คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #75 : DEICIDA NO HOUFUKU (25% วันนี้วันอะไร ก็วัน 728 ยังไงล่ะจ๊ะสาว)
ทันทีทันใด ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมห้องของอิเดะ ริริสะกับทากาฮาชิ ฮิมิโกะที่เคยเป็นไปด้วยดีพอใช้ก็ผันเปลี่ยนไปเป็นย่ำแย่ อย่างที่ริริสะจะขอเสริมเติมให้ด้วยว่ายากจะกอบกู้กลับคืน
แน่นอนว่าเหตุการณ์ทุกอย่างย่อมมีที่มาที่ไป มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ตอนที่ทุกคนต้องถูกจับคู่ทำรายงานวิชาภาษาอังกฤษแบบดูตามผลคะแนนสอบย่อยของคราวก่อน เพราะริริสะคือคนที่ครองอันดับหนึ่งไม่ใช่แค่ของห้องเรียน...แต่เป็นชั้นปี ด้วยคะแนนเต็มมาตลอดชนิดที่เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีคู่แข่ง ครูเลยให้เธอจับคู่กับเด็กที่ได้คะแนนสอบย่อยต่ำที่สุดในห้องอย่างทากาฮาชิ เคียวเฮ เด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจากเมืองหลวงในชั้นปีนี้ เจ้าของที่นั่งแถวหลังสุดตรงกลางห้อง หากมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่โดดร่มอยู่บนดาดฟ้าไม่ก็ห้องพยาบาลมากกว่า คนที่ริริสะไม่เคยพูดคุยหรือแม้แต่เอ่ยปากทักทายด้วยคำสามัญที่สุดเพียงแค่ว่า ‘อรุณสวัสดิ์’ เลยด้วยซ้ำ และพี่ชาย — อาจจะต่างพ่อ ต่างแม่ ร่วมสายเลือดเดียวกัน หรืออาจไม่มีความเกี่ยวพันกันเลยก็ได้ — ที่อายุเท่ากันของฮิมิโกะ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร นั่นก็คือตอนที่ริริสะได้ประสบพบเจอ ถึงกระทั่งเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งต่ออาการหวงพี่ชายของหล่อน
มันเกิดขึ้นตอนเช้าวันอังคารที่เธอเดินขึ้นตึกเรียนบนชั้นสามไปกับเคียวเฮหลังบังเอิญเจอหน้ากันที่ล็อกเกอร์ พูดคุยเรื่องรายงานต่อจากเมื่อคืนที่โทรศัพท์ไปคุยด้วยนิดหน่อย พอหมดเรื่องน่าเบื่อหน่ายของวิชาเรียนแล้วก็ตามมาด้วยเรื่องสัพเพเหระทั่วไปอย่างเช่นละครโทรทัศน์กับรายการวาไรตี้ที่เด็กหนุ่มเป็นคนเริ่ม กระนั้นก็หาได้มีความอึดอัดใจของคนที่เพิ่งจะสนทนากันเป็นวันที่สอง ก่อนเสียงหัวเราะของริริสะจะแปรเปลี่ยนไปเป็นการหลุดร้องโอ๊ยออกมา เมื่อจู่ๆ ไหล่ข้างขวาก็จะถูกเบียดชนอย่างแรงมากจนทำให้ฝีเท้าข้างหนึ่งที่กำลังก้าวขึ้นบันไดซวดเซเสียการทรงตัว และการที่เคียวเฮซึ่งเดินอยู่ใกล้ๆ จะรีบเอื้อมไปฉวยคว้าท่อนแขนของริริสะเอาไว้ไม่ให้ร่วงหล่น ทั้งยังตะโกนเรียกชื่อตัวต้นเหตุด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับขุ่นข้อง ก็มากพอที่จะทำให้ฮิมิโกะซึ่งเดินนำหน้าไปสามขั้นหันมาจึ๊ปาก สบถคำหยาบ แล้วหาว่าพวกเขาเกะกะขวางทางเองต่างหาก ก่อนกระฟัดกระเฟียดจากไปด้วยสีหน้าที่แสดงความขุ่นเคืองไม่แพ้กัน
“ขอโทษแทนฮิมิโกะด้วยนะ”
ริริสะสั่นหัว ยิ้มให้เขา ขณะตอบรับด้วยความตงิดใจว่าไม่เป็นไร
