คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #112 : Have a Good Day!
หลังจากที่กองหนังสือถูกจัดเก็บเข้าชั้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ที่เคยว่างเปล่าถึงก่อนหน้านี้ก็กลับมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยข้าวของจำนวนมากมายจากผู้เช่าห้องรายใหม่ ซึ่งจะล้มตัวลงนอนผ่อนความเมื่อยล้าจากการจัดห้องมาตลอดครึ่งวันเช้า แสงแดดอ่อนๆ และสายลมที่พัดโชยผ่านผ้าม่านสีขาวผืนบางให้พลิ้วไสวในช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ ของฤดูใบไม้ผลิ เป็นเหมือนสัญญาณการเริ่มต้นที่ดีสำหรับยูกิ มิยะ จนนัยน์ตาที่ปิดลงต้องลืมตื่นและเด้งตัวผลุนขึ้นจากเตียง พรวดพราดไปหยิบเอาถุงกระดาษที่มีห่อคุกกี้สไตล์แฮนด์เมดฝีมือตัวเอง ทั้งผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่เตรียมไว้สำหรับเพื่อนร่วมหอพักคนใหม่ตั้งแต่เมื่อเย็นวาน ถึงแม้ว่ามิยะอาจจะไม่ได้มีมนุษยสัมพันธ์ดีมากนัก หากการผูกมิตรสัมพันธ์กับผู้คนนั้นถือเป็นเรื่องที่พึงกระทำ ต่อให้ผลลัพธ์จะออกมาดีหรือไม่ อย่างน้อยก็ถือว่าเธอได้พยายาม
มิยะจึงกอดถุงกระดาษทั้งที่มีเชือกเป็นหูหิ้วไว้แนบอก ด้วยใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มน้อยๆ และหัวใจที่พองโตด้วยความตื่นเต้นเมื่อจับลูกบิดเปิดออกจากห้อง เสียงฝีเท้าที่เดินขึ้นบันไดมาเรียกความสนใจใคร่รู้ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ ที่แม้กระทั่งตัวเธอก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสีหน้าของตนเองในเวลานี้นั้นเป็นเช่นไร?
นอกจากรอยยิ้มกว้างแล้วก็ไม่มีคำพูดอื่นใดอีก ในยามที่เจสซี่ ลูอิสก้าวเร่งฝีเท้าเดินตรงมาหาเธอที่ราวกับถูกตอกตรึงอยู่กับที่ ปล่อยให้เขามาหยุดอยู่ตรงหน้าโดยไม่ปิดบังความดีใจในน้ำเสียงเมื่อทักทายเลยแม้แต่น้อย
“มิยะ! ใช่เธอจริงๆ ด้วย!”
เธอเพียงพยักหน้า รู้สึกได้ถึงแรงบีบที่ถุงกระดาษจนเกิดเป็นเสียงดังเสียดสีกันไปมา
“ย้ายมาพักที่นี่เหรอ?” หากสิ่งที่ชายหนุ่มให้ความสนใจในตอนนี้กลับมีเพียงเพื่อนเก่านับแต่สมัยไฮสคูลเสียมากกว่า
“อื้อ” อีกครั้งที่เธอเพียงแค่พยักหน้าตอบรับด้วยเสียงแผ่วค่อย จากนั้นริมฝีปากสีชมพูก็ขยับขึ้นลงเป็นคำถาม พร้อมกับที่นัยน์ตาสีน้ำตาลของเธอจะจดจ้องมองเขาตรงๆ อยู่ครู่หนึ่ง “แล้วเจสซี่ล่ะ พักที่นี่เหมือนกันเหรอ?”
“ฉันพักอยู่ที่ห้อง 203 นี่เอง เธอพักอยู่ห้อง 202 นี่ใช่ไหม? โชคดีชะมัดเลยที่เราพักอยู่ห้องใกล้กัน”
คำพูดของเขาจะทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัว จนต้องรีบกลบเกลื่อนด้วยการหยิบห่อคุกกี้ยื่นให้แก่เขา เพื่อปกปิดความรู้สึกที่ตีกันอยู่ข้างในใจ มิยะจึงเอ่ยขึ้นก่อนคำพูดของเขาจะส่งมาว่า “ฉันทำมาให้ทุกคนในหอพักน่ะ ไม่ได้พิเศษอะไรหรอก” เสียรวดเร็ว
เพราะมัวแต่แสร้งก้มหน้าจัดของในถุง เธอจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นรอยยิ้มที่เจื่อนลงไปชั่วแว่บหนึ่งของเขา ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเช่นปกติเมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เจสซี่เปล่งเสียงหัวเราะในตอนที่หยิบห่อถุงกระดาษมาพลิกพิจารณาอย่างสนใจ
“ไม่ยักรู้ว่าเธอทำคุกกี้เป็นด้วย”
“เป็นสิ!” คนถูกพาดพิงถึงกับต้องตะโกนเสียลั่น “อร่อยด้วยนะ!”
