ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #134 : LOVE ME, HATE THE GAME | A. Players Of Game

    • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 65


    LOVE ME, HATE THE GAME
    Playlist: EXID – TROUBLE











    .

    เป็นวันที่ย่ำแย่สุดๆ สำหรับคุรุรุงิ ยูคาริ

    หรืออันที่จริงเธอควรต้องบอกว่ามันเริ่มต้นมาตั้งแต่คืนก่อนหน้าที่เธอมีปากเสียงกับมิยาจิกะ ไคโตะ หรือที่ทุกคนเรียกเขาด้วยชื่อเล่นว่าจากะ คนรักที่เพิ่งกลับจากการไปทัวร์คอนเสิร์ตหกจังหวัดในฐานะแบคแดนเซอร์ให้กับศิลปินต่างประเทศที่เธอไม่ยักกะเคยรู้จัก พอลองฟังดูก็ไม่นึกนิยม แต่ประเด็นที่แท้ก็คือไม่มีเงินจะตามไป สมัยที่ยังคบหาเป็นแค่เพื่อนร่วมก๊วนเดียวกัน ต่อให้เขาจะมาสายหรือลืมนัดไปเลยเธอก็ไม่ยักกะรู้สึกรู้สา เพราะถึงอย่างไรเธอกับเขาก็แทบไม่เคยนัดกันไปไหนมาไหนแค่สองต่อสองอยู่แล้ว ครั้นพอขยับสถานะขึ้นมา และการที่จากะจะเผลอนอนหลับยาวจนเลยเวลานัดตอนสองทุ่มด้วยเหตุผลที่ยูคาริเข้าใจได้ว่าเหนื่อย แต่การถูกปล่อยให้แกร่วรออยู่กว่าชั่วโมงโดยไม่มีแม้แต่การตอบรับหรือบอกกล่าวใดๆ ก็จะทำให้รอยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดทั้งวันของยูคาริหุบกลับลงไป พร้อมกับเส้นด้ายของความอดทนที่ขาดผึง

    จนกลายเป็นการระเบิดอารมณ์ใส่คนที่ยังมีหน้ากล้าโทรศัพท์มาหาตอนเธอกำลังจะเข้านอนด้วยอารมณ์ที่พยายามจะสงบ จากเสียงเอเอสเอ็มอาร์ของสายฝนนอกหน้าต่างในช่องยูทูบที่เปิดทิ้งไว้กล่อมตัวเองให้หลับ แต่สุดท้ายก็กลับสงบไม่ลงเมื่อได้ยินน้ำเสียงเร่งร้อนของเขาถึงจะกำลังเอ่ยเป็นคำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะการเฝ้ารอคอยคนรักที่ห่างเหินกันนานถึงกว่าสองเดือนจะทำให้เธอโกรธ และการที่เขาไม่ยอมโต้ตอบอะไรเลยนอกจากปล่อยให้เธอระบายความอัดอั้นตันใจออกมาแต่เพียงฝ่ายเดียวก็จะยิ่งทำให้เธอขุ่นเคือง

    ทั้งที่เขาควรจะรีบถ่อมาหาโดยที่เธอไม่จำเป็นต้องเอ่ยบอก ต่อให้เธอจะยืนกรานว่าไม่ต้อง เขาก็ควรต้องมา ไม่ใช่การปล่อยให้เธอฟูมฟายอยู่กับโทรศัพท์คนเดียวเหมือนคนบ้า กระทั่งในที่สุดจะตัดสายทิ้งหลังกรีดคำพูดที่ไม่ตรงกับใจเลยสักนิดว่า “ตอนนี้ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย!” ที่ยูคาริรู้ว่าผู้ชายแสนดีอย่างจากะจะปฏิบัติตามนั้น แม้แน่นอนว่าเขาจะกำลังกระวนกระวายใจมากแค่ไหนก็ตาม

    ครึ่งปีของการเปลี่ยนจากเพื่อนสนิทมาเป็นคนรักไม่ได้ช่วยทำให้จากะรู้ใจเธอขึ้นมาเลยสักนิด เขาดูจะกลัวโน่นนี่ไปหมดทุกอย่าง เหมือนกับว่าถ้าก้าวพลาดลงไปแล้วสิ่งที่พยายามก่อร่างสร้างมาจะพังทลาย ตรงกันข้ามกับยูคาริที่อยากเห็นความบุ่มบ่ามที่สร้างความตื่นเต้นให้มากกว่านี้ เพราะสิ่งเดียวที่จะพังทลายลงไปก็คือกำแพงในใจที่เธอก่อขึ้นต่างหาก

