คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #208 : THE EVIL WITHIN | Chapter 1: Alive After Death
๔.
นานมากแล้วที่เคียวเฮไม่ได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเหงื่อกาฬที่ไหลท่วมตัว
ศีรษะปวดหน่วงจนต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นกอบกุม เหมือนกับความรู้สึกที่แล่นปราดอยู่ตรงท่อนขาจากบาดแผลที่เคยเผชิญ ไม่ต่างจากอาการปวดหลอนแม้เขาจะไม่ได้สูญเสียอวัยวะใด เคียวเฮแน่ใจอย่างนั้น
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเอาแต่หาเหตุผลมาโต้แย้ง ทั้งหมอที่ตรวจไม่พบบาดแผลจากใบเลื่อยใด
นอกจากรอยถลอกและกระดูกที่แตกในหลายๆ ส่วนจากอุบัติเหตุรถชน หรือตำรวจที่บอกว่าไม่มีการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายจากโรงพยาบาลจิตเวชบีคอนในวันนั้นแต่อย่างใด
สิ่งที่เกิดขึ้นคือเขา รุ่นพี่ทามาโมริ และรุ่นพี่โฮโซยะ ได้เดินทางออกจากสถานีเพื่อไปตรวจสอบคดีฆ่ายกครัว
แต่เพราะฝนที่ตกหนักเลยทำให้รถเสียหลักไปชนกับรถบรรทุกที่สวนมาเข้าอย่างจัง มีเพียงเขาที่รอดชีวิตมาได้เนื่องจากสายสืบอาวุโสทั้งสองที่นั่งหน้าสุดถูกแรงกระแทกอัดเข้าไปทำให้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ
ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเรื่องที่เขาเล่ามานั้นไม่ใช่ความจริง เรื่องเหนือธรรมชาติแบบนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นจริง
บางคนถึงกับเสนอความเห็นว่าอาจเป็นความฝันทับซ้อนในตอนที่เขาเข้าโคม่าอยู่ก็ได้
ทว่าความพยายามในการเสาะหาความจริงที่โรงพยาบาลจิตเวชเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาในอีกสามเดือนให้หลัง กลับถูกขัดขวางด้วยคำสั่งฟ้าผ่าให้โยกย้ายไปทำงานยังเรนโบว์ คีย์ เมืองท่องเที่ยวริมฝั่งทะเลซึ่งอยู่ห่างออกไปนับพันไมล์
ด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่เกินไปอย่างคริมสัน ซิตี้ แต่ก็ไม่เล็กเกินไปอย่างแบล็ก ฮิลล์ซึ่งเขาจรจากมาด้วยความหวังในการมองหาโอกาสที่ดีกว่า
หัวหน้าบอกว่าอากาศที่สดชื่น บรรยากาศริมทะเลที่ปลอดโปร่งจะส่งผลดีกับการรักษา ทั้งในแง่ของร่างกาย
ความคิด และจิตใจ
เคียวเฮรู้ดีว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง แต่เป็นเพราะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลจิตเวชในวันนั้นจริง
ซึ่งพรากเอาชีวิตของทั้งรุ่นพี่ทามาโมริ รุ่นพี่โฮโซยะ...และอาจรวมถึงเด็กหนุ่มคนนั้นไป
ด้วยระยะทางที่เป็นอยู่นี้ เขาไม่อาจทำการสืบหาข้อมูลได้อย่างเหมาะสม
เขาไม่สามารถพบข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์ในอินเทอร์เน็ตหรือแม้แต่ฐานข้อมูลของกรมตำรวจเอง
สิ่งที่เคียวเฮเจอดูเหมือนจะมีแต่การคว้าน้ำเหลว อีกทั้งงานที่เมืองท่องเที่ยวก็ยุ่งวุ่นวายมากเกินกว่าที่เขาจะคาดคิดถึง
แม้ส่วนใหญ่อาจเป็นแค่งานเบ็ดเตล็ดทั่วไปก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตการเป็นสายสืบของเคียวเฮไร้ค่าไปซะทั้งหมด
บางครั้งก็จะมีคดีใหญ่เข้ามาจนเขาแทบไม่มีแรงเหลือพอให้คิดถึงอะไรได้อีก เรื่องราวของคริมสัน
ซิตี้จึงค่อยๆ จางหายไปจากความสนใจ กระนั้นก็ไม่ได้ลบเลือนไปจากความทรงจำ
เพราะความฝันและความเจ็บปวดที่ยังคงตามหลอกหลอน เหมือนกับคดีแช่แข็งในแฟ้มที่สักวันหนึ่งเขาจะได้ปัดฝุ่นมันขึ้นใหม่อีกครั้งเมื่อพบสิ่งที่เชื่อมโยงกัน
ไม่ต่างจากตอนที่เขาได้พบกับอดีตเพื่อนร่วมห้องสมัยไฮสคูลอย่างคันดะ มายากะ ถึงแทบจะเรียกว่าสนิทสนมกันไม่ได้เลยก็ตาม
หากการได้หวนกลับมาพบหน้าคนรู้จักอีกครั้งเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ก็ราวกับการได้ปะติดปะต่อชิ้นส่วนที่แต่ละคนขาดหาย
กระทั่งประกอบขึ้นเป็นเรื่องราวบทใหม่ที่เคียวเฮอยากสร้างมันร่วมกันกับเธอ
“ฝันร้ายเหรอ?”