“ไม่เจอกันแค่ห้าปี เดี๋ยวนี้ชมตัวเองก็เป็นแล้วเหรอ?” เจสซี่ยิ่งดูเหมือนจะชอบใจขึ้นไปอีก เมื่อใบหน้าสดสวยของคนตรงหน้าจะงอง้ำลงไปกว่าเดิม
“ฉันไม่ได้ชมตัวเองสักหน่อย!” เจ้าตัวปฏิเสธเสียงแข็งด้วยอาการฟึดฟัดอย่างที่เจสซี่ไม่คุ้นเคย...แต่ก็พอจะเคยคุ้น “ไม่เชื่อก็ลองชิมดูเลย ถ้าติดใจก็อย่ามาง้ออีกแล้วกัน!”
ครั้นเจสซี่หัวเราะรวนร่า เปิดถุงกระดาษผูกโบสีแดงออก แล้วหยิบเอาคุกกี้อัลมอนด์ขึ้นมากัดชิมเพื่อพิสูจน์ฝีมือตามคำท้า หัวใจของเธอก็เหมือนกับจะเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้งอย่างที่ได้เคยเป็นมาตลอดสามปีที่รู้จัก นั่นทำให้เธอต้องร้องเตือนตัวเองในใจดังๆ ว่า นี่ไม่ใช่เรื่องที่สมควรเลยสักนิด! ในเมื่อตอนนี้เธอเองก็มีคนรักเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ส่วนเขาก็อาจจะมีใครในใจอยู่แล้วก็ได้ แน่สิ! เขาเคยเป็นหนุ่มป็อปปูลาร์ประจำโรงเรียน และมันยังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปในความคิดของมิยะเลยสักนิด จะมีก็แต่ผมสีทองสว่างที่ทำให้เขาดูแปลกตาไปจากเดิม หากนอกเหนือจากนั้นแล้ว เขาก็ยังคงเป็นเจสซี่ ลูอิสที่ดูดีที่สุดในสายตาของเธอเสมอ
“เฮ้ยจริงด้วย อร่อยมากเลย!” เป็นปฏิกิริยาที่ออกมาจากใจจริง จนมิยะไม่รู้เลยว่าควรจะรู้สึกดีใจหรือเสียใจดี สุดท้ายก็เพียงแค่ยกยิ้ม ยืดตัวเชิดใบหน้าโอ่ตัวเองเล็กๆ อย่างภาคภูมิใจกับคำชมที่ได้รับ
“ใครได้เธอไปเป็นแฟนคงจะโชคดีมากแน่ๆ” ก่อนสีหน้าของเธอจะเปลี่ยนเป็นกระตุกวูบ ยิ่งเมื่อเขาเอ่ยประโยคคำถามถัดมาด้วยท่าทีเบาสบายว่า “ว่าแต่เธอมีแฟนแล้วหรือยัง?”
