คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Akuma no Shomei -悪魔の証明-
ฝันร้ายอีกแล้ว
ไม่มีทั้งความมืดมิดที่ชวนให้ขนลุกชัน ภูติผีปีศาจสยองขวัญที่ออกมาหลอกหลอน สัตว์เลื้อยคลานที่เธอเกลียดกลัวเป็นนักหนา หรือความรู้สึกของการร่วงดิ่งตกจากที่สูงซึ่งเธอหวั่นพรั่นมาโดยตลอด
หากเป็นฉากหนึ่งของเหตุการณ์ปกติสามัญ ในวันทัศนศึกษาที่หน้าร้านค้าในชนบทซึ่งเต็มไปด้วยวัยรุ่นหนุ่มสาวส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวร่าเริงสดใส เธอได้มองเห็นใบหน้าของเด็กผู้ชายตัวสูงที่กำลังยืนพูดคุยหัวเราะอยู่กับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน หากเมื่อเขาหันมาเห็นเธอที่เพิ่งจะเดินมาถึง รอยยิ้มบนใบหน้าก็หุบกลับลงไป เธอจำไม่ค่อยได้แล้วว่าเรื่องราวต่อจากนั้นดำเนินไปอย่างไร หรือเขาพูดว่าอะไรออกมาบ้าง หากสิ่งที่เธอจำจดได้เป็นอย่างดีคือภาพที่เขาเดินจากไปด้วยสีหน้าเฉยชา หลังจากประโยคคำพูดที่เย็นชายิ่งกว่าว่า “ฉันไม่มีวันชอบเธอหรอก เพราะฉันโคตรรังเกียจเธอเลย เซไค” ก่อนที่เด็กสาวเจ้าของชื่อจะลืมตาโพลงขึ้นมา ทั้งที่แม่ยังไม่ทันเข้ามาปลุกเหมือนอย่างทุกวันที่ต้องไปเรียนด้วยซ้ำ
มันเป็นความฝันที่สมจริงมากขนาดทำให้หัวใจของเธอปวดหนึบ จนต้องยกมือทาบลงไปบนนั้นเมื่อลืมตาตื่น
เพราะคิริชิกิ เซไคตกหลุมรักเพื่อนร่วมห้องที่มีชื่อว่าอิวาซากิ ไทโชมาได้หนึ่งปีแล้ว และนี่ก็เป็นครั้งที่สี่แล้ว กับความฝันที่เขาพูดประโยคทำนองที่ว่า ‘ฉันเกลียดเธอ’ ‘เธอมันน่ารังเกียจ’ ‘ฉันไม่มีวันชอบเธอ’ หรืออะไรก็ตามแต่ที่เซไคไม่เคยได้ยินมันออกมาจากปากของไทโชตัวจริง ไม่แม้แต่ทีท่าที่แสดงออกมาในแง่นั้น ขนาดที่เธอกล้าพูดได้ว่าไม่มีวันเลยด้วยซ้ำ ในเมื่อไทโชเป็นเพื่อนร่วมห้องที่ทั้งใจดีและนิสัยดีมาก เขามักจะทักทายเธอด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยนเฉกเช่นเดียวกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ถึงอาจไม่ได้มากมายไปกว่าสถานะเพื่อนร่วมห้องอย่างที่เด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ก็ไม่ได้มากมายไปกว่านั้นเหมือนกันก็ช่างปะไร
แต่ไม่ว่าจะพยายามเค้นคิดเท่าไหร่ เซไคก็ไม่เข้าใจเหตุผลของความฝันพวกนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว
หรือไม่...ก็อาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึกต่อผู้ชายคนแรกในชีวิตที่เซไคหวาดกลัวว่าเขาจะไม่มีวันตอบรับรักของเธอต่อให้สารภาพมันออกไปก็ตาม
