ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #63 : Color of the City (Yellow)

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 67


    Color of the City (Yellow)
    Playlist: Lil Kansai – Mata kimi ga suki 「また君が好き」












    .

    สายลมเย็นและแสงแดดเรื่ออ่อนระต้องกับใบหน้าทันทีที่เธอผลักบานประตูออกจากร้านคาเฟ่ในเวลาใกล้เที่ยง เรือนผมยาวสยายพัดปลิวจนต้องยกมือข้างที่ยังว่างทัดมันเข้ากับใบหู แต่ก็ดูท่าว่าจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เมื่อสายลมก็ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างแข็งขันเฉกเช่นกัน

    ทั้งอย่างนั้นริมฝีปากสีเรื่ออ่อนของหญิงสาวก็ยังยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เจือด้วยเสียงหัวเราะ ขณะย่ำรองเท้าส้นสูงไปตามท้องถนน พร้อมกับแก้วชานมไข่มุกและสายลมที่เธออนุญาตให้พัดผ่านมาเป็นเพื่อนร่วมทาง พลางมองดูทิวทัศน์ของร้านรวงและตึกรามบ้านช่องที่เรียงราย ทั้งผู้คนที่แต้มแต่งความมีชีวิตชีวาประสาชาวกรุงในเมืองหลวงบนถนนสายหนึ่งที่ผู้คนไม่พลุกพล่านมากนัก ภายใต้ท้องฟ้าสีสดสว่างในยามนี้ ฮานาโมริ โมโมเอะรู้สึกเหมือนกับว่าความสุขในชีวิตกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างไรอย่างนั้น

     

    ด้วยแม้อายุจะปาเข้าไปยี่สิบสี่ย่างยี่สิบห้าในปลายปีนี้ แต่โมโมเอะกลับเพิ่งจะสำเร็จการศึกษาจากรั้วมหาวิทยาลัย ท่ามกลางความปีติของครอบครัวที่ดูจะดีอกดีใจยิ่งกว่าเธอเสียอีก ใช่ว่าโมโมเอะเป็นพวกเรียนไม่เอาอ่าวหรือว่าขี้เกียจสันหลังยาว แต่ต้นเหตุของเรื่องนี้คงต้องโทษเพื่อนสนิทที่กอดคอเข้ามาเป็นเฟรชชี่ด้วยกัน แต่จู่ๆ ก็กลับชิงลาออกไปในช่วงรอยต่อของการเลื่อนขึ้นศึกษาต่อในชั้นปีที่สองด้วยเหตุผลที่ว่า ฉันว่าฉันรู้แล้วว่าอยากทำอะไร ทั้งยังขนข้าวของหนีไปตามหาความฝันที่โตเกียวเอาเสียดื้อๆ แล้วทิ้งให้คนขี้เหงาอย่างเธอต้องใช้ชีวิตในโอซากะคนเดียวลำพังอย่างน่าเจ็บใจ

    ที่แม้ว่าใครคนหนึ่งจะก้าวเข้ามาอยู่เคียงข้างคอยช่วยทำทำหน้าที่นั้นแทนเพื่อนสนิทมาตลอดสองปี แต่สุดท้ายทุกอย่างก็กลับกลายเป็นแค่สิ่งลวงตา ขนาดทำให้โมโมเอะยอมดรอปเรียนไปถึงหนึ่งปีเต็ม แค่เพียงเพราะไม่อยากจะเจอหน้าผู้ชายใจร้ายแบบนั้นให้ยิ่งต้องเจ็บช้ำใจมากไปกว่านี้

    ใช่จะไม่รู้ว่าตัวเธอกับภาษาฝรั่งเศสนั้นดูอย่างไรก็คงไปกันไม่รอด แต่ไหนๆ ก็อุตส่าห์อดทนร่ำเรียนมาตั้งสามปี อีกทั้งลูกสาวคนเดียวที่ไม่เคยทำอะไรให้พ่อแม่ได้ภูมิใจก็ใช่ว่าจะไม่อยากเห็นรอยยิ้มของพวกท่าน แม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยความกล้ำกลืนฝืนทนของเธอ กระทั่งในที่สุด ลูกสาวที่ไม่เอาไหนก็ทำให้พ่อกับแม่ยิ้มแก้มปริออกมาได้ด้วยเกียรติบัตรและพิธีจบการศึกษาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ก่อนที่เธอจะขอรางวัลจบการศึกษาชิ้นใหญ่ด้วยการขอออกไปตามหาความฝันที่โตเกียวอย่างเพื่อนสนิทบ้านข้างเคียงบ้าง

    แน่ล่ะว่าพวกท่านย่อมไม่เห็นด้วย ก็เลี้ยงกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก แล้วจะไม่ให้เป็นห่วงลูกสาวคนเดียวที่แทบจะทำอะไรไม่เป็นได้ยังไงไหว! แต่เป็นเพราะความต้องการอย่างแน่วแน่ครั้งแรกในชีวิต บวกกับความมั่นใจจากเพื่อนสนิทของลูกสาวที่ถึงขนาดโทร.มาบอกเล่าถึงชีวิตที่แสนจะมีความสุขและเต็มเปี่ยมไปด้วยความฝันมากมายในเมืองหลวง

