คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #85 : DRIVE TO THE STARRY ROAD (75%)
เสียอะไรไม่ว่า แต่จะเสียหน้าไม่ได้!
นั่นคือคติประจำใจของอามาโนะ อุจู เพราะฉะนั้นคนปากแข็ง ปากหนัก และปากเสียอย่างเธอ จึงไม่กล้าบอกว่าตอนนี้กำลังตกหลุมรักเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมห้อง เจ้าของที่นั่งแถวข้างๆ เยื้องไปด้านหน้า คนที่อุจูไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกพบด้วยเหตุผลงี่เง่าเหมือนอย่างที่เธอเป็นมาตลอดแค่ว่าไม่ถูกชะตา แต่ก็ไม่ได้เกลียดขี้หน้าอะไร อันที่จริงก็ใช่ว่ารูปลักษณ์เขาแย่หรือนิสัยเขาเสีย เพราะทากาฮาชิ เคียวเฮที่ทุกคนรู้จักไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด เขาหน้าตาดี ตัวก็สูง หุ่นก็ดี เล่นกีฬาก็เก่ง ถึงการเรียนจะครึ่งๆ กลางๆ ค่อนไปทางล่างๆ มากกว่า แต่อย่างกับว่าเรื่องนั้นสำคัญนักหนากับเด็กหนุ่มที่ประกาศว่าเรียนจบไฮสคูลแล้วจะไปเป็นช่างทำผม ไม่ต้องพูดถึงนิสัยที่ไม่มีใครเคยนินทาว่าร้ายเขาเลยสักครั้ง แต่เอาเป็นว่ามีอยู่คนหนึ่งที่ไม่ได้ร้ายแค่ปากแต่ยังรวมถึงนิสัย เลยชอบเอาเขาไปแกล้งแซวให้เพื่อนสนิทตัวเองลับหลัง ทำเอาคนร่าเริงอารมณ์ดีอย่างนิกิถึงขนาดเกือบจะร้องไห้เพราะโดนล้อกับคนที่ทั้งไม่ได้ชอบและไม่คิดจะชอบ! ขณะที่เธอจะต้องเอาหน้าไปมุดดินแน่ถ้าเกิดว่าจะต้องเป็นฝ่ายโดนล้อบ้างเสียเอง
แต่ก็เหมือนกับทุกเรื่องราวความรักที่มักจะมาเยี่ยมเยือนเราไม่ให้ทันตั้งตัว เล่นวีอาร์เวิลด์มาตั้งแต่รุ่นทดสอบเบต้าร้อยวันพันปีก็ไม่ยักกะเคยพบ หรือในตอนที่แค่เข้าไปเดินเตร่หรือเล่นเกมไหนๆ ก็ไม่ยักกะเคยเจอ แต่ในวันที่โชคชะตาฟ้าลิขิต อุจูที่เข้าไปเล่นเกมยิงซอมบี้คนเดียวก็ได้สุ่มทีมสี่คนเข้าร่วมกับปาร์ตี้สามคนของเคียวเฮแบบเหลือเชื่อน่าดู
แค่ว่าเธอทะเลาะกับคนที่บ้านมาจนการออกล่ามอนสเตอร์ที่กำลังติดอยู่ในช่วงนี้ก็ไม่อาจช่วยคลายความขุ่นข้อง ดังนั้นตัวเลือกการฟาดฟันฝูงซอมบี้ที่ดาหน้าเข้ามาแบบไม่ต้องเผื่อเหลือสมองไปคิดถึงเรื่องอะไรอีกจึงเป็นตัวเลือกที่ดึงดูดใจมากกว่า เคียวเฮที่มากับรุ่นพี่ชื่อจูริและโคจิทักทายเธอตามประสาเพื่อนร่วมห้องด้วยความเป็นมิตรดีแบบที่เขาเป็น แต่ก็อีกนั่นแหละที่คนนิสัยเสียและกำลังอารมณ์เสียจะทำตัวหยิ่งใส่ พอออกจากเซฟรูมปุ๊บก็คว้าเอาไม้เบสบอลออกไปหวดไม่ยั้ง ปล่อยให้เพื่อนร่วมทีมทั้งสามคนช่วยกันทำภารกิจไป เพิ่มเติมด้วยการเข้ามาช่วยดึงเธอที่เลือดหมดเพราะเล่นลุยเดี่ยวแบบไม่สนใจใครเลยไม่รู้ต่อกี่ครั้ง
