คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #150 : My Hometown
มิซึเสะ ฮิเมนะ เพิ่งจะได้กลับบ้านเกิดในรอบสามปีกับอีกสามเดือน
หลังเรียนไม่จบจากมหาวิทยาลัยคานากาวะ แม้จะใช้เวลาอยู่ที่นั่นเกินกำหนดหลักสูตรเป็นห้าปีในสาขาประวัติศาสตร์และคติชนอย่างเปลืองเปล่า ขนาดตอนที่ร่ำเรียนอยู่เธอก็ยังคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เปลืองเปล่า ฮิเมนะไม่มีทั้งเป้าหมายหรือความชอบอะไรเลยในชีวิต ก็แค่เข้าเรียนสาขานี้ตามคนที่ชอบก่อนที่เขาจะไปชอบคนอื่นตั้งแต่วันแรก เพราะอย่างนั้นไฟที่ริบหรี่อยู่แล้วก็จะยิ่งมอดลงไปจนแทบไม่เหลือต้นตอ เข้าเรียนบ้าง ไม่เข้าเรียนมากกว่า เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการนั่งๆ นอนๆ เล่นเกมอยู่กับบ้าน ไม่ก็ออกไปเที่ยวเล่นกับผู้ชายเรื่อยเปื่อย ให้พ่อแม่เป็นต้องส่ายหน้าด้วยความอิดหนาระอาใจ ก่อนสุดท้ายจะกลายเป็นความปลดปลงจนไม่มีแม้แต่คำบ่นว่าให้เสียปาก เมื่อสุดท้ายลูกสาวคนเดียวจะประกาศเลิกเรียนหนังสือ แล้วหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางตามหนุ่มคนรักรายใหม่ล่าสุดที่จะย้ายไปตามหาความฝันการเป็นดาราที่โตเกียว
ฮิเมนะตกหลุมรักนางาเสะ เร็นหัวปักหัวปำ เขาเป็นผู้ชายคนแรกในรอบห้าปีที่เธอคิดว่าจะจริงจังด้วย และเขาเองก็ดูเหมือนว่าจะจริงจังกับเธอด้วย ถึงได้ชักชวนให้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่โตเกียวด้วยกัน เธอได้งานทำในร้านขายหนังสือมือสองที่อยู่ใกล้กับอพาร์ตเมนต์ ส่วนเร็นได้เซ็นสัญญาเข้าเอเจนซี่เล็กๆ มีผลงานการแสดงเป็นตัวประกอบและถ่ายแบบบ้างประปราย ระหว่างนั้นก็ทำงานส่งอาหารให้อูเบอร์ อีทส์ไปด้วยเพื่อเลี้ยงตัว
และนั่นก็อาจเป็นครั้งแรกที่ฮิเมนะมีความฝัน...คืออยากให้ความฝันของเร็นเป็นความจริง
ถ้าเพียงแต่ฮิเมนะจะรู้ว่ามันจะมาพร้อมคำบอกเลิกที่ว่าเป็นเพราะเขาอยากทุ่มเททุกอย่างให้กับการแสดง เธอคงจะทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางไปแล้ว
หลังจากนั้นฮิเมนะก็ลาออกจากงานที่ร้านขายหนังสือเพื่อมานอนร้องห่มร้องไห้เต็มเวลาแทน ช่วงแรกๆ เธอแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ ยิ่งได้เห็นเห็นอดีตคนรักมีความสุขดีโดยไม่มีเธอผ่านบล็อกหรือทวิตเตอร์ทีไรก็พาลบ่อน้ำตาแตก ระหว่างสามเดือนนั้นน้ำหนักก็ลดลงไปเกือบห้ากิโล เดือดร้อนถึงทากาฮาชิ ไคโตะ ญาติผู้พี่ที่เคยสนิทสนมกันดีสมัยอยู่บ้านเกิด ต้องลางานไปลากตัวพากลับมาตายรังที่บ้านตามคำขอร้องของคุณลุงคุณป้าบ้านมิซึเสะ แม้ว่าจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เมื่อพ่อกับแม่บอกว่าจะไม่ส่งเงินมาให้ใช้แล้ว ฮิเมนะจึงต้องจำยอมเก็บข้าวของพร้อมหัวใจที่บอบช้ำกลับไปคานากาวะอย่างร้าวราน
