คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : ANEMOIA CHAPTER 1: Dream Sweet In Sea Major (II)
แม้วันนี้ท้องฟ้าจะขมุกขมัว เมฆหมอกตั้งเค้าก่อตัวมืดครึ้มเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าอีกไม่ช้าฝนก็จะตก แต่ความมีชีวิตชีวาทั้งจากบทเพลงร็อคสมัยนิยมที่เสียบต่อจากแอปพลิเคชันในมือถือแล้วเล่นผ่านลำโพงเครื่องเสียงในรถยนต์ คลอเคล้าไปกับเสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วของสองคู่รักที่นั่งอยู่เบาะหลัง ก็จะช่วยทำให้ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงที่เกาะติดอยู่กับริสะราวกับเป็นส่วนหนึ่งไปแล้วค่อยบรรเทาลงไปได้
“ขอบคุณไคโตะมากเลยนะที่เป็นธุระทุกอย่างและยอมให้เพื่อนไม่สนิทอย่างเราล้มทับ” น้ำเสียงเริงร่าของแชริต้า เชา เจ้าของสถานะเพื่อนคนแรกในรั้วมหาวิทยาลัยรวมถึงรูมเมตตัวดีที่ยื่นหน้าเข้ามาระหว่างกลางคือสิ่งที่ริสะกลับมาคุ้นชินอีกครั้ง “ถ้าได้มาเล่นสกีตอนหน้าหนาวคงเยี่ยมไปเลยเนอะ”
“นี่ขนาดเกรงใจแล้วนะ”
เช่นเดียวกับเสียงหยอกล้อของชายคนรักอย่างเจสซี่ ลูอิส กับเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างไม่ถือสาของชายหนุ่มอีกคนหลังพวงมาลัยที่หันมามองเธอซึ่งกำลังรับลูกอมจากแชริต้าด้วยรอยยิ้ม หากริสะที่ทันได้สบประสานจะรีบทำทีเป็นก้มลงแกะห่อง่วนจนเรือนผมสีทองยาวปรกบังเสี้ยวหน้าด้านข้าง ทั้งจากความไม่คุ้นเคยผสานไปกับความอับอายต่อเพื่อนใหม่ เนื่องจากการพบกันครั้งแรกระหว่างเธอกับเขาที่ไม่ได้น่าดูชมสักเท่าใดนัก
หลังจากเช้าวันที่เธอสติแตกจากความฝันที่อาจเรียกได้ว่าสยองขวัญสั่นประสาทที่สุดในชีวิตซึ่งตามติดมาในโลกของความเป็นจริง ตลอดระยะเวลาอันเนิ่นนานที่คาซึยะยินยอมทำตามคำขอ ปล่อยให้เธอนั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้อยู่คนเดียวกว่าที่มันจะเหือดหาย แม้เมื่อออกมาจากห้องนอนของเขาแล้วก็ยังคงไม่ยอมเงยใบหน้ากับดวงตาที่บวมเป่งขึ้นมอง มีเพียงถ้อยคำผ่านน้ำเสียงสั่นเครือที่ย้ำซ้ำด้วยความพยายามฝืนกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาอีกครั้งว่า “ฉันขอโทษนะคาซึยะ ฉันขอโทษจริงๆ” เพื่อจะได้รับคำปลอบโยนจากความอ่อนโยนอย่างที่เป็นมาเสมอ กระทั่งในยามที่ตนเองต้องถูกผลักไส เขาก็ยังขอให้เพื่อนร่วมบ้านช่วยขับรถไปส่งเธอแทน
และนั่นคือตอนที่ริสะได้รู้จักกับไคโตะ ทากาฮาชิ — อย่างเป็นทางการ — เป็นครั้งแรก
