คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #249 : 初心LOVE ♡ วันนี้ก็ขอให้โชคดี ૮ ˶ᵔ ᵕ ᵔ˶ ა (50%)
1
คิคุโนะ
คาซึสะ ตื่นนอนต้อนรับวันใหม่อย่างสดชื่น ถึงกว่าจะได้กลับบ้านก็ค่ำมากแล้วเพราะต้องไปช่วยตกแต่งสถานที่ร่วมกับเพื่อนร่วมห้องคนอื่นๆ
ก่อนเข้านอนก็ยังคุยไลน์กับคนโน้นคนนี้ไปทั่วไม่ได้หยุด สุดท้ายกว่าจะได้เข้านอนก็ปาไปตั้งเที่ยงคืนกว่า
แต่เพราะว่านี่คืองานวัฒนธรรมที่คาซึสะอาจตั้งตารอยิ่งกว่าใคร เนื่องจากกิจกรรมประจำห้องชั้นไฮสคูลปี
2-B ที่ทุกคนลงมติเอกฉันท์ให้เปิดเป็นคาเฟ่ขนมหวานเพราะมีทายาทร้านขนมเค้กชื่อดังอย่างโอนิชิ
ริวเซย์อยู่ทั้งคน และเพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมกันอย่างเต็มที่ หัวหน้าห้องจึงเห็นควรให้เพิ่มส่วนเวทีสำหรับการแสดงร้อง
เต้น เล่นดนตรี รวมถึงการเล่นละครเวทีประกอบเพลงเพื่อสับเปลี่ยนกันมาสร้างความบันเทิงให้กับลูกค้าตลอดทั้งวัน
(“เรามีมิสกับมิสเตอร์อาโอะฮารุปีก่อนอยู่ในห้องทั้งคน ยังไงก็ไม่เงียบเหงาแน่นอน!” รองหัวหน้าห้องช่วยกล่าวเพื่อสร้างความฮึกเหิม) โดยที่ทุกคนต่างก็เห็นพ้อง
และด้วยเหตุผลนั้นเองที่จะทำให้คาซึสะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เมื่อเธอที่เป็นหนอนหนังสือจำพวกวรรณกรรม นวนิยาย หรือบทภาพยนตร์ต่างๆ จะได้รับเกียรติถูกเลือกให้เป็นคนเขียนบทละครร่วมกับเพื่อนสนิทอย่างซาโอโตเมะ
อิจิโกะ ซึ่งอันที่จริงหล่อนก็ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรด้วยเลยแม้แต่น้อย นอกจากหอบขนมนมเนยมานั่งกินไป
เมาท์ไป วิจารณ์บทละครของเธอไปอยู่ข้างๆ แต่พอคาซึสะย้อนไปว่า “งั้นแกก็มาช่วยเขียนซะสิ!” ถ้ายัยเพื่อนตัวดีไม่ทำเนียนกินขนมหรือหยิบมือถือมาเล่น
ก็จะลุกขึ้นขอตัวออกไปยืดเส้นยืดสายนอกห้องแทน กระทั่งถึงโค้งสุดท้ายที่หล่อนจะถูกรองหัวหน้าห้องนิชิฮาตะ
ไดโกะ ขอร้อง...ถึงขนาดอ้อนวอน...ให้ช่วยไปทำหน้าที่พนักงานเสิร์ฟแทนฟูจิอิ
อายานะที่ได้รับอุบัติเหตุถูกรถเฉี่ยวชนจนต้องใช้ไม้ค้ำ และคนเดียวที่เพื่อนๆ
ลงความเห็นว่าสวยพอที่จะเรียกลูกค้าหนุ่มๆ ได้ (เมื่อไดโกะพูดมาถึงตรงนี้ คาซึสะก็เบ้หน้ากรอกตามองบน)
ก็มีแค่อิจิโกะที่ไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิดเดียว!