    แต่เพราะจากะรักเธอมาก...อย่างน้อยๆ ก็มากกว่าความรักในความหมายเดียวกันที่เธอมีให้ พอได้เริ่มต้นคบหากัน เขาก็เลยพลอยได้รู้จักแง่มุมอย่างที่ไม่เคยเห็นสมัยยังเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นเรียนไฮสคูลมาด้วยกัน ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่รู้จักวิธีรับมือกับอารมณ์เสียๆ หรืออ่านความรู้สึกใดๆ ที่เธอมักจะเก็บปากไม่ยอมพูดออกมาให้ตัวเองได้เสียหน้าจนน่าหงุดหงิดใจ

    เข้านอนไปด้วยหัวใจที่ขุ่นมัว แม้จะตื่นนอนเอาตอนบ่ายแก่ๆ ก็ยังไม่หายขุ่นข้อง พอทาคาเบะ รินาริ รูมเมตควบตำแหน่งเพื่อนสนิทที่นั่งกินป๊อปคอร์นดู จูออนรอบที่ร้อยอยู่บนโซฟาเห็นเธอเดินหน้ายุ่งลงมาจากชั้นลอยก็บอกว่า “จากะบอกว่าเย็นนี้จะมาหา งี้ฉันต้องออกไปข้างนอกไหมคุริ?” ยูคาริก็หัวเสียจนต้องตะโกนออกมาว่า “ใครจะมาก็มา! ใครจะอยู่ก็อยู่! ส่วนฉันจะไปเอง!” ให้รินาริเป็นต้องส่ายหัว บ่นกระปอดกระแปดว่าจะหัวฟัดหัวเหวี่ยงใส่ผู้ชายซื่อบื้ออย่างจากะทำไมนักหนา จนโดนเธอเหวี่ยงใส่ไปอีกคนว่าแล้วแกจะเข้าข้างผู้ชายซื่อบื้ออย่างจากะทำไมนักหนา ก่อนรีบผลุบหายเข้าไปอาบน้ำ แต่งหน้าแต่งตัวเร็วๆ จากนั้นหอบกระเป๋าอูเบอร์อีทส์ออกจากห้อง โดยไม่สนใจฟังคำท้วงของรินาริที่บอกว่าฝนจะตกตามคำพยากรณ์อากาศ

     

    ยังแค่มืดฟ้ามัวฝนในตอนที่ยูคาริรับออเดอร์แรกของวัน กระทั่งตอนที่ปั่นจักรยานออกมาจากแมคโดนัลด์ได้ไม่เท่าไหร่ฝนถึงเริ่มลงเม็ด ยูคาริไม่มีความตั้งใจที่จะหลบฝนเพราะการปล่อยให้ลูกค้ารอไม่ใช่ทางเลือก ถึงเธอจะไม่ได้คิดว่าลูกค้าคือพระเจ้าอะไรทำนองนั้น แค่ว่าพอเปียกไปทั้งตัวแล้วก็คิดว่างั้นเอาให้สะใจไปเลยดีกว่า ยังไงวันนี้เธอก็จะไม่กลับไปที่ห้องเพื่อให้จากะมาแสดงความเป็นห่วงเป็นใยกับเรื่องงี่เง่าน่ารำคาญอย่างการที่เธอไปลุยฝนมา ใช่ว่าแค่ตากฝนวันเดียวแล้วเธอจะเป็นปอดบวมตายเลยสักหน่อย การที่หัวเธอจะระเบิดจนตายจากความโกรธคนรักที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยยังดูมีความเป็นไปได้เสียมากกว่า รู้ตัวอีกทีก็ปั่นจักรยานด้วยความเร็วเต็มสปีดเท่าที่แรงกายจะไปไหวโดยไม่กลัวถนนลื่นเลยแม้แต่น้อยมาจนถึงปลายทางในจินกูมาเอะจนได้

    คำขอโทษควรหลุดออกจากริมฝีปากสีซีดที่สั่นกึกของยูคาริเป็นสิ่งแรก แต่ทันทีที่ได้มองเห็นชายหนุ่มคนที่เดินลงบันไดข้างตึกมาหา ทันนั้นเองดวงตาของเธอก็จะเลิกกว้าง เช่นเดียวกับถ้อยละล่ำละลักที่ว่า “เอ๊ะ? ค...ไคโตะ?”

