ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #121 : Kazamidori (風見鶏) / Michishirube (道標)

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 67


    Kazamidori「風見鶏
    Inspiration: SHINee – 1000 Years, Always By Your Side 「1000年、ずっとそばにいて・・・ (MV, 2012)
    Playlist: SHINee – 1000 Years, Always By Your Side 「1000年、ずっとそばにいて・・・











    .

    เมื่ออาทิตย์อัสดงคล้อยต่ำลาลับไปจากท้องนภา แสงสีทองเช่นเดียวกับเหล่ากองหญ้าแห้งที่เฉาอยู่ในทุ่งก็แผ่ขยายโอบล้อมไปทั่วอาณาบริเวณภายในเมืองเล็กๆ แต่ทว่าอบอุ่นในพื้นที่ทางใต้สุดของเขตโทโฮะกุ เมืองฟุกุชิมะที่มีผู้อยู่อาศัยแค่เพียงเบาบาง แม้ในเวลานี้ก็ช่างเงียบเหงา

    ป้ายรถเมล์เก่าๆ สำหรับสัญจรสู่จังหวัดอื่นที่เจริญและห่างไกลกว่ามีเพียงหนึ่งชีวิตที่นั่งทอดลมหายใจลำพัง เธอนั่งนิ่งปล่อยให้แสงอาทิตย์เรืองรองสะท้อนชัดอยู่ในแววตาที่ส่องประกาย ไม่ใช่จากความรู้สึกปลื้มปีติหรือยินดี หากมาจากหยดน้ำใสที่กลิ้งอยู่ในนั้น

    และเมื่อกะพริบตาหนึ่งครั้ง หยาดน้ำตาก็ไหลรินลงมาอาบแก้มขาวเนียนนั้นเป็นทางยาว

    ก่อนที่มันจะหลั่งรินลงมามากขึ้น...และมากขึ้นราวกับว่ามันจะไม่มีวันจบสิ้น

    ร่างแบบบางสั่นไหวไปด้วยแรงสะท้านจนในที่สุดเธอต้องก้มหน้าลงไปยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปกปิดใบหน้าของตัวเอง เสียงสะอื้นระคนไปกับความเสียใจพร่างพรูออกมาไม่หยุดหย่อน แม้จะรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ขาดห้วงและความรู้สึกเจ็บแปลบราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ชั่ววินาทีหนึ่ง เธอคิดว่ามันคงจะดีเสียกว่าถ้าลมหายใจและหัวใจของเธอจะหยุดการทำงานไปเลย

    ไม่ต้องรับรู้ ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องอยู่เพียงลำพัง

    ในโลกที่ไร้ซึ่งเขา

    ก่อนสายลมอ่อนโยนจะพัดมาหอบหนึ่ง ไม่ใช่กลิ่นของหญ้าแห้งในฤดูใบไม้ร่วงและไม่ใช่ความรู้สึกที่หนาวเย็นเหมือนเช่นที่เป็นมา

    เมื่อเธอเงยใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมอง สายลมก็คล้ายกับจะวนเวียนและโอบล้อมเธอไว้อยู่ไม่ห่าง

    กลิ่นหญ้าแห้งและพื้นดินหลังจากฝนตกแม้จะบางเบาและความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้าไปถึงในหัวใจ เมื่อยามที่อ้อมแขนแข็งแรงของเขาได้คอยโอบกอดเธอไว้เสมอมา

    เป็นไปไม่ได้!

    และเมื่อเธอผลุนผันลุกขึ้นยืนพร้อมกับใช้หลังมือปาดน้ำตาที่บดบังทัศนียภาพเบื้องหน้าทิ้งไป สายลมก็หมุนตัวจากไปอย่างแรงที่สุดจนเส้นผมของเธอปลิวไสวไปตามแรง

    ทุกอย่างดำเนินไปในเส้นทางที่มันควรจะเป็น ต้นหญ้าไหวเอนไปมาในยามที่แสงอาทิตย์ค่อยๆ อ่อนแรง สาดแสงสีเข้มที่สามารถมองเห็นเงาของตัวเองทอดยาวไปตามท้องถนนที่อ้างว้าง

     

