คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #74 : DEAD END IN TOKYO ~KITE/カイト~
แม้ว่าการฆ่าจะกลายเป็นชีวิต เป็นเลือดเนื้อ เป็นลมหายใจ เป็นทุกสิ่งที่สลักลึกลงไปข้างในจนถึงท่อนกระดูกที่ห่อหุ้มตัวตนของพระเจ้า — ปีศาจ — ภายใต้ใบหน้าของมนุษย์ที่สวมใส่และหล่อหลอมให้เขากลายเป็นเช่นอย่างทุกวันนี้ แต่ตลอดหลายปีที่ผ่าน นับจากการสังหารไอ้สัตว์เดรัจฉานในครอบครัวให้กระเสือกกระสนแดดิ้นจนถึงวาระสุดท้ายด้วยความตั้งใจของตัวเองแล้ว ก็มีอีกแค่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไคโตะอยากมองดูความอวดดีมากองอยู่แทบเท้าที่เขาจะเหยียบย่ำมัน กระทั่งปลิดลมหายใจนั้นไป ด้วยเจตนารมณ์ของตัวเอง
“ใครจะไปทนไหว! มันอยากเอาฉันตั้งแต่อยู่ในลิฟต์จะตายอยู่แล้ว! พยายามจะเข้ามาเบียดเสียด เอาไอ้หนูที่ตั้งโด่มาจ่อใกล้ๆ ล้วงมือเข้าไปในกระโปรงเพราะอยากแทงเข้าไปให้ได้ แหยะ! น่าขยะแขยงเป็นบ้า!”
สีหน้าของอาเกฮะแสดงความสะอิดสะเอียน ไม่ต่างจากน้ำเสียงแหลมสูงที่ผรุสวาทออกมาเป็นถ้อยคำหยาบคายเกินกว่าจะออกมาจากเจ้าของใบหน้าไร้เดียงสานั้นไม่ได้หยุดหย่อน ขณะใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดคราบเลือดที่อยู่บนคอตรงจุดเดิมย้ำซ้ำอยู่อย่างนั้น ถ้าขืนเธอยังไม่ยอมหยุดการกระทำ อีกไม่ช้าเนื้อหนังที่ก็เป็นสีแดง...หากครั้งครานี้มาจากแรงถูของเธอเอง...จะต้องหลุดลอกออกมา
กระนั้นมันก็ยังทะลุผ่านโสตประสาทเข้ามาข้างในหูของไคโตะ ผสานรวมเข้ากับเสียงรบกวนสูงต่ำไม่เป็นจังหวะ และทั้งหมดนั้นกำลังทำให้เขาปวดหัว ถึงอาจไม่ปรากฏผ่านสีหน้าที่ยังคงนิ่งเฉยในตอนที่กอดอกพิงกำแพงอยู่ไม่ไกล แม้แต่การมองดูศพคว่ำหน้าที่อาบย้อมไปด้วยเลือดแทบทุกตารางนิ้วไม่มีว่างเว้นตรงหน้าประตูทางเข้าจากเธอที่เล่าให้ฟังอย่างมีอารมณ์ว่า “พอเข้าห้องปุ๊บฉันก็รีบหยิบปืนมายิงทะลุหัวมันเลย แต่ทำยังไงไอ้ความขยะแขยงพวกนี้ก็ไม่ยอมหายไป ขนาดยิงมันจนกระสุนหมดแม็กแล้วแท้ๆ เพราะมันง่ายดายเกินไปกับพวกสวะหรือเปล่านะ? พอคิดแบบนั้นฉันก็นึกถึงมีดพกที่แอบขโมยจากนายมา แล้วรู้อะไรไหมไคโตะ ฉันเคยคิดมาตลอดว่าวิธีการฆ่าของนายโคตรสกปรกแถมยังโคตรเสียเวลา แต่พอได้แทงมันลงไปซ้ำๆ ฉันกลับรู้สึกสะใจเป็นบ้า! จนคิดว่ารู้งี้ไม่น่ารีบฆ่ามันให้ตายเลย” ก็ไม่อาจช่วยทำให้ไคโตะกลับมาสงบได้