    ด้วยเหตุฉะนี้...นกน้อยจากโอซากะจึงได้โผบินไปเริ่มต้นใช้ชีวิตยังโตเกียวในที่สุด

     

    ปุบปับสายฝนก็ร่วงหล่นลงมาโดยไร้ซึ่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า ให้โมโมเอะได้แหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่แสงแดดเริ่มอ่อนจาง อดไม่ได้ที่จะจึ๊ปากให้กับความยุ่งยากที่กำลังก่อร่างขึ้นจากเมฆและไอน้ำข้างบนนั้น โชคดีที่พกติดตัวมาแค่กระเป๋าสะพายใบเล็กเลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องวิ่งหาที่หลบฝน ไหนจะอพาร์ตเมนต์ของเธอที่ก็อยู่ห่างไปไม่เท่าไหร่ คิดเสียว่าดีซะอีก กลับไปจะได้ไม่หาข้ออ้างขี้เกียจอาบน้ำอีกแน่ะ!

    แต่ไม่ใช่จากร่มที่เฉี่ยวชนจนใบหน้าแต้มเครื่องสำอางจะเปรอะไปด้วยหยดน้ำ แถมยังกระเด็นเข้าตาจากคุณป้าเจ้าของร่มที่จู่ๆ ก็หมุนตัวหันหลังกลับกะทันหันแล้วเดินลิ่วไปทั้งอย่างนั้น โชคร้ายที่วันนี้เธอดันใส่คอนแทกเลนส์มา แม้อยากจะขยี้ตาแรงๆ แค่ไหนก็ทำไม่ได้ดั่งใจ โมโมเอะได้แต่ครางฮือขณะพยายามถูข้อนิ้วกับเปลือกตาเบาๆ หากด้วยความไม่ระวังจากการก้มหน้าก้มตาเดิน จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นรถจักรยานที่จอดเกะกะขวางทางอยู่ริมทาง ทำเอาขาเรียวที่พ้นโผล่จากเดรสสั้นของเธอกระแทกกับมันเข้าอย่างจัง

    โมโมเอะเกือบจะกรีดร้องออกมาอยู่แล้ว แต่ยั้งมันไว้ได้ทันภายใต้ใบหน้าบูดบึ้งและเสียงลมหายใจที่พ่นพรูออกมาเต็มแรง

    นึกโทษฟ้าฝนที่พร่างพรูลงมาไม่ขาดสายได้ไม่ทันไร สายฝนปรอยเมื่อครู่ก็สาดเทลงมาอย่างกับเบื้องบนต้องการเล่นตลกกับเธออย่างไรอย่างนั้น

    พระเจ้าจะกลั่นแกล้งลูกทำไมนักหนานะ!

     

     

    ฝนตก...ทำเอาคนที่กำลังคิดว่าจะออกไปเดินเล่นหาอะไรทำหลังจากนั่งแกร่วอยู่ในบ้านมาตลอดทั้งเช้าจำต้องเปลี่ยนเป้าหมายจากประตูห้องไปเป็นข้างบานหน้าต่างแทน

    แม้จะเป็นสายฝนแรกในรอบปี หรืออาจเป็นสายฝนแรกนับตั้งแต่โอกาซากิ โคทาโร่ย้ายกลับมาอยู่ที่โตเกียวตั้งแต่เมื่อต้นปี แต่ในวันที่เขารู้สึกเบื่อและเหงามากอย่างนี้ สายฝนที่เคยนึกชอบมาตลอดก็กลับดูเหมือนจะยิ่งทำให้หดหู่มากขึ้นกว่าเดิมอีก

    โคทาโร่เอาแต่ยืนมองท้องฟ้าสลับกับท้องถนนภายนอกไปเรื่อยเปื่อยอย่างลอยเหม่อ กระทั่งสายตาจะสะดุดเข้าให้กับหญิงสาวที่กำลังเดินนวยนาดอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจต่อหยาดฝนที่โปรยปราย คนที่หยุดยืนแล้วแหงนคอมองขึ้นไปบนฟ้าให้โคทาโร่ได้มองเห็นใบหน้าสดสวยที่บูดบึ้ง คนที่ถูกร่มส่งน้ำฝนกระเซ็นเข้าใบหน้า และคนที่เดินชนรถจักรยานของป้าข้างบ้านที่ไม่เคยสนใจกฎระเบียบเข้าอย่างจัง

    คนที่ทำให้โคทาโร่มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบวัน

    และคนที่จะบังเอิญทำให้ข้างในอกข้างซ้ายของเขาพลันเต้นไม่เป็นจังหวะ...อย่างที่กำลังเป็นอยู่นี้

