ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #75 : DEICIDA NO HOUFUKU (25% วันนี้วันอะไร ก็วัน 728 ยังไงล่ะจ๊ะสาว)

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 65


    DEICIDA NO HOUFUKU ディーサイドの報復」
    Playlist: Femme Fatale  MOON











    .

    ทันทีทันใด ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมห้องของอิเดะ ริริสะกับทากาฮาชิ ฮิมิโกะที่เคยเป็นไปด้วยดีพอใช้ก็ผันเปลี่ยนไปเป็นย่ำแย่ อย่างที่ริริสะจะขอเสริมเติมให้ด้วยว่ายากจะกอบกู้กลับคืน

    แน่นอนว่าเหตุการณ์ทุกอย่างย่อมมีที่มาที่ไป มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ตอนที่ทุกคนต้องถูกจับคู่ทำรายงานวิชาภาษาอังกฤษแบบดูตามผลคะแนนสอบย่อยของคราวก่อน เพราะริริสะคือคนที่ครองอันดับหนึ่งไม่ใช่แค่ของห้องเรียน...แต่เป็นชั้นปี ด้วยคะแนนเต็มมาตลอดชนิดที่เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีคู่แข่ง ครูเลยให้เธอจับคู่กับเด็กที่ได้คะแนนสอบย่อยต่ำที่สุดในห้องอย่างทากาฮาชิ เคียวเฮ เด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจากเมืองหลวงในชั้นปีนี้ เจ้าของที่นั่งแถวหลังสุดตรงกลางห้อง หากมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่โดดร่มอยู่บนดาดฟ้าไม่ก็ห้องพยาบาลมากกว่า คนที่ริริสะไม่เคยพูดคุยหรือแม้แต่เอ่ยปากทักทายด้วยคำสามัญที่สุดเพียงแค่ว่า อรุณสวัสดิ์เลยด้วยซ้ำ และพี่ชาย อาจจะต่างพ่อ ต่างแม่ ร่วมสายเลือดเดียวกัน หรืออาจไม่มีความเกี่ยวพันกันเลยก็ได้ ที่อายุเท่ากันของฮิมิโกะ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร นั่นก็คือตอนที่ริริสะได้ประสบพบเจอ ถึงกระทั่งเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งต่ออาการหวงพี่ชายของหล่อน

    มันเกิดขึ้นตอนเช้าวันอังคารที่เธอเดินขึ้นตึกเรียนบนชั้นสามไปกับเคียวเฮหลังบังเอิญเจอหน้ากันที่ล็อกเกอร์ พูดคุยเรื่องรายงานต่อจากเมื่อคืนที่โทรศัพท์ไปคุยด้วยนิดหน่อย พอหมดเรื่องน่าเบื่อหน่ายของวิชาเรียนแล้วก็ตามมาด้วยเรื่องสัพเพเหระทั่วไปอย่างเช่นละครโทรทัศน์กับรายการวาไรตี้ที่เด็กหนุ่มเป็นคนเริ่ม กระนั้นก็หาได้มีความอึดอัดใจของคนที่เพิ่งจะสนทนากันเป็นวันที่สอง ก่อนเสียงหัวเราะของริริสะจะแปรเปลี่ยนไปเป็นการหลุดร้องโอ๊ยออกมา เมื่อจู่ๆ ไหล่ข้างขวาก็จะถูกเบียดชนอย่างแรงมากจนทำให้ฝีเท้าข้างหนึ่งที่กำลังก้าวขึ้นบันไดซวดเซเสียการทรงตัว และการที่เคียวเฮซึ่งเดินอยู่ใกล้ๆ จะรีบเอื้อมไปฉวยคว้าท่อนแขนของริริสะเอาไว้ไม่ให้ร่วงหล่น ทั้งยังตะโกนเรียกชื่อตัวต้นเหตุด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับขุ่นข้อง ก็มากพอที่จะทำให้ฮิมิโกะซึ่งเดินนำหน้าไปสามขั้นหันมาจึ๊ปาก สบถคำหยาบ แล้วหาว่าพวกเขาเกะกะขวางทางเองต่างหาก ก่อนกระฟัดกระเฟียดจากไปด้วยสีหน้าที่แสดงความขุ่นเคืองไม่แพ้กัน