เพราะความหวาดกลัวต่อความอ้างว้างในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ริสะจึงไม่ได้ให้ไคโตะไปส่งกลับหอพักอย่างที่คาซึยะขอ ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะจอดรถลงมานั่งเป็นเพื่อนยังด้านในสุดของร้านไดเนอร์เจ้าประจำในตำแหน่งเดียวกันกับเมื่อคืนวาน ครั้นสั่งชุดอาหารเช้ามื้อใหญ่ให้ตัวเองแล้วก็รวดเลยสั่งไข่คนให้โดยไม่สนใจคำปฏิเสธของเธอที่บอกว่าไม่หิว ทั้งยังรบเร้าให้หญิงสาวฝั่งตรงกันข้ามฝืนกินมันลงไปบ้างถึงแม้จะไม่นึกอยาก ด้วยรู้ดีว่าการร้องไห้ทำให้เธอเสียพลังงานไปมากแค่ไหน ความเป็นห่วงที่ได้รับจากเพื่อนของคนที่คงจะพูดประโยคแบบเดียวกันนี้กับเธอ ที่สุดก็จะทำให้ริสะอดทนเก็บมันเอาไว้กับตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ เพราะมีเรื่องหนึ่งที่ริสะมั่นใจคือถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางที่จะหัวเราะเยาะใส่หลังเห็นสภาพอันน่าสมเพชของเธอในตอนนี้แน่ จากนั้นเริ่มต้นพร่างพรูความฝันของคืนวานให้ไคโตะฟัง
“คาซึยะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน” แค่เพียงนึกถึงเขากับสิ่งที่เขาต้องเผชิญ ริสะก็จะรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่รื้นอยู่ตรงขอบตา “แต่เมื่อไหร่ที่ฉันมองหน้าเขา ฉัน...ฉันจะนึกถึงใบหน้าในความฝันนั้น มัน...มันน่ากลัวมาก รวมถึงสระว่ายน้ำสีเขียวนั่นด้วย มันทำให้ฉันกลัวการนอนหลับ เพราะฉันรู้ว่าฉันจะต้องฝันถึงมัน ฉัน...ฉันจะไม่มีทางหนีพ้น ไม่มีวัน”
“งั้นเราไปเปลี่ยนบรรยากาศด้วยกัน”
“มันไม่ช่วยหรอก”
“ให้ฉันช่วยเธอเถอะนะริสะ” ทั้งน้ำเสียงและดวงตาที่จดจ้องมองเธอตลอดการรับฟังของไคโตะนั้นแน่วแน่จริงจัง “ฉันมีรีสอร์ตอยู่ที่เทลลูไรด์ สุดสัปดาห์นี้เราไปด้วยกันเลย ถึงต่อให้จะแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ ฉันก็แน่ใจว่ามันจะช่วยให้เธอได้พักผ่อน” และเมื่อเขาพูดต่อไปว่า “คาซึยะเองก็คงต้องการอย่างนั้น” ริสะที่พยักหน้าตอบรับก็ไม่อาจฝืนกลั้นน้ำตาที่ไหลทะลักลงมาจนต้องซบใบหน้าลงกับฝ่ามือทั้งสองของตัวเอง พยายามกัดริมฝีปากล่างเอาไว้เพื่อไม่ให้สุ้มเสียงใดเล็ดลอดออกไปในยามที่ก้มหน้าสะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น
แชริต้ากลับมาทำหน้าที่ของเพื่อนร่วมห้องและเพื่อนสนิทหลังจากร้างราไปนานด้วยความเต็มใจ หล่อนถึงกับเข้ามากอดปลอบเมื่อได้รับรู้เรื่องราวที่เธอต้องเผชิญ ทั้งจากคาซึยะที่โทรศัพท์ไปหา รวมถึงไคโตะที่คุยกับหล่อนอยู่นานสองนาน ในตอนที่ขับรถมาส่งริสะซึ่งฝืนทำตัวร่าเริงไปทำงานจนถึงหัวค่ำ แชริต้าไม่ได้เห็นปฏิกิริยาจากความกลัวอันเนื่องมาจากความฝันของเธอเป็นเรื่องล้อเล่น ไม่ใช่แค่จากการเป็นนักศึกษาประจำภาควิชาศาสนศาสตร์ หากเพราะยังชอบศึกษาค้นคว้าเรื่องราวเหนือธรรมชาติทุกรูปแบบ ถึงกระนั้นแม้แต่หล่อนเองก็ไม่สามารถหาคำตอบในสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ แต่การได้เห็นเพื่อนร่วมห้องไม่ยอมหลับยอมนอนตลอดสองคืนเต็มก่อนนัดสุดสัปดาห์ที่จะมาถึง ไม่ต่างจากความกลัวการถูกเฟรดดี้นิ้วเขมือบมาเอาชีวิตในความฝัน ก็จะทำให้แชริต้าที่ไม่เคยเอาชนะความดื้อด้านของคนหัวแข็งไหวได้แต่ถอดใจ เพื่อที่จะเก็บเอาไปบ่นกระปอดกระแปดใส่ทั้งเจสซี่และไคโตะที่ขับรถมารับตั้งแต่เช้าตรู่
แต่เพราะพวกเขาไม่ใช่คาซึยะ
ไม่ใช่แค่เพียงแค่ความกลัวเมื่อนึกถึงเขา แต่ยังมีความเศร้าที่เกาะกุมอยู่ข้างในหัวใจ อย่างน้อยริสะก็ชอบคาซึยะมาก...มากถึงขนาดที่เธอนอนกับเขาได้ มากถึงขนาดที่การได้เป็นหนึ่งเดียวกับเขาทำให้เธอรู้สึกดีได้ เพราะอย่างนั้นริสะถึงเชื่อว่าสักวันหนึ่ง เธอจะรักเขาเหมือนอย่างที่เขารักเธอได้
หรือบางที...มันอาจจะไม่มีวันนั้นอีกเลยก็ได้
เสียงของคู่รักจากหลังรถเงียบลงไปแล้ว แทนที่ด้วยเสียงเม็ดฝนตกกระทบบานหน้าต่างกับบทเพลงยุคเก่าจากคลื่นวิทยุที่ถูกหรี่ให้เบาลงแทน คงเป็นเพราะต่างนอนดึกและต้องตื่นนอนกันแต่เช้าตรู่ แถมยังใช้พลังงานไปกับการหัวเราะพูดคุยตลอดเส้นทาง ครั้นบรรยากาศเป็นใจก็จะผล็อยหลับพิงศีรษะกันไปให้ริสะที่เหลียวมองได้ยิ้มตาม
ในตอนที่วิทยุเล่นเพลง ‘ทูไนท์ ยู บีลอง ทู มี’ ริสะก็คล้ายว่าจะนึกถึงเรื่องราวก่อนความฝันในค่ำคืนนั้นขึ้นมาได้อย่างเลือนลาง คลาคล้ายกับมีเมฆหมอกกางกั้นจนไม่อาจแน่ใจได้ว่ามันคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือเป็นแค่ความฝัน เธอจดจำน้ำเสียงที่ไม่ใช่ของคาซึยะไม่ได้เลย แต่จูบที่หน่วงหนักและความรู้สึกร้อนผ่าวบนลำคอที่ทำให้ต้องยกมือขึ้นแตะนั้นยังคงชัดเจน เช่นเดียวกับจังหวะการเต้นของหัวใจ ทั้งที่อุณหภูมิตอนนี้ค่อนข้างเย็นและกำลังทะลุผ่านห่วงเสื้อไหมพรมแขนยาวเข้ามาอย่างไม่ช่วยบรรเทา ให้ริสะจำต้องปิดเปลือกตาลงไปเพื่อผ่อนลมหายใจเข้าออกเชื่องช้า
อีกครั้งที่เมื่อเปิดมันออก ภาพของสระว่ายน้ำสีเขียวก็จะพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าในแววตา ทว่าบัดนี้มีเพียงตัวเธอที่หวนกลับมาอยู่ในความอ้างว้างของฝันร้ายลำพัง ริสะแน่ใจว่าตัวเองแค่หลับตา ไม่มีทางที่จะเผลอหลับไปโดยไร้สัญญาณความง่วงงุนแบบนี้ หากไม่ว่าจะกะพริบตาปริบสักกี่ครั้งก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง เธอรู้สึกเหมือนกับว่าไม่มีหนทางใดจะช่วยให้หนีจากสระว่ายน้ำแห่งนี้ได้พ้น แต่มันต้องการอะไร? มันต้องการให้เธอออกไปเสาะสำรวจจนทั่ว หรือดำดิ่งลงไปยังระลอกน้ำที่ไม่รู้ว่าลึกมากเท่าไหร่และกำลังกระเพื่อมไหวทั้งที่ไม่มีสิ่งใดเป็นสาเหตุเลยกันแน่? แต่หากว่าต้องเลือก ริสะจะขอเลือกข้อหลัง