยักเพยิดให้เธอรับมันไว้ และเมื่อเอด้าเพ่งมองข้างในขวดโหลที่อยู่กึ่งกลางระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ ก็ได้มองเห็นเม็ดทรายรูปดาวและเปลือกหอยสีอ่อนบรรจุปะปนอยู่กับทรายที่เรืองแสง

    แล้วเรื่องราวในยามเช้าตรู่ของวันนั้นก็พลันผุดขึ้นมา เอด้าค่อยๆ หันใบหน้าขวับ จับจ้องนัยน์ตาที่เจือทั้งความประหลาดใจระคนยินดีสบกับเคนแทบไม่กะพริบ ขณะที่เขาเพียงยิ้มน้อยๆ มือที่กอดอกข้างหนึ่งชี้นิ้วไปยังขวดโหลบรรจุเม็ดทรายในมือเล็กของหญิงสาว

    “รู้ไหมว่าโฮชิซุนะเป็นทรายแห่งความสุข เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ นับจากนี้ไป ยังไงเธอก็จะต้องมีความสุขแน่ๆ”

    สายลมของเกาะทางใต้ได้โพยพัดมา พร้อมพัดพาความหมองหม่นให้ค่อยๆ ทลายลงไป

    “ขอบคุณมากเลยนะคะ” แสงสีฟ้าส่องประกายในแววตา ราวกับดาวดวงเล็กที่แต้มแต่งท้องฟ้าช่วยนำทางต่อผู้คน เมื่อนั้น เอด้าจึงวาดรอยยิ้มบางเบาทว่าก้าวออกมาจากใจจริงได้ในที่สุด ด้วยความสุขที่ค่อยๆ ก่อร่างขึ้นอย่างแผ่วเบา













