คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #128 : Last Hope: ตัวละคร & บทนำ (ฆาตกร)
เขายังคงเร่งฝีเท้า ออกวิ่งไปตามท้องถนน
ทั้งที่สายฝนจะยังคงโหมกระหน่ำดุจดั่งฟ้าดินกำลังพิโรธต่อความผิดที่เขาเป็นผู้ก่อ ถึงแม้ว่าหยาดฝนที่ตกกระทบลงมาเป็นสายจะส่งความแรงบาดผิวเนื้อให้ได้รู้สึกเจ็บแสบ
เขาก็ยังไม่ยอมหยุดวิ่ง ถึงต่อให้มันจะเสียดแทงเข้าไปข้างในจนร่างกายของเขาปริแยกแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ
เขาก็จะไม่ยอมหยุดวิ่ง
นัยน์ตาที่เบิกกว้าง คิ้วที่ขมวดเข้าหากัน
และริมฝีปากที่พยายามจะขยับเป็นคำพูดอะไรสักอย่าง ทว่ากลับไร้สุ้มเสียง ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงชั่ววินาทีเดียวเท่านั้นก่อนที่ร่างตรงหน้าจะร่วงหล่น
ไม่ต่างอะไรจากหุ่นกระบอกที่ถูกตัดเส้นเชือกแห่งชีวิตออกไป ของเหลวสีแดงสดคละเคล้าไปกับหยาดน้ำใสของสายฝนที่เจิ่งนองอยู่บนพื้น
หลอมละลายกลายเป็นสีชมพูเจื่อนจาง ก่อนที่จะค่อยๆ กลืนหายไป กระทั่งตนเองก็ไม่ได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมา
มีเพียงใบมีดที่เปื้อนหยาดสีชาดซึ่งกำลังถูกสายฝนชะล้าง ก่อนร่วงหล่นลงไปตกกระทบบนพื้นคอนกรีตแทรกที่ผ่านเสียงอื้ออึงของสายฝนเข้ามาในโสตสดับ
กระนั้นมันก็สามารถหวนเรียกสติที่ขาดหายไปให้กลับคืนมาได้ ต่อร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ไม่ห่างจากปลายเท้า
นัยน์ตาสีดำสนิทที่ไร้ซึ่งจิตวิญญาณภายในนั้นจับจ้องมองเขาคล้ายกับจะคาดโทษ ความรู้สึกปวดมวนท้องกำลังเคลื่อนขึ้นมาจนถึงคอ
เขายกมือขึ้นปิดปาก หมุนตัวและออกวิ่งด้วยรองเท้าหนังสีดำคู่เก่าอย่างสุดแรง
ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าระดับน้ำจะทำให้ถุงเท้าของเขาเฉอะแฉะหรือเนื้อตัวจะเปียกปอน สิ่งเดียวที่เขาคิดออกคือต้องวิ่ง
วิ่งไปให้พ้นจากสายตาคู่นั้น วิ่งไปให้ไกลที่สุดเท่าที่สองเท้าจะพาเขาก้าวไปไหว แต่ไม่ว่าอย่างไร
เขาก็ไม่อาจสลัดเอาสายตาคู่นั้นออกไปจากหัวสมองได้พ้น
สุดท้ายแล้วเขาก็ล้มลง ยกมือขึ้นปิดปากที่น้ำเหนียวๆ
เริ่มไหลออกมา ก่อนที่จะไม่สามารถกลั้นไว้ได้อีก นอกจากขย้อนเอาของเหนียวๆ นั้นออกมาทั้งที่จะรู้สึกทรมาน
บนท้องถนนที่ร้างราผู้คน
เขากรีดร้องออกมาสุดเสียงแข่งกับสายฝนที่ยังคงสาดซัดลงมา โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง
ในเมื่อตอนนี้...เขาได้ฆ่าคนตายไปแล้ว
∞
ฟ้าเริ่มคล้อยต่ำลงที่นอกบานหน้าต่าง
สาดสะท้อนเป็นสีส้มเรืองรองสู่ห้องสี่เหลี่ยมสีขาวอุดอู้อันน่าเบื่อหน่ายภายในเขตโรงพยาบาลแห่งนี้
เมื่อฮาตาโนะ คานาเอะผินใบหน้าจาก ก็เป็นเวลาเดียวกับที่บานประตูจะถูกผลักเปิดออกด้วยฝีมือของเด็กสาวที่จะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงของผู้เป็นแม่
“ลูกคนนี้นี่ แม่บอกกี่รอบแล้วว่าอย่าทำตึงตัง
เดี๋ยวก็ถูกคุณพยาบาลว่าเข้าให้เหมือนคราวก่อนหรอก” หล่อนอดไม่ได้ที่จะเอ็ดอึง แต่เด็กสาวก็ยังคงยิ้มเผล่เป็นทองไม่รู้ร้อน
จนคานาเอะทำได้แค่ส่ายหัวน้อยๆ ให้กับความไม่รู้จักโตของบุตรสาววัยสิบเก้า
ที่ยังรักจะเป็นเด็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้ามารดาเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาเสมอ
“แม่จ๋า หนูมีข่าวดีจะมาบอกด้วยแหละ แม่จำที่หนูเคยพูดเกี่ยวกับการสอบเข้าฝึกงานทางช่องทีวีโตเกียวได้ไหม?”
