คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #216 : The Show: The Masque of the Red Death
カタルシスの向こうへ Come on, come on
มุ่งสู่อีกฟากฝั่งของการระเบิดอารมณ์ มาสิ
一緒に行こうぜ
ไปด้วยกัน
— เดอะ โชว์, ทราวิส เจแปน
สุสานข้างโบสถ์ตะวันตกที่ถูกปล่อยทิ้งร้างเคยเป็นสถานที่แห่งความลับเพียงลำพังของเนโกตะ อายะ
กระทั่งเย็นวันศุกร์ของเดือนกลางฤดูร้อนหนึ่งที่เธอกลับจากโรงเรียนเพื่อใช้เวลาอยู่ที่นั่น ถ่วงเวลารอจนดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงไปแล้วถึงค่อยกลับไปบ้าน...ที่ไม่เคยจะเป็นบ้าน...เหมือนเช่นกิจวัตรประจำวัน อายะก็จะได้ยินเสียงร้องเหมียวๆ ดังแว่วมา นั่นไม่ใช่เรี่องผิดประหลาด อย่างน้อยๆ ก็ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เธอเจอลูกแมวที่ยังไม่ลืมตาสองตัวนอนขดตัวชิดกันอยู่ใต้ม้านั่งประจำ บางทีแม่แมวอาจจะมาคลอดทิ้งไว้ ด้วยชะตาชีวิตที่แทบไม่ได้แตกต่างจากเธอที่พบพาน ก็ให้บังเกิดความสงสารขึ้นมาจับใจจนอายะตัดสินใจว่าจะหาข้าวหาน้ำให้ คอยดูแลจนกว่าพวกมันจะเติบใหญ่ กระทั่งปีกกล้าขาแข็งพอที่จะออกไปเริ่มต้นใช้ชีวิตของตัวเองโดยไม่ต้องพะวักพะวงกับสิ่งใดอีก...เหมือนกับที่สักวันเธอก็จะทำให้ได้เฉกเช่นกัน
แต่กลับเป็นถ้อยเสียงที่ไม่คุ้นหูของมนุษย์ที่เด็กสาวไม่ใคร่จะมีปฏิสัมพันธ์ด้วยมากนักต่างหากที่ผิดแปลกไปจากทุกที ตลอดหกเดือน อายะไม่เคยเจอสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกันย่างกรายเข้ามายังสถานที่แห่งความลับนี้เลยแม้แต่คนเดียว เธอรู้สึกถึงความหวาดหวั่น แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อาจปล่อยลูกแมวที่ยังทำอะไรเองไม่ได้ไว้กับใครที่ไหนก็ไม่รู้ หลังจากรวบรวมความกล้าอยู่สักพัก ในที่สุดเธอก็สูดหายใจเอาอากาศเข้าไปเต็มปอด แล้วเริ่มต้นก้าวฝีเท้าออกไป
ไม่ไกลจากม้านั่งที่สีธรรมชาติของไม้เนื้อดีเริ่มซีดจางลงไปเพราะการลอกล่อนและขึ้นสนิม เป็นที่แห่งนั้นเองที่อายะจะได้เห็นเด็กหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งนั่งยองๆ อยู่ข้างลูกแมวซึ่งกำลังเลียนมจากชามอยู่ ด้วยเสียงหัวเราะที่เปล่งออกมาอย่างสดใส ด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าที่งดงามเหมือนเทวดา และเจิดจ้ายิ่งกว่าแสงสีเหลืองทองของดวงอาทิตย์ยามเช้า ในตอนที่หันขวับมาตามเสียงฝีเท้าของเธอ
“นี่แมวของเธอเหรอ?”