เคียวเฮสั่นหัวปฏิเสธด้วยไม่อยากให้เธอต้องเป็นห่วง
แต่หญิงสาวคนข้างกายก็จะค่อยๆ ลุกขึ้นมา โอบกอดแผ่นหลังของร่างกายเปลือยเปล่าที่ชื้นไปด้วยเหงื่อนั้นไว้โดยไม่รังเกียจ
พึมพำซ้ำไปซ้ำมาราวกับคาถาที่ช่วยปลอบประโลมว่า “ไม่เป็นไรแล้วนะ เคียวเฮ ฉันอยู่นี่แล้ว”
และเมื่อเคียวเฮหันไปแนบประทับริมฝีปากลงไปกับมายากะที่เผยอรอต้อนรับไม่ว่าเมื่อไหร่
ความรู้สึกเจ็บปวดใดๆ ก็พลันสลายหายไป สิ่งที่หลงเหลืออยู่ ณ ขณะนี้มีเพียงความเป็นจริงที่ชัดเจนอยู่ตรงหน้ายามผสานและรับรู้ถึงลมหายใจ
เขาน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าความเป็นจริงที่งดงามราวกับความฝันนั้นย่อมคงอยู่ได้ไม่นาน
เมื่ออยู่มาวันหนึ่ง มายากะก็จะหายตัวไป ไม่ได้ไปที่ทำงาน ไม่ได้กลับมาที่บ้าน โทรศัพท์ติดต่อไม่ได้
ไม่ได้ทิ้งข้อความหรือคำบอกเล่าอะไรไว้ นอกจากทิ้งเคียวเฮไว้กับความสับสนและไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เขาพยายามเสาะหาเธอในทุกแห่งหนที่เป็นไปได้ แต่เมื่อไม่มีจุดเริ่มต้น มันจึงเหมือนการคลำทางในที่มืด
ไม่ว่าจะมุ่งมั่นแค่ไหนก็ไม่อาจมองเห็นทางออก เหตุการณ์นั้นผ่านมาเกือบหนึ่งเดือนได้แล้ว หากเขาก็ยังไม่ถอดใจในการเฝ้าตามหา
เพราะอย่างนั้นเคียวเฮถึงได้รีบร้อนลุกจากโซฟาออกไปทันทีที่ได้ยินเสียงกริ่งประตู
แน่นอนว่าด้วยความคาดหวังถึงเธอ...ไม่ใช่หล่อนที่จดเขม็งตรงมายังเขาด้วยใบหน้าไร้รอยยิ้ม
ไม่เหมือนกับชายหนุ่มที่มีส่วนสูงไล่เลี่ยกับเธอซึ่งยกริมฝีปากขึ้นโดยนัยที่ผสานทั้งความเป็นมิตรและความเห็นใจไม่ต่างจากท่าที
“สวัสดีครับ คุณทากาฮาชิ เคียวเฮ เรามาจากกรมตำรวจคริมสัน
ซิตี้ ขออภัยที่มารบกวนโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า แต่เรามีเรื่องสำคัญมากเกี่ยวกับคู่หมั้นของคุณที่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบ”
ทั้งที่เคียวเฮควรต้องตื่นเต้น ตกใจ ไม่ก็ประหลาดใจจากถ้อยประโยคที่ชายผู้นั้นเอ่ย
ทว่ากลับเป็นภาพเบื้องหน้านี้ต่างหากที่เรียกเอาความรู้สึกเหล่านั้นออกมาจนเขาได้แต่นิ่งค้าง
“ผมสายสืบโอฮาชิ คาซึยะ ส่วนนี่ มิคามิ อารีน่า” ด้วยชื่อที่ไม่เพี้ยนผิดไปจากความทรงจำที่ไม่เคยหล่นหาย
เคียวเฮรู้สึกได้ถึงหัวใจที่บีบรัดอยู่ในอก เป็นอาการที่เกิดขึ้นจริงไม่ใช่เพียงความรู้สึกหลอนบนอวัยวะภายนอก
เมื่อพบกับสิ่งกระตุ้นมันจึงกำเริบขึ้นมา แม้ว่าจะเนิ่นนานกว่าสิบปีที่พ้นผ่าน มันก็ยังคงถูกกระตุ้นได้ด้วยสิ่งเดิมๆ...คนเดิมๆ...อีกครั้งหนึ่ง
๕.
