คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #66 : Dancing In The Rain
ผ่านมาสองวันแล้วนับตั้งแต่การนัดพบที่บาร์โฮโรโลเจียมกับเหล่าผองเพื่อนทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า รวมถึงหยาดหยดที่แทบไม่ทอนแรงลงเลยจนเธอกับเจสซี่ไปร้องรำทำเพลงกลางสายฝนเหมือนที่คิดไว้ว่าจะเป็นจีน เคลลี่ใน ‘ซิงกิ้ง อิน เดอะ เรน’ ไม่ไหว แต่ก็ไม่มีอะไรที่โมนากะจะให้ความสนใจมากไปกว่าเรื่องของพี่สาวเธอกับเพื่อนใหม่หน้าตาน่ารัก (และเจ้าของเสื้อกันหนาวตัวใหญ่มากบนตัวรูริกะ!) ที่ชื่ออิวาซากิ ไทโช ขณะที่โมนากะรู้เลยว่าถ้าเธอเป็นฝ่ายที่เดินตัวเปียกม่อลอกม่อแลกเข้ามา คงไม่มีทางไปสะดุดตาใครนอกจากอีตาเจสซี่ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจออกมาดังลั่น ให้เธอไปเป็นหมาสะบัดขนพึ่บพั่บอยู่ใกล้ๆ เป็นการแก้แค้น อวสานความน่าค้นหาอย่างที่หนุ่มๆ เฝ้าฝัน
มันเป็นในรูปแบบนี้มาโดยตลอด ถึงพวกเธอสองพี่น้องจะมีหน้าตาที่ไม่เป็นสองรองใครด้วยกันทั้งคู่ แต่พี่สาวที่นิ่งกว่าก็ย่อมมีภาษีดีกว่า ใช่ว่าโมนากะจะตลกมันไปซะทุกเรื่องหรือกับทุกคน แต่คนที่ใช่ก็ไม่เคยชอบ คนที่มาชอบก็ไม่เคยใช่ ไม่เหมือนกับรูริกะที่ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไรมา ถึงได้ไม่ต้องอาภัพรักมาเกือบตลอดยี่สิบห้าปีเหมือนอย่างเธอในชาตินี้
แต่พอโมนากะอยากนัดพี่สาวมาซักฟอกเรื่องผู้ชายให้หนำใจ หล่อนก็จะกรอกเสียงอ่อนแรงมาตามสาย บอกว่าตัวรุมๆ เล็กน้อยและอยากพักผ่อนเงียบๆ คนเดียว เช่นนั้นโมนากะเลยไม่เซ้าซี้นอกจากได้แต่อวยพรให้หายป่วยไวๆ ตัดสินใจปิดปากเงียบไม่บอกใครอย่างที่รู้ว่าคนขี้รำคาญย่อมต้องการถึงหล่อนจะไม่ได้ขอ เพราะถ้าเจสซี่รู้เข้าคงตามมาโอ๋ลูอิสคนพี่ที่ห่วงแสนห่วงมากกว่าคนน้องอย่างเธอ ดีไม่ดีอาจพ่วงไทโชมาด้วยให้เป็นการเพิ่มคะแนนเข้าไปใหญ่ ยิ่งฝ่ายโน้นดูเหมือนว่าจะชอบพี่เธอ...มากกว่าที่พี่เธอซึ่งไม่พอใจกับสภาพอากาศในวันนั้นจะทันได้รู้สึกอะไรด้วยอีก