เช่นเดียวกับการได้เห็นผู้หญิงน่ารังเกียจคนนั้นกำลังแสดงความเดือดดาลออกมา เมื่อมันคือสิ่งที่ไคโตะเคยรักที่จะมองดูความพึงพอใจในตอนที่เธอได้ตระหนักว่าไม่ใช่ทุกสิ่งจะเป็นไปตามที่ตนเองต้องการ ทว่าไม่ใช่กับตอนนี้ เวลานี้ ถึงเนื้อตัวของเธอจะกำลังเปื้อนเปรอะไปด้วยของเหลวเหนียวเหนอะสีแดงฉานซึ่งอาบย้อมอย่างที่ไม่เคยเป็น จากการฆ่าด้วยวิธีที่ไม่เคยทำ และมันก็ทำให้เขาต้องมาตกที่นั่งลำบากด้วยจากการที่เธอโทร.ไปบังคับให้เขาช่วยทำลายหลักฐานเพราะความสะเพร่าของตัวเองแท้ๆ ด้วยคำพูดที่ก็น่ารังเกียจไม่ได้ต่างอะไรกันอย่าง “แต่มีดเป็นของนาย”
ก่อนที่ไคโตะจะพลันโพล่งขึ้นโดยไม่สนใจคำพูดพล่ามของอาเกฮะที่ก็ไม่ได้สนใจว่าเขาจะกำลังรับฟังหรือไม่ว่า “ถ้าเธอแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้...”
เขาไม่ทันได้เอ่ยจนจบประโยคดีด้วยซ้ำ กระนั้นมันก็สามารถหยุดเธอจากทุกการกระทำให้รีบหันขวับมายังทิศทางของเขาอย่างรวดเร็ว
“ไม่ใช่กงการอะไรของนายไคโตะ!”
“ทำไม? กลัวหัวหน้าจะรู้เรื่องของชู้รักเธอมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ดวงตาสีน้ำตาลจากคอนแทกเลนส์ที่แข็งกร้าวของเธอกำลังจดจ้องมองเขาซึ่งพ่นลมหายใจออกมาแสดงความเย้ยเยาะ “แล้วถ้านายบาร์เทนเดอร์นั่นรู้ว่าเธอต่างหากที่น่าขยะแขยง คิดว่าเขาจะยังอยากอยู่กับขยะอย่างเธอไหม?” ยิ่งมันจดเขม็งมากเท่าไหร่ ไคโตะก็รู้สึกเหมือนกับว่าเสียงข้างในหูจะยิ่งเสียดดังมากขึ้นเท่านั้น มันมากเกินไปและกำลังทำให้หัวสมองของเขาหนักอึ้งจนแทบจะต้านทานไว้ไม่อยู่ ไม่มีความเจ็บปวดทางร่างกายใดจะทำให้เขาทุรนทุรายจนอยากคู้ตัวกรีดร้องออกมาให้ดังที่สุดได้มากเท่านี้ เขาต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง แม้แค่เพียงเรื่องเล็กน้อยที่สุดเพื่อบรรเทาอย่างที่เธอเคยมอบมันให้เขาได้ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เริ่มต้นกระทำสิ่งใด ร่างเล็กของเธอก็จะพุ่งพรวดเข้าหาพร้อมกับมีดพกในมือ พวกเขาได้รับการฝึกฝนเทคนิคที่แตกต่างกัน อาเกฮะอาจเก่งเรื่องการล่อลวงเหยื่อหน้าโง่ให้มาติดกับด้วยลมปากหรือการยั่วยวน แต่ไคโตะไม่ใช่เหยื่อหน้าโง่ของเธอ...และไม่มีวันจะเป็น เขามีความว่องไวจากพรสวรรค์และอาจรวมถึงพรแสวงมาเกือบตลอดทั้งชีวิต กับอาวุธคู่ใจที่เปรียบได้กับอวัยวะอีกชิ้นหนึ่งจนสามารถหยุดมือของเธอได้ทันควันแม้ศีรษะจะกำลังระเบิดแตกเป็นเสี่ยงๆ มีดพกถูกปัดกระเด็นลงไปกับพื้นด้วยความรวดเร็วเหมือนกับสถานการณ์ที่กำลังดำเนินไป สถานะของเธอกับเขาพลันสลับสับเปลี่ยน เมื่อเขากดจะแขนทั้งสองข้างของเธอตรึงกับกำแพง บีบมันลงไปอย่างแรงมากจนไม่มีทางที่คนอ่อนแอกว่าจะหลุดจากการเกาะกุมได้พ้น ยิ่งในตอนที่ไม่ได้ระแวดระวังตัวเองเหมือนอย่างที่กระทำต่อเป้าหมายเช่นนี้
“ไม่ขยะแขยงกันแล้วหรือไงไคโตะ?”
แต่เธอก็ยังสามารถโต้ตอบกลับมาได้ในเวลาเพียงชั่วอึดใจ ด้วยคำพูดอวดดีจากริมฝีปากสีแดงที่ยกขึ้นแสดงความเย้ยหยัน เพื่อกดกลั้นความเจ็บปวดที่ไคโตะแน่ใจในเรื่องนั้นยามเพิ่มแรงกดลงไปและได้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเธอ
“ถ้าฉันบอกอาเบะจังว่านายทำอะไรฉัน...”
“ถ้าฉันบอกคุณอาเบะว่าเธอทำอะไรกับใครลับหลังเขา” ไคโตะสวนย้อนถ้อยประโยคเดียวกัน “ความสกปรกของเธอน่ะ ต่อให้จะพยายามเช็ดออกไปเท่าไหร่ก็ไม่ออกหรอก” จากนั้นสะบัดเหวี่ยงข้อมือให้ร่างที่ปวกเปียกร่วงลงไปกองกับพื้น ทั้งอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้พยายามที่จะลุกขึ้น นอกจากลูบข้อแขนที่ขึ้นรอยแดงสลับข้างไปมา
“เลิกยุ่งกับเรื่องคนอื่นสักทีเถอะ”
“เธอพูดเองนะ”
นั่นเองที่จะทำให้อาเกฮะซึ่งเข้าใจเจตนาชัดเจนของอีกฝ่ายหนึ่งเด้งตัวพรวดขึ้นมา แผดเสียงตะโกนใส่หน้าเขาว่า “ถ้าอาเบะจังคิดว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือนาย...”