    เธอหยุดนิ่งอย่างเนิ่นนานกระทั่งเสียงหวูดเตือนสัญญานของเที่ยวรถเมล์จะดังขึ้น เธอเหลียวตัวหันกลับมาในเส้นทางเบื้องหน้าเช่นเดิมอีกครั้งท่ามกลางความแปลกใจต่อสุ้มเสียงที่ยังคงดำเนินต่อไป ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยได้โดยสารรถเมล์ไปยังต่างเมือง แต่เธอก็รู้ดีว่าเมืองนี้มีรถเมล์แค่เพียงสองเที่ยวต่อวันในเวลาสิบโมงเช้าและสองโมงเย็นเท่านั้น กระนั้น เธอก็เฝ้ามองรถบัสสีเหลืองอ่อนคันเก่าเคลื่อนมาตามทางเดินจนหยุดนิ่งอยู่เบื้องหน้าเธอที่ป้ายรถเมล์พอดิบพอดี

    เมื่อสายตาได้ประสบเข้าให้กับผู้โดยสารที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างแถวหลังสุด ช่วงเวลาและห้วงสรรพสิ่งทุกอย่างรอบตัวก็คล้ายว่าจะพลันหยุดนิ่งลงไป

    ไม่มีคำพูดหรือสิ่งอื่นใดนอกไปเสียจากหยาดน้ำใสที่ไหลรินลงมาอย่างเชียบงันอีกครั้ง

    ด้วยรอยยิ้มของเขาที่ยังคงเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน

    ไม่รู้ว่าเป็นช่วงเวลาที่นานเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพียงแค่ไม่กี่วินาทีหรือยาวนานนับชั่วโมง จนเมื่อสายลมวูบใหญ่พัดเข้ามาให้เธอต้องหลับตาลง หากครั้งครานี้เป็นเพียงแค่ชั่ววินาทีเดียวเท่านั้น เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา ทุกอย่างเบื้องหน้าก็พลันว่างเปล่า

    แต่ชั่วยามนี้ เธอได้รับรู้ถึงมันแล้ว รับรู้ถึงความหมายสุดท้ายต่อสิ่งที่เขาต้องการ

    และแม้น้ำตาจะรินไหล หากในครั้งนี้ เธอยิ้ม มองดูสนธยาโอบล้อมตัวเมือง เป็นภาพที่สวยงามราวกับความฝัน ถึงจะต้องอยู่ลำพังหากก็ไม่ได้รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป












    2021年02月18日
    _______________
     ทีแรกก็กะว่าจะเปลี่ยนพระเอกแล้วแหละถึงจะไม่ได้ออกแม้แต่ชื่อ แต่พอเอามาลงใหม่ (20 กรกฎาคม 2022) ก็พอดีกับข่าวชิซึยะออกมา กูหวนรำลึกถึงทราวิสเจแปน ก่อนหน้านี้บาสกินส์ก็ปล่อยโฆษณาเก็นตะกับรุ่นพี่ที่เคารพที่สุดมา กูก็โอเค ยอมแพ้ ไม่ฝืนชะตา เพราะยังไงเก็นตะก็จะเป็นพระเอกโชโจในฟิคเราตลอดไป U_U 
     ฟิคที่เพลงประกอบดีมากกกก ถึงภาษาและพล็อตจะเก่ามากกกก สมัยนั้นกูแต่งอะไรเวิ่นเว้อจังวะ แต่มันก็คือตัวกูในตอนนั้นแหละนะ จะว่าไปสมัยก่อนกูมึงชอบแต่งฟิคญี่ปุ่นวัยเรียนแนวบ้านนอกกันเนาะ ถ้าโตเกียวต้องวัยทำงาน มันทำไมวะมึง 55555 ส่วนคาซามิโดริแปลว่าศรลม (นึกถึงที่เป็นรูปไก่บนหลังคาบ้านน่ะเพื่อน) มาจากชื่อเพลงของอาราชิที่ก็ไม่ได้ชอบเท่าไหร่ อ้าว กรรม
     ทอลค์เก่าหน่อยงับ: บังเอิญเจอคนพูดถึงเพลงนี้ในยูทูบขึ้นมาเลยนึกถึงฟิคสมัยพระเจ้าเหาเรื่องนี้ ซีนนี้ได้มาจากเอ็มวีตอนท้าย อยากเล่าๆ ที่จริงอินโทรนี้ก็คือตอนจบ เรื่องจะเกิดในช่วงยุคเก่า (จำไม่ได้แล้วว่ายุคไหนแต่น่าจะช่วง 80-90s) เนื่องจากทสึคิจำต้องย้ายมาอยู่บ้านนอกตามครอบครัว แต่เก็นตะเป็นเด็กบ้านนอกที่นิสัยไม่ค่อยดี ไม่ชอบทสึคิเลยพยายามแกล้ง แต่ไปๆ มาๆ สุดท้ายก็จะได้รักกัน แล้วเก็นตะก็จะป่วยเข้ารพ.ด้วยโรคอะไรสักอย่าง จากนั้นก็ตาย ที่จริงเหมือนว่าจะมีตอนที่ได้กลับชาติมาเกิดเป็น true ending อยู่ เพราะไม่อยากให้มันจบแบบเศร้าเกิน ไม่ไหวว่ะ ใจบาง และถึงแม้ว่าจะแต่งได้แค่นี้ แต่เพราะนี่คือหนึ่งในเพลงช้าขที่เรารักที่สุด และเป็นหนึ่งในเพลงญี่ปุ่นของนักร้องเกาหลีที่ชอบที่สุด เลยต้องขออวดว่าครั้งหนึ่งก็เคยมีฟิคจากเพลงนี้ และเพราะตอนนี้ก็แต่งฟิคแนวดราม่าญี่ปุ่นแบบนี้ไม่ได้แล้วแหละนะ T_T