กระนั้นฮิเมนะก็ยังคงเอาแต่หมกตัวนอนร้องห่มร้องไห้อยู่ในห้องนอน ให้คุณนายมิซึเสะได้ตอกย้ำซ้ำเติมใส่หน้าลูกสาวด้วยความสะอกสะใจเป็นนักหนาว่า “ฉันเตือนแกแล้วว่าอย่าไปหลงพวกฝันอยากเป็นดารงดารา ไหมล่ะ! พอได้ดิบได้ดีมันก็ทิ้งแก!” กว่าที่ฮิเมนะจะกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้ก็ในอีกสามเดือนให้หลัง เมื่อความรักแปรเปลี่ยนไปเป็นความแค้นในตอนที่เห็นใบหน้าของอดีตคนรักบนจอโทรทัศน์ โซเชียลมีเดีย หน้านิตยสาร หรือโปสเตอร์ในโรงภาพยนตร์ ท่ามกลางความโล่งอกของพ่อกับแม่ที่ไม่ต้องเห็นขอบตาบวมเป่งหรือใบหน้าเปื้อนน้ำตาของลูกสาวโง่เง่าอีก รวมถึงไคโตะที่ไม่ต้องทนฟังคุณนายมิซึเสะบ่นเรื่องลูกสาวโง่เง่าให้ฟังทุกครั้งที่เจอหน้าอีก
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด!
เมื่อคราวนี้กลับเป็นลูกสาวบ้านมิซึเสะเองต่างหากที่คอยมาบ่นก่นด่าเรื่องแฟนเก่าซึ่งทอดทิ้งเธอไปโดยไม่เห็นแก่ช่วงเวลาที่เคยมีร่วมกัน แทบทุกวันที่เธอจะหาข้ออ้างว่าเบื่อ! เบื่อ! เบื่อ! แล้วแวะมาหาเขาที่ร้านขายอุปกรณ์เล่นเซิร์ฟ ไม่ก็วันว่างที่เขาไปเล่นเซิร์ฟ บ่อยครั้งที่ปุบปับลากไปกิน (เขา) ดื่ม (เธอ) ด้วยกันที่อิซากายะ จากนั้นก็เมาเละเทะให้เขาต้องหิ้วปีกกลับบ้าน โดยไม่สนใจว่าตัวเองเป็นภาระคนอื่นแค่ไหนจนเรียกได้ว่าเป็นกิจวัตร
ขนาดไคโตะที่เป็นคนยังไงก็ได้ยังต้องยอมรับว่าเขาเริ่มจะเหนื่อยหน่ายใจกับเธอมากขึ้นทุกวัน
กระทั่งทางออกจะมาในรูปแบบของสายตรงจากเพื่อนรุ่นน้องที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยมัธยมต้น และยังคงรักษามิตรภาพไว้ได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะย้ายไปทำงานอยู่ที่โตเกียวได้เกือบสามปีแล้วก็ตาม
อิวาซากิ ไทโช คือชื่อของเพื่อนรุ่นน้องคนนั้น เขาอายุเท่ากับฮิเมนะ เรียนชั้นเดียวห้องเดียวกับฮิเมนะ ขนาดที่นั่งในห้องเรียนยังอยู่หลังฮิเมนะ แต่ความสนิทสนมของสองคนที่ดูน่าจะใกล้ชิดกันในเวลาสามปีนั้นกลับเหินห่างยิ่งกว่าสองหนุ่มต่างวัยที่เข้าคู่กันได้เพราะกีฬาหรือกิจกรรมกลางแจ้งที่เจ้าหล่อนไม่เคยให้ความสนใจเสียอีก
