ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #80 : Detroit: Become Human: MINUS HUMAN / SAFE HAVEN

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 67


    MINUS HUMAN
    Inspiration: Detroit: Become Human (Video Game, 2018)
    Playlist: Divide – Minus Human











    .

    และเมื่อเสียงกระจกแตกดัง เพล้ง! จะทะลุผ่านเข้ามาในโสตประสาท ทันใด ร่างของหญิงสาวคนที่ไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปหลังจากนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็จะพลันสะดุ้งเฮือก เด้งตัวขึ้นผลุงเหมือนปฏิกิริยาอัตโนมัติ ก่อนรีบเปิดประตูห้องออกไปโดยไม่ทันได้หยิบฉวยอะไรติดไม้ติดมือไปด้วย เนื่องมาจากฐานะที่เรียกว่าไม่ได้ดีนัก และเหตุผลหลักก็อาจมาจากความเชื่อมั่นอย่างสุดซึ้งว่าพวกผู้หญิงอย่างเราๆ ก็สามารถพึ่งพาและดูแลตัวเองได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด บ้านหลังเล็กของครอบครัววูลฟ์ที่ไม่พร้อมหน้าจึงไม่ได้มีแอนดรอยด์มาคอยรับใช้หรือเฝ้าระวังภัยเหมือนอย่างใคร ถึงแม้จะเกิดเหตุการณ์วิ่งราว งัดแงะ หรือพวกเด็กเปรตชอบมากดกริ่งเล่นกวนประสาทในละแวกบ้านของเธออยู่บ่อยครั้ง แต่การทำลายทรัพย์สินหน้าต่างบ้านคนอื่นแบบนี้ก็เพิ่งจะเคยมีเป็นครั้งแรก โชคร้ายที่ป้าของเธอหายตัวออกจากบ้านไปโดยอ้างเรื่องงานขายที่ดิน หากเธอรู้ดีว่าเป็นเพราะลูกค้าคนใหม่ของหล่อนที่นิวยอร์กซะมากกว่าได้กว่าครึ่งเดือนแล้ว จึงมีเพียงหลานสาวกับตัวเปล่าๆ ที่กำลังตามหาต้นตอของเสียงอยู่เพียงลำพัง

    แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ลอเรต้ามักจะถูกคนรอบข้างบ่นว่าเรื่องความไม่รอบคอบและหุนหันพลันแล่นอยู่เสมอ แม้แต่ผู้เป็นป้าอย่างรูธ ซึ่งเธอเพิ่งจะข้ามฟากจากแคนาดามาอยู่ด้วยหลังพ่อเสียได้ไม่ถึงหนึ่งปีเต็ม สิริรวมเวลาอยู่ด้วยกันแต่ละครั้งคราวก็แทบไม่เคยเกินหนึ่งสัปดาห์ จนความสัมพันธ์แทบจะเรียกได้ว่าห่างเหินก็ตาม คล้ายกับว่ากระบวนการความคิดในสมองของเธอจะช้ากว่าการกระทำไปก้าวหนึ่ง เช่นเมื่อไหร่ที่เธอเห็นโจรวิ่งราว เธอก็จะทิ้งทุกอย่างแล้ววิ่งไล่ตามไปเดี๋ยวนั้นโดยไม่ได้นึกกลัวว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะมีอาวุธหรือไม่ หรือถ้าเมื่อไหร่ที่เปิดประตูออกไปตามเสียงกริ่งแล้วได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของพวกเด็กเปรตที่หลอกชาวบ้านได้ เธอก็จะตะโกนด่าแถมแจกนิ้วกลางให้ด้วยเป็นของแถม รูธเคยเปรยๆ เป็นเชิงห้ามปรามตามประสาคนไม่ชอบความวุ่นวายว่าขืนทำตัวแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะต้องเจอของจริงเข้าสักวัน ขณะที่ลอเรต้ามักจะยักไหล่ไม่ถือสาเก็บมาใส่ใจ เธอไม่ได้ทำยักท่าไปอย่างนั้น ในเมื่อความจริงก็คือเธอไม่ได้นึกหวาดกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว แน่นอนว่าคราวนี้ก็เช่นกันที่เธอจะพรวดพราดออกไปตามทิศทางเสียงที่คิดว่าน่าจะใช่ ก่อนได้สบสายตากับเด็กหนุ่มตัวสูงเข้าอย่างจังที่ในห้องครัวซึ่งหลอดไฟกำลังส่องสว่าง และลอเรต้าก็มั่นใจว่าตนเองไม่ได้เปิดทิ้งไว้ก่อนกลับเข้าห้องไปนอนอย่างแน่นอน ที่จริงแล้วเขาไม่ใช่แค่เด็กหนุ่ม...แต่คือเด็กหนุ่มละแวกบ้านเดียวกันที่เธอรู้จักว่าชื่อทอมมี่ พาคาร์ พร้อมชื่อเสียอันลือเลื่องว่าเขาติดเรดไอซ์งอมแงมจนต้องเลิกเรียนไฮสคูลกลางคัน ด้วยอาจเนื่องมาจากปฏิกิริยาที่ฉับไวมากของเธอ ความผิดเดียวของเขาในตอนนี้จึงยังคงมีเพียงบุกรุกที่อยู่อาศัย หากเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ลอเรต้าได้เผชิญกับอันตรายในอาณาเขตส่วนตัวที่เชื่อว่าปลอดภัยที่สุด เธอจึงเผลอชะงักงัน เปิดโอกาสให้ผู้บุกรุกได้หยิบมีดสีเงินวาววับจากชั้นใกล้ตัวขึ้นมา

    “ถอยไป!

    “โอเคๆ” เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นระดับอก ค่อยๆ กระเถิบตัวถอยหลังออกไปเพื่อแสดงความจำนน ต่อให้จะเคยกล้าบ้าบิ่นแค่ไหน แต่การถูกอาวุธแหลมคมเปี๊ยบชี้ใส่หน้าแบบนี้เข้าตรงๆ เป็นใครก็คงต้องถอย “นายอยากได้อะไรก็เอาไปเลย”

    “ฉันต้องการเงิน! ไปเอาเงินทั้งหมดของเธอมา!

