คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #234 : True Colors
สิ่งที่น่าเบื่อหน่ายที่สุดสำหรับคามิยะ เรมิเอะในเวลานี้ไม่ใช่เสียงอึกทึกและบีทหนักๆ จากลำโพงรอบทิศ จนทำให้คนที่ตัวร้อนรุมๆ จากพิษไข้มาตั้งแต่บ่ายรู้สึกปวดหน่วงศีรษะอย่างกับว่ามันจะระเบิดออกมาแต่ประการใด หากเป็นเพราะชายหนุ่มที่กำลังเดินทักทายคนโน้นที ชนเครื่องดื่มกับคนนี้ที แค่บังเอิญหันไปสบสายตาแล้วเผลอหลุดสีหน้าอ่อนล้าเข้าหน่อยก็เป็นต้องประกบปากกับสาวสวย พร้อมสายตาที่จงใจจะยั่วโมโหมาทางเธออยู่ได้นั้นต่างหาก ที่เรียกความเบื่อหน่ายไปจนถึงขั้นหงุดหงิดใจให้แก่เธอ
แต่ลำพังแค่ตำแหน่งผู้ช่วยส่วนตัวจะทำอะไรได้นอกจากนั่งแหง็กอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ตามคำสั่งอย่างอดทน ตราบเท่าที่เงินเดือนมากโขยังค้ำคอเธออยู่ ถึงจะแลกมาด้วยการถูกปฏิบัติอย่างไม่แยแสก็ช่างปะไร
“ดื่มด้วยกันไหมครับ?” เธอค่อยเปิดเปลือกตาโดยไม่ขยับเปลี่ยนตำแหน่งแขนที่เท้าอยู่กับบาร์เรืองแสงวิบวับ ส่งรอยยิ้มบางเบาเมื่อสั่นหัวปฏิเสธคำชักชวนภาษาอังกฤษนั้นอย่างสุภาพ ขืนปล่อยแอลกอฮอล์เข้าเส้นเลือดในสภาวการณ์แบบนี้ มีหวังจุดจบคงไม่พ้นบนเตียงที่โรงแรมไหนสักแห่งกับนายแบบนัยน์ตาฟ้าสุดฮอตนี้แน่ จะว่าไปแล้วปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น เพราะเธอไม่เคยเดือดเนื้อร้อนใจอะไรกับความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน ถ้าเพียงแต่เวลานี้เธอจะไม่ได้ถูกล่ามไว้ด้วยปลอกคอที่มองไม่เห็นกับเจ้าของสายจูงที่นัวอยู่กับสาวคนที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ส้นเข็มสามนิ้วของไฮฮีลหนังแก้วคงจะตอกกลับไปกับผู้ชายแปลกหน้าที่ใส่ใจว่าลิปสติกสีแดงเข้ากับผิวขาวๆ ของเธอมากแค่ไหน ไม่ใช่กับคนที่ไล่สายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเผยอรอยยิ้มหยันแบบนั้นแน่
“มาคนเดียวหรือว่ามารอใครครับ?” เขายังคงเปิดบทสนทนากับเธอด้วยรอยยิ้มกว้าง หากมือก็ลูบไล้ไปตามท่อนแขนผ่านเนื้อผ้าของเดรสสีดำอย่างถือวิสาสะ การแตะเนื้อต้องตัวถือเป็นคนละกรณีกับการนอนกับผู้ชายแปลกหน้า จริงอยู่ที่เธอปล่อยให้ชายแปลกหน้าสามารถสัมผัสส่วนไหนก็ได้หรือจุมพิตริมฝีปากอ่อนนุ่มอย่างลึกซึ้ง แต่กับสัมผัสและการกระทำซึ่งเธอไม่ได้เป็นฝ่ายร้องขอนั้น ไม่ว่าอย่างไรเรมิเอะก็ไม่เคยนึกชอบใจมันได้ลง