กระทั่งตอนที่เคียวเฮฝ่าฝูงซอมบี้รวมถึงนางแม่มดร่ำไห้ที่ยากเย็นเข้ามาช่วยเธอที่ล้มอยู่ห่างออกไปตั้งไกลคนเดียว เนื่องจากเพื่อนร่วมทีมที่เหลือต้องช่วยกันขนน้ำมันมาเติมเรือพาหลบหนี ตอนที่เขาช่วยจับมือเธอดึงขึ้นเหมือนอย่างทุกครั้ง หากในครานี้จะค้างมันไว้ขณะก้มลงมาจ้องสบตากับเธอ อุจูรู้สึกได้ถึงแรงบีบเล็กน้อยเมื่อเขาบอกว่า “ต่อไปไปกับเรานะ อย่าลุยเดี่ยวคนเดียว เราไม่อยากเห็นเธอตายอีก” และตอนที่เขายิงเอเคคอยคุ้มกันเธอที่อาวุธอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ ด้วยความแม่นยำเอามาก แถมยังเท่เอามากๆ เท่านั้นหัวใจของอุจูก็เต้นผิดจังหวะขึ้นมาทันที
จนทำให้การไปโรงเรียนในวันถัดมากลายเป็นความว้าวุ่น เธอพยายามที่จะไม่เอาแต่มองไปยังทิศทางของเขา แต่สุดท้ายก็ห้ามตัวเองเผื่อว่าจะได้เห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างสักนิดก็ยังดีไม่ได้ทุกที ไม่ว่าจะตอนที่เขาลุกออกไปหรือเดินกลับเข้ามา ทุกครั้งที่เมื่อบังเอิญได้สบตากันเขาก็จะยิ้มให้ หากอุจูก็จะรีบเบือนหลบไปด้วยความอาย ทั้งที่เธอเองก็อยากคุยกับเขานอกเกมบ้างใจแทบขาด แต่เด็กสาวที่กินศักดิ์ศรีเป็นอาหารย่อมไม่มีทางอาจหาญ แค่เล่นเกมเดียวด้วยกันใช่ว่าจะเปลี่ยนความสัมพันธ์กันได้ภายในชั่วข้ามคืนสักหน่อย ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเธอยังเป็นภาระให้พวกเขาแบกอีกต่างหาก บางทีเคียวเฮก็อาจจะคิดแบบนั้น เขาถึงได้ไม่พยายามเข้ามาคุยกับเธอเหมือนอย่างที่คุยกับเพื่อนคนอื่นๆ และอุจูก็ไม่คาดหวังว่าจะบังเอิญโชคดีได้เจอเขาในวีอาร์เวิลด์ที่มีโลกหลากหลายและเกมมากมายอีกในเร็ววัน เพราะเกมชู้ตติ้งแนวแบทเทิลรอยัลที่เขาชอบเล่นกับกลุ่มเพื่อนสนิท แตกต่างจากแนวพัซเซิล จับจังหวะ แฟนตาซี เบาสมอง เน้นเรื่องราว โดยเฉพาะสยองขวัญที่เธอชอบสรรหาทำกับนิกิ (และแทบไม่เคยเจอหนุ่มๆ ในห้องเลยสักคนนอกจากหัวหน้าห้องโอฮาชิ) เป็นประจำ
พอหดหู่มาตลอดทั้งเช้าแล้วหัวใจก็พลอยห่อเหี่ยวมาจนถึงดึกดื่น พาลบอกปัดการเล่นเกมแข่งรถน่ารักกับแมพใหม่ในเวนิสทั้งที่เคยสัญญากับนิกิไว้เสียดิบดี เธอไม่ควรจะมีความลับกับเพื่อนสนิท แต่เพื่อนสนิทคนที่เคยไปไล่แซวให้คนที่ดันมาแอบชอบเสียเองตอนนี้มันก็ออกจะน่าอายเกินไป ใช่จะจำที่ตัวเองเคยพูดกับนิกิที่ยอกย้อนใส่ว่า “แกชอบผู้ชายเล่นเกมเก่งนี่อุจู แถมเป็นเกมยิงด้วยไม่ใช่ ถ้างั้นในห้องเราก็มีเคียวเฮนี่แหละที่เหมาะกับแกที่สุดแล้ว!” ด้วยการโต้ตอบกลับไปว่า “เล่นเกมเก่งแล้วไง! ไม่เห็นจะหล่อ! ยังไงก็ไม่ชอบหรอก!” ไม่ได้
แถมสุดท้ายก็จะดันมาตกหลุมรักเขาจากหน้าตาที่สลัดออกจากความคิดไปไม่พ้นสักทีเข้าจนได้