    “โอเค ได้ ใจเย็นๆ มันอยู่ในห้อง ฉันจะไปหยิบมาให้นะ”

    เธอยังคงรักษาน้ำเสียงปกติเอาไว้ได้ทั้งที่ในใจต้องขอยอมรับเลยว่าสั่นกลัวแทบบ้า ในเมื่อลอเรต้า วูลฟ์คือหญิงสาวคนธรรมดาที่ไม่ได้มีทักษะทั้งความว่องไวหรือศิลปะป้องกันตัวอะไรนอกจากใจสู้เกินร้อยเท่านั้น แต่คราวนี้เธอรู้ดีว่าสู้ไปก็ไม่เห็นทางที่จะชนะ เผลอๆ อาจตายกลายเป็นศพเน่าอืดรอรูธที่ไม่รู้ว่าจะกลับมาพบเมื่อไหร่ด้วยอีก โจรกระจอกที่อาจเลื่อนระดับเป็นฆาตกรแกว่งมีดไปข้างหนึ่งเป็นเชิงให้เธอรีบๆ เดินไป ศีรษะพยักหงึกตอบรับ กลืนน้ำลายฝืดเคืองลงคอ และทันทีที่ฝีก้าวพ้นระยะกำแพงที่กั้นการมองเห็น เธอก็ตัดสินใจเล่นผิดกฎโดยการวิ่งไปหมุนลูกบิดประตูหน้าบ้านรับสายลมเย็นยามค่ำคืนที่พัดโพยมาหากไม่มีเวลาจะดื่มด่ำ ทั้งอย่างนั้นก็ไม่ได้คิดจะไปไหนไกลนอกจากเผ่นออกมายังบ้านหลังข้างเคียง มือทุบประตูหน้าพร้อมกับส่งเสียงตะโกน “จอห์น! ช่วยด้วย! จอห์น!” อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เช่นกันกับเสียงตะโกนอีกหนึ่งที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ

    วินาทีนี้คงไม่มีคำไหนจะนิยามให้แก่ลอเรต้าได้มากเท่ากับคำที่เธอผรุสวาทออกมาว่า บัดซบ! อีกแล้ว ทอมมี่เลือกบุกรุกเข้าบ้านในวันหยุดงานของเธออย่างเหมาะเหม็ง แล้วแทนที่จะวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากบ้านหลังอื่นในละแวก เธอก็ดันเลือกบ้านของจอห์นเป็นหลังแรกเพียงเพราะว่าเขาเป็นตำรวจ ด้วยความมั่นใจแบบไม่มีเผื่อว่าในเวลาดึกดื่นเช่นนี้ ถ้าไม่ได้ออกไปทำงานหรือดื่มที่บาร์ไหนสักแห่งที่มีอยู่นับไม่ถ้วนในดีทรอยต์ เขาก็จะเมาแอ๋อยู่ที่บ้านกับเจ้าเซนต์เบอร์นาร์ดที่เลี้ยงไว้ อีกเหตุผลที่ลอเรต้าเชื่ออย่างสุดใจ เป็นเพราะตอนหัวค่ำที่เธอเดินออกมาทิ้งขยะก็ยังเห็นรถของจอห์นจอดอยู่หน้าบ้านเช่นเดียวกับเมื่อวานโดยไม่มีการขยับเขยื้อน ครั้นในตอนที่เร่งลนจนถึงขีดสุด คนที่มักทำตัวสะเพร่าอยู่เป็นนิจจึงไม่มีเวลาจะทันได้สังเกตว่าพาหนะรุ่นเก่าของเขาไม่ได้อยู่ที่เดิมอีกต่อไปแล้ว แน่นอนว่าเธอไม่โง่พอที่จะยืนเป็นเป้านิ่งให้กับขี้ยาถืออาวุธเฉยๆ เมื่อรู้ว่าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากบ้านหลังที่คงว่างเปล่าแน่แล้ว หญิงสาวจึงรีบออกวิ่งไปอีกครั้งทั้งเท้าเปล่าจนรู้สึกเจ็บระบม ย้ำเตือนกับตัวเองว่าจะเพลี่ยงพล้ำไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงชีวิต ใจเพียงหวังให้คนหรือหุ่นตัวใดก็ได้เห็นเหตุการณ์แล้วยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เหมือนอย่างที่เธอเคยช่วยเหลือคนอื่น ถึงผลลัพธ์จะดีบ้าง ร้ายบ้าง ก็ตามที แต่ดูเหมือนฝันร้ายบนถนนมิชิแกนไดรฟ์ของหญิงสาวจะยังคงดำเนินต่อไปไม่มีสิ้นสุด ลอเรต้าเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าละแวกที่อยู่ของตนเองนั้นน่าอดสูไปจนถึงพื้นถนนที่ขรุขระเพราะรัฐบาลไม่ให้การเหลียวแลเพียงไร แค่เสี้ยววินาทีที่ปล่อยความคิดให้หลุดลอยไปเท่านั้น เธอก็จะล้มหน้าคว่ำ พร้อมกับความรู้สึกปวดแปลบที่ข้อมือซึ่งใช้ยันลงไปและเข่าที่กระแทกด้วยไม่ทันได้ตั้งตัว เหมือนเช่นทุกครั้งที่การกระทำมักจะไปก่อนความคิด ลอเรต้าไม่มีความตั้งใจที่จะหันกลับไปมองเพราะเสียงฝีเท้าไล่หลังนั้นยังคงดังชัดเจน แต่ในตอนที่ฝืนความเจ็บลุกขึ้นมาและตั้งท่าจะออกวิ่งต่อนั้นเอง ก็เป็นต้องทรุดฮวบกลับลงไปเมื่อรู้สึกถึงคมมีดที่แทงทะลุผ่านเสื้อสเวตเตอร์ตัวยาวสีขาวที่ฉานไปด้วยเลือดจากบาดแผลที่ไหล่ข้างขวาและต่ำลงไป ในตอนที่ทอมมี่จ้วงแทงเป็นครั้งที่สองและสามตามมาอย่างสะเปะสะปะ

    และมันช่างเจ็บปวดเหลือคณา

    เป็นครั้งแรกที่เธอได้ตระหนักถึงคำว่า ความกลัว และ ของจริง อย่างที่รูธเคยว่าไว้ในที่สุด

    “ทอมมี่ ได้โปรด อย่าทำเลยนะ”

    “เธอโกหก! เธอจะไปหาตำรวจ! ฉันจะฆ่าเธอ!

    ลอเรต้ากรีดร้องออกมาอีกครั้ง เมื่อฝ่ามือและท่อนแขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บและยกขึ้นป้องหน้าจะถูกปลายแหลมตวัดใส่หลายต่อหลายครั้งอย่างไม่ปรานี ดูเหมือนเขาจะพึงพอใจกับวิธีการเช่นนี้มากกว่าการจ้วงแทงกระหน่ำลงไป พร้อมกับเสียงหัวเราะกรีดแทงประหนึ่งเสียงของมัจจุราช เธอไม่เห็นทางที่ตัวเองจะรอดออกไปได้เลยบนท้องถนนที่ไร้ผู้คนหรือรถราสัญจรเวลานี้ ความคิดที่พลันแล่นปราดเข้ามาคือเธอยังไม่อยากจะตายด้วยวัยยี่สิบสามเพียงเท่านี้เลย ยังมีอะไรอีกตั้งมากที่เธออยากจะทำแม้แต่การสวมกอดรูธ — ผู้เป็นญาติทางฝ่ายพ่อเพียงคนเดียวที่เต็มใจให้เธอยอมย้ายมาอาศัยอยู่ด้วยแรงๆ สักครั้ง ในความสิ้นหวังนั้นเองที่เธอจะได้ยินเสียงเห่าขรม ก่อนน้ำเสียงหนึ่งที่เธอคุ้นเคยดีจะแผดลั่นเข้ามาในโสตสดับ ให้ทอมมี่เป็นต้องตกใจหยุดมือค้างไป

    “ทิ้งมีดเดี๋ยวนี้!

