คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #69 : Dead by Daylight: HARBINGER OF HELL: Chapter 1 – Roots Of Dread
ความตาย ความบอบช้ำ ความกลัว ทั้งหมดนำมาถึงนี่ มิติทับซ้อน
— แฮดดี้ คัวร์, หายนะแห่งห้วงนรก ตอนที่ 11
(เดด บาย เดย์ไลท์ แชปเตอร์ 24: รูทส์ ออฟ เดร็ด)
เคนโตะ นากาโอะ ไม่คาดคิดว่า ‘แขก’ ที่มาเยี่ยมหาเขาในเวลาดึกดื่น หลังจากคุณริชาร์ดมาเคาะประตูเรียกเขาซึ่งกำลังนั่งทำรายงานออกไปโดยไม่ได้บอกกล่าวรายละเอียดอะไรมากไปกว่านั้น จะเป็นโรโกะ นากาโอะ พี่สาวที่ห่างหายไปนานมาก...กระทั่งเปลี่ยนกลายเป็นความเหินห่าง เมื่อเธอได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยในแมสซาชูเซตต์ เพื่อที่จะจรจากไปโดยไม่หวนกลับมาหาสมาชิกครอบครัวที่ยังเหลืออยู่ในโคโลราโดอีกเลย ไม่สนใจแม้แต่จะรับสายเขาที่เพียรโทร.หา หรือใยดีที่จะตอบรับการแจ้งข่าวเรื่องการเสียชีวิตของแม่ตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีก่อน และเพราะอย่างนั้น การได้เห็นใบหน้าที่อาจเรียกได้ว่าคุ้นเคยดีมาเกือบตลอดทั้งชีวิตซึ่งแทบจะไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยนอกจากผมสีดำยาวที่ถูกหั่นสั้นลง หากช่วงเวลาที่ผันผ่านมาเนิ่นนานถึงกว่าสามปีนั้นก็มากพอที่จะทำให้โรโกะ นากาโอะ ไม่ต่างอะไรจากคนแปลกหน้าสำหรับเคนโตะ นากาโอะ จนชายหนุ่มไม่คิดที่จะปิดบังสีหน้าขุ่นข้องไม่พอใจ เลยไปถึงการเบือนเฉยเมื่อมองเมินผ่านไป ถึงเธอจะพยายามยกริมฝีปากเล็กคู่นั้นขึ้นเป็นรอยยิ้มเพื่อทักทายก็ตาม
กระนั้นเขาก็ยังเป็นฝ่ายเริ่มต้นเอ่ยปากก่อนด้วยการแดกดันอย่างมีอารมณ์ว่า
“คงต้องเป็นเรื่องสำคัญมากเลยสินะพี่ถึงได้ถ่อมาหาผมถึงนี่”
“พี่เสียใจด้วยเรื่องแม่...”
“เสียใจเหรอ!” หากเมื่อโรโกะเอ่ยถึงเรื่องที่กระทบจิตใจเขามากที่สุด นั่นเองที่จะทำให้เคนโตะอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป จนต้องแผดเสียงตะโกนลั่นไปทั่วห้องโถงซึ่งโชคดีที่บัดนี้มีเพียงพวกเขาว่า “เสียใจๆๆ! พูดออกมาได้ง่ายดีเหลือเกินนี่! รู้ไหมว่าขนาดก่อนตายแม่ยังร้องเรียกหาแต่พี่ๆๆ! ทั้งที่ผมต่างหากที่ต้องเสียสละทุกอย่างในชีวิต เพราะพี่หายหัวไปอยู่ที่โน่นโดยไม่แม้แต่จะติดต่อกลับมา! ขนาดตอนที่แม่ตายพี่ก็ยังไม่สนใจจะกลับมาร่วมงานศพเลยด้วยซ้ำ! หรือหลังจากนั้นที่พี่ก็รู้มาตลอดว่าเหลือแค่ผมตัวคนเดียวแล้วพี่เคยมาสนใจใยดีอะไรด้วยหรือไง! เพราะงั้นพี่อย่ามีหน้ามาพูดว่าเสียใจ! อย่ามาพ่นอะไรจอมปลอมแบบนั้นให้ผมฟัง! หุบปากของพี่ไปซะ! เพราะผมไม่อยากฟังเรื่องตอแหลหรือเรื่องแม่จากปากของพี่อีก!”