ถึงเธอจะกลัวการลงไปในน้ำ แต่ไม่มีความรู้สึกใดในยามนี้จะเข้มข้นไปกว่าความกลัวถึงความไม่รู้อย่างที่คาซึยะเคยว่าไว้ ในตอนที่ริสะตัดสินใจลากท่อนขาอันหนักอึ้งเพื่อเดินไปข้างหน้า เป็นตอนนั้นเองที่เธอจะรู้สึกได้ถึงมือหนาที่โอบรอบลำคอ ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจที่รดรินอยู่ข้างใบหู ราวกับปฏิกิริยาฉุดรั้งให้ร่างกายกลับมาแข็งทื่ออีกครั้ง
“ฉันรอเธอมาตลอด”
เช่นเดียวกับลมหายใจที่กดกลั้น
“เธอไม่ควรลืมฉัน เธอไม่ควรมีความสุขกับผู้ชายคนอื่น เธอผิดสัญญากับฉัน และเธอทำฉันเจ็บปวดมากเลยนะริสะ” ท่อนแขนของเขาเริ่มรัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ในยามที่เอ่ยถ้อยประโยคเหล่านั้น และดูเหมือนมันเป็นเรื่องง่ายมากที่เขาจะทำให้กระดูกของเธอป่นปี้ แต่ในความเจ็บปวดก็แลกมาด้วยความแจ่มชัดของผัสสะทั้งมวล มันคือน้ำเสียงเดียวกับค่ำคืนนั้น ด้วยความรู้สึกโกรธชังไม่ต่างจากค่ำคืนนั้นของ “ไคโตะ?”
“แต่เราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน”
พลันนั้นเองที่แผ่นหลังของเธอจะถูกผลักให้ตกลงไปในสระว่ายน้ำ...สิ่งที่ใกล้เคียงกับสระว่ายน้ำ เมื่อความลึกสุดหยั่งของมันกำลังดูดดึงเธอที่ว่ายน้ำไม่เป็นให้ต้องตะเกียกตะกาย ความรู้สึกอึดอัดทรมานจากการหายใจไม่ออกผ่านสายน้ำที่เย็นเฉียบยังคงตามติดมา จนลมหายใจของเธอหอบแรงคล้ายกับว่ากำลังจะตายจริงๆ
“ไม่ต้องกลัวนะริสะ ฉันอยู่นี่แล้ว”
และคนที่เอื้อมมาจับมืออันสั่นเทาข้างหนึ่งของเธอไปกุมไว้เองในวินาทีเดียวกับที่ลืมตาตื่นก็คือไคโตะ แม้ริสะจะบีบมันจนแน่นเพราะความหวาดหวั่นที่ทะลักล้น ไคโตะก็ยังคงบีบตอบกลับมา สลับกับลูบนิ้วหัวแม่โป้งบนหลังมือของเธอไปมาเบาๆ เพื่อยืนยันถ้อยคำของตัวเอง และส่งต่อความอบอุ่นจากเนื้อหนังที่เป็นของจริงมาให้คนที่เพิ่งพ้นจากความยะเยือกเย็น ทั้งทางร่างกาย ความคิด และจิตใจ
ริสะทันได้ประหวัดถึงคาซึยะแค่เพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น ในยามที่ริมฝีปากของไคโตะจะโน้มลงมาแตะประทับเหมือนกับค่ำคืนก่อนหน้านั้น ทว่าครั้งครานี้มันจะทำให้อุณหภูมิในตัวของเธอพุ่งสูงขึ้น เพราะการบดเบียดและลิ้นร้อนที่ลุกล้ำเข้ามาไล่ต้อนให้เธอกลับมาหายใจไม่ออก นี่อาจเป็นความตายอันร้อนเร่าที่แผดเผาทำลายเธอ ลบเลือนความทรงจำที่มีต่อเพื่อนสนิท หรืออาจรวมถึงทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ให้มอดไหม้
ทว่ามันก็ไม่ได้เกิดขึ้น เมื่อเขาถอนริมฝีปากออกแล้วกลับไปนั่งเท้าศอกอยู่หลังพวงมาลัยเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ริสะ! ตื่นแล้วเหรอ! เป็นไงบ้าง! ฝันร้ายหรือเปล่า!”
