ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #87 : Electric Dreams (A) Lost

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 64


    Electric Dreams
    Inspiration: Electric Dreams: Real Life (TV Episode, 2017) & Detroit: Become Human (Video Game, 2018)
    Playlist: The Midnight – Lost & Found













    .

    ใบหน้าของเคียวโมโตะ ไทกะไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ แม้หลังลงเครื่องจากสนามบินดีทรอยต์เมโทรมาถึงปลายทางที่สนามบินนาริตะ ยังดินแดนบ้านเกิดเมืองนอนอีกคนละฝั่งซีกโลกที่มีชื่อว่านีโอโตเกียว ซึ่งเขาจากไปตั้งแต่ยังจำความแทบไม่ได้ ฉะนั้นทิวทัศน์ภายนอกบานกระจกใสของพาหนะที่กำลังขับเคลื่อนเข้ามายังตัวเมืองประดาแสงสีนีออน กับอาคารสูงต่ำที่เรียงรายอยู่นับไม่ถ้วน อีกทั้งโครงข่ายถนนโยงใย ป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่ ไปจนถึงโฮโลแกรมโฆษณาทันสมัยเกลื่อนตาในยามค่ำคืน จึงเป็นภาพที่ไม่คุ้นเคยแม้เพียงน้อยของชายหนุ่ม ที่ถึงจะอาศัยอยู่ในเมืองหลวงของแอนดรอยด์มาเกินครึ่งชีวิตจนเรียกขานมันได้อย่างเต็มปากว่า บ้าน ก็หาได้ฟุ่มเฟือยขนาดนี้ไม่จนชวนให้กระอัก ไทกะเกลียดเมืองที่ครึกครื้นทั้งวันคืนราวกับไม่เคยหลับใหลเช่นนี้ยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น เขาเห็นผ่านตามามากพอที่จะรู้ว่าภาพอันหรูหราล้วนเป็นเพียงสิ่งจอมปลอม เสมือนเปลือกนอกที่ปกปิดความโสมมภายใน และนั่นก็คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาคอยปัดปฏิเสธการแวะเวียนไปยังแคลิฟอร์เนียตอนเหนือที่เป็นดั่งความฝันของหนุ่มสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเขาอยู่เนืองๆ หลังประสบการณ์ครั้งเดียวที่เขาคิดว่าเกินทน! ขณะที่ดีทรอยต์เป็นเมืองเทคโนโลยีอุตสาหกรรมขนาดกำลังพอเหมาะ ไปจนถึงสัดส่วนการแบ่งแยกต่างๆ ถึงแม้เปอร์เซ็นต์การตกงานของมนุษย์จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ไม่มีอะไรให้เขาต้องหวั่นวิตก เมื่อครอบครัวของเขาคือหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของบริษัทผลิตแอนดรอยด์ที่พลิกประวัติศาสตร์โฉมหน้าของโลกทั้งใบ เขาแทบไม่จำเป็นต้องกระดิกตัวทำอะไรก็มีกินมีใช้อย่างเหลือเฟือ เช่นเดียวกับมันสมองที่ก็ปราดเปรื่องจนไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ขอเพียงแค่ตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดเขาก็สามารถทำได้ทั้งนั้น ชีวิตอิสระที่ตัดสินใจเลือกเองของเขากำลังจะเริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรก ถ้าไม่ใช่เพราะงานศพของคุณปู่ผู้ซึ่งไม่ยอมละทิ้งบ้านเกิดไปไหน ทั้งที่ได้เคยเผชิญจลาจลหรือปัญหานานับประการในช่วงชีวิตเกือบแปดสิบปีถึงสองครั้งสองคราแล้วล่ะก็ ไทกะจะไม่มีวันกลับมาเหยียบย่างยังดินแดนสกปรกพรรค์นี้เป็นอันขาด