    Michishirube 「道標
    Playlist: Lil Kansai – PEACH (Cover from Sexy Zone)












    .

    ที่นี่...ไม่เคยเป็นจุดมุ่งหมายของฮานาโมริ โมโมเอะมาก่อน

    จนกระทั่งความคิดถึงที่ร่ำร้องได้เร่งเร้า เปลี่ยนกลายเป็นความเร่งด่วนให้เธอจับรถไฟเที่ยวเช้าของวัน โดยมีจุดหมายปลายทางเป็นบ้านเกิดของเขา

    เขาที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอตลอดช่วงเวลาสามปีที่ร่ำเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน

    เขา ที่เธอตกหลุมรักนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้สบตา

    และ เขาที่ทำร้ายจิตใจของเธอ ด้วยการไปคบหากับรุ่นพี่คนที่หาเรื่องกวนประสาทเธอนับตั้งแต่วินาทีแรกที่หล่อนรู้ว่าตกหลุมรักผู้ชายคนเดียวกัน พลอยให้ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนต้องมาแตกหักเอาในชั้นปีที่สาม ขนาดที่ว่าแค่นั่งเรียนในห้องเดียวกันก็ยังทำใจไม่ลง จนยอมที่จะดรอปเรียน หายหน้าหายตาไปจากสารบบชีวิตของเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะเดียวกันถึงหนึ่งปีเต็ม ที่เมื่อกลับมาอีกที เพื่อนร่วมชั้นปีต่างก็กอดคอพากันเรียนจบไปอย่างงดงามแล้ว

    ทั้งที่คิดว่า ก็ดี ชาตินี้จะได้ไม่ต้องเจอะเจอกันอีก!

    แต่ตอนที่ได้บังเอิญเจอเขาแว่บหนึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อน ถึงเวลาจะผ่านไปตั้งปีกว่าๆ ที่สุดท้ายก็ได้รู้ว่าตัวเองยังลืมผู้ชายใจร้ายพรรค์นั้นไม่ลงสักที

    คือเขาคนนั้นแหละ!

    ฟุคุโมโตะ ไทเซย์คนที่กำลังนั่งจี๋จ๋าหวานชื่นอยู่กับแฟน (คนใหม่) ที่เก้าอี้โดยสารตัวข้างหน้าเธอนั่นแหละ!