แต่ก็ใช่ว่าคาซึสะจะไม่พอใจอะไร
เธอกับอิจิโกะยังคงเป็นเพื่อนรักเพื่อนร้ายที่เข้าขากันดีในหลายๆ เรื่อง แต่การที่คนขี้เกียจ
ขี้บ่น ขี้รำคาญ จะไปให้พ้นๆ ความรับผิดชอบของเธอบ้าง แล้วส่งหัวหน้าห้องโอฮาชิ คาซึยะมาคอยแวะเวียนถามไถ่เรื่องบทละคร
ทั้งยังช่วยออกความเห็นอย่างกระตือรือร้นมากก็ถือว่าเป็นเรื่องดี...หรือบางทีคาซึสะอาจต้องบอกว่าดีมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ
ในเมื่อเธอแอบชอบหัวหน้าห้องโอฮาชิมาครึ่งปีแล้ว
ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามปกปิดเรื่องนั้นเอาไว้กับตัวเองแค่ไหน หรือเพื่อนสนิทของเธอจะปิดปากเงียบเหมือนอย่างที่เป็นอยู่แล้วเพียงไร
แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ทุกคนในห้องก็ดูเหมือนจะรู้ว่าเธอชอบเขา จากการโห่ร้อง เป่าปาก
มีสีหน้ากรุ้มกริ่ม ในตอนที่เธอกับเขาจะแค่บังเอิญได้พูดคุยกัน หรือแม้แต่แค่ทักทายส่งยิ้มให้กันบ้างในบางที
หากการที่โอฮาชิไม่แสดงทีท่าว่าถือสา ยังคงพูดคุยกับเธอเป็นปกติ ซ้ำยังหัวเราะรวนไปด้วยเมื่อถูกพวกเพื่อนๆ
แซว ถึงคาซึสะจะไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองว่าผู้ชายใจดีอย่างนั้นจะมีใจตรงกับเธอ แต่แค่เขาไม่รังเกียจก็ถือว่าดีมากแล้ว
คาซึสะจึงกระตือรือร้นกับวันงานวัฒนธรรมที่เธอได้มีส่วนร่วมเล็กๆ
น้อยๆ กับคนที่แอบชอบเอามากๆ ขนาดไปถึงโรงเรียนก่อนทั้งหัวหน้าห้องและเพื่อนสนิทของเขาอย่างฟูจิวาระ
โจอิจิโร่ ซึ่งมักจะสลับกันมาเป็นที่หนึ่งเสมอ จนสองคนนั้นต่างพากันส่งสีหน้าประหลาดใจ
เมื่อเลื่อนบานประตูเข้าห้องมาแล้วจะได้เห็นเธอเงยหน้าขึ้นโบกไม้โบกมือให้จากเก้าอี้ที่กำลังนั่งดูดนมกล่อง
พลางพิมพ์ข้อความไปหาเพื่อนสนิทที่เชื่อว่ายังคงนอนหลับอุตุบนเตียงอยู่แหงล่ะ!
“โห! มาแต่เช้าเลยเหรอคาซึสะ!”
โจอิจิโร่เป็นฝ่ายเอ่ยปากร้องทักก่อน “ทั้งที่เมื่อวานกลับดึกตั้งขนาดนั้น แถมยังคุยในกรุ๊ปแชตเป็นคนสุดท้ายอีกต่างหาก”
“อะไรเล่า!” คาซึสะย้อนไปกลั้วเสียงหัวเราะที่พวกเขาก็เปล่งออกมาไม่ได้ต่าง
“โจกับโอฮาชิเองก็กลับดึกเหมือนกันนี่นา”
“สงสัยตื่นเต้นที่จะได้เห็นโอฮาชิร้องเพลงสิท่า”
“ก็ทุกคนนั่นแหละน่า!”
คาซึสะแกล้งโวยวายเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องที่ทุกคนเขาก็ดูออกกันทั้งนั้น
แม้แต่เจ้าตัวที่ก็ยิ้มออกมาเมื่อคาซึสะทำทีเป็นเหลือบมองขณะดูดนมกล่องเข้าไปอีกอึก
“พูดแล้วนึกเพื่อนซี้เธอเลยคาซึสะ
ตั้งแต่ที่ยัยนั่นหาว่าฉันพาเด็กต่างโรงเรียนมาแนะนำให้ไอ้เคียวเฮก็บ้าใหญ่
มันชอบกันก็ไม่จีบกันสักทีล่ะวะ! อ้อ โทษทีๆ หมายถึงยัยอิจิโกะที่เถียงหัวชนฝาว่าให้ตายยังไงก็ไม่ได้ชอบ! ไม่ได้ว่าเธอนะคาซึสะ” ให้คนที่ถูกพาดพิงถึงสำลักเครื่องดื่มที่ก็โชคดีว่ายังสามารถไหลผ่านลงคอไปได้ด้วยดี
“แล้วตอนไปคาราโอเกะด้วยกันทีไรยัยนั่นก็จะแย่งไมค์ฉันทุกครั้ง บอกว่าฟังเสียงหมาเห่ายังดีกว่าฟังฉันร้องเพลงอีก
โห! พูดแล้วขึ้นเลย! ว่าแล้วฉันโทรศัพท์ไปปลุกยัยนั่นดีกว่า
เอาให้หน้าบูดมาโรงเรียนเลย ยัยนั่นจะได้รู้ว่าเล่นผิดคนแล้ว หึๆ”
“นายนั่นแหละที่เล่นผิดคน! อยากถูกอิจิโกะฆ่าตายหรือไง!”