และก็เป็นอีกครั้งที่ไคโตะจะขัดจังหวะอย่างไม่แยแส หลังจากก้มลงไปเก็บมีดพกที่ได้กลับคืนสู่เจ้าของในที่สุด เสียงข้างในหูของเขาเริ่มทุเลาลงไปได้บ้างแล้วจากการได้กลับมาถือไพ่เหนือกว่า แม้จะยังไม่ทั้งหมดก็ตามที
“เธอคิดว่าหัวหน้าจะโกรธเรื่องความผิดพลาดของฉันหรือการทรยศของเธอมากกว่ากันล่ะ? ถ้าคิดว่าตัวเองเก่งมากนักก็คิดหาทางออกเอาเองแล้วกัน”
แต่ก่อนที่ไคโตะจะได้เดินจากไปแล้วทิ้งเธอไว้กับปัญหาที่ตัวเองเป็นคนก่อ เสียงกระจกที่แตกดังเพล้งก็จะหยุดการเคลื่อนไหวของเขาได้ชะงัก เพียงเพื่อให้ไคโตะได้หันไปเผชิญกับปัญหาน่ารำคาญชิ้นใหม่ที่เธอกำลังก่อ จากเศษกระจกหน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่เธอหยิบขึ้นมากดกรีดลงไปที่ข้างลำคอ ณ จุดที่เธอใช้ผ้าถูมันย้ำๆ ถึงก่อนหน้านั้นโดยไม่รีรอ
“นายต้องช่วยฉันจัดการเรื่องนี้”
นั่นเองที่จะเรียกเสียงหัวเราะเยาะหยันจากเขา “ทำไมถึงคิดว่าทำแบบนั้นแล้วฉันจะช่วยเธอ? ไม่คิดเหรอว่าฉันอาจอยากเห็นเธอปาดคอตัวเองให้ตายไปเลยก็ได้”
“ไม่ เพราะฉันรู้ว่านายอยากฆ่าฉันด้วยมือตัวเองต่างหาก” เลือดสีแดงไหลลงมาจากปากแผลที่ถูกกรีดอ้าออกเป็นแนวยาว มันไม่ได้ลึกขนาดทำให้ถึงตาย แต่ถ้าหากเธอกรีดย้ำซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ช้าเธอจะกลายเป็นอีกหนึ่งศพจากการเสียเลือด และเขาก็รู้ดีว่าเธอกล้าพอที่จะทำมัน หรือไม่...เธอก็แค่กล้าพอที่จะทำแบบนั้นต่อหน้าเขา เพราะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมานั้นถูกต้องทุกอย่าง
เพราะไคโตะเฝ้าฝันมาตลอดเจ็ดปีว่าจะได้ฆ่าผู้หญิงที่จงเกลียดจงชังอย่างช้าๆ ด้วยน้ำมือและคมมีดของตัวเอง
ไม่ใช่รอยกรีดไร้รสนิยมจากเศษกระจกที่เขาไม่อาจยอมรับได้ บาดแผลที่ลำคอของเธอจะทิ้งรอยแผลเป็นน่าเกลียด แต่การแพทย์สมัยใหม่กับมัดเงินปึกหนึ่งที่หัวหน้าโยนให้หมอเถื่อนแลกกับการแพทย์สมัยใหม่จะทำให้มันกลับมาไร้ร่องรอย แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต เมื่อตอนนี้มีเพียงเขาที่สามารถหยุดการกระทำอันไร้หัวคิดของเธอได้ ขณะไคโตะสาวฝีเท้าเดินย้อนกลับไปด้วยความหัวเสียอย่างที่สุดเพื่อแงะเศษกระจกออกจากมือที่เธอยังคงกอบกำไว้แน่นไม่ยอมปล่อยราวกับยั่วยุ และทำให้ฝ่ามือของเขาที่พยายามยื้อยุดถูกบาดเป็นแผลด้วย หากไคโตะก็ไม่มีทางเลือกนอกจากสบถออกมา ก่อนที่จะหยิบผ้าขนหนูวางทาบลงไปเพื่อช่วยกดซับเลือดไว้ บอกให้เธอเข้าไปล้างแผลในห้องน้ำ ส่วนเขาจะจัดการปัญหาให้เธอ “ครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย”
“ฉันจะตอบแทนให้นะไคโตะ!”
น้ำเสียงเริงร่าของเธอที่เปล่งเป็นชื่อของเขาชวนให้รู้สึกสะเอียน แล้วโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เธอที่นั่งอยู่บนโต๊ะก็จะเหวี่ยงแขนข้างหนึ่งเพื่อโน้มลำคอของเขาซึ่งก้มตัวอยู่ลงมา เริ่มต้นกระทำในสิ่งที่ไคโตะเองก็รู้ดีว่าเธอก็กล้าพอที่จะทำมัน ทว่ากลับเป็นเขาเองต่างหากที่ไม่รู้...