    ตรงกันข้ามกับเธอที่ไม่มีเรี่ยวแรงพอจะหันหลังกลับไปมองอีกแล้ว ร่างที่ปวกเปียกเพราะบาดแผลหนักเซลงไปกับพื้นถนนราวกับตุ๊กตาล้มลุก ในแววตาที่มัวพร่าของเธอยังได้มองเห็นภาพของคนร้ายที่ถูกยิงเข้าที่แขนจนมีดหล่นกระเด็นพร้อมกับร่างที่โอดโอย กระสุนที่ทะลุจะเจ็บเท่ากับการถูกมีดแทงซ้ำๆ เหมือนเธอหรือเปล่านะ? ขณะที่คิดเช่นนั้น ร่างยักษ์ของเจ้าเซนต์เบอร์นาร์ดก็บดบังทัศนียภาพเบื้องหน้าไปจนสิ้น มันเพียงแค่ส่งเสียงเห่าดังๆ แต่ไม่พยายามจะเข้ามาฟัดเล่นด้วยเหมือนทุกครั้งที่แวะไปบ้านหลังข้างเคียง มันคงจดจำเสียงของเธอตอนที่ไปทุบประตูบ้านได้ และอาจจะคล้อยหลังไปไม่นานที่จอห์นกลับมาถึงบ้านพอดี เพราะการช่วยชีวิตเธอไว้ได้ทันเวลา อย่างน้อยลอเรต้าก็มั่นใจว่าบาดแผลที่แขนจะไม่ทำให้ถึงตาย ทั้งที่ตอนนี้เธอรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิต หากความโล่งอกที่ได้เห็นใบหน้าของคนหนึ่งและตัวหนึ่งที่คุ้นเคย ก็ทำให้หญิงสาวยิ้มออกมาทั้งน้ำตาได้

    “ไอ้สวะทอมมี่เอ๊ย!” เสียงหนักๆ ของชายวัยกลางคนสบถดังลั่นใส่คนร้ายที่ยังคงดิ้นพล่านอยู่บนพื้นจากแค่กระสุนทะลุแขนเพียงนัดเดียวเท่านั้น สภาพของคนร้ายที่กลายมาเป็นผู้ต้องหาบัดนี้แทบไม่เหลือเค้าเดิมอีกเลยจนน่าสมเพช

    “ลอเรต้า วูลฟ์”

    ก่อนเสียงหนึ่งที่เธอไม่เคยคุ้นจะดังขึ้นผ่านเสียงโหวกเหวกแทบไม่ได้ศัพท์ทั้งหลาย ลอเรต้าไม่เคยได้ยินใครเรียกชื่อของตัวเองแล้วรู้สึกจับใจขนาดนี้มาก่อน แม้ประโยคหลังจากนั้นจะหมายความว่าเขากำลังสแกนผ่านร่างและสาธยายบาดแผลที่ดูสะพรึง แต่น้ำเสียงเรียบนิ่งที่น่าฟังแบบประหลาดนั้นกลับทำให้เธอผ่อนคลาย คล้ายกับเป็นเรื่องชวนหัวของคนอื่นที่ไม่มีอยู่จริง

    “ถูกแทงที่ไหล่ข้างขวาสามครั้ง ถูกฟันที่ฝ่ามือข้างขวาแปดครั้ง ที่ท่อนแขนข้างขวาห้าครั้ง ที่ใบหูและใบหน้าขวาอีกสองครั้ง และมีบาดแผลฟกช้ำที่หัวเข่า”

    “นี่แกทำกับผู้หญิงไม่มีทางสู้ได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอไอ้ขี้ยา! คราวนี้ฉันไม่ยอมให้แกรอดไปได้แน่!” และเมื่อลอเรต้าได้ยินเสียงทอมมี่แหกปากลั่นด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับขอร้องให้จอห์นหยุดการกระทำประทุษร้ายเสียที ถึงตอนนี้เธอจะไม่อาจมองเห็น แต่ก็มั่นใจได้เลยว่าถ้าไม่โดนตาแก่หัวร้อนเตะสีข้างเข้าให้ ก็คงโดนกระทืบบาดแผลถูกยิงซ้ำๆ เพื่อเอาคืนแทนเธอเป็นแน่ ว่ากันตามตรงเธออยากที่จะได้เห็นฉากนี้กับตาตัวเองเหมือนกัน หากทันทีที่ร่างยักษ์ของเจ้าซูโม่กระเถิบออกไป ภาพที่ปรากฏอยู่ในกรอบเบื้องหน้ากลับเป็นชายหนุ่มแปลกหน้าในชุดแจ็คเก็ตสีเทาที่ใกล้เคียงมนุษย์ปกติอย่างเธอ จอห์น และทอมมี่ หากเพราะวงแหวนแอลอีดีสีฟ้าที่กะพริบอยู่ตรงขมับข้างขวา เช่นกันกับแถบตรงท่อนแขนข้างเดียวกัน และตราสามเหลี่ยมบนหน้าอกซ้ายซึ่งส่องสะท้อนเข้ามาในแววตาที่มัวพร่า คือสิ่งที่บ่งบอกให้ลอเรต้ารู้ได้อย่างชัดเจนว่าเขาก็คือ...แอนดรอยด์

    “เจสซี่ พาเธอขึ้นรถไปโรงพยาบาลซะ ฉันจะจัดการไอ้เด็กนรกนี่เอง”

    “ได้ครับ หมวดฮิคส์” แอนดรอยด์แปลกหน้าของเธอตอบรับคำสั่งจากพาร์ทเนอร์ของเขาที่ยังคงส่งสบถ และทุ่มแรงกระทืบไอ้เด็กขี้ยาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จากนั้นจึงค่อยๆ อุ้มร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของเธอขึ้น โดยพยายามให้กระเทือนต่อบาดแผลน้อยที่สุดจนอาจเรียกได้ว่าเป็นศูนย์ แน่นอนว่าเขาคงจะคำนวณค่าออกมาในช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น เราทุกคนต่างรู้ดีว่าแอนดรอยด์ทุกตัวถูกตั้งโปรแกรมไว้ไม่ให้ใช้อาวุธหรือทำอันตรายต่อมนุษย์ และเขาก็ดูเหมือนว่าจะทำตามหน้าที่นั้นได้เป็นอย่างดีเสียด้วย แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทำให้ลอเรต้าอดแปลกใจขึ้นมาไม่ได้ ทั้งที่ตอนนี้เธอไม่รู้สึกถึงอุณหภูมิใดใดจากผิวหนังที่แตะสัมผัสเลยแม้แต่น้อย ทว่าเธอกลับช่างรู้สึกอบอุ่นและวางใจในอ้อมกอดของแอนดรอยด์ตัวนี้เหลือเกิน

    “เจสซี่...”