     

    เลื่อนสายตาดูเวลาในมือถือที่เธอแสร้งก้มหน้าลงไปกดเล่น ทั้งที่เครื่องใกล้จะตายเพราะสายชาร์จไม่เข้าทั้งคืน แล้วก็ไพล่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แค่สิบนาทีที่หมอนั่นกับแฟนมาร่วมนั่งหายใจบนรถไฟสายเดียวกัน เมฆหมอกครึ้มใหญ่ก็ลอยวนเวียนไปมาอยู่เหนือหัวเธออย่างไม่มีทีท่าว่าจะจาง ยังต้องมารอเวลาอีกสามสิบนาทีกว่ารถไฟจะออก แถมอีกสองชั่วโมงครึ่งกว่าจะไปถึงจุดหมายปลายทาง ปลายทางที่โมโมเอะสองและโมโมเอะสามที่กำลังนอนเล่นอยู่ข้างในหัวสมองของเธอจะแข่งกันตะโกนวุ่นวายว่า “ยัยโง่! นี่ยังคิดจะไปอยู่อีกหรือไง!

    โมโมเอะหนึ่งได้แต่ยืนเบ่ง ทำหน้าขรึมใส่ยัยพวกนั้นพร้อมตะโกนว่า “เออ!

    ทั้งที่จริงแล้ว โมโมเอะก็แค่ไม่อยากจะเสียหน้าให้หมอนั่นได้ดูถูกเท่านั้นเองหรอกน่า!

     

    ยินเสียงหัวเราะพูดคุยที่ฟังอย่างไรก็เหมือนกับว่าเขาจะเรียกร้องความสนใจจากเธอ ไม่วายยังเหลือบสายตาผ่านเบาะนั่งมายังเธอที่เปลี่ยนไปนั่งเท้าแขนกับขอบหน้าต่างแทนเรียบร้อยแล้ว ถึงจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจแค่ไหน แต่ข้างในใจตอนนี้ก็มีทั้งความโกรธที่ผสานรวมกับความเหงาระคนน้อยใจ จนต้องกัดริมฝีปากไม่ให้น้ำตาไหลออกมา

    “อ้าว โมโมเอะ” และเมื่อปรับสีหน้า ผินกลับไปยังเบาะที่นั่งซึ่งเคยว่างเปล่าที่ข้างตัว ก่อนจะรู้สึกถึงน้ำหนักที่ยวบยุบลงไปของเบาะสองตัวที่เชื่อมติดกัน ก็พลันได้สบสายตา ผสานรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกของวันได้ในที่สุดเมื่อได้เห็นเขา

    เขาที่เคยทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ในร้านหนังสือด้วยกัน เมื่อครั้งที่เธอดรอปเรียนอยู่

    เขาที่อายุน้อยกว่าสี่ปีแต่ไม่เคยพูดจาสุภาพกับเธอเลยสักครั้ง

    และเขาที่เพิ่งจะสารภาพรักกับเธอไปเมื่อคืนวาน พร้อมกับการยอมรับต่อผลลัพธ์ทั้งรอยยิ้มเช่นที่เคยเป็นมา ให้โมโมเอะนึกอยากจะเขกหัวตัวเองแรงๆ เข้ากับบานหน้าต่างเสียเหลือเกิน ใช่ว่าเป็นเพราะการที่มีเขาเป็นเพื่อนร่วมทาง หากเพราะเหตุผลที่เธอตอบปฏิเสธทั้งที่ก็ยอมรับว่าเคยใจเต้นกับเขาอยู่บ่อยครั้งนั้น จะเป็นเพราะการได้บังเอิญเจอหมอนั่นที่กำลังหน้าระรื่น โชว์สวีตหวานชื่นกับแฟนอยู่ได้อยู่เบาะข้างหน้าเธอนั่นต่างหาก!

    เพราะบางทีคนเราก็มักจะมีความคิดโง่ๆ และความหวังลมๆ แล้งๆ จนมองข้ามสิ่งที่หัวใจต้องการอย่างแท้จริงไป

    “บังเอิญเนอะ” พร้อมกับเสียงหัวเราะของเขา ที่ปรับเปลี่ยนบรรยากาศทั้งโบกี้ในห้วงความรู้สึกที่มืดทึมจนถึงก่อนหน้าของโมโมเอะให้ดูสว่างสดใส ราวกับว่าเขามีอาทิตย์ดวงโตตามติดมาด้วย ที่ก็สมกับเป็นโอคาซากิ โคทาโร่ดีแล้ว

    “แล้วนี่โคทาโร่จะไปทำอะไรที่นู่น?”