    สมาชิกครอบครัวเคียวโมโตะซึ่งอาศัยอยู่ในดีทรอยต์มีกันทั้งหมดสี่ชีวิต หากลูกชายคนโตกลับเป็นเพียงคนเดียวที่ต้องเดินทางมาที่นี่ ทั้งพ่อกับแม่มีประชุมสำคัญต่อเนื่องมาเป็นเวลาสามวันแล้วจนไม่สามารถปลีกตัวมาได้ หรือถึงแม้ว่าจะได้ ไทกะก็มั่นใจว่าพวกเขาจะหาข้ออ้างต่างๆ นานามาแก้ตัวอยู่ดี เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีเท่าใดนักกับคนทางนี้ ส่วนน้องสาวอายุสิบขวบก็ให้เหตุผลแบบทื่อมะลื่อเลยว่าไม่อยากมาเพราะไม่รู้จักคุณปู่...และไม่ต้องการที่จะรู้จักคุณย่า ฟังดูน่าเศร้าแต่เป็นเรื่องจริง นีน่าเป็นลูกหลงของบ้านซึ่งเกิดหลังพวกเขามาอยู่ที่ดีทรอยต์ได้ประมาณสามปี เป็นช่วงเวลาที่เรียกว่าตัดขาดจากญี่ปุ่นอย่างถาวร เด็กหญิงจึงไม่มีสิ่งใดให้ระลึกถึงเมืองไกลนอกจากนามสกุล เชื้อชาติ และหน้าตา ความผูกพันจึงเท่ากับศูนย์ บ่อยครั้งที่ไทกะนึกหงุดหงิดเธออยู่ไม่น้อย รวมไปถึงพ่อแม่ที่ยอมตามใจน้องสาวคนเล็กทุกอย่าง ไม่ว่าเธออยากทำอะไรหรือต้องการสิ่งใด ถึงต่อให้งี่เง่าแค่ไหน พวกเขาก็พร้อมยอมตามใจทุกอย่าง ถึงอาจไม่ขนาดตรงกันข้าม หากเมื่อไหร่ที่จำเป็น ไทกะจะเป็นคนเดียวที่ถูกบังคับให้กระทำ และเขาก็มักเหนื่อยหน่ายใจเกินกว่าจะต่อปากต่อคำ

    ผ่านมากว่าหนึ่งชั่วโมงสามสิบนาทีแล้ว หลังออกจากสนามบินพร้อมเวลาบนแผงหน้าปัดซึ่งเขาจับจ้องมองทุกคราวที่เคลื่อนสายตากลับมาภายใน แท็กซี่ส่วนบุคคลกำลังมุ่งหน้าพาเขาไปยังหนึ่งในอาคารสูงชะลูดของรปปงงิ อันเป็นแหล่งพำนักปัจจุบันหรืออาจจะสุดท้ายของคุณย่า เขาต้องขอยอมรับว่าไม่มีความต้องการอยากพักอยู่ร่วมชายคากับญาติที่แทบจะเป็นคนแปลกหน้าต่อกันเลย แต่ก็อีกนั่นแหละที่เคียวโมโตะ ผู้ไม่ชอบต่อปากต่อคำไทกะต้องจำยอมทำตามคำสั่งของบุพการีที่เห็นว่าการไปพักที่อื่นทั้งที่เจ้าบ้านเชื้อเชิญมาแล้วนั้นออกจะเป็นเรื่องเสียมารยาท น่าเสียดายว่าถ้าเขารู้จักหัดต่อปากต่อคำเสียหน่อย ก็คงจะสวนย้อนไปอย่างเผ็ดร้อนว่าการไม่ไปร่วมงานศพของผู้ให้กำเนิดนั่นแหละที่เสียมารยาทกว่า

    “ขอให้โชคดีนะครับ”

    “เช่นกันครับ”