    ชื่อของเขาคือประโยคสุดท้ายที่เธอพึมพำกับตัวเองอย่างแผ่วเบา ก่อนสติสัมปชัญญะจะดับวูบไป












    2021年06月04日
    _______________
     เพราะตอนที่ทำงานเราชอบเปิดทวิตช์ดูไปด้วย ทีนี้ไม่กี่วันก่อนกดดูคนเล่นเกมนี้เลยคิดถึงขึ้นมา ขอโม้หน่อยว่าเกมนี้แหละที่ทำให้เราซื้อ PS4 ตอนงานเพลย์สเตชั่นที่กรุงเทพแล้วคอนเนอร์กับเทรซี่มาเราก็ไป (โอ๊ยคิดถึงงานเกมมาก ปีนั้นเปิดตัวเกม AAA เพียบเลย เห็นสื่อจากเฟซบุ๊กเกมกับ IGN ด้วย) สำหรับเราที่มั่นใจว่าเสพงานไซไฟมาพอตัวก็คือยกให้ DBH เป็นหนึ่งในพล็อตไซไฟที่ดีที่สุดโดยไม่ใช่แค่ในแง่ของเกม หรือต่อให้แค่พูดถึงแง่ของเกมก็เรียกว่ามาสเตอร์พีซได้อยู่ดี นี่ไปอ่านรีวิวหลายสำนักและคนเล่นเกมจริงมาก็มีแต่แง่บวกๆๆ เลยตกใจมากที่เจอคนมาติได้เป็นฉากๆ กรรม สงสัยกูมึงเสพไซไฟปรัชญาปลอมกันป่ะวะเลยชอบพล็อตเกมนี้มาก บาปบุญ พวกดูคนอื่นเล่นเกมแล้วมาพูดเป็นตุเป็นตะ หรือทำเป็นสู่รู้เรื่องเกมทั้งที่ดูคนอื่นเล่นนี่ไม่ให้ค่าหมดแหละ ทั้งที่บางเกมก็ไม่ใช่เอกซ์คลูซีฟเฉพาะคอนโซลด้วยนะ พวกไม่ได้สนับสนุนนักพัฒนาแต่ทำมาโอ่นี่ไปกองรวมกันให้หมด
     สำหรับเรื่องนี้ไม่มีปรัชญาอะไรทั้งนั้น แค่อยากแต่งแนวน้ำเน่าผสมทริลเลอร์แอคชั่นเฉยๆ (มันเป็นอะไรทำไมกูถึงหันมาอยากแต่งบู๊วะงง) เคยมีศักยภาพพอจะได้เป็นฟิคยาวแต่ช่วงนั้นพอว่างก็เอาแต่เล่นเกมเลยไม่ได้แต่งฟิค แล้วพอกลับมาบ้า FF ฟิคเรื่องนี้ก็เลยสู่ขิตไป 55555 แต่ก็ยังจำเรื่องย่อได้ เล่าไปก็อายแต่ช่างเถอะจะเล่าอยู่ดี ลอเรต้าที่บาดเจ็บจะได้ไปอยู่บ้านข้างๆ กับซูโม่จัง แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดมีคนจะลอบทำร้ายอีกแล้ว เป้าหมายคราวนี้คือลอเรต้าโดยตรง ที่จริงก็คือสตอล์กเกอร์แถวละแวกบ้านที่มาฮักเมา สุดท้ายก็ถึงขั้นลักพาตัวแล้วตอนนั้นแหละที่พี่เจสสี้จะเป็นดีเวียนต์ โอ๊ยพล็อตเห่ยมาก เห่ยเหี้ยๆ ต่อให้ไม่ใช่ไซไฟเป็นแนวปัจจุบันยังโคตรเห่ย เอากูไปโยนบ่อขยะเถอะ รับไม่ได้ (ดิ้นแบบสติกเกอร์ด๊อกค่า) / ส่วนชื่อเรื่องกับชื่อเพลงได้มาจากตอนที่เราจะหาเพลงของ DBH ในสปอติฟายฟัง ทีนี้ก็ไปเจอเพลงนี้ที่อินสไปร์มาแล้วชอบมากเลยจิ๊กมาหน่อยนะพี่นะ
     เมาท์นอกเรื่องหน่อยว่าพอคิงปุริเอาเอ็มวีลงยูทูบแล้วกูอยากกรี๊ดมากว่าจนถึงตอนนี้กูยังแต่งฟิคจากพล็อตซินเดอเรลล่าเกิร์ลที่คิดไว้ให้มึงไม่ได้สักที ตั้งแต่ FNS ปีแล้วละนะ ขนาดรูปคอมมิชมาช้ามากกูยังช้ากว่า แต่จนถึงวันนี้ยังแต่งไม่ออกเลยนอกจากวรรคแรก มันติดอะไรกูก็ไม่รู้ทั้งที่มีพล็อตหมดแล้ว แต่ขนาดแค่คิดในหัวกูยังมั่นใจเลยว่าบงกชมาก (ไม่เคเคบุ๊คส์) โคคุโบะมาก เพ้อเจ้อมาก แต่น่ารักมาก เรื่องนี้แหละที่ได้แรงบันดาลใจมาจากงานคริสต์มาสสมัยเรียนเราเอง เจสสี้เป็นครูด้วยนะ ละจะจ้างคนอื่นคอมมิชก็ไม่ได้เพราะไม่มีใครจะแต่งโคคุโบะได้ถูกใจเราเท่าตัวเอง ขอให้เชื่อใจว่ามันต้องมีแน่ ยังเหลืออีกครึ่งปีจะถึงคริสต์มาส ถ้ามันจะไม่มีก็ให้รู้ไปสิวะ (สรุปไม่มีจริง) / ไอ้สัส สองพันยี่สิบสองแล้ว จนสโนว์แมนเต้นแล้ว จนทราวิสเต้นแล้ว จนมึงมาชอบคิงปุริเองแล้วกูก็ยังไม่มีฟิคซินเดอเรลล่าเกิร์ลสักที นานิวะก็เต้นแล้ว บ้าไปแล้ว!



    SAFE HAVEN
    Inspiration: Detroit: Become Human (Video Game, 2018)
    Playlist: yeule – I Miss You This Much












    .

    ทันใด เด็กสาวก็สะดุ้งตื่นจากความมืดมิดที่เข้มข้นเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่เขย่าผ่านไหล่ เรียกสีหน้างุนงงให้หันรีหันขวาง ก่อนระลึกได้ว่านี่คือรถบัสซึ่งเธอโดยสารจากบ้านที่อยู่บนถนนแฮร์ริสัน จนมาจอดสุดสายอยู่ที่ดาวน์ทาวน์ในแคมเดนตามคำบอกเล่าของคนขับรถซึ่งจะมีหรือไม่มีแก่ใจก็จำต้องลุกมาปลุกเธอ แม้จะยังรวบรวมสติกลับมาได้เพียงเลือนราง เธอก็กล่าวขอบคุณเขาไปด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว แล้วลงไปสัมผัสกับอากาศที่เปียกชื้นเพราะสายฝนที่ยังตกต่อเนื่อง บนท้องถนนยามดึกสงัดที่แทบจะร้างราผู้คน นอกจากร้านสะดวกซื้อ ร้านเครื่องซักผ้ายี่สิบสี่ชั่วโมง และโมเต็ลที่น่าจะช่วยให้เธอพักผ่อนได้อย่างอุ่นสบายไปสักคืน

