ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #64 : Curious Alice (down the rabbit hole)

    • อัปเดตล่าสุด 5 ส.ค. 67


    Curious Alice (down the rabbit hole)
    Playlist: Jake Bugg – Rabbit Hole















    .

    “เพราะคุณเคยไปที่นั่นมาแล้ว คุณรู้จักถนนสายนั้น คุณรู้ดีว่ามันจะลงเอยที่ไหน และฉันรู้ว่านั่นไม่ใช่ที่ที่คุณต้องการจะไป”

    — ทรินิตี้, เดอะ เมทริกซ์

     

    ขณะนั้น อิมะ จูเอะกำลังถือขวดน้ำอัดลมกับซองมันฝรั่งถุงใหญ่จากในครัวกลับมายังโซฟาสีเขียวแก่ลอกล่อน บ่งบอกถึงอายุการใช้งานเฉกเช่นเดียวกับข้าวของอื่นๆ ในอพาร์ตเมนต์โกโรโกโสแห่งนี้ ที่ซึ่งหญิงสาวผมสีดำในท่าเอียงตัวเท้าศอกกับพนักจะพลันโพล่งขึ้นทันทีที่เธอหย่อนตัวนั่งลงไปข้างกัน

    เธอรู้จักเส้นทางนั้นดี เธอรู้ดีว่ามันจะลงเอยยังไง แต่ทำไมเธอถึงยังกลับไปที่นั่นอีก?”

    หือ?”

    ฉันหมายถึงทุกอย่างเลย” จิบะ มิฉะตอบคำถามโดยไม่ขยับเปลี่ยนท่านั่งหรือแม้แต่เคลื่อนสายตาจาก เดอะ เมทริกซ์ที่นำมาฉายซ้ำทางเคเบิลบนจอสี่เหลี่ยมเครื่องเล็กตรงกลางห้อง “เธอไม่จำเป็นต้องไปมั่วสุม ลักเล็กขโมยน้อยตามพวกนั้นจนไปลงเอยที่ซังเต ไม่จำเป็นต้องกลับไปหาหมอนั่นที่ดีแต่ทำให้ชีวิตของเธอแย่ลง”

    จูเอะที่เป็นเด็กหัวรั้นไม่เคยชอบคำพูดที่ดูเหมือนกับคำสั่งสอนแบบนี้ แต่เธอก็ยอมหยวนให้เสมอเมื่อมาจากปากของรูมเมตที่เป็นไปด้วยเจตนาดี เช่นนั้นจึงเพียงสวนย้อนกลับไปด้วยรอยยิ้ม

    “เพราะนั่นคือที่ที่ฉันต้องการจะไป”

     

    แม้ว่าร้านสะดวกซื้อตอนเที่ยงคืนจะไม่ใช่ที่ที่จูเอะต้องการจะไปในความหมายโดยนัย เมื่อที่ที่ว่านั้นคือชายหนุ่มที่ชื่อมิจิเอดะ ชุนสุเกะ กับอีกหนึ่งวันของการมั่วสุม ลักเล็กขโมยน้อย และจูเอะก็หวังว่าเธอจะไม่ต้องไปลงเอยที่ซังเตตามคำว่าของมิฉะ

    “นายทำให้ชีวิตของฉันแย่ลง”

    เหมือนกับอีกหนึ่งคำว่าที่จูเอะอดปากตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ ยามผินใบหน้าไปหาคนตัวสูงที่ยืนสูบบุหรี่พิงผนังอิฐอยู่เคียงข้าง แว่วเสียงตะโกนด่าทอที่ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์นักดังลอดออกมาจากบ้านเช่าฝั่งตรงกันข้ามของหัวหน้าแก๊งที่พวกเธอมารอรับ เรียกเสียงหัวเราะขบขันที่น่าฟังกว่าเป็นไหนๆ จากคนข้างกาย

    “จริงเหรอจูเอะ?”