เพราะอย่างนั้นเซไคถึงได้ไม่อยาก...ไม่กล้า...สารภาพรักกับเด็กผู้ชายคนเดียวที่เธอรักที่สุดในโลกสักที แม้ว่าวันนี้ไทโชจะทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวได้มากกว่าเดิมเมื่อพบกับใบหน้าและรอยยิ้มกว้างในตอนเช้า ผนวกกับความคิดที่ว้าวุ่นจากความฝันที่ส่งต่อมาจนถึงเที่ยงซึ่งยังคงวนเวียน กระทั่งจะทำให้บ่อน้ำตาของเธอแตกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยในตอนบ่าย จนต้องอ้างว่าไม่สบายแล้วหลบไปนอนร้องห่มร้องไห้ต่อที่ห้องพยาบาลแทน ข้างในหัวสมองมีแต่ใบหน้ากับคำพูดที่เย็นชาของเขาวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา พร้อมกับคำวิงวอนของเซไคที่ว่าขอให้ฝันร้ายเหล่านั้นจบสิ้นลงไปเสียที ขอบคุณฤทธิ์ยาแก้ปวดหัวที่ทำให้เธอซึ่งล้าอ่อนทั้งกายใจอยู่แล้วนอนหลับอย่างสงบได้ในที่สุด
สิ่งที่เซไคได้เห็นเมื่อค่อยๆ ลืมนัยน์ตาตื่นขึ้นมาโดยไม่ฝันถึงอะไรเลยก็คือแสงสีส้มสนธยาที่ลอดผ่านม่านพลิ้วไสวผืนบางเข้ามา ไม่รู้ว่าครูทาเคมิหายไปไหนหรือทำไมหล่อนไม่ปลุกเธอในตอนที่โรงเรียนเลิก หากเซไคก็คิดว่าแบบนี้อาจดีแล้ว เพราะอย่างน้อยๆ เธอก็จะได้ไม่ต้องเจอหน้าไทโชให้ข้างในอกปวดแปลบอย่างกับมีเข็มแหลมคมมาทิ่มแทงอีก
ทว่าตลอดเส้นทางนับตั้งแต่ออกจากห้องพยาบาลมา เซไคก็กลับรู้สึกได้ถึงความเงียบที่ผิดประหลาด และทำให้ขนทั่วสรรพางค์ของเธอลุกชันจนต้องก้าวฝีเท้าเร็วๆ กลับไปยังห้องเรียน เพราะโรงเรียนและห้องเรียนของเธอไม่เคยร้างไร้ผู้คนจนกว่าเวลาประกาศให้กลับบ้านในตอนหกโมงเย็น ทว่าบัดนี้มันกลับเงียบสงัด ไม่มีทั้งสิ่งมีชีวิตหรือว่าสรรพเสียงใดแผ้วพานผ่านเข้ามาเลยแม้แต่อย่างเดียว เซไคหยุดพิงแผ่นหลังกับบานหน้าต่างข้างที่นั่งด้านหน้าสุดของตัวเองเพื่อพยายามทำใจให้สงบ หากเสียงลมหายใจที่มาจากความหวาดระแวงก็ดังชัดเจนมากเกินไป อาจเช่นเดียวกับเสียงส้นรองเท้าผ้าใบกระทบพื้นให้เซไคลืมตาขึ้นมองไปยังตำแหน่งของบานประตูห้องที่เธอยังไม่ได้เลื่อนปิด
เด็กหนุ่มผู้นั้นหยุดยืนในตำแหน่งที่พอเหมาะพอเจาะกับแสงอาทิตย์ที่ทาบทับลงบนใบหน้าจนเหมือนกับมีหมึกสีดำมาปาดป่าย แต่เพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกที่ได้เห็น เซไคที่มีตาไว้มองแค่ผู้ชายคนเดียวก็รู้ว่านั่นคือ
“ไทโช”
“เซไค” เหมือนกับที่เขาก็เรียกชื่อต้นของเธอ แล้วเอ่ยต่อไปโดยไม่รั้งรอว่า “เธอกลัวความฝันมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เอ๊ะ?”
“ไม่ใช่สิเนอะ” หนนี้กลั้วไปกับเสียงหัวเราะขบขันที่เปล่งออกมา “ต้องถามว่า ‘เธอกลัวความฝันที่ถูกไทโชเกลียดมากขนาดนั้นเลยเหรอ?’ ต่างหาก” ด้วยน้ำเสียง ประโยคคำพูด หรือแม้แต่เสียงหัวเราะที่เซไคมั่นใจได้เลยว่ามันคือความเยาะหยัน...อย่างที่ไทโชย่อมไม่มีวันทำ และนั่นเองที่จะทำให้เธอได้แต่ชะงักงันไป
“นี่ไม่ใช่ความฝันหรอกนะ”
เขาตอบคำถามที่เธอยังไม่ทันได้เอ่ยออกมาดังๆ พร้อมกันนั้นก็ก้าวออกจากเงามืดแล้วเดินมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้า หากในระยะห่างที่เด็กสาวซึ่งตัวเตี้ยกว่ามากไม่จำเป็นต้องแหงนเงยมอง
ใบหน้าของไทโชคนนี้ไม่มีอะไรผิดแผกไปจากไทโชที่เธอได้เห็นในวันนี้เลยแม้แต่น้อย หากไม่เปิดปากเซไคก็คงไม่รู้ว่าไม่ใช่
ก็เหมือนกับไทโชในความฝันร้ายของเธอที่ก็ไม่ใช่
“ถ้านี่ไม่ใช่ความฝัน...แล้วมันคืออะไร?”