    เขาไม่ได้มองส่งยวดยานคันสีดำที่บึ่งทะยานออกไปหลังคำอวยพรจนลับตาแต่อย่างใด เพียงลากกระเป๋าเดินทางใบย่อมเข้าอพาร์ตเมนต์ที่คำนวณด้วยตาน่าจะมีอยู่ราวๆ หกสิบชั้นขึ้นไป ที่นี่ทั้งดูหรูหราและมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีอย่างน่าประทับใจ ชวนให้นึกถึงฟิลลิปส์อพาร์ตเมนต์ที่ดีทรอยต์ของเขาอยู่ไม่น้อย เสียแต่คุณย่าของเขาเป็นเจ้าของห้องชุดชั้นสามสิบเจ็ด ขณะที่ครอบครัวเคียวโมโตะในอีกประเทศหนึ่งเป็นเจ้าของเพนท์เฮาส์ขนาดกว้างขวางทั้งชั้นเจ็ดสิบ พร้อมกับแอนดรอยด์ผู้ช่วยในบ้านอีกหนึ่งตัวที่มีชื่อว่าไคล์ — ตามชื่อตัวเอกในภาพยนตร์ไซไฟที่นีน่าชื่นชอบเป็นนักหนา — และเธอก็ติดแอนดรอยด์หนุ่มผู้นั้นแจยิ่งกว่าสมาชิกในครอบครัวคนไหนๆ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร เพราะพ่อแม่ที่ต่างทำงานยุ่งอยู่ตลอดจนแทบจะไม่ได้เจอหน้ากัน หรือแม้แต่เขาที่ไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นพี่เลยแม้แต่นิดเดียว ขนาดที่นีน่าเคยพูดใส่หน้าว่าเขาไม่มีอารมณ์ของความเป็นมนุษย์ซะยิ่งกว่าไคล์ และเมื่อไทกะพบว่าตนเองไม่ได้รู้สึกรู้สมอะไร จึงแน่ใจว่าคงจะเป็นอย่างที่เธอว่าจริง โลกของเขาไม่เคยมีใครเข้าถึงได้ แม้เพียงผิวเผินก็ยังยากเย็น เขาไม่มีทั้งเพื่อน ไม่มีทั้งคนรัก ไม่เคยรู้สึกรัก ชอบ หรือเป็นห่วงเป็นใยใครกระทั่งครอบครัวของตัวเอง และเขาก็มองไม่เห็นเป็นปัญหาเมื่อคิดว่าไม่เคยปรารถนาต้องการ หากแท้จริงแล้วตนปรารถนาสิ่งใดก็ไม่รู้แน่ เขาเพียงใช้ชีวิตไปวันๆ และอาจไร้เป้าหมายเสียยิ่งกว่าแอนดรอยด์มีข้อบกพร่องที่รอวันถูกทำลายในดีทรอยต์ อย่างไรนั่นก็ไม่เคยนึกชวนสะกิดใจ เหมือนกับคำถามที่ว่ามนุษย์เกิดมาเพียงเพื่อแสดงอารมณ์และปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างเท่านั้นหรอกหรือ?

    ไม่ใช่คุณย่าที่เยี่ยมหน้าออกมาเปิดประตูต้อนรับในตอนที่เขาแตะปุ่มสัญญาณเรียกหาเจ้าของห้อง ถึงจะมีรหัสซึ่งได้มาล่วงหน้าก่อนแล้วเขาก็ยังไม่อยากบุ่มบ่ามเข้าไป อีกครั้งที่อดนึกชื่นชมระบบสแกนรอยนิ้วมือและไอดีของที่นี่ซึ่งสะดวกสบายมากทีเดียวขึ้นมาไม่ได้ แต่เนื่องจากเขาไม่คิดว่าจะอยู่ที่นี่นานเกินสองหรือสามวัน จึงไม่คิดที่จะเป็นส่วนหนึ่งกับอะไรแม้แต่ระบบบันทึกผู้อยู่อาศัย อย่างรวดเร็วจนไม่ทันให้เขาได้มองสำรวจรอบตัว ชั่วอึดใจ ใบหน้าแฉล้มของหญิงสาวก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า หาใช่คุณย่าวัยชราอย่างที่คาดคิดไม่ ให้ไทกะได้ผงะ

    “คุณเคียวโมโตะ ไทกะใช่ไหมคะ?” แม้แต่น้ำเสียงที่เรียกชื่อเขาก็สดใสเฉกเช่นรอยยิ้มกว้างสว่างไสวในยามค่ำคืน ลมหายใจของเขาคล้ายจะขาดห้วงไป ไทกะไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับใครมาก่อน ถึงอย่างนั้น คนที่ถูกเรียกว่าเป็นแอนดรอยด์ไร้ความรู้สึกในร่างมนุษย์มาตลอดก็เข้าใจได้ว่ามันคืออะไร

    เพียงแต่มันยากเกินกว่าที่จะเชื่อว่า...เป็นไปได้

    “คุณยายรออยู่แล้วค่ะ”