หากโจอิจิโร่ก็จะเพียงยกมือขึ้นแทนคำตอบที่คาซึสะก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไรเป็นการไล่หลังออกไป
ครั้นถูกทิ้งให้เหลือกันแค่สองคนแล้ว
โอฮาชิก็จะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามด้วยระยะที่ห่างจากปกติเล็กน้อย
เมื่อพวกเขานำโต๊ะนักเรียนสองตัวมาต่อกันแล้วปูผ้าคลุมสีชมพูอ่อนทับลงไป
เหมือนกับการตกแต่งอื่นๆ ภายในห้องเรียน — ที่ถูกเปลี่ยนเป็นคาเฟ่ขนมหวาน ‘พิงกุฮารุ’ —
ซึ่งเน้นโทนสีชมพูเหมือนกับร้านที่นัมบะของริวเซย์ หากเพิ่มการประดับประดาเข้าไปด้วยผ้าม่านลายลูกไม้
ลูกโป่งทั้งทรงกลมและทรงหัวใจหลากสีสัน แผ่นกระดาษที่วาดเป็นตัวการ์ตูนหน้าตาน่ารัก
และพู่ประดับห้อยอยู่ทั่วกำแพงและเพดานจนดูละลานตา ที่คาซึสะจะขอรับความดีความชอบจากการยัดทุกอย่างเข้าไปแบบไม่แคร์สื่อ
ถึงจะถูกเพื่อนๆ ติงมาว่ามันจะเยอะเกินไปแล้วหรือเปล่า แต่หลังจากได้เห็นผลงานที่เสร็จสมบูรณ์เมื่อคืนวานร่วมกับสมาชิกกว่าสิบชีวิตด้วยกัน
ไดโกะก็ถึงขั้นน้ำตาซึม เข้ามาจับมือเธอเขย่าแรงๆ พร้อมกับคำชื่นชมถึงทักษะทางศิลปะเทียบเท่าปิกัสโซ่เป็นการใหญ่
(คาซึสะจะถือว่าเป็นคำชม) จนโจอิจิโร่ต้องมาลากตัวออกไป ท่ามกลางเสียงหัวเราะขบขันของเพื่อนๆ
ที่ทำให้คาซึสะมีรอยยิ้มกว้างไปจนตลอดเส้นทางกลับบ้าน ก่อนเข้านอน หรือแม้แต่ในตอนที่ตื่นเช้ามาอย่างสดใส
เพื่อพบกับดวงอาทิตย์ที่เปล่งประกายราวกับอัญมณีผ่านแววตาและริมฝีปากคู่นั้น
“วันนี้เราก็มาพยายามด้วยกันนะคาซึสะ!”
“อื้อ!”