ห้วงภวังค์ที่หลุดลอยของเธอกลับคืนมาจากเสียงของสายฝนแจ่มชัดที่ยังคงตกอยู่ภายนอก ผสานไปกับเสียงตะโกนของแชริต้า เมื่อหล่อนเปิดประตูกลับเข้ามานั่งในรถพร้อมกับเจสซี่และขนมขบเคี้ยวในมือ
“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วล่ะ” ไคโตะหันไปตอบคำถามแทนเธอที่นั่งก้มหน้าซ่อนสีแดงก่ำด้วยเสียงหัวเราะ
∞
“จำไม่ได้เลยเหรอว่าใครเป็นคนที่ผลักเธอ?”
ท้องฟ้ามืดสนิทเมื่อพวกเขามาถึงโรงแรมที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาซานฮวน เป็นความโอ่อ่าที่ไม่ได้ชวนให้อึดอัดเหมือนอย่างโรงแรมโอเวอร์ลุคในความทรงจำที่ริสะหวาดกลัวเป็นนักหนา แสงสีส้มสบายตาจากดวงไฟไม่เหมือนกับหิมะสีขาวโพลนก็ให้ความรู้สึกสบายใจแม้จะเป็นยามค่ำคืน ไคโตะขอโทษที่ห้องใหญ่สุดถูกจองไปหมดแล้วถึงเป็นช่วงนอกฤดูกาล พวกเขาเลยต้องแยกห้องนอนชายหญิง เป็นแขกทั้งสามที่จะรีบคืนคำขอโทษแล้วเอ่ยขอบคุณต่อน้ำใจอันกว้างขวางของเขาแทน ซึ่งก็ดีแล้ว เพราะตอนนี้ริสะอยากอยู่กับรูมเมตแค่สองคนมากกว่า
ริสะสั่นหัวให้กับคำถามของแชริต้า
“ไม่ใช่คาซึยะใช่ไหม?”
ศีรษะของเธอสั่นรัวแรงกว่าเดิม
“ฉันรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครอีกคนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ฉันมั่นใจเลยว่าได้เห็นหน้าเขา ได้ยินเสียงเขา แต่พอตื่นขึ้นมาฉันกลับจำอะไรเกี่ยวกับเขาไม่ได้เลยสักอย่าง”
“อาจเป็นคนที่ทำเรื่องนี้กับเธอ” แล้วรีบว่าต่อพอเห็นสายตาของเพื่อนที่มองมา “ขอโทษ ฉันรู้ว่าเธอกลัว แต่มันคือความเป็นไปได้ที่สุดแล้ว ถ้าไม่ใช่ไสยเวทย์จากฝีมือมนุษย์ ก็อาจเป็นฝีมือปีศาจเสียเอง”
“แต่...เพื่ออะไร? แล้วทำไมต้องเป็นฉัน?”
“มีแต่คนทำเท่านั้นที่ให้คำตอบเธอได้ และฉันเชื่อว่าการที่เธอเห็นเขาในฝัน แปลว่าเวลานั้นน่าจะใกล้มาถึงแล้ว เธอต้องเข้มแข็งไว้นะริสะ เพราะฉันช่วยเธอในความฝันไม่ได้”
“แค่ที่เธอเชื่อฉัน มาเป็นเพื่อนฉันก็ดีเกินพอแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะแชริต้า”
หล่อนยิ้มตอบกลับไป หยิบมือถือที่สั่นอยู่บนเตียงขึ้นดูข้อความ ก่อนชักชวนเธอไปหาเจสซี่กับไคโตะที่ล่วงหน้าลงไปรอที่ห้องอาหารก่อนแล้ว
“เอ่อ แชริต้า” หล่อนหันมาส่งสีหน้าแสดงคำถาม “ถามหน่อยสิว่าไคโตะเค้าเป็นคนยังไง?”
“ไคโตะเหรอ? อืม ถ้าให้สรุปสั้นๆ ก็หล่อมาก รวยมาก นิสัยดีมาก แต่นอกจากคาซึยะแล้วฉันก็ไม่เห็นว่าเขาจะดูสนิทกับใครอีก ฉันว่านะริสะ ที่เขาเต็มใจช่วยเธอขนาดนี้ต้องเป็นเพราะเธอคือคนสำคัญของคาซึยะแน่ๆ” หากคำเย้าแหย่ของแชริต้าจะไม่กระทบเข้าไปในโสตประสาท
ไม่ เขาจูบเธอ ก็ย่อมไม่มีทางใช่เหตุผลที่ว่าเธอเป็นคนสำคัญของคาซึยะ...ของเพื่อนสนิท จูบของเขามีความหมายมากกว่านั้น มันถ่ายทอดออกมาทั้งความต้องการ ความปรารถนาที่ราวกับรอวันระเบิด ทว่ามีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เธอไม่เข้าใจก็คือ...ทำไม?
ริสะไม่มีความกล้าพอที่จะถาม หรือแม้แต่แค่มองหน้าชายหนุ่มฝั่งตรงกันข้ามตลอดมื้ออาหารค่ำ กระทั่งตอนที่เขาบอกว่าคาซึยะโทร.มา เธอถึงได้เผลอเงยหน้าขึ้นมองเพื่อสบประสานสายตากับเขาที่จดจ้องอยู่ก่อนแล้ว “ฉันจะบอกคาซึยะให้ว่าพวกเราคอยดูแลริสะเป็นอย่างดี” กลั้วไปกับเสียงหัวเราะน้อยๆ หากรอยยิ้มมุมปากที่ผุดขึ้นหลังจากนั้นเสี้ยววินาทีหนึ่งของเขาคล้ายกับกำลังเย้ยเยาะ ริสะแน่ใจแล้วว่าเขาไม่ได้มองคาซึยะด้วยฐานะที่เทียมเท่ากันอย่างที่ใครๆ มองเห็น เธอรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องแย่ และการกระทำของผู้ชายคนนี้ไม่ว่าจะมองในแง่ไหนก็อาจถึงขั้นที่เรียกได้ว่าน่ารังเกียจ แต่ไม่มีสิ่งใดในตัวไคโตะ ทากาฮาชิเลยที่ทำให้เธอรู้สึกรังเกียจ เพียงแค่คิด ริสะก็จะรู้สึกละอายใจขึ้นมาจนต้องรีบเบือนหลบไปทางอื่น
หลังเสร็จสิ้นมื้ออาหาร ทั้งแชริต้าและเจสซี่ก็ชักชวนเธอออกไปนั่งคุยกันต่อที่ล็อบบี้ ส่วนไคโตะปลีกตัวไปคุยกับพี่สาวที่เป็นผู้จัดการโรงแรมนี้ เหลือแต่ริสะที่ไม่อยากขัดจังหวะคู่รักแล้วขอตัวกลับขึ้นห้องก่อน ปรามแชริต้าที่แสดงความเป็นห่วงไม่ให้ตามมา บอกว่าเธอไม่ได้จะนอนหลับ แค่อยากอาบน้ำพักผ่อนก็เท่านั้น
ระหว่างทางเดินกลับห้องพักบนชั้นสาม ริสะก็ได้เจอกับหญิงสาวแปลกหน้าที่ตะโกนเรียกชื่อเธออย่างตื่นเต้นด้วยเสียงดังลั่นแล้วรีบปรี่เข้ามาหา “ฉันมามิ เป็นพี่สาวของไคโตะ ดีใจที่ได้เจอเธออีกนะริสะ”
“อีก?” ริสะงุนงงไปกับคำพูดของหล่อนที่ถึงขนาดรวบร่างของเธอเข้าไปกอด
“ไคโตะรอเธอมานานเหลือเกิน”
“ฉันเคยมาที่นี่เหรอคะ? แล้วฉันเคยรู้จักกับไคโตะมาก่อนเหรอคะ?”