    เขาผงกหัวตอบรับโดยไม่ปริปาก รักษาปฏิกิริยาเดิมหลังคลอนแคลนไปชั่วเสี้ยววินาทีได้เป็นอย่างดี ก่อนลากกระเป๋าเดินทางตามร่างแบบบางเข้าไปเพื่อพบกับคนที่เฝ้ารอในความเป็นจริงอันแน่แท้ ไม่ใช่สิ่งเพ้อฝันอย่างหญิงสาวคนที่ไทกะจับจ้องมองแผ่นหลังจนถึงเมื่อครู่

    “ไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้วนะ ไทกะ”

    ครับเขาตอบรับ ทิ้งตัวลงไปบนโซฟากลางห้องรับแขกอีกคนละมุมหนึ่ง ทั้งเฟอร์นิเจอร์ การตกแต่ง รวมไปถึงแสงจากหลอดไฟบนเพดานล้วนแล้วแต่เป็นสีขาวกระจ่างตา มันชวนให้เขานึกไปถึงโรงพยาบาล ไม่ก็โรงงานแอนดรอยด์ในดีทรอยต์ที่เคยเข้าไปเป็นแขกเยี่ยมเยียนหาพ่อกับแม่ เป็นความเจิดจ้าที่มัวพร่าจนรู้สึกสะเอียน หากไม่มีใคร ณ ที่นี้เลยที่จะล่วงรู้ถึงมัน เมื่อมีเพียงหน้ากากไร้อารมณ์ฉาบอยู่บนใบหน้าเฉยเมย

    “ห้องของเรากว้างขวางก็จริง แต่ถ้าเธออยากไปพักที่โรงแรมฉันก็ไม่ถือสาหรอกนะ” ขณะที่พูดเช่นนั้น นางเคียวโมโตะ อิเนโกะที่น่าจะล่วงวัยเจ็ดสิบแล้ว หากยังดูสาวเหมือนช่วงวัยห่างจากมารดาวัยต้นสี่สิบของเขาไม่เท่าไหร่ ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าน้อยอกน้อยใจหรือความหมายในเชิงลบใดๆ ออกมาเลย ตรงกันข้าม มีรอยยิ้มน้อยๆ แต้มประดับอยู่ด้วยซ้ำ และนั่นยิ่งทำให้เขาระลึกถึงมารดาชนิดว่าแทบจะเป็นคนคนเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่น่าแปลกที่บรรยากาศรอบตัวหล่อนให้ความรู้สึกที่ดีกว่าผู้ให้กำเนิดมาก ถึงรสนิยมในที่พักอาศัยจะกำลังรุมเร้าให้เขารู้สึกแย่ ไทกะไม่แน่ใจนักว่าเป็นเพราะย่าของเขา หรือเป็นเพราะหญิงสาวแปลกหน้าที่ผลุบออกมาแล้ววางถ้วยน้ำชาลงเบื้องหน้า เฝ้ารอให้หล่อนพูดจบประโยคแล้วจึงแทรกขึ้นก่อนใครได้เอ่ยอะไรว่า “ชาคาโมมายล์ผสมน้ำผึ้งค่ะ คุณเคียวโมโตะอุตส่าห์เดินทางมาตั้งไกล ดื่มสักหน่อยจะได้ผ่อนคลาย”

    “ขอบคุณครับ”

    เธอยิ้มอย่างพอใจในถ้อยตอบรับ เดินกลับไปยังห้องครัวที่จากมาพ้นสายตาการมองเห็นทั้งสองคู่ ดึงความสนใจของชายหนุ่มให้กลับคืนมา

    “ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่ได้”

    เขาไม่นึกแปลกใจกับวาจาที่เปล่งออกไปของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ถึงจะหมายมั่นมาตั้งแต่ก่อนเดินทางเสียอีก

    เมื่อไทกะรู้ดีว่าคำตอบนั้นอยู่ที่ไหน

    “พ่อเธอคงบังคับมาสินะ” จากนั้นหล่อนจึงเปรยขึ้นมา ทำคอตั้งส่งน้ำเสียงเย้ยเยาะเช่นเดียวกับสีหน้าที่ไม่ปิดบังความรู้สึก “สงสัยว่าทั้งผัวทั้งเมียไม่มีใครอยากมาก็เลยบังคับลูกชายคนโตให้มารับหน้าแทน ทั้งที่ไอ้เรารึก็แค่หวังให้ไอ้ลูกในไส้มาส่งพ่อมันเป็นครั้งสุดท้ายก็เท่านั้น ดูสิ เธอเลยพลอยต้องมาลำบาก”