“ขอโทษครับ เธอมากับผม”
ก่อนใครคนหนึ่งจะหย่อนตัวนั่งลงไปบนเก้าอี้ข้างกันกับเธอเป็นการยืนยันคำพูดที่เขาตอบรับกลับไปแทน รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นในวินาทีที่หนุ่มต่างเชื้อชาติจะรีบกล่าวขออภัย กลับไปแทรกรวมกับเหล่าผู้คนที่เลื้อยไหลไปตามเสียงเพลงกระหึ่ม
เค้าหน้ายินดีของเธอที่หันขวับไปเจือความฉงนใจไม่น้อยเมื่อเปล่งเสียงทักทาย
“สวัสดีค่ะ คุณฟุคาซาวะ”
เจ้าของนามสกุลจากน้ำเสียงใสร้องขอวิสกี้ ออน เดอะ ร็อคกับบาร์เทนเดอร์ ริมฝีปากวาดโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา บนใบหน้าขาวจัดแบบชาวเอเชียที่รับกันดีกับกลุ่มผมสีน้ำตาลทองจากน้ำยาสังเคราะห์ แต่ก็กลมกลืนเป็นธรรมชาติกับชาวท้องถิ่นที่กำลังปลดปล่อยความสุขบนฟลอร์เต้นรำ และเหล้าเบียร์นานับชนิดในไนต์คลับกลางกรุงนิวยอร์กของคืนวันเสาร์เช่นนี้
“เจสซี่ล่ะ?”
“คงอยู่กับสาวสวยสักหลายๆ คนแถวนี้แหละค่ะ” ให้ทัตสึยะได้หัวเราะร่วนไปกับคำตอบและท่าทีไหวไหล่ไม่ใส่ใจกับคนที่ดำรงสถานะ ‘เจ้านาย’ ของเธอหรือ ‘ลูกพี่ลูกน้อง’ คนสนิทที่อายุห่างกันสี่ปีของเขา ความสัมพันธ์ในแง่ลบระหว่างหัวหน้าและผู้ช่วยส่วนตัวนั้นต่างก็เป็นสิ่งที่อ่านออกและมองเห็นได้ชัดเจนทั่วทั้งบริษัทที่มีบุคลากรจำนวนน้อยนิดตลอดสี่เดือนดีอยู่แล้ว น่าสนใจแค่ไหน? สำหรับทัตสึยะคงต้องบอกว่ามากเอาการอยู่
แต่สำหรับเจ้าตัวคงจะสนุกด้วยหรอก!
“หน้าตาดูซีดๆ นะ”
“เหรอคะ?”
เธอยกทั้งสองมือขึ้นแตะข้างแก้มจนสัมผัสได้ว่าตัวกำลังร้อนจี๋
“ไม่สบายนี่” จู่ๆ มือหนาก็จะทาบลงไปบนหน้าผากผ่านผมม้าที่ปรกบังโดยไม่ทันให้เจ้าตัวได้เบี่ยงหลบ เขาเลิกสนใจแก้วเครื่องดื่มที่วางอยู่และขยับตัวหันมาจ้องสบเธอตรงๆ
“แล้วนี่เจสซี่รู้หรือเปล่า?”
“ช่างเถอะค่ะ” เรมิเอะบอกปัด “ฉันกินยามาแล้ว ไม่สบายนิดเดียวเอง แค่นี้ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ”
“นิดเดียวตรงไหนกัน” อดไม่ได้ที่ทัตสึยะจะเอ็ดอึง จากนั้นจึงเริ่มบ่นว่าลูกพี่ลูกน้องถึงความปล่อยปละละเลยแม้พวกเขาจะไม่ชอบหน้ากันก็ตามที ฟังแล้วก็สะใจดี หากพอเรื่องดำเนินมาถึงตอนที่เขาจะลุกไปลากคอตัวปัญหามาต่อว่าก็ทำเอาเรมิเอะต้องรีบห้ามปรามและย้ำว่าเธอไม่เป็นไรจริงๆ เป็นการใหญ่
“กลับไปนอนพักที่โรงแรมซะไป”
“แต่คุณลูอิส...”