ไม่เพียงแค่การปรากฏตัวของพวกเขาที่เรียกความงุนงง
สับสน หลากหลายความรู้สึกระคนปนเปให้กับเคียวเฮ หากยังรวมไปถึงประโยคเริ่มต้นบทสนทนาจากโอฮาชิอีกครั้ง
ในตอนที่ต่างนั่งประจันหน้ากันอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก กองหนังสือที่แออัดกับผนังอิฐที่เคยให้ความรู้สึกอบอุ่น
ก่อนแปรเปลี่ยนไปเป็นความเปลี่ยวเหงาที่เย็นเยือก ทว่าในยามนี้กลับกลายเป็นความอึดอัดราวกับจะหายใจไม่ออก
“คุณคงจะสงสัยว่าทำไมพวกเราต้องเดินทางมาถึงนี่ด้วยตัวเอง
แต่เรื่องที่เรากำลังจะพูดต่อไปนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เกี่ยวกับคุณคันดะ มายากะ คู่หมั้นของคุณ...”
เคียวเฮเผลอเหลือบมองหญิงสาวที่นั่งไขว่ห้างกอดอกอยู่ข้างกันกับคู่หู
หากแม้จะได้ยินคำว่า ‘คู่หมั้น’ ที่ทำให้แววตาของเขาวูบไหว ใบหน้าของเธอที่จดจ้องมองมาก็ยังคงนิ่งเฉยเย็นชา
เหมือนกำลังจ้องตากับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่ไม่ใช่ เธอรู้จักเขา...ดี
เหมือนกับที่เคียวเฮก็รู้จักเธอดี ในฐานะอารีน่า ไม่ใช่แค่สายสืบมิคามิอย่างที่เธอขีดกั้นกำแพงไว้อยู่นี้
“รวมถึงเรื่องราวที่คริมสัน ซิตี้ในวันนั้นด้วย”
เมื่อโอฮาชิพูดมาถึงตรงนี้
สีหน้าของเคียวเฮก็จะพลันเปลี่ยนไป
“มันคือเรื่องจริงมาตลอด...ใช่ไหม?”
โอฮาชิพยักหน้ารับ
เอ่ยสำทับเพื่อเป็นการยืนยัน
“เหตุการณ์ทุกอย่างที่คุณได้เจอในบีคอนเป็นเรื่องจริงทั้งหมด แค่ว่าเรามีเหตุผลสำคัญมากที่ต้องปกปิดมัน
แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่คุณควรได้รู้ความจริงสักที เพราะเราต้องการความช่วยเหลือของคุณ”
“แล้ว...เมืองที่ถล่ม...ถนนที่แยก...”
“ทุกสิ่งที่คุณได้ประสบมาคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างในจิต คุณถึงได้ไม่มีบาดแผลภายนอกเหมือนอย่างที่บอกกับพวกตำรวจ แต่ถ้าเกิดว่าคุณตายอยู่ในโลกนั้น คุณก็จะตายในโลกจริงด้วย เหมือนอย่างคุณทามาโมริกับคุณโฮโซยะ” ชื่อของอดีตเพื่อนร่วมงานทั้งสองคนทำให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเคียวเฮกระตุกไหว “ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ครับ เรื่องนั้นเป็นความผิดของเราเอง” โอฮาชิค้อมหัวลงเพื่อแสดงเจตนารมย์ต่อคำพูดของตัวเอง “อันที่จริงพวกเราก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่ดูเหมือนพวกคุณจะถูกลูกหลงดึงเข้าไปในสเต็ม — ระบบที่จำลองโลกความเป็นจริงขึ้นมา ถึงจะเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ต้องเกิดการสูญเสีย แต่เราก็ต้องขอบคุณที่คุณช่วยเหลือเด็กคนนั้นออกมาได้อย่างปลอดภัย เขาเป็นคนไข้ที่มีค่ามากของเรา”
คำอธิบายของเขาไม่ได้ช่วยให้เคียวเฮกระจ่างขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
กลับเป็นตรงกันข้ามเลยต่างหาก
“ผ...ผมไม่เข้าใจ เราที่คุณว่านั่นหมายถึงใครกันแน่?”