    แตกต่างจากเขาที่ปรับเปลี่ยนสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ถึงก่อนหน้านั้นมาเป็นความยินดี — อย่างที่ไม่ควรจะเป็น — ด้วยรอยยิ้มที่แผ่กระจายเต็มใบหน้าในตอนที่ตะโกนเรียกชื่อต้นของเธอเหมือนกันอย่างกระตือรือร้น

    โห ตัวเปียกหมดเลย ไม่คิดว่าฝนจะตกลงมาได้จังหวะพอดี” ทั้งยังลูบเส้นผมที่เปียกลู่ลงไปของเธอ — อย่างที่ไม่ควรจะทำ — แล้วว่า “โทษที เป็นเพราะฉันแท้ๆ” ก่อนเลื่อนมือลงไปวางบนไหล่ให้ยูคาริได้หายใจเฮือกออกมาด้วยไม่ทันได้ตั้งตัว เรียกเสียงหัวเราะจากเขาอย่างที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวแรงขึ้นมาเหมือนกับเมื่อหกปีก่อน

    มาเหอะ เข้าไปเช็ดตัวในห้องฉันก่อน” ฉวยคว้าถุงกระดาษใบใหญ่ไปถือไว้เองด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ดึงข้อมือเล็กของเธอให้ขึ้นไปด้วยกัน ยูคาริได้แต่ปล่อยตัวไปตามแรงฉุดเหมือนที่กระทำต่อแรงโน้มถ่วงอย่างไม่มีความคิดที่จะขืนขัด อาจเพราะความรู้สึกตื่นเต้นอย่างที่ห่างหายไปนาน จากผู้ชายคนที่ก็เหินห่างไปนาน จนยูคาริไม่คิดไม่ฝันเลยด้วยซ้ำว่าชาตินี้จะได้เจอกันอีกในโตเกียวอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ โดยไม่ใช่ทั้งคำถามหรือว่าการร้องขอใดๆ เหมือนอย่างที่จากะคอยทำให้เธอนึกเบื่อหน่ายบ้างบางครั้ง

    และไม่ใช่เหมือนอย่างแปดปีก่อนที่เธอยังเคยเป็นคนรักของเขา

     

     

    นากามูระ ไคโตะ กำลังนั่งเอนหลังถือจอยเกมอยู่บนโซฟารูปตัววีในตอนที่ยูคาริออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อแขนยาวกับกางเกงวอร์มของเจ้าของห้องพัก มันหลวมนิดหน่อยเพราะส่วนสูงที่มากเกินกว่าสิบเซนติเมตร ทั้งยังทำให้ยูคาริรู้สึกเก้อกระดากขึ้นมาพร้อมความละอายใจต่อชายคนรัก แต่มันเป็นสถานการณ์ที่ช่วยไม่ได้ ในเมื่อเธอตัวเปียกซ่กจนน้ำหยดติ๋งลงมาตลอดทางเดิน เสียจนไคโตะต้องจับเธอโยนเข้าไปในห้องน้ำเป็นอย่างแรก บอกว่าจะให้ยืมเสื้อผ้าแห้งไปใส่ก่อนระหว่างที่รอให้ฝนหยุดตก มันก็แค่นั้น

    ถึงยูคาริจะรู้ดีแก่ใจว่าตัวเองไม่ได้คิดแค่นั้นก็ตาม

     