    “ผมไม่ลำบากอะไรครับ” ไทกะยังคงประหยัดคำพูด เลื่อนสายตามองควันที่ลอยกรุ่นจากถ้วยชาอย่างเลื่อนลอย ไม่คิดว่าอยากเป็นฝ่ายเริ่มหัวข้อสนทนาใดตามประสา ยิ่งเรื่องละเอียดอ่อนของครอบครัวที่ฟังดูก็รู้ว่ามีความไม่ลงรอยแฝงอยู่อย่างเต็มเปี่ยมเช่นนั้นด้วยอีก หญิงชราเองก็รู้ ถึงได้ไม่ต่อความยาว แม้ในใจจะมีเรื่องอยากบ่นว่าเป็นพะเรอเกวียนมากแค่ไหนก็ตาม หล่อนเพียงถอยหายใจออกมา วางตำแหน่งสายตาไปยังหลานชายที่ไม่ได้เจอกันเนิ่นนานเกินกว่าสิบปีด้วยความรู้สึกเอ็นดูเหมือนครั้งยังเยาว์วัย แม้เวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหน และรูปลักษณ์ภายนอกที่เปลี่ยนไปกลายเป็นหนุ่มรูปงามจนสาวๆ ต้องเหลียวหลังมอง หล่อนก็ยังคงจดจำเด็กน้อยเคียวโมโตะ ไทกะที่ภายในแทบไม่แตกต่างอะไรจากยามนี้ได้ คำพูดแต่ละคำเหมือนเกลือกกลิ้งอยู่ภายในและไม่เต็มใจที่จะออกมา หลายคนให้ความเห็นว่าเขาจะโตมากลายเป็นเด็กเก็บกด แต่หล่อนเข้าใจโลกดีพอที่จะรู้ว่าคนประเภทไม่ใส่ใจอะไรนั้นมีอยู่จริง ลองจี้ให้ถูกจุดก็น่าจะเข้าไปในโลกกำแพงกั้นได้ไม่ยาก หากตอนนั้นหล่อนไม่มีเวลามากพอที่จะทำ แน่นอนว่าตอนนี้ก็อาจจะเช่นเดียวกัน

    “คุณยาย ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ”

    หญิงสาวแปลกหน้าที่ไทกะยังไม่รู้จักผู้นั้นปรากฏตัวออกมาอีกครั้งด้วยจังหวะที่พอเหมาะพอดี ก้มหัวแทบจะเก้าสิบองศาให้หญิงชราจนเรือนผมสีดำยาวที่ปล่อยสยายตกลงมาปรกบังใบหน้า

    “ขอบใจหนูชูกะมากนะจ๊ะที่มาอยู่เป็นเพื่อน”

    “ไม่เป็นไรเลยค่ะ ตอนนี้คุณยายก็มีหลานชายมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วนะคะ” ใบหน้าที่ยังคงเปื้อนรอยยิ้มของเธอเบี่ยงกลับมาหาเขา เหมือนขั้วตรงกันข้ามของชายหนุ่มสีหน้านิ่งสนิทที่ค้อมหัวตอบรับน้อยๆ ดูแทบไม่ขยับ หากเธอก็ไม่ถือสาความเป็นมิตรที่มองผิวเผินแล้วอาจถึงระดับติดลบแต่ประการใด ก่อนที่จะสะบัดขวับ ริมฝีปากสีระเรื่อก็ขยับเปิดพลันโพล่งคล้ายกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า “อ้า! เกือบลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันชื่อโคมิยามะ ชูกะนะคะ อยู่ห้องชั้นบนตรงกันพอดี ถ้าเกิดว่ามีปัญหาอะไรก็ยินดีเสมอค่ะ” โดยไม่รั้งรอคำพูดใดๆ จากคู่สนทนาซึ่งแน่ใจว่าคงไม่มีอะไรน่าตื่นตา เธอก็จะเดินย่ำรองเท้าส้นเตี้ยจากไป ทิ้งเพียงแผ่นหลังให้เขาได้มองตามอีกครั้งครา