น้ำเสียงของเด็กสาวกระตือรือร้น ไม่รีรอให้หล่อนได้พยักหน้าด้วยซ้ำ เธอก็จะเอ่ยต่อด้วยใบหน้าที่วาดเป็นรอยยิ้มกว้างกว่าเดิมว่า
“หนูทำได้แล้วนะแม่! ในที่สุดหนูก็สอบผ่านแล้ว!”
“จริงเหรอจ๊ะ! ตายแล้ว! โคบาโตะลูกแม่เก่งที่สุดเลย!” หล่อนเองก็อดตื่นเต้นยินดีไปด้วยไม่ได้ แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่กำลังส่องต้องเข้ามา
ทำให้เธอเปรียบเหมือนนางฟ้าแห่งความหวังที่เข้ามาเติมเต็มความสิ้นหวังของคานาเอะได้อย่างเต็มปรี่
ตลอดสิบห้าปีที่เลี้ยงดูฮาตาโนะ โคบาโตะมาด้วยตัวเองลำพัง การได้มองเห็นลูกน้อยเติบโตมาอย่างแข็งแรง
ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และประสบความสำเร็จในเส้นทางที่วาดฝันเหมือนเช่นทุกวันนี้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งมีค่าอันยากจะหาใดมาแทนทดในชีวิตที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยตลอดมาของหล่อนมากเกินพอแล้ว
“แม่จ๋า” โคบาโตะแตะมือที่เหี่ยวกร้านทั้งจากกาลเวลาและงานเย็บผ้าขึ้นมาจับไว้
เธอรู้ดีว่าแม่ต้องทำงานหนักเพียงไรในการส่งเสียเธอให้ได้เข้าศึกษายังหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศแบบนี้
“ต่อจากนี้หนูจะเป็นคนทำงานหาเงินมาดูแลแม่เองนะ หนูจะหาเงินมาช่วยค่าผ่าตัดของแม่
แล้วแม่จะต้องสบายดี”
คำพูดที่แสดงความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม
ทำให้คานาเอะตื้นตันใจจนน้ำตาไหลริน
เมื่อภายนอกถูกแทนที่ด้วยความมืดมิด
อายุรแพทย์อาเบะ เรียวเฮก็อดไม่ได้ที่จะปราดสายตามองไปยังเข็มนาฬิกาบนฝาผนังภายในห้องรับรองที่กำลังเดินผ่าน
ใกล้จะสามทุ่ม วันนี้ยังไม่มีงานหนักอะไรนอกจากการตรวจรักษาคนไข้ อย่างอารมณ์ดี เขาคิดว่าจะให้รางวัลกับวันที่ทุกอย่างราบรื่นไปด้วยดีทั้งแก่เขาและคนไข้ด้วยเยลลี่กาแฟขึ้นชื่อที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อข้างล่าง
เป็นที่รู้กันดีของบุคลากรของโรงพยาบาลในเครือของคณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเทโตคุ ว่าคุณหมออาเบะเป็นโรคเสพติดของหวาน นับตั้งแต่จำความได้ เขาก็กลายมาเสพติดมันโดยที่ร่างกายไม่อ้วนท้วนเลย
นับเป็นโชคดี จนเมื่อร่างกายเริ่มเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวาน เขาจึงค่อยๆ ลดการกินลง
ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถเลิกขาดได้เสียทีเดียว
“คุณหมออาเบะคะ!” ด้วยเสียงตะโกนร้องเรียกอย่างสดใสพร้อมกับฝีเท้าที่วิ่งทั่กๆ
มาตามทางเดิน ก่อนจะหยุดลงตรงหน้าเขา
“อ้าว โคบาโตะจัง มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
แม้คำถามจะแสดงความประหลาดใจ แต่รอยยิ้มกลับระบายอยู่ทั่วใบหน้า
“เมื่อหัวค่ำนี่เองค่ะ โชคดีจัง
นึกว่าวันนี้จะไม่เจอคุณหมอซะแล้ว” แล้วโคบาโตะก็ค่อยๆ ล้วงหยิบเอาลูกอมจากกระเป๋าเสื้อคาร์ดิแกนที่สวมใส่อยู่ขึ้นมา
ห่อลูกอมรสนมที่แพคเกจไม่ใคร่จะคุ้นตาคนรักของหวานเท่าใดนักถูกหยิบยื่นให้ท่ามกลางความสงสัย
“เผอิญวันนี้มีเพื่อนในคลาสเพิ่งกลับมาจากฮกไกโดค่ะ ได้ยินว่าคุณหมอชอบกินของหวาน
ก็เลย...” ท่าทีเอียงอายตามประสาเด็กสาวของเธอ พวงแก้มที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อกับเสียงหัวเราะน้อยๆ
กลบเกลื่อนการกระทำของตนเองนั้นช่างน่าเอ็นดูไม่น้อย
ใช่ว่าจะดูไม่ออก แต่เรียวเฮคิดว่ามันก็ไม่เสียหายอะไรที่จะมีเด็กสาวมานึกชื่นชมหรือชอบพอ โคบาโตะเพิ่งจะอายุสิบเก้า และเด็กสาววัยขนาดนี้คงจะไม่นึกจริงจังอะไรกับผู้ชายที่แก่กว่าเกือบจะสิบปีอย่างเขาอยู่แล้ว
_______________
ความคิดเห็น