เพราะอย่างนั้นเธอเลยสำลักโค้กโฟลตที่ยกแก้วขึ้นมาดูดเป็นการใหญ่ เมื่อได้เห็นใบหน้าที่กำลังคิดถึงผ่านบานกระจกนอกสเปซโซดาร้านโปรด ในโลกนีออนมุมโปรด ที่เธอมานั่งเป็นลูกค้าจำนวนน้อยนิดในวันกลางสัปดาห์อยู่ ไม่เพียงแค่นั้น เขาที่เดินอยู่คนเดียวยังผลักบานประตูเข้ามาที่นี่! เธอเลยต้องรีบหันขวับกลับมาก่อนได้ทันสบตา ทั้งที่ไม่มีอะไรที่อุจูอยากทำมากไปกว่าการมองหน้าพูดคุยกับเขาอีกแล้ว ไม่ใช่คนที่เธอทำเป็นเนียนกดรายชื่อผู้ติดต่อไปหา หากเจ้าตัวก็จะทั้งตอบรับและตัดสายทิ้งด้วยความเร็วเต็มสปีดหลังเสียงกรี๊ดดังลั่นว่า “รถจะคว่ำแล้ว!” จนริมฝีปากของอุจูได้แต่เผยอค้างอยู่อย่างนั้น
“แมพใหม่คนเยอะโคตรๆ!”
ให้อุจูเป็นต้องได้สะดุ้งโหยงจากเคียวเฮที่ถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม ด้วยรอยยิ้มที่ทำให้แก้มของเธอร้อนวูบ
“อ้อ ป...ไปมาแล้วเหรอ?”
“พวกโอฮาชิก็ชวนอยู่ แต่พอบอกว่าคนเยอะเราเลยขอบายดีกว่า” เขาไหวไหล่ “ว่าแต่อุจูเหอะ ไม่เห็นไปกับเพื่อน”
“ก็...เหมือนกันแหละ คนเยอะ เราไม่ชอบ” เธอตอบกลับ ทำทีเป็นยกมือขึ้นลูบผมตัวเองเป็นการแก้เก้อ ครั้นจะให้บอกความจริงไปว่าไม่มีแก่ใจอยากเล่นเกมอะไรเลยเพราะมีเขาเป็นสาเหตุก็ไม่ใช่เรื่องที่เข้าที “ว่าแต่เคียวเฮเหอะ มาทำอะไรคนเดียวที่นี่?”
เขาหันไปขอบคุณพนักงานเสิร์ฟ เมื่อหล่อนขัดจังหวะที่เก้กังของเธอแต่ฝ่ายเดียวด้วยการวางแก้วโค้กโฟลต ‘เครื่องดื่มยอดนิยมอันดับหนึ่งของสเปซโซดา!’ ลงบนโต๊ะ หลังจากที่เคียวเฮดูดเครื่องดื่มไปอึกใหญ่ๆ พร้อมกับรอยยิ้มกว้างแบบที่สื่อว่าเขากำลังพอใจ...ขณะที่อุจูต้องกลั้นใจ! แล้วจึงค่อยตอบคำถามก่อนหน้านั้น
“บังเอิญว่าเราผ่านมาทางนี้” ไม่ทันที่คู่สนทนาจะได้พยักหน้าหรือขานในลำคอเป็นการตอบรับ เขาจะก็เอ่ยต่อไปโดยไม่รั้งรอ “หรือไม่ก็มีคนแนะนำที่นี่มา บอกว่าโค้กโฟลตเด็ดมากเลยคิดว่าอยากลองแวะมาชิมดู เราควรจะตอบอะไรแบบนี้ใช่ไหมถึงจะดูไม่น่าสงสัย แต่เราตัดสินใจแล้วว่าไม่อยากอ้อมค้อมให้เสียเวลา ความจริงคือพอเรารู้จากพวกโอฮาชิว่าเจอนิกิอยู่ที่แมพใหม่คนเดียว เราเลยตั้งใจมาที่นี่เพราะคิดว่าจะได้เจอเธอ”
“จ! เจอเราเหรอ!” โชคดีที่อุจูกำลังนั่งมองหน้าเขาอยู่เฉยๆ ปฏิกิริยาของเธอจึงมีแค่การสะดุ้งเฮือกจนตัวโยน ไม่ใช่สำลักอะไรพรวดออกไป
“ก็ตอนอยู่โรงเรียนเธอดูเหมือนไม่อยากคุยกับเรา เราเลยคิดว่าถ้าได้เจอเธอที่โลกอื่นแบบที่ไม่มีเพื่อนคนอื่นอยู่ด้วยเธออาจจะยอมคุยกับเราก็ได้ ถึงจะดูเหมือนเราบีบบังคับให้เธอต้องคุย เพราะเรามานั่งร่วมโต๊ะเองเลยโดยที่เธอไม่ได้เชิญก็เถอะ”
“ม! ไม่นี่!”