    ขณะที่เดินใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดเรือนผมยาวของตัวเองให้หมาด ยูคาริก็เป็นต้องตื่นตาไปกับการกวาดตาสำรวจดูห้องพักผ่านแสงสลัวของโคมไฟเพดานและหลอดไฟนีออนสีน้ำเงิน ม่วง ชมพู แบบที่เธอวาดฝัน แต่ไม่ได้รับการอนุมัติให้ตกแต่ง มันเต็มไปด้วยข้าวของมากมายอย่างที่ยูคาริคงสาธยายไม่หมด ไม่ว่าจะแผ่นเกม แผ่นหนัง หนังสือการ์ตูน นิตยสาร หรือเครื่องประดับที่เขาวางกองซ้อนกันตรงโน้นตรงนี้อย่างไม่เป็นระเบียบ แม้ไม่ถึงขนาดให้ยูคาริที่ไม่ระวังตัวเดินสะดุดล้มหน้าคว่ำ เหมือนกับห้องพักที่มีชั้นลอยบนชั้นสองของร้านขายเครื่องดนตรีที่เธอกับรินาริร่วมกันแชร์ทั้งค่าเช่าและความรกกับขนาดที่กว้างขวางกว่านี้ แต่ก็ใช่ว่ายูคาริจะดูไม่ออกว่าแมนชั่นขนาด 1LDK บนชั้นสามของไคโตะจะราคาแพงกว่านั้น

    ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อเธอมองเลยผ่านไฟตั้งโต๊ะเพลย์สเตชั่นที่เธอก็มีไปแล้วมองเห็น “โห! นั่นโล่เงินของยูทูบนี่นา! อย่าบอกนะว่าไคโตะเป็นยูทูบเบอร์สตรีมเกม! สุดยอดไปเลย!” เหมือนกับตอนที่ทิ้งตัวนั่งลงไปโดยพยายามเว้นระยะห่างไว้ หากเมื่อไคโตะที่ปิดปากเงียบตลอดคำพูดแสดงความตื่นเต้นอยู่ฝ่ายเดียวของเธอเอ่ยขึ้น คำถามนั้นก็กลับสร้างความประหลาดใจอย่างล้นเหลือให้กับยูคาริ

    “ตอนนี้ไคโตะอยู่กับทีมโมนาร์กเหรอ?”

    “เอ๊ะ?” จนต้องเอียงคอหันขวับไปมอง “ทำไมจู่ๆ ถามถึงจากะขึ้นมาล่ะ?” ด้วยจังหวะที่แทบจะเรียกได้ว่าเหมาะเจาะ เมื่อเครื่องมือสื่อสารที่คั่นกลางระหว่างพวกเขาจะสั่น เธอฝากไคโตะให้ช่วยเอาไปเก็บ เพราะไม่มีทางที่เขาจะไขรหัสหกหลักที่เธอตั้งมั่วๆ โดยไม่มีหลักการอะไรเข้าไปดูได้อยู่แล้ว หรือต่อให้จะได้ ยูคาริก็ไม่คิดว่าตัวเองมีความลับอะไรที่ต้องปิดบังกับเพื่อนเก่า ไม่แม้แต่เรื่องของ จากะจังที่ดูเหมือนว่าจะไม่ละความพยายามกับมิสคอลตั้งสามสายในระยะเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง โดยไม่รอให้เธอเป็นฝ่ายโทร.กลับไปตวาดใส่ ผิดวิสัยของเขาแบบนี้ เห็นทีต้องมาจากลูกยุของยัยรินาริแหง

    “ทำไมไคโตะถึงได้ทุกอย่างที่ควรเป็นของฉันไปหมดเลยนะ?”

    เรียกให้ยูคาริแหงนเงยใบหน้าขึ้นจากหน้าจอที่เธอกำลังชั่งใจว่าจะสไลด์ไปทางไหนดี แล้วอย่างไม่มีเหตุผล จู่ๆ ไคโตะก็จะเอื้อมมือมารั้งลำคอของเธอไว้ ก่อนโน้มใบหน้าเพื่อกดริมฝีปากแนบลงไปโดยไม่ให้ทันตั้งตัว โทรศัพท์ในมือของเธอร่วงหล่นลงไปบนพื้น แต่ความสนใจทั้งหมดของยูคาริไม่ได้อยู่ที่นั่น...ที่คนรักของเธอ...อีกต่อไปแล้ว มือของเขาอุ่น เช่นเดียวกับลมหายใจที่ส่งต่อมาให้อุณหภูมิในร่างกายของเธอร้อนขึ้นจนเหมือนจะไหม้ ยูคาริไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปในแบบนี้ แต่จูบที่ดูดดื่มลึกล้ำและลิ้นที่สอดใส่เข้ามาเพื่อควานไขว่อย่างเชี่ยวชาญมากจนทำให้หัวสมองของเธอตื้อตันอย่างที่ไม่เคยเป็น การกระทำโต้ตอบของตัวเองกลับกลายเป็นความงุ่นง่านที่ราวกับตัวกระตุ้นให้เขายิ่งหลงใหล กว่าในที่สุดถึงจะยอมถอนมันออก กดร่างของเธอที่พยายามหอบหายใจเอาอากาศกลับคืนมาลงไป