ตลอดช่วงเวลาที่เคนโตะเริ่มต้นระบายความในใจทั้งหมดออกมา ใบหน้าขาวของโรโกะก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ พร้อมกับน้ำตาที่หยดเผาะลงมาอย่างง่ายดาย เหมือนอย่างที่เธอเคยเป็นพี่สาวคนขี้แยให้เคนโตะที่เข้มแข็งกว่ามากต้องคอยปลอบ ทว่าในเวลานี้มันกลับทำให้เขารู้สึกโกรธจัดเสียจนปัดป้องมือเล็กของเธอที่พยายามเอื้อมมาแตะต้องตัวเขาออกไป
“เคนโตะ...พี่...พี่ขอโทษ...พี่เสียใจจริงๆ”
“ถ้าจะมาพูดแค่นี้ก็ไสหัวกลับที่ที่พี่มาไปเหอะ!”
“พี่...พี่ไม่เคยบอกเธอเรื่องแม่...เรื่องยาย”
เรียกเอาใบหน้าของชายหนุ่มให้หันกลับมาจ้องสบกับเธอ
“อะไร? พี่พูดถึงเรื่องอะไร?”
“พี่ฝันถึงมัน ถึงเรื่องนั้น ถึงสิ่งนั้น เคนโตะ คำตอบทุกอย่างอยู่ที่นั่น เราต้องกลับไปที่บ้านเกิด” เหมือนกับหนนี้ที่เคนโตะจะยอมให้เธอใช้มืออันสั่นเทาทั้งสองข้างจับท่อนแขนของเขาไว้ราวกับเป็นหลักยึด อาจทั้งกับตัวเธอ...หรือรวมถึงตัวเขาเอง “เราต้องกลับไปที่โฟลด์”
จากชื่อของหมู่บ้านที่เรียกเอาความประหวั่นพรั่นพรึงให้หวนกลับคืนมาอีกครั้ง
คืนนั้น เคนโตะตัดสินใจแบ่งปันห้องพักให้โรโกะ แทนที่หล่อนจะได้กลับไปพักโรงแรมที่จองไว้ เพราะเนื้อตัวที่สั่นสะท้านเอามากหลังจากเอ่ยประโยคนั้น ถึงสถานที่ที่สองพี่น้อง — รวมถึงมารดาผู้ล่วงลับ — ของบ้านนากาโอะเคยได้เผชิญกับความน่าหวาดหวั่นที่ทำให้พวกเขาต้องกระเสือกกระสนหนีออกมาจากสิ่งที่คลาคล้ายกับฝันร้ายนั่น
ฝันร้ายที่ยังคงตามติดมาหลอกหลอนโรโกะอย่างไม่ใช่แค่คำเปรียบเปรยอีกต่อไป
เคนโตะปล่อยให้เธอนั่งลงบนเตียงตรงมุมห้องขณะที่เขาทิ้งตัวลงไปบนเก้าอี้เพื่อรั้งรอ ถึงข้างในใจของเขาอยากจะเร่งเร้าให้เธอบอกเล่าเรื่องราวที่ทิ้งคำใบ้เอาไว้ไม่ต่างจากปริศนาซึ่งกำลังรอเวลาขานไข แต่สภาพน่าเวทนาที่ได้เห็นนี้ก็มากพอที่จะทลายกำแพงความโกรธข้างในใจเคนโตะที่มีต่อพี่สาวคนเดียวลงไปได้ โรโกะอาจเป็นคนอ่อนไหวง่ายจนร้องห่มร้องไห้ออกมาด้วยเรื่องเล็กน้อยอยู่ตั้งบ่อย แต่ไม่ใช่คนหวาดกลัวอะไรง่ายๆ อย่างนี้ และเคนโตะก็ไม่เคยเห็นเธอแสดงท่าทีหวาดผวาแบบนี้มาก่อน อย่างน้อยก็ไม่ หลังจากเหตุการณ์นั้นที่...โฟลด์