    “เผอิญว่าเราไม่ค่อยชอบพวกชีวิตประดิษฐ์เท่าไหร่ ก็ได้หนูชูกะกับคนรักนี่แหละที่มาคอยช่วยทำโน่นทำนี่ให้ เธออยู่ที่นี่อาจจะไม่สะดวกสบายนัก”

    “ไม่หรอกครับ อยู่ที่ดีทรอยต์ผมก็ไม่ได้พึ่งพาแอนดรอยด์มากมายอยู่แล้ว”

    ประโยคนี้อาจฟังดูไม่น่าเชื่อเอาเสียเลยสำหรับคนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงของแอนดรอยด์ แต่ก็เป็นความสัตย์จริง ระหว่างไคล์กับเขาแทบไม่มีความผูกพันใดๆ กระทั่งสถานะเจ้านายกับลูกจ้าง ถึงไคล์จะกระตือรือร้นต่อหน้าที่ของตนเองและกุลีกุจออยากช่วยเหลือเขามากพอๆ กับการเป็นพี่เลี้ยงให้นีน่าแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่แอนดรอยด์ผู้ช่วยจะทลายความมึนชาของมนุษย์ประเภทอย่างเขาได้ลง จริงอยู่ที่เขารักความสะดวกสบายจากเทคโนโลยีแทบทุกชนิด แต่ถ้าเป็นเรื่องปัจเจกชนแล้วเขาไม่เห็นว่ามันจะจำเป็นอะไร บ่อยครั้งที่เขานึกรำคาญใจเพียงแค่ได้เห็นหน้าไคล์และกิจวัตรซ้ำเดิมทุกวันเป็นบ้า ชายหนุ่มจึงมีความสุขเป็นนักหนากับแผนการย้ายที่อยู่อาศัยหลังเรียนจบชั้นไฮสคูลหมาดๆ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง ถึงจะไม่ใช่เพนต์เฮาส์หรูหรากับความบันเทิงที่ครบครัน แต่การได้อยู่ในห้องที่แคบลงกว่าเดิมลำพังก็เปรียบดั่งสวรรค์ของเขาแล้ว

    “อย่างนั้นก็ค่อยสบายใจหน่อยนางอิเนโกะยิ้มสรวล ยันตัวเองลุกขึ้นเมื่อเห็นควรแก่เวลา ด้วยรู้แน่ว่าถึงต่อให้พยายามเพียงไรก็คงไม่มีทางที่คำตอบของหลานชายจะคืบหน้าไปไกลเกินกว่าหนึ่งหรือสองประโยค เอาล่ะ เธอเดินทางมาเหนื่อยๆ คงอยากพักผ่อนจะแย่แล้ว ห้องพักของเธออยู่ตรงนั้นนะ แต่ก่อนจะไปพักก็ดื่มชาสักหน่อยเถอะจะได้หลับฝันดี

    ครั้นถูกคะยั้นคะยอ เขาจึงยอมยกถ้วยชาอุ่นๆ ขึ้นแตะขอบปาก ทั้งที่ไม่คิดว่าจะแตะต้องมันเลยถึงแม้คนเสิร์ฟจะเป็นหญิงสาวผู้นั้นก็ตาม กลิ่นหอมละไมและรสชาติของชาผสมน้ำผึ้งที่ไม่เข้มข้นจนเกินไปนั้นล้วนแล้วแต่เข้ากันดี ชวนให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้จริงก่อนเครื่องดื่มอุ่นๆ จะไหลลงผ่านลำคอเสียอีก กระนั้นไทกะก็ไม่คิดว่ามันจะช่วยให้เขา หลับฝันดีสมดั่งสรรพคุณที่หล่อนนำเสนอได้เลย