“มีคนเคยบอกด้วยว่าเธอไม่ชอบหน้าเรา”
“ก! ก็เปล่านะ!”
ครั้นอีกฝ่ายปฏิเสธด้วยน้ำเสียงแหลมสูงที่ไม่เนียนเอาเสียเลยมาจนถึงตรงนี้ เคียวเฮก็จะหัวเราะออกมา “เราไม่ว่าอะไรหรอก”
อุจูก็เลยเปลี่ยนเป็นงึมงำคำขอโทษที่ใครมันจะมาได้ยินแทน
“รู้ไหมว่าเมื่อวานตอนที่สุ่มเจอเธอเราโคตรดีใจเลย เพราะเราอยากเล่นเกมกับเธอมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ที่เคนโตะเล่าว่าตีมอนกับเธอแล้วโคตรเดือดจนหมอนั่นช็อกไปเลย แต่เมื่อวานเราจะคุยกับเธอก็ไม่กล้า เพราะหน้าตาเธอดูบอกบุญไม่รับสุดๆ แถมยังลุยเดี่ยวแบบไม่กลัวอะไรเลยสุดๆ...”
ก่อนที่จะถูกเบรกจากเจ้าตัวที่กึ่งตะโกนออกมาว่า “หยุดแซวได้แล้ว! เราอายนะ!”
เรียกเสียงหัวเราะขบขันจากเคียวเฮขึ้นมาอีกครั้ง
“เราจะบอกว่าชอบมากๆ เลยต่างหาก!”
พอเขาพูดประโยคต้องห้ามนั้นออกมา แม้จะหมายถึงแค่ความบ้าดีเดือดก็ช่าง แต่หัวใจที่เคยแข็งแกร่งดุจหินผาของอุจูก็คล้ายว่าจะอ่อนยวบยาบลงไป อย่างไอศกรีมวานิลลาที่โปะอยู่บนแก้วเครื่องดื่มอันดับหนึ่งของสเปซโซดา...เพราะตอนนี้เขาคืออันดับหนึ่งของสเปซเลิฟเวอร์! อุจูแน่ใจเลยว่าใบหน้าขาวของตัวเองในยามนี้ต้องกำลังขึ้นสีแดงแปร๊ด เหมือนที่แน่ใจได้ว่าโคมไฟทรงกลมกับหลอดฟลูออเรสเซนต์ในคาเฟ่โทนสีม่วงชมพูพาสเทลที่กำลังส่องสว่างจะไม่ได้ช่วยกลบเกลื่อนให้เลยสักนิด เช่นนั้นคนที่จนมุมก็เลยทำโวยกลบเกลื่อนไปว่า “จะบอกว่าเรามันพวกลุยเดี่ยวแบบคนบ้าทั้งที่ไม่ได้เก่งอย่างเคียวเฮก็พูดมาได้นะ”
“เราก็ไม่ได้เล่นเก่งทุกเกม และเราก็ไม่ได้ชอบคนเล่นเกมเก่งสักหน่อย” เคียวเฮสวนย้อน ความรวดเร็วของจังหวะรวมถึงช่วงเวลาทั้งหมดเหล่านั้นสร้างความประหลาดใจให้กับคนที่ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับเขาเลยเป็นอย่างมาก “ขอพูดตรงๆ เลยแล้วกัน อามาโนะ อุจู เราสนใจเธอตั้งแต่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ถึงตอนแรกจะเพราะเราฝันอยากเป็นช่างทำผมเลยสนใจสีผมที่สวยโคตรๆ ของเธอ แต่เราไม่รู้จะเข้าหายังไงเพราะเธอดูหยิ่งมาก แถมมีแต่คนบอกว่าเธอไม่ชอบหน้าเรา