ความเงียบดำเนินเดินไปอีกครู่ใหญ่ๆ กระทั่งโรโกะจะเอ่ยปากขอน้ำดื่ม ด้วยความที่มีเหลืออยู่แค่ครึ่งขวดเขาเลยบอกว่าจะออกไปกดจากตู้ที่โถงทางเดินมาให้ แต่โรโกะจะโน้มตัวไปฉวยคว้าข้อมือเขาไว้ สั่นหัว บอกว่าไม่เป็นไร หากเคนโตะก็สามารถอ่านความนัยที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้นั้นได้ว่าเธอแค่ไม่อยาก...ไม่กล้า...อยู่คนเดียว
เคนโตะไม่รอให้เธอเปิดฝาขวดจนเสร็จด้วยซ้ำในตอนที่ตัดสินใจโพล่งถามขึ้นเมื่อเห็นควรแก่เวลาเสียทีว่า
“มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่กันแน่?”
แต่เขาก็ยังต้องรอให้เธอค่อยๆ ดื่มน้ำลงไป กลืนมันช้าๆ เหม่อมองดูผนังข้างห้องที่ว่างเปล่าด้วยสายตาที่คงจะเลื่อนลอยไม่แพ้กันอย่างที่เคนโตะไม่เข้าใจ อีกเป็นพักเธอจึงขยับริมฝีปากส่งคำพูดในที่สุด
“หลังจากที่แม่ตาย พี่ก็เริ่มฝันถึงมัน...สวนแห่งความสุข ทีแรกพี่คิดว่าอาจเป็นเพราะเหนื่อย เพราะเครียด พี่รู้ว่ามันฟังดูเห็นแก่ตัวที่พูดแบบนี้ แต่พี่กลับมาหาแม่ไม่ได้ เพราะพี่กลัวว่าสิ่งที่ยายเฝ้ากรอกหูพี่มันจะเป็นเรื่องจริง พี่กลัวว่ามันจะตามมาหาพี่จนเจอ พี่ถึงได้หนีไปให้ไกลที่สุด ถึงนั่นจะหมายความว่าพี่ต้องทิ้งเธอ”
“พี่หมายถึง...”
“เธอรู้เท่าที่ได้เห็น แต่ไม่ใช่เรื่องนี้ เธอไม่เคยรู้เรื่องนี้ เคนโตะ เพราะมันเกี่ยวข้องกับแค่ผู้หญิงในครอบครัวเราเท่านั้น แต่...ความจริงแล้ว...พี่...พี่...” เสียงของเธอสั่นพร่าขาดหาย ใบหน้ากลับมาแดงก่ำเหมือนกำลังจะร้องไห้อีกครั้ง จนเคนโตะต้องเปลี่ยนไปนั่งข้างเธอบนเตียงเพื่อช่วยจับมืออันเย็นเยียบคู่นั้นไว้เป็นการปลอบโยน “ยายบอกว่าพี่ต้องเสียสละตัวเองให้กับผู้นำ เพื่อ...เพื่อชุมชน...เพื่อโลก...เพื่อเปิดทางให้แก่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า...ไม่ใช่แม่...แต่เป็นพี่...พวกมันรอเวลาจนกว่าพี่จะเหมาะสม...พี่กลัวมาก...พี่...”