    “จริงมั้ง ไม่รู้สิ” เธอไหวไหล่ “แต่จะอะไรก็ช่าง บางทีฉันอาจไม่ได้ต้องการชีวิตดีๆ ก็ได้”

    “ไม่เอาไม่พูดแบบนั้นน่า” ชุนสุเกะวางมือแปะลงบนหัวเธอแล้วขยี้ผ่านเรือนผมสีน้ำตาลแดงที่อุตส่าห์แปรงมาอย่างดีจนเสียทรง ความรำคาญใจแล่นปราดเข้ามาได้เพียงครู่ ก่อนมันจะถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกวูบไหวข้างในอกเหมือนกับทุกครั้งคราวที่ถูกริมฝีปากเจือรสชาติหวานปนขมของเขาเข้าครอบครอง

    กระทั่งในช่วงเวลาที่ราวกับได้ล่องลอยอยู่บนสรวงสวรรค์ จูเอะก็ยังไม่อาจแน่ใจได้ว่ามันดีหรือแย่ แต่อย่างน้อยๆ เธอก็ได้ทำ...เลือก...ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว

     

     

    ความอดทนต่อการถูกทำร้ายตลอดมาของแม่ที่มีต่อพ่อสิ้นสุดลงในตอนที่ได้เห็นลูกสาวคนเดียวถูกตบหน้า กระแทกศีรษะเข้ากับผนังจนเลือดไหลอาบแค่เพราะเบียร์ในบ้านหมด เป็นครั้งแรกที่แม่ตอบโต้ด้วยการใช้กำลังทั้งที่คอยพร่ำสอนเรื่องนั้นกับเธอทุกเช้าค่ำเมื่อยกแจกันขึ้นฟาดหลังหัวของพ่อเข้าเต็มรัก ก่อนที่จะหอบหิ้วพาเธอหนีมายังโตเกียวบี เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่จูเอะเห็นว่ามันก็กระเสือกกระสนไม่ได้ต่างไปจากเดิม จริงอยู่ที่แม่ของเธออาจไม่ได้ถูกทำร้ายทางกายเหมือนที่เคยโดนพ่อกระทำอีกแล้ว หากทางวาจาจากทั้งเถ้าแก่ร้านอาหารที่ชอบกดขี่ในไชน่าทาวน์และยัยป้าเจ้าของอพาร์ตเมนต์ที่คอยหาเรื่องค่อนแขวะทุกครั้งที่เจอหน้าก็ยังคงบั่นทอนจิตใจอยู่ดี

    ขณะที่จูเอะก็ต้องเผชิญกับการกลั่นแกล้งที่โรงเรียนเพียงเพราะว่าเป็นเด็กใหม่ เธอไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อยกับชีวิตเฮงซวยที่นี่ที่แม่พาเธอมา ใช่ว่าจูเอะยอมเป็นเป้านิ่งอยู่เฉยๆ แต่ยิ่งตอบโต้ก็กลับยิ่งถูกกระทำรุนแรงมากขึ้นโดยที่พวกผู้ใหญ่ไม่แม้แต่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ในเมื่อพวกนั้นไม่ได้มองเห็นคุณค่าความเป็นคนแบบเดียวกัน ก็แล้วมันเรื่องอะไรที่เธอจะต้องโง่อดทนเป็นกระโถนรองรับอารมณ์ของใครด้วย พอคิดแบบนั้นแล้วก็เริ่มโดดร่มไม่ไปเรียน เที่ยวเตร่ตามย่านศูนย์การค้า ข้างถนน กระทั่งจะได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊งน้อยใหญ่ที่มีอยู่เกลื่อนเมืองอันแสนโสมมที่ฉาบหน้าไปด้วยความศิวิไลซ์ จากจุดเริ่มต้นของการจิ๊กของเล็กๆ น้อยๆ ในร้านสะดวกซื้อ ไม่นานก็ขยับขยายไปเป็นการปล้นเงินสด มันคืองานใหญ่ครั้งแรกของจูเอะ เพื่อทดสอบว่าเด็กใหม่อย่างเธอเหมาะสมกับแก๊งหรือเปล่า แต่เป็นเพราะเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายอย่างการมีนายตำรวจเป็นลูกค้าในร้านคืนนั้นพอดิบพอดี จูเอะถึงต้องมาถูกใส่กุญแจมือ จับโยนเข้าซังเตเป็นครั้งแรกในชีวิตเมื่ออายุได้แค่สิบแปด