    “ขอโทษแทนฮิมิโกะด้วยนะ”

    ริริสะสั่นหัว ยิ้มให้เขา ขณะตอบรับด้วยความตงิดใจว่าไม่เป็นไร

     

    แต่นั่นไม่ใช่เหตุการณ์แรกและเหตุการณ์เดียวที่ริริสะได้ประสบพบเจอ ฮิมิโกะอาจยั้งปากของตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ ได้ แต่สายตาของหล่อนทุกครั้งคราวที่ได้เห็นเธอกับเคียวเฮอยู่ด้วยกันก็ทิ่มแทงมากไม่ต่างอะไรจากหนามที่แหลมคม ขณะที่ริริสะผู้รักความสงบพยายามผ่อนหนักให้เป็นเบาด้วยการไม่ทำตัวสนิทสนมกับทากาฮาชิคนพี่มากจนเกินไปนอกเหนือจากเรื่องรายงานเหมือนอย่างเช้าวันนั้นอีก กลับเป็นเคียวเฮเองต่างหากที่ดูสนุกกับการโหมเชื้อไฟให้ยิ่งกระพือ เขาจะตะโกนทักทายเธอทุกเช้าไม่ว่าจะเป็นที่หน้าตู้ล็อกเกอร์ บนโถงทางเดิน หรือในห้องเรียนก่อนระฆังเข้าคาบโฮมรูมจะดัง บ้างบางครั้งในตอนพัก เขาที่ขึ้นห้องมาก่อนเพื่อนผู้ชายในกลุ่มก็จะลากเก้าอี้มาชวนเธอที่มักนั่งทำการบ้านหรืออ่านหนังสือคนเดียวที่โต๊ะหน้าสุดริมประตูสนทนา โดยจงใจให้ฮิมิโกะที่นั่งพูดคุยส่งเสียงดังอยู่กับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงของหล่อนที่แถวสองริมหน้าต่างมองเห็นได้อย่างชัดเจน แม้ริริสะจะไม่กล้าหันไปสบประสานสายตากับหล่อน แต่เธอก็แน่ใจได้ว่าสายตาของเคียวเฮขณะพูดคุยกันก็มักจะเหลือบแลมองไปยังทิศทางนั้นอยู่บ่อยครั้ง

    กระทั่งบ่ายวันเสาร์ที่เธอกับเคียวเฮนัดกันไปทำรายงานที่ห้องสมุดสาธารณะ พอตกเย็นก็แวะร้านแฮมเบอร์เกอร์ สุดท้ายก็นั่งคุยกันติดลมด้วยเรื่องสัพเพเหระเหมือนอย่างเคยจนถึงดึกดื่น ครั้นออกจากร้านมาท้องฟ้าก็มืดมากแล้ว เห็นอย่างนั้นเคียวเฮเลยอาสาเดินไปส่งเธอที่บ้านซึ่งอยู่อีกคนละฝั่งแม่น้ำ แม้ริริสะจะโบกปัดบอกไปว่าไม่เป็นไร เคียวเฮเองก็จะยืนกรานบอกว่าไม่เป็นไรเหมือนกัน

    ทว่าสถานการณ์ระหว่างเส้นทางของพวกเขากลับไม่ได้ไม่เป็นไรแบบนั้นเลยสักนิดเดียว

    “ดึกดื่นป่านนี้แล้ว แถมบ้านก็อยู่ห่างกันตั้งโยชน์ แต่เคียวเฮจังก็ยังอุตส่าห์เดินมาส่งริริสะจังกลับบ้าน ไม่ยักรู้เลยนะเนี่ยว่าพี่ชายของฉันจะเป็นสุภาพบุรุษขนาดนี้”