เคนโตะเคยคิดว่าความบ้าคลั่งของยาย เหมือนกับผู้นำวิปริต — ที่เขานึกคลางแคลงใจมาตลอด — จนถึงขั้นปาดคอเชือดนักข่าวที่ลักลอบเข้ามาในชุมชนของพวกเขา แม้จะถูกจับมัดประจานท่ามกลางฝูงชน นักข่าวสาวผู้โชคร้ายและกล้าหาญคนนั้นก็ยังตะโกนกล่าวอ้างว่าแท้จริงแล้วผู้นำไม่ใช่นักบุญอย่างที่ประกาศตน แต่เป็นสมาชิกของลัทธิเก่าแก่ซึ่งตั้งใจจะสังเวยมนุษย์และโลกให้แก่เทพโบราณ ผู้คนที่ถูกเนรเทศออกไปจากเกาะเพราะทำผิดกฎอย่างที่ทุกคนได้รับรู้นั้นเป็นเรื่องเหลวไหล เมื่อความจริงแล้วพวกเขาเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ถูกฆ่าเพื่อสังเวยต่างหาก เลือดสีแดงที่สาดกระเซ็นราวกับน้ำพุมายังใบหน้าของเขาที่ยืนอยู่แถวหน้าสุดโดยไม่ให้ทันได้ตั้งตัว ทั้งกลิ่นคาวคลุ้ง ความเหนอะหนะ รสชาติที่คล้ายกับสนิมเหล็กในปาก ครั้นหวนประหวัดไปถึง ทุกอย่างก็กลับคืนมาเป็นความรู้สึกที่แจ่มชัดอยู่เบื้องหน้า แม้แต่เสียงหัวเราะด้วยความสะอกสะใจดังลั่นราวปีศาจจากขุมนรกของยายที่ยืนอยู่ข้างเขาก็ยังคงชัดเจนเข้มข้น หลังจากวันนั้น แม่ก็จะรีบพาเขากับโรโกะหนีออกมาให้ไกลที่สุดโดยไม่มีความคิดที่จะย้อนกลับไปยังดินแดนที่ถูกครอบงำจากลัทธิอุบาทว์นี้อีก ลบเลือนทุกเรื่องราวและสถานที่แห่งนั้นราวกับว่ามันไม่มีอยู่จริง ทว่าเคนโตะไม่เคยรู้เลยว่ายังมีอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งร้ายแรงยิ่งกว่าที่เขาเคยได้เผชิญ
“ในความฝัน มันเห็นพี่ มันเข้ามาใกล้พี่เรื่อยๆ อสูรกายน่าเกลียดน่ากลัวนั่น พี่ไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไร แต่ตอนที่พี่ได้จ้องสบตามัน พี่ถึงได้รู้ว่ามันคือไอ้ผู้นำวิปริตนั่น ถึงจะไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนร่างเป็นแบบนั้นได้ยังไง แต่มันจะมาเอาตัวพี่ไปเป็นเหยื่อสังเวย พี่...พี่ถึงต้องกลับไปที่นั่น เคนโตะ! พี่ต้องกลับไป...ไปฆ่ามัน! ไปทำลายมัน! ก่อนที่มันจะมาทำลายพี่...” และก่อนที่เธอจะระเบิดน้ำตาที่คลอหน่วยออกมาจริงๆ โรโกะก็เอื้อมไปจับมือของเขาแล้วยกมันขึ้นกุม “พี่...พี่ขอโทษ...พี่รู้ว่ามันเป็นเรื่องเห็นแก่ตัวที่มีหน้ากลับมาขอร้องเธอ แต่พี่ไม่เหลือใครให้พึ่งพิงอีกแล้ว เคนโตะ ขอร้องล่ะ ช่วยกลับไปกับพี่เถอะนะ”