    “กลับบ้านเกิดไปปรับทุกข์กับเพื่อนสมัยเรียนน่ะ” ตอบพลางยื่นถุงขนมขบเคี้ยวที่ซื้อติดมาจากข้างล่างให้ หากเมื่อเธอส่ายหัวปฏิเสธ ก็กลับโดนเย้าย้อนด้วยคำพูดติดตลกอย่างไม่คิดอะไรตามประสาว่า “ทำไมโมโมเอะถึงชอบปฏิเสธฉันอยู่เรื่อยเลย” แต่กระนั้น คนที่เพิ่งจะมีกรณีพิพาทกันไปกลับได้เพียงทำหน้าเจื่อน พูดขอโทษขอโพยเสียงอ่อยอ่อนด้วยความรู้สึกผิดเต็มประดา เสียจนคนพูดที่ไม่ได้คิดอะไรมากมายต้องเป็นฝ่ายกลับคืนคำขอโทษไปเช่นเดียวกัน

    จนต้องเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปยังคำถามเช่นที่เธอเอ่ยต่อเขาเมื่อก่อนหน้า

    “ว่าแต่โมโมเอะล่ะ ไปทำอะไร?”

    “ไปเที่ยวน่ะ”

    “นัดกับเพื่อนไว้หรือไปหาเพื่อนที่นู่น?”

    “อื๊อ” ส่ายหัว แล้วจึงถอนหายใจออกมา “เที่ยวคนเดียวนี่แหละ แค่เบื่อๆ เลยอยากลองมาเปิดหูเปิดตาเฉยๆ พรุ่งนี้ก็กะว่าจะกลับแล้ว แต่ดีจัง ไม่คิดว่าจะได้เจอโคทาโร่ด้วย”

    เรียกใบหน้าของเขาให้หันขวับมาจดจ้องกับเธอตั้งแต่ยังไม่ทันจะเอ่ยจบประโยค ขมวดคิ้ว “มีแผนไหม?”

    แน่นอนว่าคนที่ตัดสินใจเอาปุบปับจะไปวางแผนอะไรทัน ความคิดตื้นๆ ของโมโมเอะที่หวังไปตายเอาดาบหน้าแทบจะทำให้โคทาโร่ต้องพ่นลมหายใจออกมาเสียเต็มแรง “งั้นไปกับฉันก็แล้วกัน”

    “แต่โคทาโร่จะไปหาเพื่อนนี่นา”

    “ครั้งนี้ห้ามปฏิเสธฉันเด็ดขาด!

    “แต่...” ไม่ทันจะให้พูด เจ้าตัวก็เสือกถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อถุงใหญ่ลงบนตักของโมโมเอะที่จำต้องเปลี่ยนไปโวยวายกับเรื่องนี้แทน ที่เจ้าตัวยังมีหน้าหลุดหัวเราะชอบใจ จนล้อรถไฟเคลื่อนออกจากสถานีไปตามรางแล้วนู่นแหละ ถึงจะยอมเหลือแค่เพียงรอยยิ้มบางเบาเอาไว้