    แม้ใบหน้าของฮิมิโกะจะมีรอยยิ้มกว้างปรากฏอยู่ หากประกายวาววับในดวงตา พ่วงมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันนั้นก็ชัดเจนเสียจนคนที่ถูกพาดพิงทั้งสองไม่จำเป็นต้องตีความอะไรในคำพูดของหล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว

    “เธอก็ไม่เบานะฮิมิโกะ แอบตามมาจนถึงนี่” เคียวเฮโต้กลับไปด้วยน้ำเสียงดูแคลน

    “พูดอะไรหยาบคายแบบนั้นคะพี่ชาย” หล่อนจุ๊ปากแล้วว่า “ไม่รู้เหรอว่าไทเซย์เค้าก็พักอยู่แมนชั่นเดียวกับริริสะจังน่ะ จริงไหมจ๊ะ?”

    ให้คนที่ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับหล่อนขนาดเรียกชื่อต้นกันได้เป็นต้องสะดุ้งโหยง ตอบรับไปอย่างตะกุกตะกักว่า “อ...อื้อ” ก่อนแปรเปลี่ยนไปเป็นความตื่นตกใจ หลังเสียงตะโกนที่แผดดังมากอย่างที่ไม่เคยได้เจอะเจอมาก่อนของคนข้างตัว

    “แล้วเธอไปทำบ้าอะไรที่นั่น!”

    “น้อยใจนะเนี่ยที่นายไม่สนใจเรื่องของฉันเลย ฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะออกมาทำรายงาน...” ฮิมิโกะปรายตามาทางเธอที่ได้แต่ยืนบื้อใบ้ตัวแข็งค้างอยู่กับที่เมื่อเอ่ยต่อ “เหมือนนายกับริริสะจังไง” แล้วตวัดกลับไปส่งสีหน้าเสแสร้งแกล้งทำ ให้เคียวเฮที่ดูเหมือนจะฉุนเฉียวขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลกับประโยคที่หล่อนยังไม่ทันได้พูดจนจบว่า “ว้า แต่คงลืมบอกไปสินะว่าฉันกับมานะนัดกันมาทำรายงานกับไทเซย์แล้วก็เคนที่นี่ แต่สองคนนั้นกลับกันไปตั้งนานแล้ว ฉันกับไทเซย์ก็เลย...” ด้วยการกระชากข้อแขนข้างหนึ่งของหล่อนอย่างแรงมาก จนคนตัวเล็กกว่าที่ยืนอยู่บนส้นสูงรัดส้นแทบจะปลิวหวือ

    “ทำแบบนี้ริริสะจังก็กลัวแย่หรอก”

    “โทษทีนะอิเดะ แต่ฉันมีเรื่องต้องคุยกับฮิมิโกะ” ริริสะมองเห็นความอดกลั้นของเคียวเฮ และไม่คิดว่าตัวเองควรเข้าไปมีส่วนร่วมกับเรื่องราวของสองพี่น้องที่เธอไม่เคยเข้าใจ เช่นนั้นแล้ว สิ่งเดียวที่ริริสะทำได้จึงมีเพียงการตอบกลับรับคำ “ไม่เป็นไร กลับดีๆ นะ” ผ่านริมฝีปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ ให้เขาเท่านั้น

    ขณะที่พวกเขาเดินจากไปยังอีกทิศทางหนึ่ง พร้อมกับเสียงแผดตะโกนที่แสดงถึงความโกรธของเคียวเฮ ตรงกันข้ามกับเสียงหัวเราะราวกับชอบใจของฮิมิโกะที่ยังคงถูกฉุดกระชากลากถูเมื่อเด็กหนุ่มไม่ยอมปล่อยจาก ริริสะรู้ว่ามันไม่ถูกไม่ควรแม้แต่ในความคิด แต่จากการกระทำตลอดมาของพวกเขา ในที่สุดมันก็ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนให้ริริสะได้แน่ใจว่าแท้จริงแล้ว...มันคือความหึงต่างหาก