แต่นั่นไม่ใช่เหตุการณ์แรกและเหตุการณ์เดียวที่ริริสะได้ประสบพบเจอ ฮิมิโกะอาจยั้งปากของตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ ได้ แต่สายตาของหล่อนทุกครั้งคราวที่ได้เห็นเธอกับเคียวเฮอยู่ด้วยกันก็ทิ่มแทงมากไม่ต่างอะไรจากหนามที่แหลมคม ขณะที่ริริสะผู้รักความสงบพยายามผ่อนหนักให้เป็นเบาด้วยการไม่ทำตัวสนิทสนมกับทากาฮาชิคนพี่มากจนเกินไปนอกเหนือจากเรื่องรายงานเหมือนอย่างเช้าวันนั้นอีก กลับเป็นเคียวเฮเองต่างหากที่ดูสนุกกับการโหมเชื้อไฟให้ยิ่งกระพือ เขาจะตะโกนทักทายเธอทุกเช้าไม่ว่าจะเป็นที่หน้าตู้ล็อกเกอร์ บนโถงทางเดิน หรือในห้องเรียนก่อนระฆังเข้าคาบโฮมรูมจะดัง บ้างบางครั้งในตอนพัก เขาที่ขึ้นห้องมาก่อนเพื่อนผู้ชายในกลุ่มก็จะลากเก้าอี้มาชวนเธอที่มักนั่งทำการบ้านหรืออ่านหนังสือคนเดียวที่โต๊ะหน้าสุดริมประตูสนทนา โดยจงใจให้ฮิมิโกะที่นั่งพูดคุยส่งเสียงดังอยู่กับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงของหล่อนที่แถวสองริมหน้าต่างมองเห็นได้อย่างชัดเจน แม้ริริสะจะไม่กล้าหันไปสบประสานสายตากับหล่อน แต่เธอก็แน่ใจได้ว่าสายตาของเคียวเฮขณะพูดคุยกันก็มักจะเหลือบแลมองไปยังทิศทางนั้นอยู่บ่อยครั้ง
กระทั่งบ่ายวันเสาร์ที่เธอกับเคียวเฮนัดกันไปทำรายงานที่ห้องสมุดสาธารณะ พอตกเย็นก็แวะร้านแฮมเบอร์เกอร์ สุดท้ายก็นั่งคุยกันติดลมด้วยเรื่องสัพเพเหระเหมือนอย่างเคยจนถึงดึกดื่น ครั้นออกจากร้านมาท้องฟ้าก็มืดมากแล้ว เห็นอย่างนั้นเคียวเฮเลยอาสาเดินไปส่งเธอที่บ้านซึ่งอยู่อีกคนละฝั่งแม่น้ำ แม้ริริสะจะโบกปัดบอกไปว่าไม่เป็นไร เคียวเฮเองก็จะยืนกรานบอกว่าไม่เป็นไรเหมือนกัน
ทว่าสถานการณ์ระหว่างเส้นทางของพวกเขากลับไม่ได้ไม่เป็นไรแบบนั้นเลยสักนิดเดียว
“ดึกดื่นป่านนี้แล้ว แถมบ้านก็อยู่ห่างกันตั้งโยชน์ แต่เคียวเฮจังก็ยังอุตส่าห์เดินมาส่งริริสะจังกลับบ้าน ไม่ยักรู้เลยนะเนี่ยว่าพี่ชายของฉันจะเป็นสุภาพบุรุษขนาดนี้”
แม้ใบหน้าของฮิมิโกะจะมีรอยยิ้มกว้างปรากฏอยู่ หากประกายวาววับในดวงตา พ่วงมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันนั้นก็ชัดเจนเสียจนคนที่ถูกพาดพิงทั้งสองไม่จำเป็นต้องตีความอะไรในคำพูดของหล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว
“เธอก็ไม่เบานะฮิมิโกะ แอบตามมาจนถึงนี่” เคียวเฮโต้กลับไปด้วยน้ำเสียงดูแคลน
“พูดอะไรหยาบคายแบบนั้นคะพี่ชาย” หล่อนจุ๊ปากแล้วว่า “ไม่รู้เหรอว่าไทเซย์เค้าก็พักอยู่แมนชั่นเดียวกับริริสะจังน่ะ จริงไหมจ๊ะ?”
ให้คนที่ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับหล่อนขนาดเรียกชื่อต้นกันได้เป็นต้องสะดุ้งโหยง ตอบรับไปอย่างตะกุกตะกักว่า “อ...อื้อ” ก่อนแปรเปลี่ยนไปเป็นความตื่นตกใจ หลังเสียงตะโกนที่แผดดังมากอย่างที่ไม่เคยได้เจอะเจอมาก่อนของคนข้างตัว
“แล้วเธอไปทำบ้าอะไรที่นั่น!”