“ม...ไม่ใช่ค่ะ!” อายะรีบส่ายหัวอย่างเร็วรี่ ทั้งเพื่อเสริมรับคำตอบและเพื่อดึงสติที่หลุดลอยไปชั่ววินาทีหนึ่งของตนเองให้กลับคืนมา “ฉันเห็นพวกมันอยู่ที่นี่มาตั้งแต่วันสองวันก่อนแล้ว ดูเหมือนแม่มันจะมาคลอดทิ้งไว้แล้วหนีไป ฉันก็เลยคิดว่าระหว่างนี้จะช่วยดูแลมันไปก่อน”
เขาลูบตัวแมวเบาๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นกระชับกระเป๋าสะพายมาหาเธอ จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสที่ไม่ทอนลงไปเลยว่า
“ถ้าอย่างนั้นเรามาช่วยดูแลมันด้วยกันนะ”
และสิ่งเดียวที่อายะทำได้ก็คือการพยักหน้าตอบรับ ใบหน้าขาวของเธออาจจะยิ่งขึ้นสีแดงก่ำ เมื่อรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวที่พวงแก้มขึ้นมา
อายะได้ทำความรู้จักกับนากามูระ เรย์อะ เด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่เพิ่งจะย้ายจากเมืองกรุงมาอยู่ที่เมืองบ้านนอกเล็กๆ แห่งนี้ตามหน้าที่การงานของพ่อ เขาทำให้เธอเริ่มตกหลุมรักเมืองที่เกลียด ทำให้เธอได้พบกับบ้านในสุสานที่เคยเงียบเหงา แต่ครั้งครานี้มันไม่ได้เปล่าเปลี่ยวอีกต่อไป บางทีถ้าเขาเข้าโรงเรียนสหศึกษาเหมือนกันกับเธอ แทนที่จะเป็นโรงเรียนชายล้วนคนละฟากฝั่ง ก็อาจจะทำให้ชีวิตในรั้วโรงเรียนของเธอมีความสุขขึ้นมากกว่านี้ได้บ้าง แต่เรย์อะก็ทำให้แน่ใจว่าเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีคนแรกในทนดะบายาชิให้แก่เธอได้ ด้วยการคอยแวะเวียนมาที่สุสานเพื่อช่วยดูแลลูกแมวในตอนเย็นหลังเลิกเรียนที่ว่างเว้นจากกิจกรรม ชมรม และการสังสรรค์ที่ดูเหมือนว่าจะมีอยู่อย่างมากมายก่ายกอง อย่างน้อยๆ ก็อาทิตย์ละสองสามวันตามที่ได้ให้สัญญาไว้
อายะสนิทสนมกับเรย์อะได้อย่างรวดเร็วจากการที่เขาเป็นทั้งนักพูดที่สนุกสนานและนักฟังที่เอาใจใส่ แต่แม้ว่าเด็กสาวจะอยากระบายปัญหาที่บ้านให้ใครสักคนได้รับฟัง และรู้ว่าเขาจะต้องตั้งใจรับฟังมันเป็นอย่างดี เธอก็ยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะพูดมันออกไป
“อยากไปดูละครสัตว์ด้วยกันไหม?”
อายะเผลอตัวสะดุ้งเฮือกอย่างแรงมากทั้งจากการเงยหน้าขึ้นมาเห็นเรย์อะยืนรอเธออยู่บนสะพานข้ามระหว่างเส้นทางกลับบ้าน เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอเขาตอนเย็นวันศุกร์ที่จะอยู่ซ้อมเต้นรำในชมรมถึงดึกถึงดื่น ไหนจะคำชักชวนที่ไม่คาดคิด แม้อายะจะรู้อยู่แล้วว่ามีคณะละครสัตว์เดินทางมาถึงเมืองของพวกเธอเมื่อสองวันก่อนและเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ไปทั่วทั้งโรงเรียน อย่างน้อยก็ในเมืองเล็กๆ ที่แทบไม่มีความบันเทิงเริงใจใดๆ มากไปกว่าศูนย์การค้าที่มีแค่โรงภาพยนตร์และเกมเซนเตอร์น่าเบื่อหน่ายก็ตาม ท่าทีของเธอทำให้เรย์อะหลุดหัวเราะออกมาแล้วเอ่ยย้ำซ้ำอีกครั้งว่า “พรุ่งนี้อยากไปดูละครสัตว์ด้วยกันไหม?”
“แล้วคุณนากามูระไม่ไปกับเพื่อนเหรอ?”