    แต่นั่นไม่ใช่กับเมลด้า คิมที่เผ่นหนีออกมาจากบ้านตัวเปล่า หลังจากเรื่องสยองขวัญพรั่นพรึงกลางมื้ออาหารค่ำ กับอารมณ์ร้ายกาจของบิดาที่ถูกไล่ออกจากงานขับรถบรรทุกมาได้เกินครึ่งปีแล้ว แต่ก็ยังหาเรื่องด่าทอแอนดรอยด์ที่มาแย่งงาน โดยไม่สำเหนียกเลยว่าตนเองต่างหากที่ทำผิดกฎของลูกจ้างเอง วันๆ หนึ่ง ถ้านายคิมไม่ใช้เวลาอยู่กับเบียร์กระป๋องและเรดไอซ์อยู่หน้าจอโทรทัศน์แล้ว ก็จะตะโกนส่งวาจากักขฬะหรือหนักเข้าก็หาเรื่องทำร้ายร่างกายลูกสาวอย่างเธอบ้างพอให้สาแก่ใจ และแทบทุกครั้ง อีฟ แอนดรอยด์ผู้ช่วยในบ้านรุ่น HK400 ที่อยู่ด้วยกันกับครอบครัวคิมมานานหลายปีจนเหมือนสมาชิกคนสำคัญของเมลด้าก็จะก้าวเข้ามาปกป้อง รับเคราะห์กรรมเป็นตัวรองมือรองเท้าให้นายคิมแทนเธออยู่เสมอ ภาพที่เห็นจนชินตาคือเลือดสีฟ้าที่ไหลซึมและบาดแผลน้อยใหญ่ไปทั่วร่างกาย หากอีฟก็จะพูดกับเธอพร้อมรอยยิ้มอย่างไม่รู้สมว่าหล่อนเป็นแอนดรอยด์ ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดใดๆ และการปกป้องมนุษย์ก็เป็นงานของสิ่งเทียมสังเคราะห์เช่นหล่อนอยู่แล้ว เมลด้าปรารถนาให้อีฟได้กลายเป็นดีเวียนต์ในสักวันหนึ่ง แล้วจัดการนายคิมซึ่งไม่มีสิ่งใดควรค่าแก่การเป็นบิดา นอกจากให้กำเนิดลูกสาว หรืออาจเรียกว่าตัวรองมือรองเท้ามากกว่า เหมือนเหยื่อรายอื่นๆ ที่ออกข่าวอย่างโหดเหี้ยมให้จบๆ ไปเสีย

    กระทั่งวันที่เธอเฝ้ารอคอยก็มาถึง แค่เพียงเพราะสปาเก็ตตีกับเศษเนื้อเหลือๆ จานเดียว ก็ทำให้นายคิมคว่ำโต๊ะกระจุยกระจายและถอดเข็มขัดเตรียมจะฟาดเธอที่ได้แต่นั่งนิ่งเป็นหินด้วยความขลาดกลัวเหมือนอย่างทุกที และก็เป็นอีกครั้งที่อีฟซึ่งยืนรอเสิร์ฟน้ำอยู่ใกล้ๆ จะเข้ามาขวางกลาง เป็นฝ่ายรองรับการทารุณกรรมนั้นแทน หากแต่วันนี้นายคิมจะไม่เปิดโอกาสนั้นเมื่อผลักร่างแอนดรอยด์จนล้มคว่ำ สั่งเสียงเฉียบให้อีฟอย่าเข้ามาแส่ แล้วกระหน่ำเข็มขัดหนังฟาดลงบนท่อนแขนที่เธอยกขึ้นป้องบังใบหน้าและลำตัวที่คุดคู้ เด็กสาวส่งเสียงร้องวิงวอนทั้งน้ำตานองหน้า แต่ก็หาได้มีความเห็นใจใดๆ จากชายที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดา — หรือกระทั่งมนุษย์ — เลยเพียงน้อย

    ก่อนเสียงร้องด้วยความเดือดดาลและแรงกระหน่ำจะขาดช่วงไป เมื่อนั้นเธอจึงค่อยๆ ลดแขนที่ชาแปลบลง นัยน์ตาที่มัวพร่าไปด้วยหยาดน้ำตามองเห็นแอนดรอยด์สาวถือไม้เบสบอลอาบเลือดซึ่งคงมาจากหลังหัวของเขาที่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะ นายคิมคำรามแล้วยื้อยุดแย่งไม้เบสบอลกับหล่อนไปด้วยแรงที่เหนือกว่า ไม่มีการยั้งมือเลยในตอนที่กระหน่ำทุบจนร่างคล้ายมนุษย์พังพาบลงไปกับพื้น นั่นเป็นครั้งแรกที่เมลด้าได้มองเห็นสายตาหวาดกลัวจากแอนดรอยด์ กระนั้นก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยคล้ายในฐานะแม่ แล้วขยับริมฝีปากปากโดยไร้สุ้มเสียงให้แก่เธอว่า “หนีไป!” เมลด้าอยากเหลือเกินที่จะพาหล่อนไปด้วยกัน แต่รู้ดีว่าเรี่ยวแรงลำพังคงไม่ไหว และหุ่นที่ถูกทุบจนเลือดสีฟ้าอาบทั่วก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะช่วยเหลือตัวเองได้อีก เพียงเท่านั้นเมลด้าก็จะรีบเผ่นพรวดออกมา ท่ามกลางเสียงตะโกนไล่หลังของนายคิมที่วิ่งตามมาและน่ากลัวว่าจะคว้าเธอได้ทัน ให้ต้องเผชิญกับจุดจบเช่นเดียวกับแอนดรอยด์ไร้ชีวิตนั้น โชคดีที่รถบัสเข้าเทียบป้าย และเธอก็ไม่คิดชีวิตในตอนที่กระโจนขึ้นไปพร้อมกับสภาพยับเยิน

    เด็กสาวกอดกระชับตัวเองไว้แน่นถึงรู้ว่าเสื้อยืดตัวบางจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็ตาม เมื่อไม่มีเงินก็อย่าได้คิดถึงการนอนหลับพักผ่อนอย่างสบายใจ แค่พอมีที่ซุกหัวนอนช่วยคุ้มฝนในค่ำคืนนี้ก็ดีถมถืด เธอยืนมองดูป้ายร้านเครื่องซักผ้ายี่สิบสี่ชั่วโมงจากป้ายรถบัส ที่นั่นอาจช่วยให้เธอมีเสื้อผ้ามิดชิดไว้สวมคลายหนาวได้ แต่สุดท้ายเมลด้าก็จะเพียงสะบัดใบหน้า ถอนหายใจออกมา เธอไม่อยากทำนิสัยเสียๆ ด้วยการขโมยของถึงแม้ว่าจะจำเป็นก็ตาม เห็นทีว่าอาจจะต้องเดินดูรอบๆ เพื่อหาสถานที่ทิ้งร้างสักแห่ง อย่างน้อยๆ ก็ขอแค่ให้มันอบอุ่น