“ทีแบบนี้อยู่ๆ ก็นึกสนใจใยดีกันขึ้นมาซะงั้น?” เขาหยอกกลับไปด้วยรอยยิ้มขัน แต่พอได้เห็นใบหน้าบูดบึ้งของเธอจึงตัดสินใจเลิกยวนต่อ อย่างน้อยๆ ก็ในคืนนี้ “เด็กไม่รู้จักโตแบบมันก็แค่พาเธอมาหาเรื่องกวนประสาทเท่านั้นแหละ ตัวร้อนขนาดนี้กลับไปนอนพักได้แล้ว”
“แต่เจ้านายของฉันคือคุณลูอิสนะคะ”
“แต่พี่ชายของมันคือฉัน” ว่าแล้วก็ยกวิสกี้ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด เดินนำเรมิเอะที่ลุกพรวดขึ้นตามหลังคว้ากระเป๋าถือแนบกับวงแขน ด้วยหน้าที่ตามความเคยชิน จึงเหลียวซ้ายแลขวาพยายามที่จะสอดส่ายสายตามองหาเจ้านายของตัวเอง แต่ก็ไม่พบ ในหมู่นักท่องราตรีนับร้อยที่เบียดเสียดยัดเยียด ทั้งกลิ่นแอลกอฮอล์และบุหรี่พากันคละคลุ้งจนเธอรู้สึกคลื่นไส้ กว่าจะได้ออกมาสูดอาการเย็นบริสุทธิ์ในคืนปลายเดือนตุลาคมบนท้องถนนใหญ่ก็เกือบจะขยักขย้อนเอาอะไรก็ตามที่อยู่ในกระเพาะกลวงๆ ออกมาจนจะแย่
ขณะยืนรอรถลีมูซีนของโรงแรมมารับ เรมิเอะก็พาร่างที่ยืนโงนเงนทั้งจากส้นเข็มสามนิ้วและอาการไข้ไปพิงกับกำแพงอิฐบล็อก พร้อมหายใจเข้าออกด้วยอาการที่ผ่อนคลายกว่าตลอดชั่วโมงครึ่งข้างในนั้นมาก
“คุณฟุคาซาวะไม่ต้องไปด้วยกันก็ได้นะคะ”
แต่เขาก็ไม่เอ่ยว่าอะไรต่อถ้อยคำนั้น เพียงยืนกอดอก มองรถราที่ผ่านไปมาบนท้องถนนเป็นเพื่อนเธอ
ความเงียบก่อร่างขึ้นระหว่างกลาง หากก็หาได้หน่วงหนักเข้มข้นจนรู้สึกอึดอัดเหมือนคนอื่นๆ ที่จริงแล้วมันออกจะสงบดีทีเดียว ราวกับมีออร่าอบอุ่นแผ่ล้อมอยู่รอบตัวเขาให้เรมิเอะที่ไม่คุ้นเคยกับผู้คนนักรู้สึกสบายใจได้ตลอดเวลา เธอยืนหลับตา รับฟังสรรพเสียงความเคลื่อนไหวรอบกายอย่างลอยเลื่อน ใช้เวลาไม่นานนักทัตสึยะก็เอ่ยบอก “ไปเถอะ” แล้วจับข้อแขนเล็กให้ออกเดินไปด้วยกัน
“นอนพักไปก่อนนะ ถึงโรงแรมแล้วเดี๋ยวฉันจะปลุก”
“ขอบคุณมากนะคะ”
เสียงตอบรับของเขาแว่วผ่านเข้ามาในโสตประสาท เช่นเดียวกับความอบอุ่นจากเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่ถูกทาบทับลงไปเบื้องหน้า ขณะที่เปลือกตาสีมุกของเธอบดปิดเข้าหากัน ละทิ้งความเหนื่อยล้าแทนทดด้วยห้วงนิทรารมย์ที่เธอเฝ้ารอคอยในที่สุด
_______________
ความคิดเห็น