หล่อนตอบคำถามด้วยการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ใช้มือสีขาวที่ค่อนข้างเย็นแตะไปตามใบหน้าและเนื้อตัวของเธอประหนึ่งการเสาะสำรวจด้วยสีหน้าพออกพอใจ ก่อนผละจากไปโดยไม่ยอมไขข้อข้องใจอะไรให้เลยแม้แต่อย่างเดียว
กว่าแชริต้าจะกลับเข้าห้องก็ดึกมากแล้ว ทั้งอย่างนั้นหล่อนก็ยังคึกคักชวนเธอคุยต่อเพราะไวน์ที่ดื่มเข้าไปหลายแก้ว ล่วงเข้าวันใหม่ถึงได้เหนื่อยจนผล็อยหลับไปเอง ตรงข้ามกับเธอที่ยังตาสว่าง พยายามหาอะไรทำด้วยการเปิดโทรทัศน์ดูเป็นเพื่อน ปกติแชริต้าเป็นคนขี้เซา และการที่หล่อนเมาก็ย่อมหมายความว่าหล่อนจะไม่ตื่นด้วยเสียงแค่นี้แน่ แต่ในตอนที่หนังสายลับยุคเก่าจบลง ริสะก็รู้สึกเบื่อหน่ายเกินกว่าจะนั่งจับเจ่าอยู่บนเตียงคิงไซส์อีกแล้ว ครั้นหันมองออกไปนอกบานหน้าต่าง ความคิดของการลงไปเดินเล่นรับลมในเวลาที่เมืองกำลังหลับใหลก็ดูเข้าท่าขึ้นมา
ไม่มีสิ่งใดในความเป็นจริงจะทำให้ริสะนึกหวาดกลัวได้อีกเมื่อสิ่งเหล่านั้นอยู่ในความฝัน แสงจากโคมไฟสีส้มบนท้องถนนซึ่งเปิดอยู่ตลอดทั้งคืนก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกอ้างว้าง แม้ดูเหมือนว่าในโมงยามนี้จะมีเพียงเธอกับพนักงานโรงแรมที่ก้มหน้าง่วนตอนเดินผ่านล็อบบี้มาเท่านั้น
ขณะเดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย ริสะก็พยายามเค้นคิดว่าเธอเคยมาที่นี่หรือว่ารู้จักไคโตะจริงๆ แน่หรือ แต่จะเป็นไปได้อย่างไรเมื่อเธอมั่นใจว่าไม่เคยมาที่เทลลูไรด์เลยด้วยซ้ำในชีวิตนี้ หรือว่าพี่สาวของเขาจะจำเธอสับกับคนอื่น ทว่าคำพูดที่หล่อนกล่าวถึงไคโตะก็น่าเชื่อถือมากพอเมื่อรวมเข้ากับการกระทำของเขา
สิ่งที่คาซึยะยังทำไม่ได้แม้เธอจะนอนกับเขา หากเพียงแค่จูบเดียวกับไคโตะก็ทำให้หัวสมองของเธอพร่าเลือน
ไม่...ไม่ใช่แค่จูบเดียว
คนที่จูบเธอเหมือนกับจะช่วงชิงลมหายใจ คนที่พร่ำทั้งความรักและความชิงชังมาให้ในค่ำคืนนั้น คนที่ร่ำเรียกชื่อเธอด้วยความใคร่ก่อนเธอจะเคยได้ยินน้ำเสียงของเขาเสียอีก ไม่คิดว่ามันเหมือนกับไคโตะ ทากาฮาชิคนนั้นหรอกหรือ? พลันนั้นเอง เศษชิ้นส่วนที่ขาดหายก็เริ่มกลับมาปะติดปะต่อรวมกัน อย่างเหมาะเจาะเกินไป แม้แต่ริสะก็รู้ว่ามันไม่ควรง่ายดายขนาดนี้ แต่เธอก็ต้องการรู้คำตอบทุกอย่างให้ได้ ในความฝัน คนที่บอกว่าเฝ้ารอเธอมาตลอด คนที่บอกว่าเธอผิดสัญญา คนที่บอกว่าเธอทำร้ายเขาให้เจ็บปวด ทั้งที่เขาต่างหากกำลังทำให้เธอเจ็บปวด แล้วผลักเธอตกลงไปในน้ำอันเย็นเฉียบด้วยความโกรธ เพียงเพื่อจะได้มอบความปรารถนาอันรุมร้อนให้ในยามที่ลืมตาตื่น ทุกอย่างกลับมาชัดเจนแจ่มแจ้งในวินาทีนั้นเอง ไม่ผิดแน่ เสียงนั้น ผู้ชายคนนั้น ก็คือไคโตะ
แต่เขาทำเรื่องทุกอย่างนี้ได้อย่างไร?
ไคโตะ ทากาฮาชิคือใครกันแน่?
ขณะที่ความคิดต่างพากันประดังประเดเข้ามาในหัวสมอง ริสะที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเดินมาไกลถึงไหนหรือว่าอยู่ห่างจากโรงแรมเท่าไหร่ และกำลังย่างฝีก้าวในรองเท้าส้นเตี้ยลงไปบนพื้นดินข้างหนึ่งก็จะรู้สึกถึงการร่วงหล่น
_______________
ความคิดเห็น