“น้อยใจนะเนี่ยที่นายไม่สนใจเรื่องของฉันเลย ฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะออกมาทำรายงาน...” ฮิมิโกะปรายตามาทางเธอที่ได้แต่ยืนบื้อใบ้ตัวแข็งค้างอยู่กับที่เมื่อเอ่ยต่อ “เหมือนนายกับริริสะจังไง” แล้วตวัดกลับไปส่งสีหน้าเสแสร้งแกล้งทำ ให้เคียวเฮที่ดูเหมือนจะฉุนเฉียวขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลกับประโยคที่หล่อนยังไม่ทันได้พูดจนจบว่า “ว้า แต่คงลืมบอกไปสินะว่าฉันกับมานะนัดกันมาทำรายงานกับไทเซย์แล้วก็เคนที่นี่ แต่สองคนนั้นกลับกันไปตั้งนานแล้ว ฉันกับไทเซย์ก็เลย...” ด้วยการกระชากข้อแขนข้างหนึ่งของหล่อนอย่างแรงมาก จนคนตัวเล็กกว่าที่ยืนอยู่บนส้นสูงรัดส้นแทบจะปลิวหวือ
“ทำแบบนี้ริริสะจังก็กลัวแย่หรอก”
“โทษทีนะอิเดะ แต่ฉันมีเรื่องต้องคุยกับฮิมิโกะ” ริริสะมองเห็นความอดกลั้นของเคียวเฮ และไม่คิดว่าตัวเองควรเข้าไปมีส่วนร่วมกับเรื่องราวของสองพี่น้องที่เธอไม่เคยเข้าใจ เช่นนั้นแล้ว สิ่งเดียวที่ริริสะทำได้จึงมีเพียงการตอบกลับรับคำ “ไม่เป็นไร กลับดีๆ นะ” ผ่านริมฝีปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ ให้เขาเท่านั้น
ขณะที่พวกเขาเดินจากไปยังอีกทิศทางหนึ่ง พร้อมกับเสียงแผดตะโกนที่แสดงถึงความโกรธของเคียวเฮ ตรงกันข้ามกับเสียงหัวเราะราวกับชอบใจของฮิมิโกะที่ยังคงถูกฉุดกระชากลากถูเมื่อเด็กหนุ่มไม่ยอมปล่อยจาก ริริสะรู้ว่ามันไม่ถูกไม่ควรแม้แต่ในความคิด แต่จากการกระทำตลอดมาของพวกเขา ในที่สุดมันก็ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนให้ริริสะได้แน่ใจว่าแท้จริงแล้ว...มันคือความหึงต่างหาก
ข้อมือขาวของฮิมิโกะขึ้นสีแดงช้ำจากการกอบกุมแล้วกดบีบลงไปของเด็กหนุ่มตัวใหญ่กว่ามากโดยไม่มีความคิดที่จะบรรเทา อาจรวมถึงการที่เธอพยายามขืนขัดจากเรี่ยวแรงมหาศาลนั้นแม้จะรู้แน่อยู่แก่ใจว่ามันคือความสูญเปล่า หากทว่าความรุนแรงที่ฮิมิโกะเพิ่งจะเคยได้รับเป็นครั้งแรกจากเขากำลังทำให้เธอพึงพอใจ เฉกเช่นเดียวกับน้ำเสียงหงุดหงิดที่เขาสาดทอใส่หน้า ยามเหวี่ยงเอาร่างแบบบางร่วงกองกับพื้นในสภาพพังพาบเหมือนตุ๊กตาหุ่นกระบอกทันทีที่เข้ามาถึงห้องรับแขก ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าแผ่นหลังของเธอจะไปกระแทกเข้ากับเหลี่ยมมุมของโต๊ะเตี้ยกลางห้อง ฮิมิโกะรู้สึกถึงของเหลวที่ไหลซึมผสานไปกับความเจ็บที่แล่นปลาบขึ้นมา
“เธอจูบมัน ทำอะไรกับมันแล้วหรือยัง!”
“หมายถึงใคร ไทเซย์เหรอ?” ฮิมิโกะยังคงสวนย้อนกลับไปโดยไม่ยี่หระ “แล้วนายล่ะเคียวเฮ? จูบริริสะหรือทำอะไรกับริริสะแล้วหรือยัง?”
“อย่ามาทดสอบความอดทนของฉัน ฮิมิโกะ”
“นายจะกลัวอะไรในเมื่อนายมีความอดทนมากพออยู่แล้วนี่” ขณะแหงนเงยจ้องสบกับเคียวเฮที่มองลงมาจากตำแหน่งที่เหนือกว่า ฮิมิโกะก็เหยียดยิ้มออกมาบนริมฝีปากสีแดงคู่นั้นด้วยรู้ว่าอีกไม่นานเธอต่างหากที่จะได้เป็นฝ่ายที่เหนือกว่า
ขอเพียงแต่การมาถึงของ...เขา
_______________
ความคิดเห็น