“ถ้าพูดให้เซไคเข้าใจง่ายๆ ก็คงจะเป็นเหมือนดินแดนสนธยาล่ะมั้ง” เขาตอบคำถามพร้อมรอยยิ้มกว้างจนดวงตาหรี่เล็กลงไป “อ้อ และฉันก็คือไทโชนะ”
“แต่ว่านายไม่ใช่ไทโชตัวจริง” เซไคสวนย้อนกลับไป
เรียกลมหายใจของเขาให้พรูออกมา ก่อนใบหน้าและแววตาที่จ้องสบมาจะแปรเปลี่ยนไปเป็นความจริงจังอย่างที่เซไคไม่อาจเบือนหลบ
“อิวาซากิ ไทโช ‘ตัวจริง’ ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนบนโลกทั้งนั้น สิ่งที่มันสนใจมีแค่ความฝันในการได้เล่นละครเวทีอย่างที่เธอก็คงรู้ แต่เธอคงไม่รู้ว่าพอเรียนจบแล้วมันจะย้ายไปเรียนต่อที่ต่างประเทศทันที จริงอยู่ว่ามันไม่ได้เกลียดเธอเหมือนในความฝันที่เธอคิดมากจนเก็บไปฝันร้ายหรอก แต่มันก็ไม่ได้ชอบเธอมากพอที่จะตอบรับคำสารภาพรักถ้าเธอกล้าที่จะทำเหมือนกัน สรุปเลยนะว่าทางไหนเธอก็แห้ว”
เซไคจ้องมองเขาด้วยแววตาสั่นไหวที่เต็มไปด้วยความสับสนราวกับคนแปลกหน้าเฉกเช่นเรื่องราวที่แปลกประหลาดตลอดเวลาเหล่านั้น หากน้ำเสียงของเธอก็ไม่ได้สั่นเทาเมื่อโยนคำถามกลับไปว่า
“แล้วนายรู้เรื่องทั้งหมดนั้นได้ยังไง? ถ้านายไม่ใช่ไทโชตัวจริงแล้วนายเป็นตัวอะไรกันแน่? ภูติ ผี หรือว่าปีศาจ?”
ทว่าเขากลับเมินเฉยต่อคำถามนั้นแล้วเอ่ยต่อไปว่า
“เธอตกหลุมรักไทโชก็เพราะหน้าตาไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ดูฉันสิเซไค ภายนอกของฉันเหมือนกับอิวาซากิ ไทโชคนที่เธอรักทุกประการไม่มีผิดเพี้ยนเลยนะ เพราะว่าฉันเองก็รักเธอมากยังไงล่ะ มากจนยอมทิ้งตัวเองแล้วเป็นไทโชเพื่อเธอได้ขนาดนั้นเลย ก่อนหน้านี้ที่ห้องพยาบาล เธอภาวนาขอให้ฝันร้ายจบสิ้นลงสักทีใช่ไหม? ฉันทำให้ได้นะ ในโลกของฉัน เธอจะไม่ฝันร้ายอีกตลอดไป เซไค แค่เป็นของฉัน”
เซไคเผลอกัดริมฝีปากของตัวเองเมื่อเขาย่างเท้าเข้ามาหา แผ่นหลังและข้อศอกทั้งสองข้างของเธอเปลี่ยนไปถอยชิดกับโต๊ะเรียนราวปฏิกิริยาอัตโนมัติ หากไทโชก็ไวพอที่จะยันมือข้างหนึ่งกับโต๊ะ ส่วนอีกข้างก็ขยุ้มเสื้อเชิ้ตนักเรียนของเธอแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เซไคคิดว่าเธอน่าจะรู้สึกหวาดกลัวหรือรังเกียจ แต่การกระทำที่ไม่มีวันจะได้เห็นจากไทโชตัวจริงกลับทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาจนเผลอลืมตัวกลั้นหายใจ คงจะเป็นความจริงที่เซไคตกหลุมรักใบหน้าของไทโชมากกว่านิสัยอบอุ่นอ่อนโยนอย่างที่ทำให้หัวใจของเธอเต็มตื้น เพราะขณะนี้มันคือความบ้าคลั่งอย่างกับมีใครมารัวกลอง และอีกไม่นานก็คงจะระเบิดออก กระนั้นก็มากพอที่จะทำให้คนตรงหน้ารู้สึกได้จากรอยยิ้มตรงมุมปาก และนั่นก็ทำให้เขาดูแตกต่างจากไทโชตัวจริงจนเหมือนกับคนละคน
ไม่ใช่สิ...เพราะเขาก็คือคนละคนอยู่แล้วต่างหาก
“ไทโชตัวจริงทำให้เธอใจเต้นแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ”
“แล้วตัวปลอมทำได้แค่นี้เหรอ?”