เรารู้ว่าเธอเล่นเกมอะไรบ้างแต่จะทำยังไงก็ไม่เคยสุ่มเจอกันเหมือนที่เธอเจอโอฮาชิหรือเคนโตะ เรายังรู้ด้วยว่าเธอชอบไปกินดื่มที่ร้านไหนแต่ส่วนใหญ่เธอก็จะอยู่แต่กับนิกิ เราก็เลยไม่มีโอกาสสักที จนกระทั่งเมื่อวานที่เราได้เล่นเกมกับเธอเป็นครั้งแรก เหมือนเราได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นล่ะมั้ง ทุกครั้งตอนที่ได้ช่วยเธอ ได้จับมือเธอ เราก็คิดว่าอยากเป็นคนที่ปกป้องเธอขึ้นมาเลย”
อุจูรับฟังคำพูดทั้งหมดนั้นด้วยสีหน้าที่อึ้งงัน ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่คิดไม่ฝันว่าจะถูกคนสารภาพรักได้ยาวเหยียดขนาดนี้ ลิ้นของเธอก็ดูเหมือนจะแข็งทื่อจนควานหาประโยคคำพูดอะไรไม่เจอนอกจาก “เอ๊ะ?”
“ไม่ต้องคิดมาก เราไม่ได้หวังคำตอบอะไรอยู่แล้ว” พูดจบเขาก็ก้มลงไปตักไอศกรีม (เพิ่มพิเศษ!) เข้าปาก แล้วส่งยิ้มที่สื่อความหมายชัดเจนว่าไม่มีทั้งความลังเลในสิ่งที่เอ่ยออกไปก่อนหน้านั้น หรือจะผิดหวังทั้งคำปฏิเสธที่คิดว่าเธอน่าจะเอ่ยหลังจากนี้
แต่หากปล่อยให้วินาทีนี้หลุดลอยไป อุจูก็รู้ว่าเขาจะยอมรับมันแต่โดยดี ขณะที่เธอจะไม่ได้พบโอกาสครั้งที่สามในโลกใบที่กว้างใหญ่เกินกว่าจะมาโคจรบรรจบอีกเลย
“ถ้าอย่างนั้นเราก็จะขอพูดตรงๆ ด้วย” แล้วพลันโพล่งขึ้นด้วยความกล้าที่แม้แต่ตัวเองยังไม่คิดว่าชาตินี้จะมีให้ผู้ชายคนไหนในโลกถึงจะชอบมากขนาดไหนก็ตาม แต่อาจเป็นเพราะว่าเธอชอบเคียวเฮมากขนาดนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เธอตัดสินใจแล้วว่าจะใช้หัวใจมากกว่าสมอง “ทากาฮาชิ เคียวเฮ เราเคยไม่ชอบหน้าเธอแบบไม่มีเหตุผลจริงๆ เพราะเธอก็รู้ว่าคนอย่างเราไม่เคยมีเหตุผล แต่เมื่อวานตอนที่ได้เห็นเธอฝ่าซอมบี้มาช่วยเรา ยิงปืนคุ้มกันเรา เป็นตอนนั้นแหละที่เราคิดว่าเธอเท่สุดๆ แล้วก็ตกหลุมรักขึ้นมาเลย!”
“เอ๊ะ?” สีหน้าของเขาเหรอหราจากคำตอบที่ไม่คาดคิด
“เราไม่อยากได้คนมาปกป้องหรอก แต่แค่คอยอยู่กับเรา ทนความบ้าบองี่เง่าของเรา แล้วถ้าวันไหนเราล้ม ก็แค่ยื่นมือมาช่วยฉุดเราขึ้นก็พอ เคียวเฮจะทำได้ไหมล่ะ!”