และคาซึสะหวังว่ามันจะคงอยู่เรื่อยไป
Wake
up あの日君と 出会えなかったら
ถ้าฉันไม่ได้พบเธอในวันนั้น
こんな素敵な朝を 知らなかったろう
ฉันก็คงจะไม่ได้รู้จักยามเช้าที่แสนวิเศษแบบนี้
— ซาจิอาเระ, นานิวะ ดันชิ
2
ซาโอโตเมะ
อิจิโกะ ตื่นนอนต้อนรับวันใหม่ด้วยความหงุดหงิด จากการโดนศัตรูคู่อาฆาต...ในพักหลังมานี้...อย่างอีตาโจอิจิโร่โทร.มารัวปลุกไม่ได้หยุดจนกว่าเธอจะรับสาย
มันเป็นเรื่องที่ชวนหัวมากเมื่ออิจิโกะไม่เคยปิดเสียงมือถือ เพราะอย่างน้อยก็ไม่เคยมีใครอาจหาญพอที่จะกล้าโทรศัพท์มาปลุกคนอย่างเธอในตอนเช้าตรู่
หากเจ้าตัวที่สะลึมสะลืออยู่ก็เลื่อนมือขึ้นไปคว้าเครื่องมือสื่อสารจากใต้หมอน กดกลับตอบรับโดยไม่แม้แต่จะดูรายชื่อคนที่โทร.เข้ามา
ครั้นได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกอันไม่น่าอภิรมย์ก็จะทำให้เธอต้องเดาะลิ้น งึมงำตอบรับปลายสายผ่านน้ำเสียงแหบแห้งไปว่าอะไรบ้างก็ไม่รู้
พอคิดว่าจะกลับไปนอนหลับต่ออีกสักนิดสมองก็ดันตื่นตัวเข้าแล้วให้อิจิโกะเป็นต้องยอมแพ้
กระนั้นเธอก็ยังคงนอนหลับตากอดตุ๊กตาตัวใหญ่อยู่บนเตียง ถึงจะเข้านอน ไม่สิ...ผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อนตั้งแต่หัวค่ำแล้วก็ตาม
เนื่องจากว่าอิจิโกะได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นพนักงานเสิร์ฟ
เพื่อนๆ จึงไม่บังคับให้เธอต้องอยู่ช่วยเตรียมสถานที่ในวันก่อนหน้าจนถึงดึกดื่น ที่ถึงแม้ว่าคนขี้เกียจจะไม่อยากทำหน้าที่อะไรทั้งนั้น
นอกจากการออกไปเดินเล่นตระเวนหาของอร่อยๆ กินแล้วกลับมานั่งดูเพื่อนร่วมห้องทำกิจกรรมบนเวทีอย่างสนุกสนานกันไป
แต่พอเจอสีหน้าอ้อนวอนของรองหัวหน้าห้องนิชิฮาตะเข้าไป อิจิโกะก็นึกทำลายความสามัคคีภายในห้องด้วยความเห็นแก่ตัวของตัวเองไม่ลง
และเพราะอย่างนั้นเธอถึงได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ที่ไม่ต้องการ อย่างการได้เห็นเด็กผู้หญิงหน้าตาสะสวยมากจากโรงเรียนสตรีชื่อดังมายืนรออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน
อิจิโกะรู้จักฮานาโซโนะ ชิรายูริ ในฐานะเพื่อนของเพื่อนอย่างโจอิจิโร่ที่เคยได้นั่งร่วมโต๊ะด้วยกันในร้านอาหารครอบครัวครั้งหนึ่ง
รวมถึงคนที่แสดงออกว่าสนใจทากาฮาชิ เคียวเฮ เพื่อนของเธออีกคนอย่างออกนอกหน้า เพราะอย่างนั้นหล่อนจึงโบกมือทักทายเธอด้วยความกระตือรือร้น
ก่อนที่จะเอ่ยปากถามว่า “แล้วเคียวเฮคุงล่ะ?” — อย่างที่อิจิโกะคิดเอาไว้ไม่มีผิด
— โดยไม่มีการอ้อมค้อม
และการได้เห็นเจ้าของนามคนที่ว่าเดินพ้นรั้วโรงเรียนออกมาคนเดียวแต่หัววัน
แทนที่จะอยู่เล่นกีฬาหรือพูดคุยหัวเราะกับกลุ่มเพื่อนเป็นโขยงเหมือนอย่างทุกที ก็จะทำให้อิจิโกะนึกฉุนขึ้นมา
เธอไม่สนใจจะอยู่รอทักทายเพื่อนร่วมห้องเมื่อบอกลาเพื่อนต่างโรงเรียนแล้วย่ำฝีเท้าปึงปังจากไปอย่างรวดเร็ว