แต่ก่อนที่เขาจะได้อ้าปากพูดอะไร เสียงเคาะประตูสองจังหวะก็จะรั้งเรียกความสนใจไป นั่นทำให้โรโกะสะดุ้งเฮือกจนตัวโยน แต่เคนโตะที่รู้จักจังหวะนั้นดีจะเพียงบีบมือเธอเบาๆ บอกว่า “นั่นเพื่อนผมเอง” แล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดรับ
“โทษที ฉันมาขอยืมสารานุกรม...” คำพูดของโอฮาชิ ซาคุยะ หลุดรอดออกมาได้เพียงแค่นั้น แต่เป็นการเคลื่อนไหวของนัยน์ตาที่เลิกกว้างขึ้น เมื่อมองเลยเข้าไปเห็นผู้หญิงแปลกหน้าหน้าตาสะสวยอยู่ร่วมห้องกับเขา ชัดเจนเสียจนเคนโตะต้องดันไหล่เธอออกไปข้างนอก เปิดบานประตูแง้มไว้ เพื่อที่อย่างน้อยก็ไม่ให้โรโกะต้องรู้สึกหวาดกลัวกับการอยู่คนเดียว
“นั่นพี่สาวฉัน” เขาลดเสียงลงตอบคำถามที่เธอยังไม่ทันได้เอ่ย
“นายมีพี่สาวด้วยหรือไง! อย่ามาโกหก!” ซาคุยะเองก็ไม่ได้ต่าง ถึงที่ต่างไปคือความกดกลั้นเพราะประโยคที่ควรเป็นการแผดตะโกนก็ตาม
“นั่นโรโกะ พี่สาวฉันที่ย้ายไปอยู่แมสซาชูเซตส์ แต่เราไม่ได้ติดต่อกันมาสามปีแล้ว ตอนนี้เขากำลังลำบาก เรื่องมันยาวน่ะ ตอนนี้ฉันไม่สะดวก เดี๋ยวฉันไปหยิบสารานุกรมที่เธออยากได้มาให้แล้วเราค่อยคุยกันวันหลังได้ไหม?”
แต่เพราะความสอดรู้สอดเห็นที่มีอยู่มากเป็นทุนเดิม ทำให้ซาคุยะอดไม่ได้ที่จะเยี่ยมหน้าเข้าไปส่องข้างในห้องสี่เหลี่ยมนั้นอีกครั้งด้วยความคลางแคลงใจ แต่สิ่งที่หล่อนได้ยินเธอพึมพำออกมาถึงด้วยน้ำเสียงขาดๆ หายๆ ก็มากพอที่จะทำให้ริมฝีปากอ้าค้าง หายใจเฮือกเข้าไปอย่างแรงด้วยความรู้สึกที่เคนโตะคาดเดาไม่ถูก แม้ว่าอารมณ์ที่เปลี่ยนไปปุบปับของหล่อนจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยจนเขาคาดการณ์ไม่ได้ก็ตาม
“เคนโตะ...” น้ำเสียงของหล่อนเกือบจะเรียกได้ว่าสั่น เหมือนกับมือที่บีบไหล่เขาซึ่งมีส่วนสูงเทียมกันเอาไว้แน่น เคนโตะไม่ค่อยแน่ใจนักแต่เกือบเชื่อว่ามันคือ...ความตื่นเต้น “นายได้ยินที่พี่นายพูดไหม?”