ทันใดนั้นเอง เขาก็เดินเข้ามาหาแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เสียจนเธอต้องรีบผงะถอยไปเพราะความลนลาน
“ฉันชวนเนโกตะอยู่นะ”
“เอ่อ ด...ได้สิ” เธอตอบรับด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ก่อนแผ่วค่อยลงไปไม่ต่างจากเสียงกระซิบในตอนที่ว่า “ฉันอยากไปกับคุณนากามูระนะ” อาจเป็นเพราะความเงียบสงัดของยามค่ำคืน หรืออาจเพราะความใส่ใจเหมือนอย่างที่เป็นมาเสมอ เรย์อะจึงตอบรับถ้อยคำนั้นกลับไปเสียงดังฟังชัดด้วยความแข็งขันว่า
“อื้อ ฉันก็อยากไปกับเนโกตะเหมือนกัน”
การอยู่ท่ามกลางสถานที่หรือผู้คนที่แออัดพลุกพล่านไม่เคยใช่สิ่งที่อายะโปรดปราน แม้ว่าเรื่องการมาถึงของคณะละครสัตว์จะทำให้เธอตื่นเต้นได้ไม่น้อยเหมือนกับคนอื่นๆ กระนั้นความคิดที่ต้องมาดูมันคนเดียวด้วยความกระอักกระอ่วนใจก็ยากเกินทานทน แต่เรย์อะสามารถทำให้เธอเฝ้ารอคอยวันนี้ที่จะมาถึงจนความฝันใดๆ ก็ไม่อาจแทนที่ได้ เติมเต็มช่วงเวลานี้จากเสียงหัวเราะและรอยยิ้มสดใสไม่ต่างจากพระอาทิตย์ที่ใกล้จะลาลับขอบฟ้า นับตั้งแต่เขาโบกมือให้เธอจากตำแหน่งเดิมบนสะพานเช่นเดียวกับเมื่อคืนวาน แล้วเอ่ยปากชมเธอที่อยู่ในชุดกระโปรงสีเหลืองซึ่งเธอไปขอยืมจากพี่สาวข้างบ้านที่กระวีกระวาดแต่งหน้าทำผมให้กับเดตแรก อายะรู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่เคยมีความสุข ราวกับว่าเธอเคยสัมผัสมันจริงๆ ถึงสิ่งนั้นจะไม่เคยเกิดขึ้นจริงตลอดชั่วชีวิตนี้เลยก็ตาม แต่เรย์อะเป็นแบบนั้นสำหรับเธอ เขาคือความฝัน ความปรารถนา ความโหยหาถึงความสุขสันต์
ก่อนจะมอบอนาคตที่ส่องประกายในวันข้างหน้าบนชิงช้าสวรรค์ที่เขาดึงข้อมือชวนเธอให้ขึ้นไปนั่งด้วยกันอย่างกระตือรือร้น ทว่าบทสนทนาที่ส่วนใหญ่เรย์อะจะเป็นผู้ถือครองให้อายะได้เป็นฝ่ายตามกลับเงียบงันลงไปจนเธอต้องเบนสายตาหลบความเก้อเขินทั้งจากระยะห่างและบรรยากาศ ออกไปยังความครึกครื้นของแสงสีในคณะละครสัตว์เสียเอง อีกเป็นพักกว่ากระเช้าของพวกเธอจะมาหยุดอยู่ที่ด้านบนสุด
ด้วยคำสารภาพที่เรียบง่ายกับดวงตาที่จดจ้องมองมาอย่างซื่อตรงว่า “ฉันชอบเนโกตะนะ”
แล้วอายะก็หัวเราะออกมาทั้งน้ำตาที่ไหลริน
ただ 一人で 叫び続けよう・・・
ฉันเป็นเพียงคนเดียวที่กรีดร้อง
目を見開き 叫び続けよう・・・
ร่ำร้องด้วยนัยน์ตาที่ยังเบิกโพลง
それが始まりの合図さ・・・
นั่นแหละคือสัญญาณของการเริ่มต้น
— เคียวโซ คาร์นิวัล, เมอร์รี่
_______________
ความคิดเห็น