     

    ข้อมือขาวของฮิมิโกะขึ้นสีแดงช้ำจากการกอบกุมแล้วกดบีบลงไปของเด็กหนุ่มตัวใหญ่กว่ามากโดยไม่มีความคิดที่จะบรรเทา อาจรวมถึงการที่เธอพยายามขืนขัดจากเรี่ยวแรงมหาศาลนั้นแม้จะรู้แน่อยู่แก่ใจว่ามันคือความสูญเปล่า หากทว่าความรุนแรงที่ฮิมิโกะเพิ่งจะเคยได้รับเป็นครั้งแรกจากเขากำลังทำให้เธอพึงพอใจ เฉกเช่นเดียวกับน้ำเสียงหงุดหงิดที่เขาสาดทอใส่หน้า ยามเหวี่ยงเอาร่างแบบบางร่วงกองกับพื้นในสภาพพังพาบเหมือนตุ๊กตาหุ่นกระบอกทันทีที่เข้ามาถึงห้องรับแขก ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าแผ่นหลังของเธอจะไปกระแทกเข้ากับเหลี่ยมมุมของโต๊ะเตี้ยกลางห้อง ฮิมิโกะรู้สึกถึงของเหลวที่ไหลซึมผสานไปกับความเจ็บที่แล่นปลาบขึ้นมา

    “เธอจูบมัน ทำอะไรกับมันแล้วหรือยัง!”

    “หมายถึงใคร ไทเซย์เหรอ?” ฮิมิโกะยังคงสวนย้อนกลับไปโดยไม่ยี่หระ “แล้วนายล่ะเคียวเฮ? จูบริริสะหรือทำอะไรกับริริสะแล้วหรือยัง?”

    “อย่ามาทดสอบความอดทนของฉัน ฮิมิโกะ”

    “นายจะกลัวอะไรในเมื่อนายมีความอดทนมากพออยู่แล้วนี่” ขณะแหงนเงยจ้องสบกับเคียวเฮที่มองลงมาจากตำแหน่งที่เหนือกว่า ฮิมิโกะก็เหยียดยิ้มออกมาบนริมฝีปากสีแดงคู่นั้นด้วยรู้ว่าอีกไม่นานเธอต่างหากที่จะได้เป็นฝ่ายที่เหนือกว่า