    ฉันคิดมาตลอดเลยว่าถ้าได้เจอหน้าเธออีกครั้ง ฉันจะไม่มีวันยกโทษให้กับคนใจร้ายอย่างเธอ รู้ไหม ที่จริงแล้วฉันไม่ได้นึกเป็นห่วงอะไรเธอเลยสักนิดยูคาริ ที่ฉันพาเธอขึ้นมาก็แค่เพราะอยากทำให้เธออับอายที่เห็นชีวิตฉันไปได้ดีกว่าเธอที่เคยคิดว่าตัวเองเหนือกว่า”

    ยูคาริพยายามขืนตัวหลังได้ยินถ้อยคำพูดที่เขากำลังทำให้เธอรู้สึกอย่างนั้น หากไคโตะก็จะกดแรงลงไปบนข้อมือ

    “ตอนที่เธอตกลงคบกับฉันเพราะว่าสงสาร เพราะอยากมีคนคอยตามใจ ฉันรู้เรื่องนั้นมาตลอดแหละ ถึงอย่างนั้นฉันก็คิดว่าสักวันเธอจะชอบฉันได้ แต่หลังจากครั้งแรกเธอก็หลบหน้า ทิ้งฉันไปคบกับผู้ชายคนอื่นโดยไม่มีแม้แต่คำบอกเลิกด้วยซ้ำ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าฉันทำอะไรผิด ถ้าฉันมันแย่เธอก็บอกกันมาตรงๆ สิ เราแก้ไขไปด้วยกันได้ไม่ใช่เหรอ คนรักกันเค้าทำกันแบบนั้นไม่ใช่เหรอ อ๋อ ไม่สิ มีแค่ฉันต่างหากที่รักเธออยู่ฝ่ายเดียวนี่นะ” ด้วยความเจ็บปวดจากเรี่ยวแรงที่ไม่ทอนลงไปเลยให้ยูคาริต้องนิ่วหน้า แต่เธอก็ตัดสินใจว่าจะไม่หลบหน้าหรือร้องประท้วงให้ได้รู้สึกเหมือนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ยิ่งไปกว่านี้ “แล้วพอฉันเกิดไปสนิทกับเด็กผู้หญิงห้องอื่นตอนปีสามเธอถึงเริ่มรู้สึกแบบเดียวกันเหรอ? ทำไม? เพราะฉันไม่ใช่ผู้ชายน่าสงสารที่ชอบเธอคนเดียวแล้วเลยเกิดหวงก้างขึ้นมาเหรอ? ทั้งที่เธอก็คบกับนากามูระอีกคนอยู่เนี่ยนะ เธอนี่มันเหลือจะเชื่อเลย ยูคาริ”

    อย่าพูดอะไรหลงตัวเองหน่อยเลยไคโตะ คิดว่านายในตอนนั้นมีอะไรเทียบกับนากามูระอีกคนได้หรือไง?”

    ทว่าสิ่งที่ไคโตะทำก็คือการเหยียดยิ้ม มองดูดวงตาที่สั่นไหวและใบหน้าที่แดงก่ำขึ้นมากกว่าเดิม ไม่ใช่จากสถานการณ์ แต่เป็นเรื่องที่ทำให้อับอายต่างหาก เพราะหนึ่งในสิ่งที่คนถือดีอย่างเธอเกลียดเป็นนักหนาคือเวลาที่ถูกจับผิด ไม่มีเรื่องอะไรของคุรุรุงิ ยูคาริ ที่ไคโตะซึ่งคอยเฝ้ามองเธอมาตลอดถึงจะถูกกระทำเรื่องแบบนั้นเข้าใส่จะไม่รู้ เพียงแต่เขาในตอนนั้นไม่กล้าพอที่จะทำอะไรเหมือนอย่างที่กำลังทำอยู่นี้