การกระทำกลับไวกว่าความคิดและคำพูดที่พยักหน้าแทนการตอบคำถาม ก่อนจะโยนคำถามเดียวกันกลับไปหาเขาที่จะทำให้เธอประหลาดใจว่า “งั้นเหรอ? แต่ฉันยังไม่มีหรอก”
หัวสมองของเธอตีรันไปหมดกับสิ่งที่ได้ยิน การได้รู้ว่าเขาไม่มีใครมันคงจะเป็นเรื่องดี ถ้าเพียงแต่เธอเองก็จะยังไม่มีใครเหมือนกัน
ครั้นแล้วสายลมก็พัดผ่านบานกระจกเข้ามาราวกับจะปัดเป่าความกังวลให้เบาบาง มิยะเงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มกว้างๆ บนใบหน้าอย่างที่เป็นตัวเธอ...เป็นตัวเธอในแบบที่ดีและเป็นแบบที่เจสซี่ชอบมองดูมันอยู่เสมอ เมื่อนั้นเขาจึงแตะระบายรอยยิ้มกว้างๆ ออกมาเช่นเดียวกัน
“ถ้ายังไงก็ขอฝากตัวอีกครั้งด้วยนะคะ คุณเจ้าของห้องข้างๆ” ด้วยน้ำเสียงล้อเลียนในท้ายประโยคชัดเจน
“ไม่มีปัญหาครับ คุณเจ้าของห้องข้างๆ เหมือนกัน” ซึ่งจะเรียกเสียงหัวเราะและยอกย้อนคำพูดกลับคืนไปเป็นเชิงหยอกเย้า ตามประสาชายหนุ่มคนร่าเริงขึ้นมาได้ “เอาเป็นว่าถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกให้ฉันช่วยได้เสมอเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ เหมือนอย่างสมัยเรียนไง”
“อื้อ ขอบคุณมากนะ” เธอพยักหน้ารับแรงๆ ด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะสดใสไม่ได้ต่าง ความเก้อเขินและกระอักกระอ่วนถึงก่อนหน้าดูจะจางหายไป สถานการณ์ระหว่างเธอกับเจสซี่ราวหวนกลับคืนสู่ปกติที่เคยเป็นมานับแต่สมัยเรียน นั่นคือความรู้สึกดีและวางใจเสมอเมื่อได้อยู่เคียงข้างกัน
ก่อนโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของมิยะจะดังขึ้นขัดจังหวะ เมื่อเธอยกขึ้นดูและเห็นเป็นชื่อเล่นของคนรักจึงรีบลดมันลง หารู้ไม่ว่าเจสซี่เองก็ทันได้มองเห็นมัน แม้ไม่อยากจะให้ช่วงเวลาดีๆ ระหว่างกันต้องสิ้นสุดลงไปไวนัก แต่มิยะก็จำต้องขอตัวก่อน บอกลาเจสซี่ที่โบกไม้โบกมือเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร
คุกกี้ในมือ แสงแดดที่สาดส่อง และสายลมของฤดูใบไม้ผลิ เขามองเห็นต้นและดอกของซากุระสีชมพูที่เบ่งบานอยู่ในสวนผ่านหน้าต่างทางเดิน ทุกอย่างช่างดูดีจนเขาอดไม่ได้ที่จะร้องเรียกเธออีกครั้ง
“มิยะ”
เพราะยังไม่ทันได้ตอบรับสายจากปลายทาง เสียงริงโทนจึงยังคงดังเป็นเพลงประกอบฉากให้แก่พวกเขาทั้งสองคน มันคือเพลงฮิตของศิลปินชายเบอร์ต้นๆ ของญี่ปุ่นนามฟุคุยามะ มาซาฮารุที่วางขายตั้งแต่ปีหนึ่งพันเก้าร้อยเก้าสิบห้า เจสซี่แน่ใจว่าเขาไม่เคยเห็นเธอฟังเพลงเก่าขนาดนี้ตลอดช่วงเวลาที่รู้จักกันมา แตกต่างกับเขาที่เติบโตมากับบทเพลงนี้ตั้งแต่จำความได้เพราะพ่อชอบ ท่อนฮุคของเพลง ‘เฮลโล’ ที่บันทึกอยู่ในเมมโมรี่ของความทรงจำนานนับสิบปีหวนคืนกลับมาให้ได้รำลึกอีกครั้ง
สีหน้าแทนคำถามในยามที่เอียงคอจ้องสบนัยน์ตากลมโตมายังเขา นั่นเรียกความกล้าขึ้นมาอย่างที่ตัวเองก็ไม่คิดว่าจะสามารถขนาดนั้น ไวกว่าที่จะทันรู้ตัว เขาก็พูดทวนประโยคจากเนื้อเพลงท่อนที่เพิ่งจะจบลงก่อนเริ่มต้นขึ้นท่อนฮุคใหม่อีกครั้ง
君と笑顔 つかまえるのさ きっと
ผมมั่นใจว่าจะต้องไขว่คว้าทั้งตัวและรอยยิ้มของคุณมาให้ได้
“เอ๊ะ?”
“ขอให้เป็นวันที่ดีนะ!”
ตัดบทสนทนาก่อนหญิงสาวที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าวเดินจะได้เอ่ยถามอะไรอีก เขายิ้ม มั่นใจว่าเห็นใบหน้าของเธอขึ้นสีระเรื่อที่ไม่ได้มาจากบรัชออนสีชมพูอ่อนจางบนพวกแก้มอย่างแน่นอน
เพียงแค่นั้น เจสซี่ก็รู้ว่าฤดูใบไม้ผลิแห่งความรักและโชคชะตาได้หวนกลับคืนมาอีกครั้งแล้ว
______________
ความคิดเห็น