    เรื่องทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าไอ้ตำรวจบ้านั่นจะไม่ได้ทำเรื่อง...ถูก แล้วจับเธอกับเพื่อนร่วมแก๊งที่ทำเรื่อง...ผิด ให้ความลับที่จูเอะอุตส่าห์ปิดบังจากแม่ไว้ได้ตั้งนานถูกเปิดเผย ไหนจะการที่แม่ไปร้องห่มร้องไห้ พร่ำคำขอบคุณสลับขอโทษอย่างกับว่ามันเป็นเรื่องใหญ่นักหนา แถมยังบังคับให้เธอทำมันด้วยอีกต่างหาก มันน่าโมโหมากเสียจนจูเอะตะคอกใส่หน้าแม่ไปอย่างเหลืออดว่า “ที่หนูต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะทุกอย่างมันเริ่มมาจากความอ่อนแอของแม่นั่นแหละ!” ก่อนวิ่งหนีออกจากสถานีโดยไม่สนใจต่อเสียงตะโกนร้องเรียกชื่อเธอที่ฟังดูน่าเศร้า เหมือนกับชีวิตที่ก็น่าสังเวชของพวกเธอ

    แต่ไอ้ตำรวจบ้านั่นก็ยังกัดเธอไม่ยอมปล่อย ถือวิสาสะใส่กุญแจข้อมืออย่างกับคนร้ายทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนอกจากเดินกินลูกอม — ที่ซื้อมาด้วยเงินสดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย — อยู่บนท้องถนน — โดยไม่ใช่ในยามวิกาลเลยด้วยซ้ำ!

    ครั้นโวยวายถามหาเหตุผลมาจากเบาะหลังที่ถูกจับยัดเข้าไปนั่ง เขาที่มองดูเธอผ่านกระจกมองหลังก็จะตอบกลับมาด้วยสายตาเย็นชาไม่ต่างจากน้ำเสียงว่า “แม่เธอขอให้ฉันช่วยตามหา”

    “แล้วมันต้องทำรุนแรงแบบนี้ด้วยหรือไง!

    “ฉันไม่อยากต้องมาเล่นเกมวิ่งไล่จับ มันน่ารำคาญ แค่นี้ก็เสียเวลาฉันมากพอแล้ว”

    “ฉันสิที่ต้องพูดว่ารำคาญ!” จูเอะกระทืบเท้าเข้าใส่เบาะที่นั่งเต็มแรงเพื่อระบายความแค้นเคือง ใช่จะไม่รู้ว่าต่อให้ทำเรื่องร้องเรียนกับกรมตำรวจไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร ในเมื่อเจ้าหน้าที่สืบสวนแผนกอาชญากรรมถือว่ามีคุณค่ามากในโตเกียวบีที่เต็มไปด้วยอาชญากรรมทุกหย่อมหญ้า

    “กลับบ้านไปอยู่กับแม่ซะ ไม่ใช่ไอ้แก๊งมั่วสุมพวกนั้น ไว้เรียนจบ มีปัญญาหาเลี้ยงตัวเองได้โดยที่ไม่ใช่การเบียดเบียนคนอื่นค่อยคิดจะหนีออกจากบ้าน”

    “พวกผู้ใหญ่ชอบทำเป็นพูดจาดีจังนะ”

    “เด็กอย่างเธอก็ปากดีจังนะ” เขาเองก็ยอกย้อนกลับมาทันควัน “หัดทำตัวดีๆ หน่อยเถอะ อ่อนแองั้นเหรอ? แล้วตัวเองเข้มแข็งมากเลยสินะถึงได้หนีปัญหาแบบนี้”

    จูเอะกระแทกแผ่นหลังเข้ากับเบาะที่นั่ง สบถถ้อยคำหยาบคายแสนล้านแปดออกมาอย่างไร้มารยาท ก่อนมองเมินออกไปนอกบานหน้าต่าง จบบทสนทนาที่เขาก็ไม่ได้คิดจะสานต่อเพียงแค่นั้น

    และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของความเกลียดชังที่จูเอะมีต่อไอ้ตำรวจบ้านั่นที่มีชื่อว่าอิวาซากิ ไทโช

    หรือที่เธอควรต้องพูดว่าจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทั้งหมดต่างหาก

     

     

    “จะทำตัวดีๆ กับเค้ามั่งไม่ได้เลยหรือไง!