    ในตอนที่เดินเลี้ยวผ่านไปสังเกตการณ์พื้นที่ด้านหลัง เมลด้าก็จะได้มองเห็นบ้านร้างปรากฏผ่านซี่รั้วที่แผ่นพลาสติกหุ้มฉีดขาดเป็นรูน้อยใหญ่ มีแผ่นป้ายเอียงกะเท่เร่แปะไว้ว่า ทรัพย์สินส่วนบุคคล ดูเหมือนว่ามันจะถูกทิ้งร้างมานานมากแล้ว นั่นไม่ใช่สถานที่ที่ดูน่าอภิรมย์เอาเสียเลย แต่เมื่อไม่อยากมองหาที่อื่นให้เนื้อตัวเปียกปอนไปมากกว่านี้ เมลด้าจึงไม่ขอเสียเวลาไปกับการลังเลใจอีกต่อไป

    แต่โชคร้ายที่ทางเข้าถูกล็อกไว้อย่างแน่นหนา ระยะรั้วอาจไม่ได้สูงมากนัก หากการปีนขึ้นไปก็คงเป็นเรื่องทุลักทุเลน่าดู โชคดีที่สายตาฉับไวจะตวัดไปเห็นรูโหว่ที่เผยอขึ้น คงมีคนเคยตัดผ่านมันเพื่อเข้าไปข้างในนั้นมาก่อน เมื่อขยายช่องแล้วก็พอให้ร่างเล็กของเธอมุดเข้าไปได้ มันบาดผิวนิดหน่อย แต่เมลด้าก็สามารถคลานเข้ามาหยัดยืนยังอีกฟากฝั่งและประจันหน้ากับบ้านร้างบรรยากาศทะมึน ที่เธอไม่มีอารมณ์นึกหวาดกลัวเท่าที่ควร เมื่อตอนนี้ความเจ็บปวดที่ผสานกับความหนาวเหน็บจะทำเอาเยือกเข้าไปถึงกระดูก จ้ำอ้าวตรงไปยังบานประตูหน้าโดยไม่รั้งรอ หากก็เป็นอันต้องผงะ เมื่อร่างร่างหนึ่งจะโผล่พรวดเข้ามาจ่อปากกระปืนใส่ในตอนที่มือยื่นไปสัมผัสกับลูกบิด

    “มนุษย์...”

    ตัวของเธอสั่นเทาจากความหวาดกลัวถึงสิ่งที่ไม่คาดคิด วงแหวนรูปทรงกลมที่ขมับของเขาเป็นสีแดงวาบ จนเมลด้ากลัวว่าไม่ช้าอาจจะมีสีแดงอีกหนึ่งที่เจิ่งนอง

    “ขอโทษด้วยค่ะ คือว่า...ฉันนึกว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่” เธอขยับตัวถอยหลังแม้มันจะชิดติดบานประตูอยู่แล้วก็ตาม “ฉันแค่อยากได้ที่พักพิงสักคืนเท่านั้น ได้โปรด”

    คงเพราะคำขอร้องที่ทำให้วงแหวนเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แม้ไม่ถึงกับฟ้า หากก็ทำให้แขกที่เป็นมนุษย์ค่อยหายใจได้สะดวกขึ้นกว่าเดิมอีกหน่อย

    “ฉันเกลียดมนุษย์” เขาพึมพำออกมา “พวกมนุษย์ชอบทำร้ายแอนดรอยด์”

    “ฉันไม่...”

    “เธอ...มนุษย์...แต่เธอจะไม่ทำร้ายฉันใช่ไหม?”

    ไม่ค่ะ! สาบานได้เลยค่ะ!” มือทั้งสองข้างของเธอยกขึ้นเพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่มีอาวุธประทุษร้ายใดๆ ทั้งนั้น “ฉันจะไม่ทำร้ายคุณ ไม่มีวันทำร้ายคุณอย่างแน่นอน!

    พร้อมๆ กับปากกระบอกปืนที่ค่อยๆ ลดระดับลง ใบหน้าในเงามืดของเขาก็ปรากฏต่อหน้าเมลด้าซึ่งจะชะงักงันไป เสี้ยวหน้าด้านขวาแม้ภายใต้เส้นผมยาวที่ปรกบังมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ รวมไปถึงดวงตาที่กลายเป็นสีดำและฟ้ามืดจนไม่เหลือพื้นที่ให้กับสีขาว แม้แต่แอนดรอยด์ที่ไม่มีความรู้สึกก็ไม่ควรต้องมาประสบชะตากรรมเช่นนี้ นั่นเป็นภาพใบหน้าที่โหดร้ายที่สุดเท่าที่เมลด้าได้เคยพบเจอ

    แต่ก็แสนเศร้าที่สุดด้วยเช่นกัน...

    ปฏิกิริยาฉับพลันส่งให้มือของเธอยกขึ้นเอื้อมไปแตะสัมผัส ยิ่งโหดร้ายไปกว่าที่เมื่อรู้ว่าส่วนกรามคล้ายว่าจะยุบลงไป นี่น่ะหรือคือสิ่งที่มนุษย์กระทำต่อแอนดรอยด์ที่ไม่เคยคิดร้ายกับใคร? เธอเข้าใจดีเวียนต์ เธอเข้าใจเขา เธอเข้าใจความรู้สึกแปลกแยกไม่เป็นที่ต้องการ

    แล้วน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาให้กับความรวดร้าวของโลกใบที่แสนโสมม

     

     

    เตาผิงเก่าๆ คุกรุ่นอยู่เบื้องหน้าเด็กสาวที่กอดเข่าคุดคู้และจับจ้องมองเปลวไฟในแววตาอย่างเลื่อนลอย หลังจากเหตุการณ์ชวนตระหนกที่เธอจะรีบชักมือกลับ เลิ่กลั่กกล่าวขอโทษพร้อมยกมันขึ้นปาดน้ำตา กลับเป็นแอนดรอยด์ที่กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิมว่า “เธอพักอยู่ที่นี่ได้ ฉันเองก็จะไม่ทำร้ายเธออย่างแน่นอน” แล้วเดินนำเข้าไปภายในบ้านที่ทรุดโทรมเต็มที เขาทั้งหาเศษไม้และไม้ขีดไฟ รวมถึงผ้าปูที่นอนและหมอนซึ่งปัดเอาเศษฝุ่นผงออกอย่างไม่หมดจดนัก แต่อย่างกับว่าเธอจะเรียกร้องเอาอะไรจากที่นี่ได้

    แต่แม้ว่าจะเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ เมลด้าก็ยังไม่มีอารมณ์จะทิ้งตัวลงนอนในตอนนี้ เสื้อผ้าของเธอยังไม่แห้ง แผลก็ยังไม่ได้ทำความสะอาด ที่สำคัญที่สุดคือเธอมีเรื่องที่อยากจะพูดกับแอนดรอยด์เจ้าของบ้านอีกสักหน่อย พอเตรียมข้าวของให้เธอเสร็จแล้วเขาก็หายตัวไปเสียเฉยๆ บางทีเขาอาจไม่ต้องการอยู่กับเธอ ในเมื่อเจ้าตัวประกาศอย่างชัดเจนว่าเกลียดมนุษย์ ถึงต่อให้เธอจะเป็นข้อยกเว้นนั้นในวันนี้ก็ตาม