โมนากะที่นึกหมั่นไส้ขึ้นมาอยู่ครามครันเลยตัดสินใจพักเล่นบทแม่สื่อแม่ชักอย่างที่ชอบทำชั่วคราว และตอนนี้เธอก็เบื่อจะคิดถึงเรื่องราวความรักของคนอื่นให้แสลงใจในช่วงย่ำค่ำของปลายฤดูใบไม้ผลิอยู่คนเดียว จนต้องลุกขึ้นมาจัดแจงตัวเอง คว้ากระเป๋าสะพายคล้องผ่านไหล่ ไม่ลืมยัดร่มใบเล็กลงไป เพื่อเตรียมตัวเดินเท้าไปยังโรงหนังที่อยู่ใกล้ๆ ไม่มีโปรแกรมทั้งหนังใหม่และเก่าที่เธออยากดูสักหนึ่งรอบหรือว่าซ้ำสองซ้ำสาม แต่ไม่ว่าอะไรก็คงดีกว่าการนอนแกร่วอยู่คนเดียวในห้องทั้งนั้น
โมนากะไม่ได้คิดว่าอยากดูเรื่องที่เดาออกตั้งแต่หน้าหนังอยู่แล้วว่าคงจะแย่ ไม่สิ...ควรใช้คำว่าคงไม่ดี ไม่ถูกจริต หรืออะไรก็แล้วแต่ที่รวมคำว่า ‘ไม่’ มาให้เธอใช้ได้อย่างเหลือเฟือจะดีกว่า แต่ในเมื่อนี่คือหนังใหม่เรื่องเดียวที่เธอคิดว่าน่าสนใจที่สุด อีกทั้งรอบฉายในอีกไม่ถึงสิบนาทีให้ไม่ต้องเสียเวลารอนานนัก โมนากะจึงจำใจเลือกดูเรื่อง ‘ซาดาโกะ’ กับความหวังปลอบใจตัวเองอันน้อยนิดว่านี่เป็นฝีมือของผู้กำกับภาพยนตร์ต้นฉบับอย่างคุณนาคาตะ ฮิเดโอะเชียวนะ! ไม่ใช่อย่าง ‘ซาดาโกะ ทรีดี’ ที่ทำให้เธอต้องกุมขมับจนแทบจะหมดศรัทธากับแฟรนไชส์ที่เคยหลอกหลอนกันตั้งแต่สมัยเด็กไปเลย
ซื้อป๊อปคอร์นและน้ำอัดลมเข้าไปจับจองที่นั่งแถวสาม ถัดเก้าอี้ริมทางเดินฝั่งซ้ายซึ่งถูกจองล่วงหน้าไปก่อนแล้ว คนที่นั่งฝั่งซ้ายติดกับเธอเป็นคู่รักอ่อนวัยกว่า ส่วนเจ้าของที่นั่งฝั่งขวาเดินเข้ามาหลังหนังฉายไปได้นิดหน่อย โมนากะเลยไม่ได้ให้ความสนใจมาก เขานั่งดูหนังเงียบๆ โดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ กระทั่งความตื่นตกใจแม้สักเสี้ยวเศษกับฉากหลอกผี แล้วลุกไปหลังบทสรุปของตัวเอกทั้งสามบนเกาะ ไม่ทันได้อยู่ดูฉากส่งท้าย เหมือนที่โมนากะก็ไม่ทันได้เห็นใบหน้าของชายผู้แข็งแกร่งรายนี้ให้ชัดเจน
เป็นจริงดั่งคาด...หรือต้องบอกว่าเกินคาด...จนโมนากะรู้สึกกรุ่นขึ้นมากับความ ‘ไม่’ ของหนังที่เพิ่งผ่านตาไป เธอยังไม่อยากกลับห้องไปพร้อมความแสลงใจที่สุมรวมกับของเดิมอยู่อย่างเต็มเปี่ยม เลยตกลงใจเดินเท้าไปยังโรงภาพยนตร์อีกแห่งหนึ่งที่เน้นฉายหนังเก่าต่อ โมนากะรู้ว่ามีหนังมิวสิคอลยุคหกศูนย์จากฝรั่งเศสเรื่อง ‘ดิ อัมเบรลลาส์ ออฟ แชร์บูร์’ ฉบับฟื้นฟูใหม่ฉายอยู่ อันที่จริงเธอนัดกับรูริกะ เจสซี่และมิเลเน่แล้วว่าสุดสัปดาห์จะมาดูเรื่องนี้ด้วยกัน แต่คนที่ดูหนังซ้ำได้ไม่เบื่อคิดว่าดูล่วงหน้าไปก่อนหนึ่งรอบก็ไม่เห็นจะเป็นปัญหา หลายสำนักยกย่องให้เป็นหนังเพลงอันดับหนึ่งของยุโรป ขนาดโทเมโทมิเตอร์ยังได้ตั้งเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ ถึงต่อให้ภาพยนตร์จะไม่ถูกใจ เธอก็กลับมาเสพงานศิลป์ที่แค่เห็นจากตัวอย่างก็ร้องว้าวกับรูริกะที่ชื่นชอบแฟชั่นยุคหกศูนย์เหมือนกันได้อยู่ดี
จำนวนคนดูภาพยนตร์เก่าเรื่องนี้น้อยกว่าภาพยนตร์เข้าใหม่อยู่พอสมควร หนนี้โมนากะเลือกที่นั่งริมทางเดินได้สำเร็จ ไม่มีใครเลือกที่นั่งแถวเดียวกับเธอเลย ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดีสำหรับคนที่อยากจะดื่มด่ำลำพัง
แค่ฉากเปิด เธอก็ต้องห่อปากร้องพึมพำกับตัวเองด้วยความทึ่ง ความตื่นตา ความประทับใจ รวมถึงความชอบในองค์ประกอบทุกอย่างออกมาได้ไม่หยุดหย่อน ขณะที่บางคนบอกว่าหนังเพลงฝรั่งเศสอาจฟังดูแปลกแปร่งไม่เหมือนกับหนังจากฮอลลีวูด แต่โมนากะที่เคยเรียนศิลป์ฝรั่งเศสตอนอยู่ชั้นม.ปลายกลับคิดว่ามันก็ไพเราะและมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง
โมนากะรู้เลยว่ารูริกะจะตกหลุมรักแฟชั่นและสีสันจัดจ้าน...เหมือนเธอ เจสซี่จะตกหลุมรักสกอร์...เหมือนเธอ และมิเลเน่จะตกหลุมรักฝรั่งเศส...เหมือนเธอ
แต่ขณะที่กำลังจดจ้องมองดูใบหน้าสะสวยขนาดมหึมาของนางเอกสาวเจเนวีฟอยู่นั้นเอง จู่ๆ ความมืดมิดก็เข้ามาแทนที่ เรียกเสียงพึมพำจากผู้ชมและโมนากะที่ก็เหลียวซ้ายแลขวาเพื่อหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่ไฟสำรองจะสว่างวาบ พนักงานปรี่เข้ามาแจ้งว่าเป็นเพราะฝนตกหนักทำให้ไฟดับ ทางโรงหนังยินดีคืนเงินให้สำหรับคนที่ต้องการกลับก่อน หรือใครอยากอยู่รอต่อก็ไม่มีปัญหา โมนากะที่ไม่มีแผนการอื่นใดสำหรับค่ำคืนนี้จึงเพียงขยับตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันได้ล้วงหยิบมือถือในกระเป๋าสะพายขึ้นมาไถเล่นฆ่าเวลา ประโยคคำถามที่โพล่งปุบปับมาจากที่นั่งด้านหลังก็จะเรียกให้เธอหันมอง
“คุณเคยดูเรื่อง ‘โรแมนซ์ เกคิโจ’ ไหม?”