เขานิ่วหน้าไปเล็กน้อย สั่นศีรษะ ทั้งจากความเจ็บของแรงกดและคำถามที่ไม่เข้าใจนั้น
ซาคุยะจ้องสบตากับเขา ทวนคำพูดที่ได้ยินและเสริมเติมแต่งท่อนที่ขาดหายเหล่านั้นด้วยความแน่ใจไม่มีตกหล่น
“รัชสมัยของดรูอานีจะหวนกลับมา ภายใต้ความมืดมิดที่จะกลืนกิน”
∞
โรโกะนอนหลับลงไปได้ในที่สุดหลังจากยานอนหลับหนึ่งเม็ดที่ซาคุยะขันอาสาไปเอามาให้จากห้องพักชั้นบน อาจรวมกับความอบอุ่นของฝ่ามือที่เคนโตะช่วยจับกระชับมันไว้ ขณะนั่งอยู่บนพื้นข้างเตียงเตี้ยๆ อย่างที่เขาเคยทำในตอนที่โรโกะนอนฝันร้ายถึงสัตว์ประหลาดน่ากลัวเมื่อครั้งยังเด็ก ทว่าบัดนี้มันคือปีศาจน่าสะพรึงขวัญที่เคนโตะอาจยังไม่รู้จักหน้าค่าตาของมัน แต่เขารู้จักหน้าตาของผู้นำ ลึกลงไปถึงข้างในใจที่วิปริตผิดมนุษย์มนา หรือไม่มันก็ควรต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เมื่อสิ่งที่ลัทธิอุปโลกน์นั่นปรารถนาหาใช่สิ่งมีชีวิตกระจ้อยร่อย แต่คือเทพเจ้า...เทพสูงสุด
“ดรูอานีคือปีศาจแห่งความมืด หรือที่พวกชั่วร้ายบางกลุ่มอาจเรียกว่าเทพเจ้า”
ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ในยามนี้แน่นขนัดไปด้วยแขกที่ไม่ได้รับเชิญ แต่ซาคุยะที่ไม่มีคำว่า ‘เกรงใจ’ อยู่ในพจนานุกรม อย่างน้อยๆ ก็กับเขา และกับคนที่เธอจะรีบวิ่งไปเคาะประตูเรียกที่หอพักอีกตึกหนึ่งเพื่อให้มาร่วมวงสนทนาในยามดึกด้วยกัน โอฮาชิ คาซึยะ ส่งสีหน้าขอโทษขอโพยมาให้เคนโตะที่ยิ้มรับ สั่นศีรษะ แสดงออกว่าไม่ถือสาทั้งกับคนพี่หรือว่าคนน้อง ขณะเดินตามหลังเธอที่เบียดแทรกเข้ามา เดินไปหยิบเบาะที่อยู่ตรงมุมห้องมาวางแหมะลงไป ตบปุให้คนทั้งสองมานั่งล้อมวงด้วยกันอย่างถือวิสาสะ ทำตัวอย่างกับเป็นเจ้าของห้องถึงเธอจะชอบแวะเวียนมาบ่อยก็เถอะเสียเอง
“ยานอนหลับของฉันแรงมาก พี่นายไม่ตื่นเพราะเสียงคุยแค่นี้หรอก” เมื่อซาคุยะมั่นใจว่าอย่างนั้น เธอเลยไม่คิดที่จะปรับระดับเสียงเป็นคำกระซิบกระซาบที่น่าอึดอัดเป็นบ้า “ฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลา แต่เรื่องที่พี่นายพูดมันติดอยู่ในใจฉันมาก ฉันถึงได้ตัดสินใจเรียกพี่คาซึยะมา”
ที่ถึงแม้ว่าคาซึยะจะร่ำเรียนในเอกคลาสสิกศึกษาเหมือนกันกับพวกเขา แต่ดูเหมือนความสนใจหลักนอกเหนือจากนั้นจะเกี่ยวข้องกับเรื่องเล่า ตำนาน นิทานปรัมปรา ทั้งของเทพเจ้าและปีศาจ ไม่ว่าจะจากการค้นคว้าในห้องสมุด และโดยเฉพาะจากการสนทนาแลกเปลี่ยนกับศาสตราจารย์ลูอิสประจำภาควิชาศาสนาและปรัชญาที่เจ้าตัวสนิทสนมด้วยหลังลงเรียนวิชาเลือกที่เขาเป็นผู้สอนตั้งแต่เทอมแรกสุด อย่างที่ซาคุยะมักจะเอาเรื่องราวเหล่านั้นมาเล่าต่อให้เคนโตะที่สนใจบ้าง...ไม่สนใจมากกว่า...ฟังอยู่บ่อยครั้ง
“ความคิดที่ชั่วร้ายของผู้คนมอบพลังความแข็งแกร่งให้กับมัน”