    “จะเลิกยุ่งวุ่นวายกับชีวิตคนอื่นเค้ามั่งไม่ได้เลยหรือไง!” จูเอะแผดเสียงตะโกนกลับไป เมื่อไม่สามารถขยับตัวไปตามอิสระได้เพราะข้อมือข้างหนึ่งที่ถูกล็อกกุญแจกับราวจับ เธอเลยเตะเบาะด้านหลังฝั่งคนขับรถไม่ยอมหยุดด้วยความขุ่นเคือง อย่างที่เขาเองก็อาจกำลังรู้สึกจนตัดสินใจหักเลี้ยวรถเข้าข้างทาง ลงมากระชากเปิดประตูรถเพื่อที่จะกดแรงบีบลงไปบนกรามจนเธอได้แต่ส่งเสียงร้องอู้อี้เป็นการประท้วง

    “ถึงเธอจะโง่นะจูเอะ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้หัวคิดก็รู้ว่าชีวิตของเธอไม่มีทางดีขึ้นได้ถ้ายังอยู่กับไอ้เด็กบ้านั่น!

    ใช่จะไม่เข้าใจต่อถ้อยคำรวมถึงเจตนาของเขาที่ก็ไม่ได้ผิดแผกไปจากมิฉะ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือจูเอะเกลียดเขา เกลียดพวกผู้ใหญ่ที่ชอบบังคับสั่งสอนให้ทำอย่างโน้น...เป็นอย่างนี้ ทั้งที่ไม่ใช่กงการอะไรของตัวเองเลยด้วยซ้ำ!

    หลังเรียนจบมาได้ไม่เท่าไหร่ แม่ของเธอก็จะถูกสามียัยป้าเจ้าของอพาร์ตเมนต์แทงตายเพราะไม่ยอมเล่นด้วย แล้วนับแต่นั้น จูเอะก็ต้องระหกระเหินออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวลำพัง กระทั่งจะได้งานที่ร้านขายของในสถานีรถไฟ เลยได้รู้จักกับมิฉะที่แวะเวียนมาซื้อน้ำอัดลมก่อนขึ้นรถไฟไปทำงานที่ร้านอาหารตอนหัวค่ำทุกวัน เพราะพูดคุยกันถูกคอ หล่อนเลยชักชวนให้เธอมาอยู่ร่วมห้องแทนคนเก่าที่ย้ายออกไป กว่าหนึ่งปีครึ่งที่ชีวิตอันแสนสุขสงบของจูเอะเกือบเรียกได้ว่าเข้ารูปเข้ารอย ถ้าไม่ใช่เพราะรอยยิ้มบนใบหน้าที่หล่อเหลาดูดีมากเข้ากับเรือนผมสีทองสว่าง ส่องประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าพระอาทิตย์ดวงโตจนอาจทำให้นัยน์ตาของเธอที่นิ่งงันอยู่หลังเคาน์เตอร์มัวพร่า ยามตอบรับคำขอแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยกลั้วไปเสียงหัวเราะที่ทำให้หัวใจเต้นรัวแรงอย่างกับจะกระเด้งกระดอนออกมาว่า “อยากคบกับฉันไหม?” ที่ไม่แน่ว่ามันอาจทำให้หัวสมองของเธอพร่าเลือนตามไปด้วย จูเอะถึงได้กระโจนกลับเข้าไปในวังวนเดิมอีกครั้งหนึ่งตามคำชักชวนของชุนสุเกะกับเรย์อะ พี่ชายคนสนิทของเขาที่เป็นเจ้าของแก๊งเคมุชิ (หนอนผีเสื้อ)

    ครั้นถูกจับมาที่สถานีบ่อยครั้งเข้าก็เลยได้เจอหน้าไอ้ตำรวจบ้านั่นบ่อยตามไปด้วย ความเฉยชาราวกับคนแปลกหน้าที่จูเอะเต็มใจให้เขากระทำ  ถึงจุดจุดหนึ่งมันก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความไม่พอใจผ่านคำต่อว่ากลางสถานี หยิบยกเรื่องหัวอกของแม่ที่ตายไปแล้วขึ้นมา ทำอย่างกับว่ารู้ดีนักหนาแค่เพราะอายุมากกว่าไม่กี่ปี เหมือนกับวันนี้ที่เขาจะถือวิสาสะจับเธอใส่กุญแจมือ ลากตัวมาจากหน้าบ้านของเรย์อะทั้งที่ยังไม่ทันได้ก่อเหตุอะไรให้ตำรวจเอาผิดได้สักข้อหา ขณะที่ชุนสุเกะก็เอาแต่หัวเราะขำ มองดูเธอถูก ผู้ปกครอง อย่างที่เขากับเรย์อะชอบล้อเลียนนักหนาลากตัวไป ด้วยไม่มีแก๊งไหนในเมืองนี้อยากมีปัญหากับไอ้พวกแผนกอาชญากรรมเฮงซวย!