    2022年07月20日
    _______________
     ส่วนเรื่องนี้ไม่เคยคิดว่าจะเปลี่ยนพระเอกเลยนะจนกระทั่ง ฮ่าๆๆ นาโอะไปเล่น BL ฮ่าๆๆ ก็ไม่ทำไม ก็อยู่นั่นไปแหละ กูไปเอง ทีนี้เมื่อวานช่องจอห์นนีส์ลงคลิปเอ๋กรุ๊ปเต้นไฟร์เบิร์ด แล้วกูก็อะไรไม่รู้อยากดูลิลคันเล่นอะม็องอัสซ้ำ (รอบที่ห้า) ก็เลยกดเข้าไปดู แล้วก็คิดว่าโอ๊ย! น่ารัก! กูปักน้องคนนี้เป็นเมนเพราะคลิปนี้แหละ แต่ในคลิปไม่ได้หล่ออะไรเลยมึง แค่เพราะตัวอะม็องอัสทำทรงปอมปาดัวร์ กูก็ชอบเลย 55555 (แต่จะพยายามให้มันจบที่ลิลคันไซจริงๆ เพราะหลังจากนั้นก็รุ่นลูกเราแล้ว ฮ่าๆๆ อีเหี้ย) ที่ก็บังเอิญเหลือฟิคบ่าวอายุน้อยกว่าเรื่องนี้ไว้ให้แปลงเหมือนพระเจ้าเป็นใจ ถึงจะแต่งออกมาได้แค่นี้ แต่ในเมื่อกูชอบบทพระเอกมากก็ยินดียกถวายพานให้น้องโคทาโร่ ไม่ติด (จะว่าไปกูมีเมนหลักเมนรองวงโน่นนี่นั่นอยู่สีเหลืองเยอะไม่เบานะเนี่ย มึงสิปลอม) แล้วพอหาเพลงลิลคันฟังไปเรื่อยกูก็ถูกใจกับเพลงนี้มาก พอหาดูถึงรู้ว่ามันเป็นเพลงของเซ็กซี่โซน! กรี๊ดดดด! แต่เพราะไม่รู้ว่าจะได้แต่งฟิคจากเพลงนี้อีกไหมเลยเอามาลงเรื่องนี้ที่ฟีลได้ก่อนแล้วกัน เพราะเพลงชื่อพีช นางเอกเลยเป็นลูกพีช~ >_<
     เป็นฟิคที่เก่ามาก พล็อตก็เก่ามาก ภาษาก็เก่ามาก แต่กูชอบภาษาในเรื่องนี้อยู่นะ น้อยแต่มาก เนื่องจากแต่งไว้ตั้งแต่สมัยมหา'ลัยแล้ว จำได้แค่ว่าเป็นพล็อตที่ได้มาตอนนั่งรถไฟไปทำรายงานวิชาท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ลำปาง บ้านเกิดของคนที่เคยชอบสมัยเรียน (ที่นิสัยดีกว่าที่แต่งลงในฟิคเรื่องนี้เยอะ แค่ตอนนั้นโกรธเลยแอบด่า และที่จริงคือหน้าเหมือนซาคุมะไฮไฮมากกว่า สวัสดี) ที่ไหนๆ แล้วชาวโอซาก้าก็มาให้หมดเลยค่า! (ขอบคุณมึงมากที่บอกว่ากูเคยบ้าโอซาก้าเพราะกั้ง XIS กูก็นึกตั้งนานว่าทำไมสมัยก่อนกูแต่งฟิคโอซาก้าฮาเฮวะ จะเพราะคันจานิก็ไม่น่าใช่มั้ง 55555) ส่วนนิสัยของโคทาโร่ไม่ได้เอามาจากใคร แค่ต้นฉบับคือเจจองพระเอกเลยอายุน้อยกว่าเฉยๆ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หลายปีต่อมาตอนฝึกงานที่อควาเรียมกูก็ได้เจอรุ่นน้องที่นิสัยคล้ายแบบนี้เลย คือไม่เรียกกูว่าพี่ทั้งที่อายุอ่อนกว่า 6-7 ปี (เด็กพาณิชย์เลยได้ฝึกงานเร็วงับ) แล้วก็ชอบด่ากูเนี่ยว่าเอ๋อ (ซึ่งก็ได้มาเป็นต้นแบบให้เจสซี่ในเรื่องโอกินาวะจริง) แค่ความจริงคือน้องเค้าไม่ได้ชอบกู และกูก็ไม่ได้ชอบเค้าเน้อ
     ปล. วงมีห้าคน ชื่อคนอื่นพิมพ์ม่วนหมด (โทอะ รุคุ ฟูกะ ทาคุยะ) ยกเว้นเมนกูนี่แหละ จะโคตะหรือโคทาโร่ก็ไม่ม่วนเหมือนกันหมด ก้ายแต๊ แต่คันจิคำว่าโคเริ่ดมากจริง มิจิเอดะยังเขียนไม่ได้เลย 55555 / เฮ้ย กูไปอ่านประวัติในเจไอส์แลนด์มา ฮอบบี้ของโคทาโร่แม่งมีวิดีโอเกมด้วยว่ะ บ้าน่า! แต่ที่กูจะเล่าคือเขียนตรงความสามารถว่าไม่เคยโกรธ เคียวเฮก็บอกว่าไม่ค่อยโกรธใคร ไทเซย์ก็ผีบ้าผีบอ เมนโอซาก้ากูนี่มันยังไง ไหนบอกหมอสิ คนอารมณ์เหวี่ยงแบบอุมิ (และกู) ไปไหนหมด ขอเสียงหน่อยเว้ย กริบ orz
    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×