“ตั้งแต่ผมจำความได้ โฟลด์ของพวกเราก็ถูกเรียกว่ายูโทเปีย” ในที่สุดเคนโตะก็เปิดปากพูดถึงบ้านเกิดที่เขาเก็บงำไว้กับตัวเองลำพัง — ด้วยความตั้งใจที่อยากจะลืมเลือน — เอาไว้อยู่นาน บรรยากาศของโมงยามนี้ดูเคร่งขรึมจริงจังมาก ขนาดที่ทำให้ซาคุยะซึ่งนั่งกอดเข่าอยู่ข้างๆ จะเพียงแค่หันมาจดจ้องมองดู รับฟังคำพูดของพวกเขาโดยไม่พยายามขัดขึ้นเหมือนอย่างที่เป็น “แต่ผมคิดมาตลอดว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ พวกผู้ใหญ่ชอบทำท่าทางแปลกๆ ลัทธิแห่งความสุขกับผู้นำที่ดูไม่ชอบมาพากลนั่นก็พิลึกพิลั่น ผมไม่เคยเชื่ออยู่แล้วว่ายูโทเปียจะมีอยู่จริง แค่ผมไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับพี่”
“และตอนนี้พวกเขาก็ต้องการตัวพี่นายไปเป็นเหยื่อสังเวย”
“เพื่อเป็นเหยื่อสังเวย” คาซึยะทวนซ้ำคำพูดของน้องสาว ก่อนขยายความเข้าใจที่ยิ่งชวนหวั่นพรั่นให้ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม “เพื่อการให้กำเนิด”
“เดี๋ยวนะ พี่หมายถึงกับใคร? ในเมื่อเคนโตะบอกว่าพี่สาวเห็นผู้นำลัทธินั่นเปลี่ยนเป็นอสูรกายแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ความเงียบของคาซึยะอาจแทนทดต่อคำตอบของทุกอย่าง จนทำให้ดวงตากลมโตของซาคุยะเลิกกว้างขึ้นกว่าเดิมเมื่อเข้าใจความหมายนั้น ก่อนสลับขวับไปหาหญิงสาวคนที่นอนกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง ใบหน้าที่ขาวซีดของหล่อนปรากฏวี่แววของความเหนื่อยล้าและไม่สงบ ราวกับว่าไม่มีฝันดีใดจะเข้าไปเยี่ยมกราย
ทั้งที่คนนอกอย่างเธอแสดงความตื่นตระหนกออกมาตั้งมากขนาดนั้น เคนโตะก็ยังคงรักษาสีหน้าและน้ำเสียงเรียบนิ่งเอาไว้เช่นเดิมเมื่อโพล่งถามขึ้นว่า
“ดรูอานีคือผู้นำนั่นหรือเปล่า?”
คาซึยะสั่นหัว “พวกเขาต้องทำพิธี ต้องสังเวยเลือด สังเวยชีวิต ต้องมอบความกลัวให้มากพอ ให้ถึงที่สุด และให้กำเนิดทายาทที่จะเรียกมันมา”
“งั้นก็คงต้องใช้เวลาอีกนานเลย” ซาคุยะพึมพำ
“การเติบโตของครึ่งคนครึ่งเดรัจฉานย่อมไม่เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป เธอต้องอย่าลืมข้อนี้นะซาคุยะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็มีแค่ทางเดียว” อีกครั้งด้วยคำพูดที่แน่วแน่จริงจัง “ผมต้องกลับไปที่โฟลด์กับพี่เพื่อจัดการไอ้ผู้นำนั่น ไม่ว่าตอนนี้มันจะกลายเป็นอะไรไปแล้วก็ตาม”
ตรงกันข้ามกับซาคุยะที่หวีดร้องเสียงหลงออกมาทันทีโดยไม่รอให้เขาได้เอ่ยจนจบประโยคด้วยซ้ำ มือที่สั่นเทาไม่มั่นคงของเธอบีบท่อนแขนของคนข้างตัวเอาไว้แน่น ขณะแผดเสียงตะโกนใส่หน้าเข้าไปว่า “นายจะบ้าเหรอเคนโตะ! นั่นไม่ใช่คนนะ! ไม่สิ ถึงต่อให้ใช่ แต่คนอย่างนายก็ไม่มีทางกล้าฆ่าใครอยู่ดีนั่นแหละ!”