ว่าตัวเองจะกำลังตอบรับริมฝีปากของเธอหลังจากชะงักงันไปเพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น
เธอจูบได้อย่างช่ำชองมากเพราะถูกฝึกฝนมาสำหรับเรื่องพรรค์นี้โดยเฉพาะ แต่เขาก็รู้ว่าเธอชิงชังพวกตัณหากลับน่ารังเกียจ จนมักจบงานได้อย่างง่ายดายโดยแลกมาด้วยการเปลืองตัวภายนอกแค่นิดๆ หน่อยๆ ไม่มากไปกว่านั้น แต่เป็นความจริงที่เธอไม่เคยพลีกายให้ใครนอกจากหัวหน้า และนั่นก็จะทำให้หัวหน้าพึงพอใจ จนมอบ ‘ของขวัญ’ ให้กับ ‘เด็กดี’ อยู่เสมอ หากไคโตะก็ไม่เคยรู้ว่าหัวหน้าเป็นฝ่ายมอบมันให้เธอ หรือเธอกันแน่ที่ปรนเปรอให้เขา แต่สำหรับไคโตะ มันใกล้เคียงกับข้อแรกเมื่อเขาไม่อาจควบคุมสัญชาตญาณที่ซุกซ่อนอยู่เอาไว้ได้อีกต่อไป ทุกครั้งที่เขารุกเร้าไล่ต้อนเข้าไป เสียงในหูที่เคยรบกวนมาตลอดก็ค่อยทุเลาลงไป เช่นเดียวกับอาการปวดหัวถึงก่อนหน้านั้น และมันอาจจะมากเกินไปเมื่อเธอเริ่มส่งเสียงประท้วงในลำคอเพราะการถูกบดขยี้ ปิดกั้นเส้นทางจนแทบจะหายใจไม่ออก มือของเธอพยายามดันร่างของเขาออกไปให้พ้นห่าง ไคโตะเคยเกลียดผู้หญิงคนนี้มากจนไม่คิดอยากจะแตะต้อง ทุกครั้งคราวที่เธอเข้ามายั่วโมโหอยู่ใกล้ๆ ก็มีแต่ความขยะแขยงที่รู้สึก ทว่าการพยายามขืนขัดของเธอทั้งที่ตั้งใจจะเป็นฝ่ายเดินเกมก่อนในเวลานี้กลับทำให้ไคโตะรู้สึกดีมากจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว มือของเขารีบเร่งถอดชั้นในส่วนล่างของเธอออกไป หากอาเกฮะคงไม่รู้ว่ารสเลือดของริมฝีปากที่ถูกกัดจะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์พลุ่งพล่านในตัวเขา ยามที่เขาถอนริมฝีปากออกไปในที่สุด ก็คือตอนที่เขาดันตัวตนเข้าไปโดยไม่รอให้เธอได้เตรียมตัว เสียงกรีดร้องและร่างกายที่ดิ้นเร่าของเธอทำให้เขาต้องพยายามกัดฟันแน่นเมื่อค้างไว้
“อาเบะจังต้องฆ่านายแน่”
“เธอทำเองก็ได้นี่นา” เขาเอ่ยกลั้วไปกับเสียงหัวเราะในตอนที่ก้มลงไปเลียเลือดที่ลำคอของเธอซึ่งยังคงเปรอะอยู่ หากการที่ร่างของเธอสั่นไหวขึ้นมาจากเรียวลิ้นและส่วนล่างแค่เพียงน้อยก็จะทำให้ไคโตะแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่
“นายมันทุเรศไคโตะ”