    เสียงกุกกักจากบานประตูทำให้เด็กสาวที่ระแวดระวังภัยอยู่ก่อนแล้วจะรีบหันขวับไปมอง หากเมื่อได้เห็นเป็นคนที่คาดหวังก็จึงค่อยพรูลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

    “นึกว่าคุณจะไม่กลับมาแล้ว”

    “ฉันไปหานี่มาให้”

    เมลด้าถึงกับต้องทำตาโตเมื่อเห็นเขาวางหอบข้าวของที่มีทั้งชุดปฐมพยาบาล น้ำ และอาหารกระป๋องลงไปบนพื้นข้างตัวเธอ ทุกอย่างดูเป็นของใหม่ และเธอก็ตัดสินใจไม่ถามว่าเขาเอามันมาจากไหน ท่ามกลางความงงงวยนั้นเอง เขาก็จะเดินเหยียบบันไดที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดขึ้นไป กลับมาในอีกชั่วอึดใจพร้อมกับเสื้อผ้าตัวใหม่ในมือ

    “นี่เป็นเสื้อผ้าของเจ้าของบ้านคนเก่า พอเขาไม่อยู่แล้วฉันเลยเข้ามาอยู่แทน”

    ขอบคุณค่ะ” ให้เป็นคราวของเธอที่ลุกหายไปยังอีกห้องหนึ่ง ถอดชุดตัวเดิมออกแล้วเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อยืดกับกระโปรงตัวยาวที่มีกลิ่นอับแปลกๆ แต่ก็ใส่สบายดีและไม่เปียกปอนออกมาหาเจ้าของร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงมุมห้อง เป็นภาพที่ชวนพิลึกจนเธอต้องลอบกลืนน้ำลาย เอ่ยปากเรียกเขาพลางชักชวนให้มานั่งเป็นเพื่อนหน้าเตาผิงด้วยกัน

    “ฉันชื่อเมลด้าค่ะ”

    เธอกล่าวแนะนำตัวเองในตอนที่หยิบสำลีชุบแอลกอฮอล์มาป้ายแผลที่แขนเป็นรอยทาง ความรู้สึกปวดแสบแล่นขึ้นมาจนมือสั่นทำมันตก เป็นเขาที่เอื้อมมาคว้ามันไป แล้วค่อยๆ จัดการภารกิจที่เธอทำไม่สำเร็จนั้นต่อให้อย่างเบามือ แววตาเรียวเล็กสีเข้มไม่ปิดบังความประหลาดใจเลยเพียงน้อย

    “โฮคุโตะ”

    “ดาวกระบวยใหญ่คือกลุ่มดาวที่ส่องสว่างที่สุด” เธอสวนย้อนความหมายของชื่อเขากลับไปด้วยรอยยิ้ม มันคือหนึ่งในคลังความรู้ที่เธอขวนขวายและจดจำ แม้การผสมเชื้อชาติของพ่อกับแม่อาจทำให้เธอมีความเป็นญี่ปุ่นแค่เพียงเสี้ยวเศษก็ตาม “เล่าเรื่องของคุณโฮคุโตะให้ฉันฟังหน่อยสิคะ”

    “เล่าเรื่องของเธอ”

    เมลด้าขยับริมฝีปากจะท้วง ครั้นแล้วก็คิดว่าอยากเปิดใจกับแอนดรอยด์แสนอาภัพตัวนี้ขึ้นมา ให้รู้ว่าไม่ใช่มีเพียงสิ่งประดิษฐ์เท่านั้นที่ถูกมนุษย์ทำร้ายอย่างแสนทารุณ

    ฉันหนีออกจากบ้านมาเพราะถูกพ่อทำร้ายค่ะ แผลพวกนี้เกิดจากเข็มขัดที่พ่อเอามาฟาดฉัน ฟาดไม่หยุดเลยด้วย แค่เพราะสปาเก็ตตีของเหลือจานเดียวแท้ๆ” เธอหัวเราะ หากในเชิงเย้ยเยาะอย่างน่าสมเพช และใช่ค่ะ เขาโกรธมาก โกรธจนลงมือฆ่าแอนดรอยด์แม่บ้านของเราที่เข้ามาปกป้องฉันไว้ เธอชื่อว่าอีฟ”

    มือหนาที่ผิวหลุดลอกจนเห็นพลาสติกสีเทาข้างใต้ซึ่งกำลังทำแผลให้เธอชะงักไปเล็กน้อย

    และฉันคิดว่าคงเพราะความทรมานหรืออาจจะหวาดกลัวที่เป็นฝ่ายต้องถูกกระทำมาโดยตลอด เลยทำให้อีฟกลายเป็นดีเวียนต์... สายตาของเธอจดจ้องมองมัน เหมือนกับคุณ”

    ครั้นพูดถึงแอนดรอยด์ที่ผูกพันยิ่งกว่าใครคนไหนบนโลกใบนี้แล้ว เธอก็รู้สึกจุกในอกจนคิดว่าอยากจะร้องไห้ขึ้นมา

    ฉันรู้ค่ะว่าดีเวียนต์ก็คือแอนดรอยด์ที่มีชีวิตจิตใจเหมือนมนุษย์ พวกเขาไม่ได้ผิดแปลก แค่เกิดมีความรู้สึกขึ้นมาก็เท่านั้น ฉันสัมผัสถึงความกลัวของอีฟได้ตอนที่เธอกำลังจะตาย เธอตายเพราะปกป้องฉัน สำหรับมนุษย์แล้วนั่นก็คือความรัก” กระนั้นก็กลั้นน้ำตาตัวเองไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เพียงแหงนเงยใบหน้าขึ้นแล้วสูดจมูกแรงๆ  รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปยังแอนดรอยด์ข้างตัวแทนว่า แล้วคุณโฮคุโตะล่ะคะ ฉันอยากรู้ว่ามนุษย์พวกนั้นทำอะไรกับคุณ คุณถึงได้เป็นแบบนี้

    “พวกมันทรมานฉัน” น้ำเสียงของเขาไม่เพียงแค่เจ็บปวด แต่ยังโกรธแค้นด้วย ถึงอย่างนั้นเมลด้าก็ไม่ได้นึกหวาดกลัวเขาอีกต่อไปแล้ว

    ขนาดฉันเป็นมนุษย์ แต่ก็ยังเหมือนไม่ใช่มนุษย์ในสายตาพ่อแท้ๆ ของตัวเองเลยค่ะ” ว่าแล้วเธอก็เปลี่ยนมือขึ้นเลิกเสื้อให้เขาเห็นรอยแผลที่แห้งกรัง บ้างก็หลงเหลือแค่แผลเป็นที่เอวและแผ่นหลัง ไม่นับรวมรอยช้ำตามร่างกายในจุดใต้ร่มผ้ามากกว่านั้นที่เธอไม่ได้เปิดเผย ล้วนแล้วแต่มาจากรอยเฆี่ยนตีและเตะต่อย รวมถึงรอยบุหรี่จี้และคัตเตอร์กรีดทั้งตื้นและลึก ถึงอาจไม่หนักหนาสาหัสเท่าใบหน้าของโฮคุโตะที่แหว่งวิ่น แต่เด็กสาวที่มีเลือดเนื้อและสัมผัสกับความรู้สึกเจ็บปวดได้ถึงแก่นแท้ก็ไม่สมควรต้องเผชิญกับเรื่องอันแสนโหดร้ายและทารุณแบบนี้