“เรามาจากองค์กรโมเบียส” ครั้นโอฮาชิหันมาพยักเพยิดให้หญิงสาวคนข้างตัว เธอที่นั่งเงียบอยู่นาน
— แทบไม่กระดิกกระเดี้ยเลยด้วยซ้ำ — ก็จำต้องเปิดปากพูดอย่างเสียไม่ได้ ดูเหมือนว่าเธอจะเชื่อฟังคู่หูมากจนทำให้เคียวเฮนึกประหลาดใจกับอีกความเปลี่ยนแปลงอยู่ไม่น้อย
“เป้าหมายของเราคือการสร้างโลกจำลองขึ้นมาด้วยระบบสเต็มผ่านการเชื่อมต่อทางสมอง ระบบโปรโตไทป์ของเราอยู่ที่ห้องใต้ดินของโรงพยาบาลจิตเวชบีคอน
เราเลยเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่พวกคุณจะถูกดึงเข้าไปผ่านทางคลื่นสมอง ถึงเราจะยังไม่รู้แน่ชัดว่าเรื่องนั้นเกิดขึ้นได้ยังไงก็ตาม”
“แต่ทุกอย่างมันเหมือนกับ...”
“คริมสัน ซิตี้” เธอต่อประโยคที่ไม่จำเป็นต้องรอเขาพูดให้จบด้วยน้ำเสียงห้วนกระด้าง
ราวกับความพยายามที่จะเหินห่างตั้งแต่สรรพนามที่เรียกขาน “เพราะเราเลียนแบบทุกอย่างที่อยู่ในเมืองนั้น
ทุกรายละเอียดเท่าที่จะเป็นไปได้ จนกระทั่งระบบเกิดความผิดพลาดและล่มสลายอย่างที่คุณได้เห็น
เราจึงละทิ้งระบบโปรโตไทป์นั้นแล้วสร้างโลกใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นจริงขึ้นมา
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความเป็นจริงทับซ้อนแบบนั้นอีก”
“เพื่ออะไร?” เคียวเฮถาม “แล้วเด็กคนนั้นเกี่ยวข้องอะไรด้วย?”
“โมเบียสของเราจับตาดูคุณมาโดยตลอด” โอฮาชิไม่ได้ตอบคำถามทั้งสองข้อของเขา “คุณคันดะ
มายากะเป็นคนเสนอตัวเอง เผื่อว่าเราอาจจำเป็นต้องการคุณ และดูเหมือนว่าตอนนี้จะถึงเวลานั้นแล้ว”
“มายากะ...จับตาดูผมเหรอ?”
“คู่หมั้นของคุณเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่ดูแลระบบสเต็ม”
เคียวเฮเชื่อว่ามีความเย้ยเยาะอยู่ในคำพูดที่อารีน่าเน้นย้ำลงไป “เธอสมัครใจมาที่นี่เพราะคุณช่วยน้องชายของเธอออกมาจากสเต็ม
แต่เป็นเพราะว่าเราขาดการติดต่อกับคนในสเต็มแห่งที่สองที่น้องของเธออยู่ เธอถึงได้รีบบึ่งกลับไป
เข้าไปในนั้น และตอนนี้เราก็ขาดการติดต่อกับเธอไปอีกคน เพราะอย่างนั้นเราเลยอยากส่งคุณเข้าไปเพื่อช่วยบอกเราว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
เคียวเฮถึงกับพูดอะไรไม่ออกหลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากปากของเธอ
มันเป็นเรื่องจริงแน่หรือที่มายากะเข้าหาเขาด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ หรือสิ่งที่เคียวเฮเชื่อว่าคือความรักแท้จริงแล้วอาจเป็นเพราะบุญคุณ
กระนั้นเขาก็ไม่ได้โกรธเคืองหล่อนมากไปกว่าความไม่เข้าใจ แม้ว่าบัดนี้เขาจะเข้าใจทุกเรื่องราวที่อารีน่าและโอฮาชิบอกกับเขาแล้วก็ตาม
สิ่งที่หลุดรอดออกมาจึงเป็น “แล้ว...ทำไมต้องเป็นผม?”
“เพราะคุณคือคนเดียวที่รอดจากโปรโตไทป์มาได้” อารีน่าตอบ “คุณไม่อยากช่วยคู่หมั้นของคุณเหรอคะ
คุณทากาฮาชิ?”