บางที...นี่อาจเป็นโอกาสอันดีที่อดีตเพื่อนร่วมห้องทั้งสองจะได้กลับมาทำความรู้จักกันใหม่อีกครั้ง ถึงไคโตะจะไม่ได้คิดไปไกลถึงเรื่องการจับคู่ชายหญิงที่ดูแตกต่างกันหมดทุกอย่างทั้งภายนอกและภายใน กิจกรรมยามว่าง หรือแม้แต่ความชอบไม่ว่าจะน้อยใหญ่ แต่อย่างน้อยๆ การได้พบกับผู้ชายที่มองโลกในแง่ดีบ้างก็น่าจะช่วยให้ญาติผู้น้องของเขากลับมามองโลกแบบเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้บ้าง
ไคโตะถึงได้ไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อยในการตอบรับคำชวนโร้ดทริปย้อนความหลังในเมืองบ้านเกิดตลอดหนึ่งสัปดาห์ของไทโช โดยไม่จำเป็นต้องถาม ไคโตะก็รู้ว่าฮิเมนะจะต้องติดสอยห้อยตามเขามาบ่นว่าและก่นด่าเรื่องแฟนเก่าให้ฟังอยู่วันยังค่ำ
ในตอนที่ไทโชได้ยินชื่อฮิเมนะ เขาก็จะหัวเราะแล้วบอกว่า
“ทริปนี้คงมีสีสันขึ้นเยอะเลย”
อย่างไม่ต้องสงสัย
♥
ฮาระ มิยาบิ เพิ่งจะได้กลับบ้านเกิดในรอบห้าปีกับอีกห้าเดือน
หลังจากเรียนจบไฮสคูลชัันปีสุดท้ายที่มาพร้อมกับการหย่าร้างของพ่อกับแม่ คุณนายฮาระก็หอบหิ้วพาเธอย้ายไปอยู่กับยายที่โตเกียว แทนที่จะยังอยู่คานากาวะกับพ่อและผู้หญิงคนใหม่ ถึงระยะเวลาสามปีที่แอบคบหากันมาจะไม่น่าเรียกว่าใหม่ กระนั้นความสัมพันธ์ของมิยาบิกับพ่อยังคงไม่ได้มีสิ่งใดที่เปลี่ยนแปลง อาจเว้นก็แต่ระยะทางที่แปรเปลี่ยน เธอไม่ได้เกลียดพ่อที่หมดรักแม่และแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นเมื่อหล่อนก็ดูรักพ่อจากใจจริง พ่อจะโทร.มาหาสัปดาห์ละครั้งสองครั้ง ในตอนที่ว่างหรือมีธุระก็จะขึ้นมาหาเธอที่โตเกียวพร้อมของฝากเป็นขนมหรือเครื่องประดับสวยๆ มากมายราวกับการไถ่โทษ มิยาบิจึงไม่เคยกลับไปรบกวนพ่อกับภรรยาใหม่ที่บ้านและเริ่มต้นใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ แม้ว่ามันอาจอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นหัวใจของเธอเองต่างหากที่ไกลห่าง
เหตุผลนั้นก็คือชายหนุ่มที่มีชื่อว่าอุกิโช ฮิดากะ เขาเป็นเพื่อนร่วมสาขาภาษาอังกฤษที่เธอตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบมาจนถึงตอนที่ได้เป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกัน หากมิยาบิที่กลัวความสัมพันธ์จะเปลี่ยนไปก็ไม่กล้าที่จะสารภาพออกไป ด้วยความหวังลึกๆ ว่าสักวันหนึ่ง ฮิดากะที่ก็ดูคล้ายว่าจะมีใจให้เธอเหมือนกันจะเป็นฝ่ายสารภาพมันออกมาเอง