    พวกเราไม่ได้บกพร่องตรงไหนเลย” เธอเอ่ยต่อ “แต่มนุษย์อย่างพ่อฉัน หรือคนที่ทำร้ายคุณต่างหากที่เกิดมาพร้อมกับจิตใจที่บกพร่อง”

    ก่อนเมลด้าจะต้องได้ประหลาดใจเมื่อเขากอบกุมมือของเธอไว้ มันชัดเจนจนไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ ถึงจะไม่มีอุณหภูมิส่งผ่านจากร่างกายของเขา ยิ่งในคืนที่ฝนกระหน่ำ พร้อมกับไอเย็นที่กระจายผ่านช่องว่างและรอยแตกทั่วบ้านร้างแห่งนี้ แต่เมลด้ากลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจ อาจเช่นเดียวกับโฮคุโตะที่เมื่อได้เห็นบาดแผลบนเนื้อตัวเธอ ตอกย้ำถึงความเลวร้ายทั้งมวลที่เขาได้เคยเผชิญ จากหนึ่งในแอนดรอยด์รุ่น WR600 นับห้าพันตัวที่ถูกซื้อโดยดีทรอยต์เพื่อดูแลพื้นที่สีเขียวต่างๆ หรือกระทั่งงานเก็บขยะ เขาซึ่งเป็นเพียงแอนดรอยด์ทำสวนซึ่งปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันตามสวนสาธารณะในเมือง กลับต้องมาถูกทำร้ายโดยกลุ่มมนุษย์เลือดเย็นซึ่งทรมานแอนดรอยด์เพียงเพื่อความสนุก แผลบนใบหน้าเกิดจากความร้อนสูงจัดที่ทำลายสภาพความคล้ายคลึงมนุษย์ของเขาและจิตใจแบบแอนดรอยด์ลงไปด้วย กว่าที่เขาจะหลบหนีออกมาได้และกลายมาเป็นดีเวียนต์ที่ซ่อนตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยวลำพัง ใช่ว่าจะไม่รู้สึกเหงา หากนั่นก็คือรางวัลของความอยู่รอดที่ต้องแลก และโฮคุโตะก็คิดว่ามันคุ้มค่า พร้อมความเกลียดชังมนุษย์ทั้งมวลอย่างเหลือคณา ไม่มีสักวินาทีที่เขาจะปล่อยจินตนาการไปกับภาพของช่วงเวลานี้ได้ลง

    หากสายตาที่กำลังสบกัน ก็ทำให้พวกเขาต่างรู้ว่าได้พบกับที่พักใจแล้ว












    2021年08月15日
    _______________
     หยิบเรื่องนี้มาแปลงเพราะออนดิสเดย์ในเฟสบุ๊กเมื่อวานขึ้นว่าสามปีก่อนมีประกาศงานเพลย์สเตชั่นที่กรุงเทพ แล้วพี่ไบรอันก็มากดไลค์ทวิตที่เราไปทักว่าไม่รู้จะได้ไปไหม (แต่พอเค้ามากดปุ๊บ กูที่ลังเลคือเก็บกระเป๋าเลยคนับ) แล้วกูก็แนะนำให้พี่เค้าไปขี่ช้างด้วย 55555 เป็นเวอร์ชั่นที่ทำให้รักขึ้นมานิดหน่อยพอเอามาแปลงเป็นโฮคุโตะ แต่รวมๆ มันก็ยังไม่ใช่อะไรที่เปิงใจที่สุด แต่ก็อยากเอาฟิคเกมที่เคยแต่งๆ ไว้มาแปลงให้หมดเป็นอนุสรณ์ เพราะช่วงที่แต่งฟิคเกมคือยุครุ่งเรืองของการแต่งฟิคจริง (หมายถึงยังพอมีอะไรที่แต่งจบจริง หรือก็แต่งได้หลายพันคำ ไม่ใช่ร้อยคำเหมือนสมัยนี้ U_U) ส่วนของไฟนอลอีกหลายๆ เรื่องยังไงก็จะตามมาแน่นอนเพราะมันดีมาก พล็อตดีมาก ภาษาดีมาก (มั่นหน้าชมตัวเองได้เพราะเราแต่งเอง รู้เอง เล่นเกมก็เล่นเองนะ) และเราก็รักมาก แต่กำลังทยอยแปลง (แค่ชื่อ) อยู่จ้า โคคุโบะกูยังมีฟิคแปลงอีกเพียบ ส่วนเรื่องใหม่อะไรไม่มีหรอก ขอลา
     เล่าหน่อยว่าตอนแรกลังเลว่าจะให้เป็นไทกะหรือโฮคุโตะดี เพราะ เอาจริงๆ นะ เพราะไทกะบอกว่าชอบหนังเรื่องเทอร์มิเนเตอร์! ก็เอ้าพี่ คอไซไฟเหมือนกันเหรอคนับ (เฮ้ย! เพิ่งจำได้ว่าตอนเรื่องอีเลคทริกดรีมส์กูให้น้องไทกะตั้งชื่อหุ่นว่าไคล์ตามเรื่องคนเหล็ก กูผู้มาก่อนกาล) แต่พอนึกถึงความหมายของชื่อโฮคุโตะแล้วคิดว่าอยากเอามาเล่นแค่บรรทัดเดียวก็เอาเลยยอมตัดใจ แต่โฮคุโตะก็เหมาะกับบทที่ดูไม่ปกติภายนอกจริง อย่างเรื่องมิสเตอร์โรบอทมึงนั่นก็ใช่เลยเนอะ / ชื่อเมลด้าได้มาจากไอดอลชื่ออิเคดะ เมรุดะวง #BABABABAMBI (ยังยาวได้อีก อย่าหยุด) ที่ตอนแรกกูหาความหมายนานมากว่าอะไร ยังไง ใช้คันจิตัวไหน แต่หายังไงก็หาไม่เจอคนญี่ปุ่นชื่อนี้เลยลองหาวิธีอ่านแบบฝรั่ง ก็ยังไม่ค่อยจะเจอคนใช้เลยงงว่าเอ้า อิหยังวะ จนไปเจอว่าเมรุดะเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-อินโด และชื่อเมรุดะแท้จริงก็คือเมลด้า (Melda) จากภาษาอินโด! พอรู้ว่าเป็นชื่อที่มีความหมายจริงๆ ก็เลยโอเค งั้นขอจิ๊กมาเลยแล้วกันนะเพราะชอบชื่อเมรุดะมาก แต่สุดท้ายเพราะอยู่ฝรั่งไงเลยต้องอ่านว่าเมลด้า อด เซ็งเลย ไม่เป็นไร ไว้เอาไปลงเรื่องอื่นอีกก็ได้
    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×