“มิคามิ!” โอฮาชิส่งน้ำเสียงเอ็ดอึงใส่เธอที่ไม่ปิดบังน้ำเสียงประชดประชันเป็นครั้งที่สอง
“ผมขอถามอะไรสักอย่างได้ไหม?”
โอฮาชิพยักหน้า
“คนที่ผมเห็นอยู่ในสเต็ม ผู้ชายที่ชำแหละเนื้อกับผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมที่ฆ่าคนอื่นไปจนหมด
พวกเขามีอยู่จริงหรือว่า...”
“จำเขาไม่ได้เหรอ!” เป็นอารีน่าที่โพล่งแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
เรียกทั้งสายตาและความคิดของเคียวเฮให้หวนย้อนกลับไปหา “ฟุคุโมโตะ ไทเซย์
เพื่อนเก่าของเราไง ทำไม! นานเกินไปจนนายจำเขาไม่ได้แล้วเหรอ!” ด้วยน้ำเสียงที่อารีน่ากระแทกลงไปอย่างแรงมาก “ทุกอย่างที่นายเห็นในนั้นมาจากความคิดของไทเซย์
เขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเองทั้งหมด และตอนนี้เขาก็อยู่ในสเต็มแห่งที่สองของเราด้วยเพราะเราต้องการความคิดของเขา
ถึงเขาจะสร้างความบ้าคลั่งนั้นขึ้นมา แต่เขาก็ยังมีความสำคัญกับเรา”
“ด้วยการฆ่าคนตายเหรออารีน่า!” เคียวเฮเหลืออดเต็มทีกับคำพูดที่ฟังดูเข้าข้างคนผิดนั้น
เขาละทิ้งคำพูดสุภาพ ไม่สนใจแขกอีกคนที่นั่งอยู่ด้วย แล้วเริ่มต้นขึ้นเสียงดังใส่เธอที่ก็ไม่ยอมลดราวาศอกเฉกเช่นกัน
“ฉันเห็นเขาเชือดคอฆ่ารุ่นพี่ของฉันต่อหน้าต่อตาเลย แต่พวกโมเบียสของเธอก็ยังเก็บเขาไว้เพราะต้องการความคิดของเขาเนี่ยนะ!
ทำไมเหรออารีน่า! ความคิดของเขามันสำคัญมากกว่าชีวิตคนขนาดนั้นเลยหรือไง!”
“ใช่! เคียวเฮ! ความคิดของเขาสำคัญมาก! มีค่ามาก! และฉันไม่สนใจเรื่องรุ่นพี่หรือว่าคู่หมั้นห่าเหวของนายทั้งนั้น!
เพราะคนที่นายต้องเข้าไปช่วยก็คือไทเซย์!
อย่าทำเป็นลืมว่านายติดค้างเขาอยู่!”
“มิคามิ! พอได้แล้ว!” โอฮาชิตัดสินใจเบรกการสนทนาที่หยาบคายเกินไปแล้วของคู่หู
ที่จะทำให้อารีน่าลุกพรวดพราด ตอกฝีเท้าปึงปังจากไปด้วยความหัวเสีย ครั้นเสียงประตูปิดไล่หลังดังมาแล้ว
เขาที่ไม่ได้สนใจมองตามเธอไปเหมือนกับชายหนุ่มฝั่งตรงกันข้ามจึงค่อยพรูลมหายใจออกมา
“ผมเข้าใจว่าเธอเคยเป็นเพื่อนกับคุณ แต่ยังไงผมก็ต้องขอโทษด้วยที่เธอพูดจาละลาบละล้วงรุ่นพี่กับคู่หมั้นของคุณแบบนั้น”
“ไม่เป็นไรครับ”
“คุณไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ เราจะไม่บังคับคุณ”
“ผมจะไป” ไม่มีความลังเลใจในตอนที่เขาสวนย้อน “แต่ผมจะไม่ช่วยฆาตกรแบบนั้น ถึงเขาจะเคยเป็นเพื่อนของผมก็ตาม”
โอฮาชิสั่นหัว
“คุณแค่พาคุณคันดะกับน้องชายของเธอออกมา แจ้งข่าวว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในนั้นให้เราทราบ
เรื่องหลังจากนั้นเราจะจัดการต่อเอง”
“แล้วถ้าผมออกมาไม่ได้ล่ะ?”
“คุณออกมาได้” โอฮาชิยืนยันให้เขาอย่างหนักแน่น “ฟุคุโมโตะคือคอร์ (ใจกลาง)
คุณเข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม?”
เคียวเฮเข้าใจในความหมายนั้น นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ...และแน่นอนว่าเขาจะทำ
_______________
_______________
ความคิดเห็น