อิจิโกะโกรธโจอิจิโร่เสียจนอยากจะโทรศัพท์ไปด่าเรื่องอะไรก็ได้เพื่อระบายความหงุดหงิดใจ
ถ้าไม่ใช่ว่าวันนี้เขาต้องอยู่ช่วยตกแต่งสถานที่ เหมือนกับเพื่อนสนิทอย่างคาซึสะที่ก็คงจะกำลังดี๊ด๊าน่าดูอยู่กับหัวหน้าห้องโอฮาชิ...หรือคนที่หล่อนแอบชอบ และคอยพูดชมเขาให้ฟังอยู่เรื่อยว่านิสัยดีอย่างนั้น น่ารักอย่างนี้
ซึ่งอิจิโกะไม่มีอะไรจะเถียง แม้เมื่อมาถึงเรื่องคนที่ตัวเองแอบชอบแล้วจะเถียงไม่ค่อยลงอย่างเช่นว่าเคียวเฮโง่อย่างโน้น
น่ารำคาญอย่างนั้น หลงตัวเองอย่างนี้ ถึงขนาดวางกระจกเอาไว้บนโต๊ะเรียนเพื่อจะได้จัดแต่งทรงผมหรือส่องดูใบหน้าตัวเองได้ทุกเมื่อ
อาจเป็นเพราะเหตุผลทั้งหมดเหล่านั้นที่จะทำให้เพื่อนสนิทตั้งแต่ประถมคือมนุษย์คนเดียวบนโลกที่อิจิโกะกล้าสารภาพว่าชอบผู้ชายเพี้ยนๆ
แบบนี้โดยไม่อับอาย (อันที่จริงก็อายนิดหน่อย) หลังจากไปร้องคาราโอเกะด้วยกันกับพวกของโจอิจิโร่ในเย็นวันที่คาซึสะต้องอยู่ติวภาษาอังกฤษเพิ่มเติมเพื่อไปแข่งตอบคำถามระดับภูมิภาคกับเพื่อนต่างห้องที่ก็เป็นเจ้าของคะแนนท็อปเหมือนกัน
ก่อนที่อิจิโกะจะแน่ใจว่ามันอาจพัฒนาเป็นความรักเข้าให้แล้ว ในตอนที่เธอกลับบ้านมานอนร้องห่มร้องไห้เพราะคิดว่าสุดท้ายแล้วเคียวเฮอาจจะคบหากับชิรายูริที่ภายนอกช่างดูเหมาะสมกันเสียยิ่งกว่าอะไร
โชคดีที่นัยน์ตาไม่ได้บวมเป่งอย่างที่กังวล
อิจิโกะเลยยังสามารถแต่งหน้ากลบเกลื่อนไปโรงเรียนได้ แม้ว่าจะไม่มีอะไรช่วยปิดบังอารมณ์ที่หม่นหมองและหัวใจที่ห่อเหี่ยวได้เลยก็ตาม
“โย่
อิจิโกะ!”
ไม่แม้แต่ในตอนที่เธอจะได้ยินเสียงตะโกนทักทายด้วยความเริงร่าระหว่างทางไปยังตึกเรียน
ก่อนเด็กหนุ่มตัวสูงกว่าจะวิ่งมาผ่อนฝีเท้าอยู่ข้างกันกับเธอที่วันนี้กลับไม่ยอมหยุดฝีก้าว
หรือจะแค่ขวับมองหน้าแล้วเริ่มต้นลับฝีปากบ่นว่าอะไรก็ตามเท่าที่เธอจะสรรหามาได้
“นี่ๆ
อิจิโกะๆ”
หากเมื่อยังคงไร้สัญญาณตอบรับจากคนที่ก้าวฉับๆ
นำไป เคียวเฮก็จะโดดมาขวางหน้าเธอไว้ เล่นเอาตกอกตกใจจนผงะถอยหลังไปแทบไม่ทัน
“ดูดิๆ
ฉันทำสีผมใหม่มาล่ะ เป็นไงๆ ดูดีใช่มะ!” ครั้นพอได้ยินเขาพูดอย่างนั้น
อิจิโกะเลยอดทำใจแข็งต่อไปไม่ไหวขณะแหงนเงยมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ด้วยรอยยิ้มเผล่เหมือนกับดวงอาทิตย์อันแสนเจิดจ้าที่ยิ่งดูเข้ากับผมสีน้ำตาลทองของเขา
เหมือนกับทุกครั้งคราวที่มันจะส่องสว่างเข้ามาทำให้หัวใจของอิจิโกะพองโตได้อยู่เสมอ
“เมื่อวานฉันถึงได้รีบกลับบ้านไง แต่ทำไปทำมาพี่ฉันดันทะเลาะกับแฟนจนไม่มีกะจิตกะใจจะทำต่อ
ฉันเลยกัดสีได้มากสุดแค่นี้แหละ ทั้งที่ตั้งใจว่าอยากได้สีอ่อนกว่านี้แท้ๆ"
“เพราะนายมัวแต่ไปเดตมากกว่าล่ะมั้ง”
อีกแน่นอนที่คนปากไวอย่างอิจิโกะย่อมอดไม่ได้ที่จะค่อนแขวะ
“ฮะ?