“เธอเป็นคนเริ่มทุกอย่างก่อนเองไม่ใช่เหรออาเกฮะ?” ไคโตะสวนย้อน “ตอนที่ได้เห็นเธอทรมานแล้วตอบโต้ฉันไม่ได้แบบนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกดีเป็นบ้าเลย แต่บางทีอาจไม่ได้มีแค่ฉันที่รู้สึกดีคนเดียวก็ได้ ใช่ไหม?” คำพูดของเขายั่วยุเธอให้รู้สึกอับอายได้มากพอที่จะทุ่มแรงทั้งหมดที่มีเพื่อขืนขัด และไคโตะก็ตัดสินใจไม่รั้งรออีกต่อไปเมื่อเริ่มต้นขยับเข้าออก ในช่วงแรกมันคือความเจ็บปวด เฉกเช่นเดียวกับปลายเล็บของเธอที่กดผ่านเสื้อเชิ้ตและทะลุเข้าไปในเนื้อหนังให้ได้รู้สึก ที่เขาต้องการรู้สึกมากกว่านั้น ยามเลื่อนมือข้างขวาที่เปรอะไปด้วยของเหลวจากฝ่ามือที่ถูกกรีดและบาดแผลนั้นอาจกำลังอ้าออกลงไปประสานกับอีกข้างหนึ่งของเธอ
แต่ยิ่งมันตอดรัดมากขึ้นเท่าไหร่ ไคโตะก็ยิ่งไม่อาจห้ามตัวเองด้วยการกระแทกกระทั้นเข้าไปลึกขึ้นจนในที่สุด เสียงด่าทอของเธอเปลี่ยนไปเป็นเสียงกรีดครวญซึ่งเข้ามาแทนที่ และมันคือเสียงเดียวในเวลานี้ที่ไคโตะได้ยิน เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าการได้ปลดปล่อยกับคนที่เกลียดจะทำให้รู้สึกดีได้มากถึงเพียงนี้ ดีกว่าการนอนกับผู้หญิงในย่านเสื่อมโทรมที่ได้มาง่ายๆ ดีกว่าการได้ฆ่าเหยื่อต่ำช้าเลวทรามทั้งหลายที่สมควรตาย ดีกว่าทุกความรู้สึกสุขสมใดตลอดทั้งชีวิตจนในที่สุดมันก็ระเบิดออกมาเมื่อเขาเร่งความเร็วเพื่อดันแทรกเข้าไปให้ลึกที่สุด จนร่างของเธอสั่นสะท้านพร้อมกับภายในที่รัดแน่นขึ้น กับเสียงเรียกชื่อของเขาที่สั่นพร่าเพื่อเร่งเร้า ไม่ใช่เรียวเฮ ไม่ใช่เร็น แต่เป็นไคโตะ — คนที่มอบความปรารถนาอันเร่าร้อนรุนแรงอย่างที่เธอไม่เคยนึกฝันว่าต้องการมันมาก่อน เพียงเท่านั้น ไคโตะก็รู้สึกได้ถึงการหลั่งมากกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิต
ตอนที่เขาทิ้งตัวลงไปทาบทับ กอดรัดเมื่อยามเสร็จสมอย่างแนบแน่นราวกับว่าอยากแทรกลึกเข้าไปเพื่อให้กระดูกข้างใต้นั้นป่นปี้ ประสานเสียงหอบหายใจหนักหน่วงพร้อมกันกับเธอ ก่อนที่จะกดริมฝีปากรสสนิมละเลงลงไปเพื่อช่วงชิง ไคโตะก็รู้ว่านี่จะไม่ใช่แค่ “ครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย”
บัดนี้เขาได้เด็ดปีกของผีเสื้อกลางคืนที่อวดดี เหยียบย่ำ และทำให้เธอมากองอยู่แทบเท้าแล้ว และเมื่อถึงวันที่เขาเล่นสนุกกับมันมากพอจนรู้สึกเบื่อหน่ายแล้ว เมื่อนั้นเขาถึงจะพรากลมหายใจของมันไปด้วยคมมีดของตัวเอง
แม้ว่านั่นอาจจะหมายถึงชีวิตของเขาด้วยก็ตาม
_______________
ความคิดเห็น