    “แล้วฉันในตอนนี้มีอะไรเทียบกับไคโตะอีกคนได้หรือยังล่ะ?” มือของเขาเลื่อนเข้ามาวางทาบอยู่บนหน้าท้องซึ่งจะหดเกร็งลงไปทันทีเมื่อถูกสัมผัส “ช่วยปฏิเสธหน่อยสิยูคาริ อย่างน้อยๆ ก็ช่วยทำให้ฉันรู้สึกสมเพชตัวเองหน่อยที่ต้องพ่ายแพ้ทุกอย่างให้กับไคโตะของเธอ”

    แต่ดวงตาที่มองลงมาด้วยความเย้ยหยันของไคโตะกำลังเล่นงานทุกความนึกคิดของยูคาริจนแทบบ้า ไม่ต่างจากคำพูดที่ตามมาหลังจากนั้น

    “ฉันจะไม่หยุดแล้วนะ”

    “ฉันก็ไม่เคยขออยู่แล้ว”

    จูบแรกและจูบนับไม่ถ้วนที่เคยน่าเบื่อหน่าย เซ็กซ์ครั้งแรกที่ไปไม่ถึงฝั่งเพราะเมื่อเขาเห็นว่าเธอเจ็บก็หยุดเพื่อปลอบใจถึงเธอจะบอกว่าไม่เป็นไร คนรักคนแรกที่ไม่เคยเติมเต็มอะไรให้เธอได้จนกลายเป็นความเหลือทน บัดนี้จะกำลังมอบทุกสิ่งที่เธอต้องการ...มากกว่าที่ต้องการ เสียงของสายฝนที่ยังคงตกอยู่ภายนอกบานหน้าต่าง เสียงของโทรศัพท์มือถือที่ยังคงสั่นต่อเนื่องอย่างไม่ลดละ หากมีเพียงเสียงย้ำซ้ำเรียกชื่อเธอผสานไปกับลมหายใจที่หอบสั่นซึ่งชัดเจนที่สุด เลือดที่สูบฉีด หัวใจที่กลับมาเต้นรัวแรงเหมือนกับหน้าห้องเก็บอุปกรณ์ตอนที่เธอหันขวับมากระแทกเข้ากับแผ่นอกของคนตัวสูงกว่า และสิ่งที่ไคโตะทำในตอนนั้นก็คือการคว้าเอวของเธอไว้กับมุมปากที่ยกขึ้นข้างหนึ่ง เพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้นก่อนเดินจากไปพร้อมกับลูกบาสในมืออีกข้างหนึ่ง โดยไม่มีทั้งคำพูดหรือคำขอโทษน่ารำคาญอย่างที่เคยเป็นมานับจากการเลิกรา หากนั่นก็คือครั้งแรกนับจากการเลิกราที่ยูคาริได้มองเห็นไคโตะในแง่มุมที่เปลี่ยนไป

    ก่อนห้วงความคิดจะกระจัดกระจายไปกับช่วงสุดท้ายที่เขากอดรัดเธออย่างแนบแน่น ยูคาริก็ได้แน่ใจว่าแท้จริงแล้ว เธอเฝ้ารอเพียงนากามูระ ไคโตะคนนี้เท่านั้นที่จะมอบความปรารถนาทั้งหมดให้อีกครั้งมาโดยตลอด