เดตอะไร?”
“กับคุณฮานาโซโนะนั่นไง”
“ฮั่นแน่อิจิโกะ! หึงฉันอย่างที่โจมันชอบแซวป่ะเนี่ย!”
พอถูกยียวนกวนประสาทด้วยเรื่องที่เถียงไม่ออกแล้วเลยทำทีเป็นตัดบทด้วยการเดาะลิ้นแสดงความเหนื่อยหน่ายออกไป
ทั้งที่ในใจไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว อันที่จริงอิจิโกะกำลังลิงโลดเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าเขาไม่ได้ไปทำอะไรกับชิรายูริอย่างที่เธอคิด
ถึงเมื่อวานจะต้องเสียน้ำตาด้วยเรื่องเข้าใจผิดก็ช่างปะไร เพราะนั่นไม่ใช่หรอกหรือถึงเรียกว่าความรัก
หากอิจิโกะก็จะยังคงแสร้งทำเป็นตีสีหน้าบูดบึ้ง เดินผ่านเคียวเฮไปลิ่วๆ ให้เจ้าตัวต้องก้าวยาวๆ
ตีคู่ไปด้วยพร้อมเปล่งเสียงหัวเราะขบขันไม่ได้หยุด
“อิจิโกะ! คนที่รับสายเมื่อกี้คือเธอจริงๆ
ใช่ป่ะ!”
ก่อนคนทั้งสองจะได้หยุดฝีก้าวกันปุบปับเมื่อขึ้นบันไดไปยังห้องเรียนบนชั้นสอง
จากเสียงตะโกนของเพื่อนร่วมห้องคนที่อิจิโกะจะกล่าวโทษว่าเป็นตัวต้นเหตุในหลายๆ เรื่อง...แย่
ซึ่งจะรีบวิ่งมาหาทันทีที่ได้มองหน้าสบตากับเธอ
“ไม่ใช่ฉันจะเป็นผีที่ไหนล่ะ!”
“โห!
เสียงเธอตอนตื่นนอนนะโคตรน่ารักเป็นบ้า! ฉันงี้ใจเต้นเลย! ไม่อยากจะเชื่อ! ทำใจไม่ลงว่ะ!” และคำชมจากคนที่ญาติดีกันไม่เคยได้ก็ไม่ได้ทำให้อิจิโกะรู้สึกดีใจเลยสักนิด!
“หุบปากไปเลยไอ้โจ! อย่าได้บังอาจโทร.มาปลุกฉันตอนเช้าอีก!” เธอยืนชี้หน้าใส่โจอิจิโร่อย่างคาดโทษ “แล้วก็อย่าชอบฉันขึ้นมา...เป็นอันขาด!”
“ก็แหงดิ
ในเมื่อสี่ห้องหัวใจเธอมีแต่...” ว่าแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เธอสลับกับเพื่อนซื่อบื้อของตัวเองที่ดูเหมือนว่าจะยังคงไม่รู้สึกรู้สา
น่าโมโหเสียจนอิจิโกะอดรนทนไม่ไหวจนต้องตะโกนด่า ขณะวิ่งไล่หวดโจอิจิโร่ที่ก็จะรีบเผ่นหนีไปทั้งที่มีกฎว่าห้ามวิ่งบนทางเดินอย่างรวดเร็ว
เมื่อนั้นเคียวเฮก็จะหัวเราะออกมา
忘れないでいつでも キミのそばにいるから
อย่าลืมนะว่าฉันคอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอ
僕ら笑いあえる 今日もサチアレ
พวกเราสามารถหัวเราะด้วยกันได้
วันนี้ก็ขอให้โชคดี
— ซาจิอาเระ, นานิวะ ดันชิ
_______________
_______________
ความคิดเห็น