“ใจร้ายจังนะที่บอกว่าฉันเป็นตัวปลอม” เขาหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน “แต่ต้องแสร้งทำเป็นปากดีทั้งที่อยากได้แทบแย่แบบนี้สิ ถึงสมกับเป็นเซไคคนที่ฉันมองดูมาตลอด” ก่อนที่เขาจะเงียบปากได้สักทีเมื่อทาบมันลงมาประทับกับเธอ
ทุกอย่างช่างดูเลือนลางราวกับความฝัน ขณะใบหน้าของชายที่เคยอบอุ่นอ่อนโยนกำลังจูบดูดดื่มกับเธอ ราวกับจะสูบทั้งลมหายใจและวิญญาณออกมาด้วยอย่างที่ไม่ใช่แค่คำเปรียบเปรย กับฝ่ามือที่ลากไล้ไปบนผิวหนังด้วยความเร่าร้อน และไม่บรรเทาความรุนแรงในตอนที่ปลายนิ้วของเขาสอดเข้ามาเพื่อตระเตรียมพร้อม
หากเซไคก็ได้มั่นใจแล้วว่านี่ไม่ใช่ความฝัน เพราะความรู้สึกเจ็บปวดของครั้งแรกนั้นสมจริงมากและเธอก็ไม่ได้สะดุ้งตื่น ทุกอย่างแจ่มชัดอยู่ในผัสสะทั้งตัวตนที่เขาดันมันเข้ามาข้างใน ก่อนขยับขับเคลื่อนโดยไม่รั้งรอจนเธอรู้สึกได้ถึงของเหลวที่ไหลหยดลงมาตามท่อนขา ความเจ็บทำให้เธอต้องเปลี่ยนมือทั้งสองข้างไปเกาะท่อนแขนของเขาเพื่อใช้เป็นหลักยึด ก่อนจังหวะที่เร่งขึ้นจนเปลี่ยนไปเป็นความเสียดเสียวมากถึงกับทรมานจะทำให้เซไคต้องกดปลายเล็บลงไปอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อนั้นเขาจึงเงยใบหน้าขึ้นจากริมฝีปากที่พ่นลมหายใจร้อนระอุลงไปรดรินในตอนที่เธอจิกมันแน่นขึ้น ทั้งรอยยิ้มตอนที่เขาพูดว่า “รู้สึกดีจังเลยที่ได้อยู่ในตัวของเซไค” เหมือนอย่างที่เธอเองก็กำลังรู้สึก และเสียงหายใจหอบหนักที่น่าฟังเป็นบ้าภายใต้รูปลักษณ์ของชายที่ทำให้เธอคลั่งไคล้มาตลอด ในสภาพชุดนักเรียนหลุดลุ่ยภายในห้องเรียนอย่างที่เธอเคยจินตนาการถึงครั้งแรกกับเขามาตลอด
ไม่ว่าที่นี่จะเป็นที่ไหน ไม่ว่าไทโชคนนี้จะเป็นใคร...หรืออะไร แต่เขาก็ได้เติมเต็มความปรารถนาทุกอย่างต่ออิวาซากิ ไทโชที่เธอต้องการ
“ฉันจะยอมเป็นไทโชเพื่อเธอตลอดกาล อิวาซากิ ไทโชจะเป็นของเซไคแค่คนเดียว เพราะงั้นมาอยู่ในโลกของฉัน ด้วยกันตลอดไปเลยนะ”
เซไครู้ดีว่าไม่จำเป็นที่เธอต้องตอบมันออกมาเป็นคำพูด เพราะถึงอย่างไรเขาก็ย่อมรู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว ในเมื่อคนโลภอย่างเซไคไม่ได้ต้องการเขาแค่เพียงครั้งเดียวสักหน่อย แต่ก่อนที่เธอจะหมดสติลงไปเพราะความเหนื่อยอ่อนกับครั้งแรกที่เหมือนจะมากจนเกินไปนี้ ในสายตาที่เริ่มมัวพร่าลงไป เธอคิดว่าได้เห็นหยดเหงื่อที่อาบใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดง
“ขอบคุณนะ ไทโช”
มีรสชาติฝาดเฝื่อนราวกับสนิมในโพรงปากเมื่อเธอโน้มใบหน้าของเขาลงมาลิ้มเลีย
_______________
ความคิดเห็น