“คะ?” โมนากะแน่ใจว่าเขาพูดกับเธอซึ่งเหลือเป็นผู้ชมอยู่อีกแค่คนเดียวในโรง ไหนจะท่านั่งที่แม้ว่าจะกำลังเอนหลังไขว่ห้างก็ยังจดจ้องนัยน์ตากับเธออย่างชัดเจน
“‘คนยะ โรแมนซ์ เกคิโจ เด’ (คืนนี้ที่โรงภาพยนตร์โรแมนซ์)” เขาขยายความต่อ “ภาพยนตร์ปีสองพันสิบแปดของผู้กำกับทาเคอุจิ ฮิเดกิ เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่อยากเป็นผู้กำกับ ซึ่งตกหลุมรักกับเจ้าหญิงมิยูกิที่ออกมาจากภาพยนตร์ขาวดำ ในวันที่ฝนตกหนักแบบนี้ หรือไม่ก็คงต้องบอกว่าเป็นเพราะปาฏิหาริย์”
พอได้ฟังเรื่องย่อ โมนากะถึงจำได้ว่านี่คือหนังที่รูริกะชอบมากตอนเข้าไปดูในโรงคนเดียวสมัยยังอยู่ที่เมืองไทย แถมคะยั้นคะยอให้เธอไปดูเพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกองถ่ายภาพยนตร์ในยุคห้าศูนย์ตั้งไม่รู้จะกี่รอบ แต่เธอในตอนนั้นที่ไม่ได้นิยมความญี่ปุ่นมากนักก็เอาแต่ผัดวันประกันพรุ่งอยู่เรื่อยจนฝ่ายโน้นคร้านที่จะพูดไปเอง ไหนจะการที่พวกเธอเรียกมันด้วยชื่อภาษาอังกฤษอย่าง ‘โรแมนซ์ เธียเตอร์’ ด้วยอีก จนไม่มีทางเลยที่โมนากะจะรู้ชื่อภาพยนตร์ต้นฉบับ ไม่ว่าจะชื่อเต็มหรือชื่อย่อ เช่นนั้นหญิงสาวเลยสั่นศีรษะเป็นคำตอบ
“เผอิญว่าฉันเองไม่ค่อยรู้จักหนังญี่ปุ่นเท่าไหร่ค่ะ ว่าแต่มันสนุกมากเลยเหรอคะ? เพื่อนฉันก็ชอบมากเหมือนกัน”
“ฉันไม่ได้ชอบมากหรือคิดว่าสนุกมาก อันที่จริงต้องบอกว่าซ้ำซาก แต่ฉันชอบแนวคิดของมัน” ทั้งที่คำพูดกลั้วเสียงหัวเราะของเขาฟังดูโอหัง แต่โมนากะที่อ่านคนไม่ค่อยจะออกก็ยังกระตือรือร้นสนทนากับเขาโดยมองผ่านเลยสิ่งที่ซ่อนอยู่ต่อไป
“หมายถึงการที่ตัวละครออกมาจากหนังน่ะเหรอคะ?”
“ใช่ อย่างเช่นว่าถ้ากีออกมาอยู่เบื้องหน้าเธอตอนนี้” เขาหมายถึงพระเอกหนังบนจอที่เพิ่งผ่านตาไป
“ไม่ค่ะ ฉันชอบเจเนวีฟมากกว่า” ส่วนเธอก็ตอบคำถามด้วยรอยยิ้มเริงรื่น “แล้วคนที่พระเอกตกหลุมรักคือนักแสดงหรือว่าบทบาทเจ้าหญิงมิยูกิที่สวมอยู่เหรอคะ?”
“คุณดูฟิล์มหนังขาวดำเรื่องเดียวเรื่องนั้นซ้ำไปซ้ำมาโดยไม่รู้เบื่อ คุณตกหลุมรักนักแสดงหรือว่าบทบาทในหนังเรื่องนั้นล่ะ?” ไม่ทันให้โมนากะได้ขยับริมฝีปากเป็นคำตอบหรือไม่ก็เป็นคำถามอีกครั้ง ทันใดเขาก็ผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง ก่อนก้มลงเอ่ยกับเธอที่แหงนเงยมองว่า “ถ้ายังไงคืนนี้อยากไปดูเรื่อง ‘โรแมนซ์ เกคิโจ’ ด้วยกันไหม?”
“คะ?”