“แล้วเธอจะให้ฉันปล่อยพี่สาวไปที่นั่นคนเดียวเพื่อกลายเป็นเหยื่อสังเวยเหรอ!”
“ใช่! เธอทิ้งนายไปตั้งสามปี ไม่เคยสนใจใยดีว่านายจะเป็นตายร้ายดียังไง แต่พอตัวเองเจอเรื่องคอขาดบาดตายถึงได้มีหน้ากลับมาขอให้นายช่วย! ทั้งที่น่าจะรู้ว่ามันคือการพานายไปตายชัดๆ! พี่นายก็แค่คนขี้ขลาดที่กลัวว่าจะต้องตายคนเดียวเท่านั้นแหละเคนโตะ! พี่นายมันเห็นแก่ตัว!”
“ซาคุยะ!”
ไม่ใช่เคนโตะที่ยังคงปิดปากเงียบและปล่อยให้เธอได้ระบายความคับข้องใจทั้งหมดออกมา เพราะเขาเข้าใจถึงความเป็นห่วงและหวังดีที่มีอยู่อย่างมากมาย นับตั้งแต่วินาทีที่เธอยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือในยามที่ต้องลำบากดิ้นรนกับชีวิตที่มีเพียงตัวเองลำพัง ถึงจะถูกผลักไสหลายต่อหลายครั้งก็ไม่เคยท้อถอดใจ กลับเป็นคาซึยะที่ร้องเรียกชื่อเธอด้วยโทนเสียงที่ไม่ใคร่จะมีใครได้ยินบ่อยนักจากคนที่ใจดีอยู่เสมอเพื่อเตือนสติ และเมื่อซาคุยะผละห่างออกไปนั่งกอดเข่าก้มหน้าซุกแผ่นหลังชิดติดกำแพง เคนโตะถึงได้มองเห็นผู้หญิงที่เข้มแข็งไม่ว่ากับเรื่องอะไรกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นจนเนื้อตัวสั่นเทาเป็นครั้งแรก
ขณะที่เคนโตะได้แต่นิ่งอั้นด้วยทำอะไรไม่ถูก คาซึยะก็จะเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงที่โอนอ่อนลงไปว่า “เราจะไปกับนายด้วย”
“ผม...”
“ตอนนี้นายก็เหมือนกับครอบครัวของเราแล้วเคนโตะ” เขาเอื้อมมือไปตบไหล่คนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเบาๆ “อีกอย่าง...ฉันรู้ว่าเรื่องนี้อาจฟังดูบ้า แต่ฉันก็อยากเห็นปีศาจนั่น อยากเห็นหมู่บ้านยูโทเปียของนายกับตาตัวเอง แต่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะไปถามเพิ่มเติมกับศาสตราจารย์ลูอิส หาวิธีกำจัดมัน แล้วช่วยให้เราทั้งสี่คนรอดกลับมาด้วยกัน หรือถ้าสุดท้ายแล้วเราแก้ไขอะไรไม่ได้จริงๆ มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นที่มนุษย์เราจะตายกันหมดไม่ใช่เหรอ?”
ไม่มีใครโต้เถียงความจริงที่คาซึยะพูดออกมา นอกจากเสียงร้องไห้ที่ยังไม่ยอมหยุดของของซาคุยะที่พี่ชายอย่างเขาจะลุกไปโอบไหล่ ลูบหัว ย้ำซ้ำบอกกับเธอว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไร เพื่อปลอบประโลมความโกรธและสิ้นหวังของเธอเพียงเท่านั้น
_______________
_______________
ความคิดเห็น