    ความขุ่นข้องหมองใจที่สั่งสมมาของจูเอะมาถึงจุดสิ้นสุดในค่ำคืนนี้ ในเมื่อนี่คือชีวิตของเธอไม่ใช่ของใคร ถ้าจะมีปัญหาอะไรมันก็เป็นของเธอ ไม่ใช่พวกเขาที่เอาแต่พูดจาว่าร้ายผู้ชายคนที่เธอรักอยู่ได้ มันหน้าที่พวกเขาเป็นคนกำหนดว่าสิ่งใดดีสิ่งใดแย่สำหรับเธอหรือไง ใครบอกกันล่ะว่าเธอต้องการชีวิตที่ดีขึ้น

    จูเอะยันส้นรองเท้าบู๊ตใส่คนตรงหน้าที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะอย่างนั้นไทโชถึงได้เพลี่ยงพล้ำซวดเซ โชคดีที่เขาคว้าประตูรถเอาไว้ได้ทันเลยไม่ล้มคว่ำลงไป ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของจูเอะที่สั่งให้เขาหุบปาก สลับกับการผรุสวาทด้วยถ้อยคำชั่วร้ายทั้งหมดเท่าที่จะสรรหามาได้

    “หัดควบคุมอารมณ์โกรธซะบ้าง!

    เขาที่ถือดีมาสั่งสอนเธอก็ไม่ได้ต่าง จากคำพูดที่ถูกดูดกลืนหายเข้าสู่ลำคอจากชิ้นส่วนของอวัยวะเดียวกันที่กดลงมา ไหล่ทั้งสองข้างถูกยึดไว้ด้วยเรี่ยวแรงที่จูเอะไม่อาจต้านทานได้ไหว ไทโชตอบแทนความรุนแรงทางวาจาของเธอผ่านทางการกระทำที่รุนแรงยิ่งกว่า ด้วยการบดเคล้าอย่างดึงดัน ดูดดึงจนมันบวมช้ำและจะทิ้งรอยแดงเอาไว้เหมือนกับข้อมือที่ถูกพันธนาการไว้เหนือหัว สัมผัสแปลกใหม่ในแบบที่ไม่เคยได้รับจากใครทำให้หัวสมองของเธอตื้อตัน จูเอะจะโทษว่าเป็นเพราะเธอขาดอากาศหายใจนานเกินไปถึงได้ขาดสติยั้งคิด ตอบรับจูบที่ดุเดือดด้วยเรียวลิ้นที่สอดเข้ามาเกี่ยวกระหวัด เขานำหน้าไปไกลจนจูเอะทำได้แค่ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามการนำพาของเขา

    ราวกับการร่วงหล่นลงไปในโพรงกระต่าย











    2024年08月04日
    _______________
     เหตุผลที่แปลงฟิคนี้ไม่ใช่เพราะเลิกชอบเคนกับเคียวเฮแล้ว (แม้ว่าก็จะเลิกแล้วจริง) แต่เพราะชอบฟิคนี้ ชอบชื่อเรื่องนี้ ชอบเพลงประกอบนี้มากๆๆๆๆๆ เรียกว่ารักเลยดีกว่า เหมือนกับที่รักเดอะเมทริกซ์ที่เพิ่งมาชอบตอนดูทางโมโนมากกๆๆๆ ไม่ใช่สมัยช่องเจ็ดว่ะ บอกเลยละกันว่าช่วงนี้เริ่มคิดถึงการแปลงฟิคเก่าหลายเรื่อง ไหนๆ ก็เดือนเกิดเมนละ คิดว่าอาจจะแปลงมาลงให้มันจบๆ ไปในปีนี้ จะได้ไม่มีอะไรค้างคา มีหลายเรื่องที่แค่อยากแปลงเพราะอยากโยนบทให้จูเนียร์รุ่นนี้เฉยๆ ไม่ได้อยากลบภาพหรือเกลียดอะไรวงเดิม กูผกก.ฟันนี่เกมส์ รีเมคเองเหมือนเดิมเป๊ะเองนักเลงพอ / ที่จริงแต่งเรื่องเด๊ดซิลูเอท (เขียนปะกิดไม่ถูก) ไปได้อีกพาร์ทละ แต่พอได้ยินข่าวเรื่องค่ายใหม่ไทเสกูแอบไม่คือ เอาไว้จะรอฟังเพลงก่อนว่าเป็นไง คุ้มค่าที่กูจะยอมทิ้งความเป็นสตาร์โตะ otaku เพื่อทิ้งทวนจริงไหม ถ้าไม่ก็แปลงขว้าง จบ ส่วนฟิคเรื่องเก่าที่เป็นไทเสถ้ายังอยู่ก็ยังอยู่ เพราะเค้าก็ไม่ได้ไปค่ายโน้น ส่วนฟิคที่มีชื่อทุกคนในค่ายโน้นเปลี่ยนหมดแล้ว เรียลเฟซ/สตาร์รี่โร้ด/เดอะโชว์สีแดง คิดว่าน่าจะหมดแล้ว มั้งนะ
     ชื่อเรื่องได้มาจากเพลง Curious Alice ของ Memorex Memories เคยวาดหวังให้เป็นชื่อฟิคสมัยยังชอบสโนว์แมน และยังไม่จังคุสาวน้อย คิดเอาว่านานแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากทิ้งคำว่าแรบบิทโฮลเลยเอามารวมกัน / เสียใจมากที่ย้อนไปอ่านทอล์คเก่าที่ลงไว้ตั้งแต่เดือนมกรา '23 แล้วรำลึกได้ว่ากุเระโชเคยมีเรื่องที่ดัดแปลงมาจากอลิซ ชื่อ アリーズ in Aぇ! ワールド ขอบคุณกุเระโชที่เคยมาเป็นไอเดียให้มากมายในครั้งหนึ่ง ทั้งเรื่องมาดามฮอลิเดย์แล้วก็แอนิมอลฟาร์ม บทนายกฯในเรื่องนั้นจะเป็นของโคจิมะคนเดียวตลอดไป T_T
     ตั้งใจแต่งเป็นฟิคสั้นเพื่อปูไปลงอย่างนั้น แต่ก็ดันลงได้แค่ฉากจูบนี้แหละ ฮ่าๆๆ ตลกดีว่ะ ว่าไปชอบบทไทโชมิจินะ แต่บทผญไม่ชอบสักคน ฮ่าๆๆ / พล็อตอีกคู่ที่จำได้คร่าวๆ คือพระเอกจะเป็นจิตแพทย์ นางเอกเป็นลูกคุณหนู แต่อะไรต่อก็ไม่รู้แล้ว กูลืมจริงๆ เลยได้สู่ขิตในวันที่ดีด้วยประการฉะนี้ / หาชื่อผญมาจากเรื่อง Animatrix ตอนแรกนึกว่า Jue เป็นชื่อฝรั่ง เหมือนรูในยูโฟเรียไรงี้ แต่เสิร์ชแล้วทำไมไม่เห็นมีเลยวะ -_- เลยให้อ่านว่าจูเอะที่กูไปเจอเว็บบอร์ดคนญปที่บอกว่าอยากตั้งชื่อลูก(แนบคันจิ)อ่านว่าจูเอะ แล้วหลายคนก็มาเมนต์บอกว่าอย่าหาทำ แต่ไม่เป็นไร ฟิคเราหาทำทุกอย่างอยู่แล้ว ส่วน Misha ก็ไม่ได้ชอบมาก แต่อยากได้ขื่อที่อ่านเป็นญปได้เลยเลือกอันนี้ เพราะใกล้เคียงกับชื่อ Miisha ที่กูชอบตั้งแต่รายการฮามาดะฯ (และเล่นบุไตเรื่องบีเทิลจู๊ดส์(ทำไมต้องดอเด็ก)กับเจสสี้ด้วย) ให้อ่านลงฉะไปเลยให้จบๆ เพราะเดี๋ยวจะเหมือนเพียวริคุที่ว่าทำไมถึงไม่ใช้ว่าขุ / แน่นอนว่าเลือกมิจิเรย์อะเพราะเป็นก๊กเดียวกับไทโชอยู่แล้ว คิกคัก
     ปล. เพิ่งจำได้ว่าวันนี้มีบิโชเน็นเตย์ยิงธนู -_-
    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×