    ความคิดของเขายังไม่อาจสงบ แม้เมื่อทิ้งตัวลงบนเตียงดับเบิลเบดนุ่มสบายภายในห้องนอนแขก หลังสายน้ำอุ่นๆ ตกกระทบจนรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวจากการเดินทางไกลในพื้นที่แคบๆ ขึ้นมาก เปลือกตาที่ควรจะหนักอึ้งกลับยังคงจดจ้องมองเพดานสะท้อนแสงสังเคราะห์จากบานกระจกใส คล้ายอยากจะทะลุขึ้นไปให้ถึงหญิงสาวผู้พักอาศัยห้องข้างบน กับข้อเท็จจริงที่เขาเพิ่งล่วงรู้จากปากของคุณย่าว่าเธอมีคนรักเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลก ในเมื่อรูปลักษณ์ของเธอได้พิสูจน์ทุกอย่างชัดเจน ไทกะได้เคยพบเจอผู้หญิงที่สวยกว่านี้มามากมายนับไม่ถ้วน ถึงเฉพาะชาวเอเชียเช่นเดียวกับเขาก็ตาม หากเป็นเพราะรอยยิ้มนั้นต่างหากที่เป็นของจริง เพียงแรกเห็นก็ได้จุดประกายโลกมืดมิดซึ่งเขาเต็มใจอยู่กับมันมาตลอดสิบแปดปีในชั่วพริบตา แล้วทันใด โลกทั้งใบของไทกะก็พลิกกลับด้านให้ไม่ทันได้ตั้งตัว










     


    2020年10月05日
    _______________
     พูดไปก็เหมือนโม้ แต่ที่มาของฟิคเรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นในปี 2018 หลังจากดู Electric Dreams ทางไพรม์จบ แล้วก็บังเกิดพล็อตนี้ขึ้นมาจากตอน Real Life ที่สามารถเล่นเรื่องของสองโลกได้ จุดประกายไอเดีย เมื่อโลกต้องรู้ว่าเราบ้าโลกไซไฟทั้งไฮเทคและโลว์ไลฟ์แค่ไหน แถมสามารถวางเซ็ตติ้งทั้งสองโลกได้ในฟิคเรื่องเดียว เฮ้ย! ทำไมมันเริ่ด! โดยที่โลก A จะเป็นไฮเทคไซไฟ แนวคลีนๆ แบบ DBH โทนสีขาวฟ้าอะไรแบบนี้ จะเป็นเรื่องแอนดรอยด์ เกมออนไลน์ วีอาร์ เน้นเทคโนโลยี ฯลฯ ส่วนโลก B จะเป็นโลว์ไลฟ์ที่เน้นไนท์ไลฟ์แบบที่เราโคตรบ้า โดยได้แรงบันดาลใจมาจาก Mute จะเป็นแนวสืบสวนสอบสวน มีเรื่องฆาตกรรม มีมนุษย์พันธุกรรมแบบตอน Crazy Diamond (คือในเรื่องเหมือนจะเรียกว่า synthetic แต่ทำไมกูแปลแบบนี้ก็ไม่เข้าใจ จำไม่ได้ด้วยว่าซับไทยแปลว่ายังไง ลืม ไม่ได้ดูนานละ)  ขอเล่าด้วยว่าเป็นฟิคอภิมหามหึมาอลังการงานสร้าง ณ เวลานั้น เพราะรวมแรงบันดาลใจจากหนัง/ซีรีส์/เกมไซไฟที่ชอบไว้เยอะมาก แต่เพราะสเกลใหญ่เกิ๊น สุดท้ายเลยต้องสู่ขิตไป
     ไม่ได้ดัดแปลงอะไรจากต้นฉบับแรกสุดเลยนอกจากเปลี่ยนชื่อพระเอกกับสถานที่ให้เป็นญี่ปุ่น นอกนั้นเหมือนเดิมหมด ที่มันโทนเอเชียมาตั้งแต่แรกเพราะต้นฉบับฟิคนี้อยู่ที่นีโอโซล พระเอกคือชานฮีกับอินซอง SF9 ที่เราเคยบ้ามากๆ สมัยนั้นเพลง Now or Never กับ Easy Love คือแบบดีจริงไม่เล่น ทั้งเพลงทั้งเอ็มวี aesthetics ดีแบบดีฉิบหาย บอกได้เลยว่าเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจหลักที่ทำให้เกิดฟิคเรื่องนี้ด้วย จริงๆ ที่เราไม่เคยแปลงเพราะไม่เจอคนที่ตรงใจเท่าชานฮีจนมาเจอไทกะนี่แหละ มันต้องได้ต้องโดน / นอกจาก DBH แล้วยังมี hint ของ Cyberpunk 2077 ด้วย เพราะแคลิฟอร์เนียตอนเหนือคือที่ตั้งของไนท์ ซิตี้ยังไงล่ะ! และเกมเพลย์รีวีล 48 นาทีก็ปล่อยมาในปีนั้นเหมือนกัน
    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×