“ผมมีบลูเรย์อยู่ที่ห้อง”
โมนากะรู้ว่าไม่ควรตอบรับคำเชิญชวนง่ายๆ ถึงต่อให้เจตนาของเขาจะตรงตัวตามนั้นจริงๆ ก็ตาม แต่โมนากะก็ไม่เสียเวลาคิดเลยด้วยซ้ำในตอนที่พยักหน้าหงึก แก้มของเธอเป็นสีแดงปลั่งขณะลุกขึ้นเดินตามชายแปลกหน้าที่รั้งรอคอยเพื่อจะได้เดินไปพร้อมกัน ระหว่างเส้นทางฝ่าสายฝนมายังรถยนต์คันเล็กที่จอดอยู่ไม่ไกล เขาก็เริ่มต้นแนะนำตัวว่าชื่อเคียวโมโตะ ไทกะ สีหน้าของเขาแสดงความประหลาดใจเล็กน้อยในตอนที่ได้ยินนามสกุลภาษาต่างชาติของเธอ และเมื่อโมนากะเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างคนขับพร้อมกับความเปียกชื้นนิดหน่อยแล้วก็อดพูดถึง ‘ซิงกิ้ง อิน เดอะ เรน’ ที่ติดอยู่ในหัวมาหลายวันกับคนที่ดูจะรอบรู้เรื่องภาพยนตร์มากเอาไว้ไม่ไหว
“ผมคิดว่าแชร์บูร์ดีกว่าโข ถ้าคุณได้มีโอกาสกลับมาดูหนังเรื่องนี้จนจบในวันที่ฟ้าโปร่งกว่านี้ คุณอาจจะเข้าใจ”
อีกครั้งที่คำพูดของเขาดูแฝงนัยยะของการเยาะหยันเมื่อพูดถึงหนังที่คล้ายว่าจะไม่ชอบขึ้นมา แต่ก็เป็นอีกครั้ง...และคงอีกนับครั้งไม่ถ้วน...หลังจากนี้ที่เธอจะมองผ่านเลยมันไป บทเพลงร็อคที่อวลอยู่บนรถของไฮด์ที่เธอเองก็ชื่นชอบยังไม่ทำให้โมนากะสนใจได้มากเท่ากับเจ้าของบทสนทนา แม้เขาจะถือครองเป็นฝ่ายเดียวมากกว่าเพราะเธอเป็นฝ่ายโยนคำถามไปให้ก็ยังน่าฟัง เขาเป็นผู้ชายหน้าตาดีที่สุดตั้งแต่โมนากะได้เคยพานพบเจอมาทั้งชีวิต ผมสีทองหม่นกับการแต่งตัวในชุดสูทลำลองที่ดูภูมิฐานแต่ก็สบายๆ ไปในคราเดียวกัน บวกกับรสนิยมที่ดูอย่างไรก็แน่ใจว่าไปกับเธอได้ โมนากะอาจชอบคนง่าย แต่ใช่ว่าจะตกหลุมรักใครง่ายๆ หากตลอดช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันกับเขา พร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวไม่เป็นส่ำเพียงแค่การพูดคุยและมองดู โมนากะก็แน่ใจ
เครื่องยนต์ดับลงเมื่อเลี้ยวเข้ามาภายในอาคารที่จอดรถของอพาร์ตเมนต์สูงที่เรียงราย เธอที่เพิ่งได้สติจากการจ้องมองดูใบหน้าด้านข้างของชายหลังพวงมาลัยมาตลอดจึงก้มลงไปปลดเข็มขัดนิรภัยตาม ในวินาทีที่เธอเงยหน้าขึ้นหลังเสียงเรียกชื่อต้น โมนากะก็จะรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่รดริน ใบหน้าของเขาเขยิบเคลื่อนเข้ามาใกล้ และกว่าที่สมองของเธอจะประมวลความคิดและเหตุการณ์ได้ทัน ริมฝีปากของเขาก็ทาบทับลงมา
_______________
ความคิดเห็น