    ขอเพียงแต่การมาถึงของ...เขา












    2022年07月28日
    _______________
    ★ แต่งฟิคใหม่ไม่ทัน ฟิคเก่าที่แปลงแล้วก็เอามาลงไม่ได้เพราะรูปคอมมิชยังไม่พร้อม แต่กูเพิ่งจำได้ว่าวันนี้คือวันนานิวะ 728 อ๊ากกก!!! วันที่หนึ่งปีจะมีครั้งเดียวแล้วกูจะพลาดได้อย่างรึย! กูเลยจำต้องคุ้ยหาฟิคที่แต่งได้มากกว่าร้อยคำอย่างบ้าคลั่ง และกูต้องรักมากพอที่จะเอามาลงในวันสำคัญอย่างนี้ด้วย จนขุดไปเจอเรื่องนี้ที่ก็สำคัญกับตัวกูมากเหมือนกัน เพราะมันคือแนวการ์ตูนผีสมัยเด็กเล่มละยี่สิบสามสิบบาทที่กูมั่นใจว่าตัวเองแต่งได้ดีมาก แนววิชวลเคย์เจร็อคใดๆ นี่แหละเข้ามือกูที่สุดแล้วบ้าเอ๊ย ไม่รับความเห็นต่าง
    ★ มาฟังที่มาของชื่อเรื่องก่อนเพราะมันเริ่ดมาก เริ่มจากกูฟังเพลย์ลิสต์วิชวลเคย์ไปเรื่อยจนเจอเพลงของ D ชื่อเพลงคือ Gemini ~片羽の報復~ แปลว่าการล้างแค้นของปีกข้างเดียว (เหมือนเทพตกสวรรค์มั้ง) กูไม่รู้ กูแปลมั่วจ้า แล้วก็ไปเจอเพลงชื่อ DEICIDA OF SILENCE ของวง 12012 ว้ากๆ หน่อย เออนั่นแหละ ทีนี้กูก็สงสัยว่าคำข้างหน้าเพราะดี แต่แปลว่าอีหยังวะเลยลองไปเสิร์ชดูหน่อย ถึงได้รู้ว่ามันก็คือผู้สังหารเทพ เช้ดดด แร้วสมองอันชาญฉลาดของกูก็เลยปิ๊งคำเอามาผสมกันได้ออกมาเป็นแบบนี้เอง ไม่มีวิชวลเคย์ไม่มีชื่อฟิคเริ่ดๆ ให้เรา ขอบพระคุณงับ >_< / แต่แรงบันดาลใจของฟิคเรื่องนี้จริงๆ มาจากเนื้อเพลง Bewitched ของพิกสี้ เอ็มวีปล่อยเดือนตุลาปีที่แล้ว กูก็แต่งไว้ราวๆ ช่วงนั้นแหละ แล้วจะเป็นใครได้นอกจากเจสสี้อุมิของเราล่ะ เป็นเจสสี้ลุคในแมกนั้นแหละที่กูเยี่ยวจอง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แต่งบ่าเห้ย ไค่หัว 55555 และมาจากการที่กูเคยหวงอุมิเหมือนผีเข้า ฮ่าๆๆ หมอปลาถีบๆๆ ตอนคิดพล็อตในหัวกูโคตรชอบเรื่องนี้เลยนะ แอบแส้บๆ ตอนแต่งก็สนุกมาก แต่ก็ค้างไว้ตรงนี้มาครึ่งปี ไม่แต่งต่อสักที สุดปัง...ปังปิ๊นาศ U_U ทีนี้พอได้กลับมาแปลงแล้ว กูก็คิดว่าโอเค เอาล่ะ จะแต่งต่อให้จบให้ได้ (มั้ง) และมึงเตรียมรับแรงกระแทก เพราะเรื่องนี้มีแรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนที่เป็นพล็อตให้กับเรื่อง...จานลูอิสเว้ย!!!
    ★ คันปากเล่าบทไคโตะเลยแล้วกันว่าเปรียบเสมือน god (เรื่องจานลูอิสกูก็ตั้งชื่อว่าเทพไร้สีนี่ เพิ่งมามึ๊ง) ที่โอ๊ยกูไม่ไหวละ! สปอยล์กันตรงนี้ว่าบทเจสสี้กับไคโตะก็คือแวมพายโว้ย!!! อ้า เก็บไว้กับตัวมาสองปี ได้ระบายออกไปแร้วสบายใจ ^(+++++)^ กูเนี่ยนะ ปากด่ามึงว่าแต่งพล็อตอะไรให้ไคโตะก็ฝืน แร้วดูกูแต่งแต่ละเรื่อง ฮุฮิครุคริ จริงๆ บทเคียวเฮเปิงกับไทเซย์นะกูยอมรับ แต่หยุดก่อนอานนท์ เฝือแล้ว พอ เพราะวันนี้คือ 728 เพราะยังไงเคียวเฮก็ยังเป็นนัมบาวันในใจกู แล้วเวลาแต่งไคโตะกูก็อดใจเอาทากาฮาชิมาเป็นคู่กันไม่ได้จริงๆ
    ★ ปล. เจอวงวิชวลเคย์ที่ถูกใจใหม่อีกวงระงับ ละมึงรู้ไหม วงนี้เป็นวงของคายะ ที่คนฟังวิชวลอย่างเราๆ ถึงจะชอบไม่ชอบแต่ก็ต้องรู้จักคายะ! ละคายะก็คือชื่อนางเอกกูในฟิคมึง!
     
    CR.FMlLl
        


             
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×