    2022年09月22日
    _______________
     กูตกใจมากเพราะจู่ๆ สองวันก่อนกูก็เห็นเพลงนี้เวอร์เอ๋กรุ๊ปผ่านมาในยูทูบ ตอนแรกกูไม่เชื่อๆๆ คิดว่าเป็นแบบที่แฟนคลับแบ่งท่อนกันเองไรงี้ป่าว ทีนี้พอกดเข้าไปฟังแล้วก็เห้ย! ของจริง! แล้วกูก็ขำมากเพราะโลกรู้ (โลก=กูมึง) ว่ากูชอบเพลงนี้ของนิวส์มากตั้งแต่ปล่อยครั้งแรก (เหยียบไว้ ไม่บอกว่าปี 2008ใช้เพลงนี้มาตั้งแต่เวอร์ปี 2012 หลังจากเวอร์สโนว์ที่ทิ้งไว้แล้วก็ไม่คิดอยากเอามาลงซ้ำหรือแปลงอีก เพราะมันสลิดจังวะ แต่มันจะมีสักกี่ครั้งที่วงที่เราชอบร้องเพลงที่เราชอบ! สมัยทราวิส สโตนส์ สโนว์ก็ไม่เคยเจอ (แต่อาจเคยร้องก็ได้ ไม่รู้ว่ะ) แต่เมื่อเราเจอแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแปลงฟิคให้เป็นการทิ้งทวนไหใล่ะ (โอ๊ย คัฟเวอร์เพลงวีคด้วย ไค่ต๋าย o<--<)
     เลือกโคจิเคนกับสุเอะแบบไม่ต้องคิดอะไรเพราะเปิงกับบทที่สุดแล้ว (เอาซี่ มึงอวยให้กู กูยัดเยียดให้มึง สู้ได้ก็มา!) ไทเซย์ไปขายรองเท้าแตะเอานะ พอเป็นคู่นี้ก็เลยดึงมาจากเรื่องเคียวที่ไม่ได้รักกัน (ไม่มีตอนต่อ) ดีกว่า เยียวยาจิตใจ U_U / ว่าไปที่จริงนางเอกกูควรเกิดโอกิ ส่วนมึงคานากาวะไหม แต่พระเอกต้องยืนพื้น เอาจริงพอนึกถึงโอกิกูก็จะแอบนึกถึงโคจิเคนด้วย เพราะตอนส่งข้อความให้แฟนๆ ในเจไอส์แลนด์มันเล่นมุกว่าเกิดที่โอกิ โตที่ฮกไกโด ไรงี้ ขำแห้ง แต่กูก็จำได้แม่นมากตั้งแต่ก่อนจะมาชอบอีก 55555 และโลกรู้ (โลก=กูมึง) ว่ากูชอบโอกินาวะมากแค่ไหน (ฮาวาย too) / ส่วนชื่อเรื่องมาจากเพลงของคุณยามาชิตะ ทัตสึโร่ที่ก็มีสัมพันธ์อันดีกับจอห์นนีส์ของเรา ไหนไรด์ออนไทม์จะเป็นชื่อสารคดีของจอห์นนีส์ ส่วนเพลงก็ใช้ประกอบเรื่องกู๊ดลัคของป๋าคิมุ ที่สโตนส์กำลังจะปล่อยเพลงชื่อกู๊ดลัคประกอบละครของเจสสี้ ที่เมนกูชอบเค้าอีกแล้วเหรอวะ! เราจะอยู่กันแบบไม่เกี่ยวข้องกับเมนกูสักวงได้ไหม! มิน่าในสเปเชียลออเดอร์ถึง
     แต่ขำว่ะ เรื่องนี้เอานิสัยเราสมัยเรียนมาแต่ง ตอนนั้นกูเป็นคนเงี๊ยบเงียบ แต่ไม่ค่อยด่าใครนะ ส่วนมึงก็ยังสายฮาไม่เปลี่ยน แต่ปากไม่หมาเท่าเมื่อก่อนแล้วนะ ถือว่ามีการพัฒนา (มาให้กูแทน) ตอนทำอาหารนี่ก็คิดถึงเมื่อก่อน งานอดิเรกกูเลย แต่งฟิคกี่เรื่องกูต้องชมรมคหกรรมนะ เป็นแม่ศรีเรือน คนที่กูชอบยังเคยกินไข่เจียวกูละบอกอร่อย (ส่วนของมึงเค็ม) แต่หลังจากน้ำมันกระเด็นโดนเท้ากูพองแล้ว กูก็เลิกทำอาหาร วางตะหลิวตลอดชีวิต ว่าแต่พี่เคนกูทำยากิโซบะแป้งป่ะ 55555 
     แน่นอนว่าต้องเขียนถึงจดหมายเหตุ ที่มาที่ไป ว่าแต่งเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงปี '12-13 สมัยชอบดูทรูวิชั่นส์กับมึงมากๆ มีที่มาจากรายการทำเค้กของร้านๆ หนึ่ง ถ้ามีต่อเนื้อเรื่องหลักจะอยู่ที่ร้านทำเค้ก เอด้าเป็นพนักงานร้านอยู่ที่นั่น ส่วนโมโคมิก็ย้ายกลับมาอยู่โตเกียวกับแฟนที่เป็นนักดนตรี (สมัยโน้นมึงก็แฟนนักดนตรีทุกเรื่องเนาะ คิดว่าเป็นพี่โยชิละกันเพราะเรื่องนี้ไม่ได้ออกอยู่คนเดียว เอวัง) ความจริงแล้วชอบครูสุเอะมาตั้งแต่สมัยเรียน แต่ครูไม่ได้ชอบ สุดท้ายก็ไม่ได้คู่กัน ไม่แม้แต่จะได้คบกันเลยด้วยซ้ำ เอ้า! แต่จำบทของโคจิเคนไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว จำได้ว่าเวอร์เก่าคือพี่โคะ แต่แล้วยังไง ทำอาชีพอะไร รักกันตอนไหน ไม่รู้ รู้แค่ตอนจบก็ไม่ได้คู่เหมือนกัน ถึงอย่างนั้นก็เพื่อจะสื่อว่าสองคนนี้คือความทรงจำที่สำคัญที่สุด ถึงจะไม่ได้เป็นคนรักก็ช่าง กูมึงเข้าใจดี U_U / ปล. สมัยนั้นไทกะได้เป็นเด็กวิ่งของในร้านเค้ก เหมือนในรายการที่มันจะมีเด็กส่งของที่ชอบโดนด่าอ่ะ จำได้ขนาดนี้เลย แก๊งปินโตะโคนะ อุมิกะ ยูมะ ทามะก็มา แต่ไหนวะเจสซี่กับโฮคุโตะ 55555
     ไอ้สัส มึง นั่งแปลงแล้วกูก็คิดว่าชอบบทพี่เคนแบบนี้จังวะ แนวพระเอก ที่ปรึกษา เพื่อนสนิท พี่ชาย ลีดเดอร์ manliest of Ae! Group หล่อ ใจดี น่ารัก อะไร ใดๆ อย่างเรื่องโยอินะกูโคตรๆ ชอบ หรือเพราะกูแต่งบทตลกไม่เป็น หรือเพราะกูรับความตลกเค้าไม่ได้ อย่างในเอ๋กรุ๊ปการละคร โรงแรมค่าตะกำ / ปล.แกะในเรื่องแลมบ์ก็ชื่อเอด้าเหรอวะ กูเองๆ >_<
    HT#
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×