    2022年02月22日
    _______________
     แต่งเสร็จเกลาเสร็จตั้งแต่หลังวาเลนไทน์แล้ว แต่เพราะกูต้องมีฟิคให้ทราจา (อุมิ) สักเรื่องลงวันที่ 22 ซึ่งก็มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวที่แต่งเสร็จแล้ว กร๊าซ พ่นไฟ TvT อะไรยังไงไม่รู้ แต่กูรู้สึกได้ว่านี่คือฟิคที่จะไปต่อได้อย่างน้อยก็...สองตอน เพราะพอเข้าเดือนสองมากูฟังแต่เพลงป๊อป/อินดี้/จอห์นนีส์ แล้วก็หยิบเรื่องนี้มาแต่งได้แบบเพลินมาก (หมายถึงพาร์ทบนก่อนเจออุมิ เพราะข้างล่างแม่งกูแก้เป็นสิบกว่าจะเจอที่เปิงใจ orzขอบคุณ +81 ที่เบลสเราด้วยพร จากปณิธานที่ว่าจะไม่แต่งเอโระในเดือนแห่งความรักก็ช่างมงช่างมัน เลิกปลอม! (อันนี้มึงด่ากู) เพราะอุมิคนเดิมกลับมาสู่ +81 แล้วจ้าพี่! (ไม่บอกหรอกว่าเพลงกัมบาริมาโช) และขอบคุณละครเรื่องอิมาโดคิที่ทำให้กูผันตัวมาแต่งบทอุมิหล่อ รวย ร้าย เหยียด หยิ่ง ใดๆ (ถึงในเรื่องจะเป็นแค่ซาลารี่มังต๊อกต๋อยกูก็บ่สนใจ๋)
     ตอนแรกไม่ได้คิดจะบรรยายงานห้องอะไรขนาดนี้ แต่ตอนไปส่องงานหนังงานละครของคุณนินากาวะแล้วไม่ได้ว่ะ ชอบมาก เว่อร์มาก เลยว่างั้นปล่อยผีลงเรื่องนี้ไปเลยแล้วกัน นึกภาพว่าได้งบนฟ โปรดักชั่นเอามาลงกับงานฉาก คอสตูม ใดๆ ส่วนพล็อตช่างมันโว้ยมึง! TvT ตอนแรกห้องอุมิจะกว้างมาก เป็นชั้นลอยด้วย อู้หู แต่ไปเจอแบบห้องของเพื่อนนางเอกในเรื่องที่เป็นอาร์ติสต์แล้วชอบที่ทุกอย่างอยู่ในห้องเดียว (กูยังจำที่ชิเมะบอกว่าอุมิวางเครื่องประดับไว้บนเตาแก๊สได้ไม่ลืม) เหมือนที่กูยึดห้องรับแขกมาเป็นห้องนอน เพราะงั้นห้องกว้างๆ รวยๆ สไตล์โมร็อกโกใดๆ เดี๋ยวยกไปให้เจสซี่แทน ส่วนห้องสีนีออนได้มาจากที่ตัวกูไม่ชอบเปิดไฟตอนดึก แล้วพอดูสตรีมเมอร์ฝรั่งในทวิตช์ก็เห็นเค้าแต่งห้องเป็นแสงสี งานเทกะติกใดๆ เลยโอเค งั้นจองห้องนี้ให้เกมเมอร์เลย ไหนๆ งานของคุณนินากาวะก็มาสายโคมไฟอยู่แล้ว / ส่วนห้องของสองนางเอกคืออะไรที่ชอบมากและอยากแต่งมากมานานแล้วโว้ย ถ้าแต่งฟิคอินดี้อีกสิบเรื่องกูก็จะให้อยู่แบบนี้อีกร้อยเรื่อง ต้นแบบมาจากเรื่อง Carole & Tuesday ที่กูก็รักมากจ้าแบบนี้ (ลิงค์) แต่เก่าๆ ค่าเช่าเลยถูก ส่วนร้านข้างล่างอาจจะเป็นของครอบครัวพี่เซย์ยะ (ประสบการณ์ขับรถเก้าปี) มั้ง ขอกลับไปคิดอีกที
     ทุกคนเรียกยูคาริว่าคุริ มาจากคุ(รุรุงิ ยูคา)ริ ยกเว้นอุมิที่เรียกว่ายูคาริ เพราะเคยเป็นแฟนเก่า / เหมือนที่ทุกคนในชั้นจะเรียกไคโตะว่าอุมิกับจากะ ยกเว้นยูคาริที่เรียกอุมิว่าไคโตะเพราะก็เคยเป็นแฟนเก่า / ส่วนไคโตะทั้งสองจะเรียกกันเองว่าไคโตะ