และเมื่อเขาหัวเราะออกมา ลุกขึ้นแล้วยื่นมือให้เธอจับกระชับแน่นเหมือนกับครั้งแรกเพื่อเป็นการยืนยัน อุจูก็รู้สึกว่าเธอจะสามารถโบยบินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้ายังสรวงสวรรค์ที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับนับจากนี้ได้
หรือไม่...เธอก็อาจคว้าดวงดาวที่เปล่งประกายที่สุดมาได้แล้วต่างหาก
_______________
มันเป็นเรื่องที่ทำให้ฮาระ นิกิ หนักอกหนักใจลำพังมาได้กว่าสัปดาห์แล้ว ต้นสายปลายเหตุมาจากวันที่อุจูแยกตัวไปล่ามอนสเตอร์ที่เธอยังไม่คิดจะเปลี่ยนวิถีไปเป็นฮันเตอร์ให้ได้โดนล่าเองซะมากกว่า ตอนที่เดินเตร่คิดว่าถ้าอย่างนั้นคืนนี้จะทำอะไรดี ก็ให้บังเอิญเดินผ่านกลุ่มคนที่คุยกันเรื่องเกมเทนนิสน่ารัก (เธอกับอุจูเหมาเรียกเกมที่ภาพสีสันสดใสละลานตาเหมือนหลุดมาจากเครื่องเกมสมัยพระเจ้าเหาอย่างนินเทนโดสวิตช์ว่าเกมน่ารัก) เลยตกลงใจเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นเกมแนวกีฬาที่การันตีฝีมือของเจ้าตัวจากเพื่อนสนิทได้ว่า “ห่วยแตก! กระจอก! ขนาดฉันที่เล่นพอถูๆ ไถๆ ยังทนไม่ไหว แล้วใครหน้าไหนมันจะไปจับคู่เล่นกับแกลง!” แต่บางครั้งถ้าอยากจะมีความสุข คนเราก็ต้องหัดทำตัวไม่แคร์สื่อบ้าง
เหมือนกับผู้เล่นที่ชื่อเร็นเร็น ซึ่งก็จะไม่แคร์สื่อด้วยการระเบิดเสียงหัวเราะหนักมากตลอดเวลาที่ได้จับคู่แข่งกับเธอ เขาไม่ได้แสดงทีท่าว่ารำคาญใจหรือหงุดหงิดใจกับการเล่น — ที่เหมือนไม่ได้เล่น — เพราะเธอแทบจะตีลูกคืนไม่ได้เลย แต่ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับการถูกเย้ยเยาะให้ได้เสียหน้าก็จะทำให้นิกินึกอับอายขึ้นมา เธออยากจะปากดีแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมได้อย่างอุจูที่คงไม่ยั้งปากตัวเองถึงต่อให้เจตนาของเขาจะไม่ใช่ในแง่ร้าย ทว่าสิ่งเดียวที่นิกิทำได้ก็คือการเดินคอตกงึมงำ เก็บความเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันไว้ในใจเพื่อรอเอาไประบายให้อุจูฟังด้วยความแค้นเคือง
“เราสอนให้ไหม?”
หากในตอนที่เดินขยับปากมุบมิบกำแร็กเก็ตออกมาจากสนามได้ไม่ทันไร ประโยคคำพูดที่ฟังอย่างไรก็เจาะจงมาให้เธอจะทำให้การเรียบเรียงถ้อยคำก่นด่าในหัวเป็นต้องหยุดชะงักลง ครั้นเงยหน้าขึ้นมอง นิกิก็จะได้เห็นเด็กหนุ่มคนที่คุ้นหน้า — ถึงอาจไม่ได้คุ้นเคย — จากในโลกความเป็นจริง เขามีชื่อว่าทากาฮาชิ ไคโตะ เรียนโรงเรียนเดียวกัน ชั้นปีเดียวกัน แต่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ถึงอย่างนั้นนิกิก็รู้จักเขาที่เป็นเพื่อนร่วมก๊วนของเก็นตะซึ่งนั่งติดหน้าต่างฝั่งประตูข้างหน้าเธอ อันที่จริงไม่ใช่แค่นั้น เมื่อเขาคือคนที่เธอเคยหยิบยกขึ้นมาสนทนากับอุจูว่าไม่เห็นจะหล่อ หน้าตาก็ดูหมองๆ แถมผิวคล้ำตั้งขนาดนั้นนี่เอาเวลาไปทำอะไรมา (“เขาไม่ได้เอาแต่นอนง่อยอยู่บ้านเหมือนแกกับฉันนี่!” อุจูเถียง) แล้วทำไมเขาถึงได้เป็นคนดังที่สาวๆ ในโรงเรียนแทบจะทุกชั้นปีแอบชอบกันนักหนา ถึงขนาดค้านหัวชนฝากับอุจูที่พยายามโต้แย้งแทนเขาอย่างสุดกำลังไม่แพ้กันว่า “ฉันว่าเค้าก็น่ารักดีออก นิสัยก็ดีด้วย แต่อาจเพราะแกชอบทากาฮาชิห้องเรามากกว่ามั้ง!” เป็นอันจบหัวข้อสนทนา ก่อนที่จะวางมวยกันให้หนักข้อไปกว่านี้
หากในวินาทีที่ทากาฮาชิอีกห้องส่งยิ้มมาให้เธอ เท่านั้นหัวใจของนิกิก็เต้นผิดจังหวะขึ้นมาทันที
ขณะที่ปุบปับทากาฮาชิห้องเดียวกันก็จะมาสนิทสนมกับเพื่อนรัก — ที่เขามารักด้วยตอนไหน! — ของเธอ นิกิไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่าเรื่องผิดประหลาดแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง พอถามด้วยความสอดรู้ เจ้าตัวก็จะเอาแต่บอกปัดไปก่อนว่ายังไม่มีอารมณ์อยากจะเล่า เหอะ! สงสัยจะกลัวเสียหน้าเพราะเคยเอามาล้อให้เธอบ่อยๆ ล่ะสิท่า! อยากรู้นักว่าถ้าเธอเกิดชอบทากาฮาชิคนนี้ขึ้นมาจริงๆ คนสวยเริ่ดเชิดหยิ่งนักหนาอย่างยัยอุจูจะมาแย่งไปอยู่ไหม แต่อย่างไรมันก็เป็นแค่เรื่องในความคิดที่เป็นไปไม่ได้ ทั้งในแง่ที่เธอจะชอบเขาหรือว่าเขาจะมาชอบเธอ เพราะคนเดียวที่นิกิอยากให้เป็นความจริงต่างหากคือเด็กหนุ่มที่จะเดินมาหาเก็นตะเหมือนอย่างทุกวัน ทว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปไม่เหมือนทุกวันคือเขาจะเผื่อแผ่รอยยิ้มและคำทักทายแม้เพียงแค่ “สวัสดี” มาให้เธอด้วยเสมอๆ เพราะช่วงเวลาเล็กน้อยที่ได้ใช้ร่วมกันในสนามเทนนิสของเวลาเย็นย่ำเกือบทุกวันก่อนที่อุจูจะเข้าเกมมาในตอนหัวค่ำ ก็ช่วยทำให้นมรสกาแฟที่เธอดื่มอยู่ทุกเที่ยงกลายเป็นรสหวานจับใจขึ้นมาทันที
นิกิเลยแสนจะดีอกดีใจที่อุจูประกาศกร้าวระหว่างเดินเข้าโรงเรียนด้วยกันมาว่า “ฉันคงต้องงดเล่นเกมกับแกสักพักจนกว่าจะหมดอีเวนต์ฮอลิเดย์ จอย เฟสต์!” ที่จะยิงยาวถึงกว่าสองสัปดาห์ หล่อนดูจริงจังมากขนาดทิ้งเธอไปวิเคราะห์จุดอ่อนของเหล่ามอนสเตอร์ตัวใหม่ในช่วงอีเวนต์กับพวกเคียวเฮ โอฮาชิ และเคนโตะทุกพักได้อย่างหน้าตาเฉย พอมีแฟนเล่นเกมเก่งที่สุดในห้องก็ดันจริงจังกับการเป็นฮันเตอร์ที่เคยบอกว่าแค่เล่นฆ่าเวลา ไม่ได้สนใจอยากมีปาร์ตี้กับใครเค้าขึ้นมาทันที ให้นิกิเป็นต้องเบ้หน้าเบะปาก เหอะ! ขอให้ปาร์ตี้แตกแล้วหล่อนโดนมังกรกระทืบตาย!
แต่นั่นก็หมายความว่าเธอจะได้มีโอกาสเล่นเกมคนเดียว...หมายถึงกับไคโตะที่จะคอยทิ้งข้อความในเกมไว้ให้ นิกิจึงไม่ต้องหาข้อแก้ตัวอะไรให้เพื่อนซี้ที่ก็ใช่ว่าจะสนใจเรื่องของเธออยู่แล้วได้มีพิรุธ เพราะท้ายที่สุดเธอก็จะทนเก็บพิรุธกับตัวเองเอาไว้ไม่ไหวแล้วหลุดปากออกไปเองอยู่ดี
_______________
ความคิดเห็น