     

    เมื่อสายฝนเร่งจังหวะแรงขึ้นจนภาพที่เห็นภายนอกบานหน้าต่างเริ่มมัวพร่า โคทาโร่ที่เพิ่งจะได้สติจึงรีบวิ่งทั่กๆ ลงชั้นล่างไปคว้าเอาร่มคันสีเหลืองที่วางอยู่ข้างชั้นวางรองเท้าแล้วรีบเปิดประตูออกไป หากเจ้าของแผ่นหลังในชุดกระโปรงสีขาวและรองเท้าส้นสูงสีแดงที่ยกกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กขึ้นบังเหนือหัวก็วิ่งจากไปด้วยความรวดเร็วเสียแล้ว

    แต่แล้วเธอก็จะวิ่งกลับมา ก้มตัวคว้าเอาอะไรบางอย่างที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมากำแน่น ชั่ววินาทีที่บังเอิญได้สบตากัน เธอก็ส่งยิ้มให้โคทาโร่ที่ได้แต่ยืนถือร่มอยู่อย่างหมิ่นเหม่ จนสายฝนสาดกระเซ็นเข้าไหล่ข้างหนึ่งให้เสื้อยืดตัวเก่งได้เปียกปอน

    แม้ว่าเธอจะจากไปแล้ว แต่หัวใจของเขายังไม่ยอมหยุดเต้นไม่เป็นจังหวะเลย!











    2024年07月01日
    _______________
     เอาดีๆ กูแอบชอบฟิคที่แต่งสมัยยังบ้าเกาหลี ประมาณสิบกว่าปีลงไป แม้ว่าภาษา(ส่วนใหญ่)จะค่อนข้างอุบาทว์ แต่กูชอบพล็อตหลายเรื่องมาก ไนท์ไลฟ์ อินดี้ ดาร์กเดิร์กอะไรมีหมดเลยว่ะ >_< แต่ก็อย่างที่กูเคยบ่นให้มึงฟังว่าไม่รู้ทำไม ฟิคเกาเอามาแปลงเป็นญปยากชิบหาย จะให้เรื่องดำเนินในเกากูก็ไม่เอา แต่ก็อยากเอามาลงให้รู้ว่าครั้งหนึ่งกูก็เคยแต่งอะไรแบบนั้นได้ แค่ว่ากูยัง(ทำใจ)แปลงไม่ได้ 55555 / แต่เพราะเรื่องบังเอิญอย่างเช่นว่า...เพลงนี้ของลิลคันไซมีเนื้อเพลงที่เกี่ยวกับฝนกับร่ม (จริงๆ มันคือเพลงวินเท่อร์นะ เพราะฝนตกแล้วหิมะก็จะตกต่อไง) แล้วกูก็รำลึกได้ว่าเคยมีฟิคเรื่องนี้สมัยชอบเจจองอยู่นี่นา ตอนนั้นแต่งจากเพลงทงเน อิอิ (และอีกเรื่องบังเอิญอย่างเช่นว่า...ฟิคมิจิชิรุเบะที่เวอร์ต้นฉบับ(ไปลำปาง)เคยแต่งให้เจจองกูก็แปลงให้คนนี้ เป็นต้น) / เอาจริงกูชอบเรื่องนี้อยู่นะ คิดจะแปลงลงหลายครั้งหลายคนแล้ว เคน ไทโช ฯลฯ แต่ตอนนั้นขี้เกียจแก้เกลาภาษาเพราะเวิ่นชิบหาย แต่เมื่อวานพอครึ้มใจลองเอามาแปลงดูแล้วก็ทำได้เฉยเลยว่ะ แม้ว่าจะยังเป็นฟีลเกาหลีอยู่แต่กูไม่รู้ไม่แคร์แล้ว! / และอย่างที่มึงอาจจะจำได้ (แต่ถ้าจำไม่ได้ก็ดีแล้ว) ว่ายังมีพาร์ทของเพนท์กับมึงอยู่ นักดนตรีข้างถนนไง ตอนแรกนะกูจะเอาโยซิกับนิชิทาคุแล้ว เป็นสี bluey (บลูอี้) ทั้งคู่ด้วยเห็นป่ะ หึ บอกเลยนะว่ากูปักเมนคนนี้ให้มึงตั้งแต่ปีสองปีก่อนแล้ว หึ แต่สุดท้ายก็...ขอติดไว้ก่อนละกัน ถ้ามีมันก็จะมี แต่ถ้าไม่มีก็ขอให้รู้ว่ากูก็ได้พยายามแปลงอย่างสุดกำลังแล้ว...นะมึงนะ
     ปล. ช่วงนี้กลับไปหมดไฟอีกแล้วโว้ยย แต่อยากแต่งอะไรแส้บๆ แต่ก็นึกไม่ออก ที่นึกออกมีแต่ใสๆ เห้ออออ (ทำหน้าเส้าเหมือนฟอลกาย)
    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×