แต่ความหมายของคำว่าดูคล้ายก็ตรงตัวตามนั้น เพราะพอถึงช่วงเทอมสองของชั้นปีที่สาม ฮิดากะก็พาแฟนสาวอายุน้อยกว่ามาแนะนำให้เพื่อนๆ รู้จัก มิยาบิได้เข้าใจอาการหน้าชื่นอกตรมเป็นครั้งแรกก็วินาทีนั้น เธอแสร้งทำเป็นหัวเราะเฮฮาและแกล้งเย้าแหย่เขาเหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่ทันทีที่กลับมาถึงห้องก็น้ำหูน้ำตาไหล กินไม่ได้นอนไม่หลับ นอนซมป่วยเป็นไข้ใจอยู่เกือบสัปดาห์โดยอ้างไปว่าเป็นเพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เฉกเช่นเดียวกับที่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฮิดากะจะเปลี่ยนแปลงไป เมื่อเธอตัดสินใจตีตัวออกหากจากฮิดากะในคลาสเรียนอย่างจงใจ แน่นอนว่าเพื่อนหลายคนต่างรู้ว่าเป็นเพราะอะไร อาจรวมถึงเจ้าตัวเองที่ก็รู้ดีมาตลอด และการที่เขายินยอมปล่อยให้มันเป็นไปโดยไม่พยายามถามไถ่หรือแก้ไข ก็จะทำให้มิยาบิได้แต่ชอกช้ำระกำใจ
กระทั่งเหตุบังเอิญที่ทำให้เธอได้กลับมาพบกับอิวาซากิ ไทโช รุ่นน้องที่รู้จักตั้งแต่สมัยอยู่คานากาวะระหว่างเดินอยู่ในร้านหนังสือ เป็นเขาเองที่ทำให้มิยาบิได้หวนรำลึกถึงถึงอดีตเมื่อครั้งเก่าก่อน สมัยที่เธอเคยมีความสุขกว่านี้ กับช่วงเวลาที่ได้เคยใช้ร่วมกันกับเพื่อนสนิทที่เฮฮาร่าเริงกว่านี้อย่างทากาฮาชิ ไคโตะ ถึงรสนิยมของเธอกับเขาจะตรงกันบ้าง ไม่ตรงกันบ้าง แต่การโต้เถียงอย่างไม่จริงจังที่จะตามมาด้วยเสียงหัวเราะรวนร่าก็เป็นความทรงจำดีๆ ครั้งหนึ่ง คนที่ไม่เคยทำอะไรใกล้เคียงกับคำว่าดูเหมือน เพราะทุกสิ่งที่เขาทำเพื่อเธอ เขาทำด้วยใจ
มิยาบิอาจไม่ได้คิดถึงไคโตะในแง่นั้นอีกแล้ว หากการได้ใช้เวลาพูดถึงอดีตครั้งหนึ่งที่เคยมีร่วมกับเพื่อนสนิทของเธอและรุ่นพี่คนสนิทของเขา ก็จะทำให้เธอค่อยๆ ลืมเลือนความใจร้ายของโตเกียวไปได้ทีละนิด ขนาดที่ในวันสุดท้ายของการรับประกาศนียบัตรก่อนที่จะแยกย้ายกันไป มิยาบิก็สามารถยิ้มและอวยพรให้ผู้ชายที่เคยรักมีความสุขกับคนรักของเขาได้จากใจจริง
มิยาบิไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อยในตอนที่ตอบรับคำชวนของไทโชที่บอกว่าอยากกลับไปโร้ดทริปรำลึกความหลังที่บ้านเกิดอีกครั้ง แต่ขอให้ปิดไคโตะว่าจะมีเพื่อนเก่าร่วมทางไปด้วยเพราะอยากเห็นสีหน้าเซอร์ไพรส์ของเพื่อนเก่า นอกจากเจ้าตัวที่ตกปากรับคำแล้ว มิยาบิยังได้ยินชื่อของฮิเมนะ ญาติของไคโตะ เพื่อนร่วมห้องของไทโช และรุ่นน้องที่ชมรมห้องสมุดของเธอด้วย
“ทริปนี้ต้องสนุกมากแน่ๆ”
อย่างไม่ต้องสงสัย
_______________
ความคิดเห็น