     เอาจริง แต่งนิสัยยูคาริง่ายมาก ไม่อยากบอกว่าปากไม่ตรงกับใจหรือซึนเดเระใดๆ เอาเป็นว่าผีบ้า ปากหนัก คิดว่าทุกคนต้องเดาใจได้โดยที่ไม่พูด ซึ่งก็มีแค่อุมิที่เดาใจนางได้จ้า (กับรินาริบ้างบางครั้ง) พล็อตของอุมิมาจากการสเตอริโอไทป์รูปสมัยเรียน บทสัม และนิสัยที่ละม้ายคล้ายเพื่อนบ้าเกมที่มาแอบชอบกูสมัยม.ปลาย อิอิ แต่ส่วนของเรื่องรักใดๆ ได้มาจาก Kakafukaka (ที่ไม่สนุกหรอก แต่มีลงโมโนแมกซ์จ้า แร้วถ้าไม่สนุกแต่กูได้ดูเก๊าะต้องแปลว่า >_<) ที่นางเอกได้กลับมาเจอแฟนเก่าอีกครั้งตอนโต พระเอกตอนเรียนเป็นคนเงียบๆ ส่วนนางเอกป็อปมาก แล้วตอนมีอะไรกันครั้งแรกนางเอกก็รู้สึกเหมือนโดนดูถูกเลยหลบหน้านับแต่นั้น พอโตมาได้กลับมาเจอกันที่แชร์เฮาส์แล้วนางเอกก็กลายเป็นชอบพระเอกเฉย เอ้า! ได้ว่ะ! พล็อตละครห้าทุ่มมันก็ต้องกูอยู่แล้วไหม ส่วนชื่อเล่นว่าคุริก็ได้มาจากนางรองในเรื่องที่นากามูระ ริสะจัง ที่รักของกูเล่นเองจ้า / เออว่าไปกูเพิ่งมาสังเกตว่าชอบแต่งให้ครั้งแรกเป็นประสบการณ์แย่ๆ จังวะ แต่วัยเรียนไง ครั้งแรก คนแรกกันทั้งคู่ มันก็งี้แหละไหม 55555
     ตอนแรกกะจะให้อุมิสตรีมแต่ในทวิตช์ แต่พอเห็นคุณชิบุยะฯที่อุมิชอบสตรีมลงทั้งสองก็โอเค ว่าไงว่าตามกัน แต่คงไม่เจาะลึกอะไรมากเพราะกูไม่ได้เล่นเกมที่อุมิจะสตรีม นัดกันเล่นคอนทร้า โดกาปอง โอเวอร์คุกดีกว่าเว้ยพวกเรา 55555 เล่าเลยว่าอุมิอยากเป็นนักเต้นมากกว่าสตรีมเมอร์จริง แต่จะมีเหตุการณ์พลิกผันความฝันเลยไม่เป็นจริง U_U สมัยเรียนเป็นคู่หู W Kaito ที่สนิทกัน พอโตมาก็ห่างๆ กันไปแต่ก็ไม่ได้ทะเลาะหรือเกลียดอะไรกัน อุมิก็สนิทกับเจสสี้ด้วย แต่เจสสี้เป็นพวกเพื่อนเยอะมิตรแยะ เฮไปทุกกลุ่ม / ที่ตั้งชื่อทีมเต้นว่าโมนาร์กเพราะคิดไม่ออก พอเห็นเกมโมนาร์กเลยจิ๊กมาซื่อๆ เมาท์นะ มีแมกประมาณสี่ห้าปีก่อนที่จับนากามูระสองคนมาถ่ายคู่กัน ตอนนั้นเรย์อะกินขาดจริง อุมิหัวทองสมัยนั้นโคตรเด็กน้อย จุ๊หมาน่อยขึ้นดอย T3T / ปล. และตอนหน้าของรินาริมาจริง มาชัวร์ ไม่จกตา เพราะกูอยากแต่งเก็นตะ เอ้ย เจสซี่ พิมพ์ชื่อผิด คีย์บอร์ดมันติดกัน แต่กูจะไม่มาทางสายนี้แล้ว เปลี่ยนแนวให้เจสซี่มาใสๆ น่ารักๆ บ้าง ดีไหมๆ >_<
     และวันนี้ที่รอคอยซึ่งกูดราฟต์ไว้สองอย่างคือ ทราจาเดบิวต์โอเมเดโต้ กับ สุขสันต์วันเนี้ยงๆ เอาล่ะ ทราจามาอัปคลิปกินเค้กที่ไอส์แลนด์ทีวีแล้ว อุมิก็อัพบล็อกขายของแล้ว ฉะนั้นก็แปลว่าวันนี้ไม่มีอะไรแล้ว กลับบ้านโว้ยพวกเรา! แต่ยังไงปีนี้ก็เดแน่! และพรุ่งนี้ทราจาสโตนสโนว์ไปออกรายการทีวีโตเกียวมิวสิคเฟสติวัลด้วยจ้า ปีแรกเลย ฮู่วว >_<
    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×