คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #77 : Demise and Kiss: The Beginning
4
เสียงฟ้าร้องที่ดังสนั่นหวั่นไหวทำให้ไมระสะดุ้งตื่นขึ้นจากภวังค์เหมือนกับการถูกฉุดกระชากอย่างแรง พร้อมกับหัวสมองที่ปวดตุบในตอนที่พยายามยันตัวเองขึ้นนั่ง ยังพอมีแสงสว่างในยามย่ำค่ำสาดส่องเข้ามาให้เห็บบรรยากาศของห้องสี่เหลี่ยมที่ให้ความรู้สึกของการเป็นบ้าน...แม้จะอย่างชืดชา หาใช่โรงพยาบาลอย่างที่คิดว่าควรจะเป็น
เธอจำได้ว่ามีรถตู้ขับตามหลังมาอย่างเชื่องช้าที่ทางลัดระหว่างขากลับบ้านเมื่อเย็นวันศุกร์ ด้วยคิดว่าอาจเป็นคนนอกหมู่บ้านที่หลงเข้ามา ไมระจึงไม่ได้รู้สึกอึดอัดรำคาญใจในตอนที่พวกเขาบีบแตรเรียกให้หยุดจอด ทว่าสิ่งที่ไมระได้พบคือคนที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้ากระโดดลงมาพร้อมกับผ้าเช็ดหน้าที่โปะอยู่ตรงจมูก และการที่เธอลืมตาตื่นขึ้นในช่วงเวลาเดิมก็แปลได้ว่าเธอสลบไสลอยู่ที่ไหนไม่รู้ถึงข้ามวันข้ามคืน ขณะที่ไมระเริ่มกระวนกระวาย เมื่อคิดไปว่าต้องถูกคนที่บ้านด่าทอและทำร้ายร่างกายเพราะความเถลไถลมากแค่ไหน ทันใดนั้นเอง บานประตูก็เปิดออก ตามด้วยหลอดไฟสีขาวสว่างวาบจนไมระต้องหรี่ตาลงไปนิดหนึ่ง
หญิงสาวร่างเล็กที่ไมระไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนกำลังเข็นรถที่มีร่างของคนที่พันผ้าพันแผลปกปิดใบหน้าและเนื้อตัวส่วนที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ามาใกล้ แต่ไม่ใช่กับเขาที่เพียงได้สบประสานสายตา ไมระก็แน่ใจเสียจนพึมพำออกไปว่า “ทากาฮาชิ” ด้วยความแปลกใจ ตกใจ อาจรวมถึงโล่งใจที่คำตอบซึ่งเธอเฝ้าตามหาปรากฏออกมาเป็นรูปเป็นร่างอยู่เบื้องหน้า จากลมหายใจที่บ่งบอกให้รู้ว่าเขายังไม่ตาย...อย่างที่นางาเสะวาดหวัง
“ฉันจุนโกะ เป็นพี่สาวของไคโตะ”
ไมระกดก้มศีรษะลงไปเพื่อทักทาย ยังคงไม่ค่อยเข้าใจนักว่ามันเกิดอะไรขึ้น หากหล่อนก็จะช่วยไขข้อสงสัยต่อจากนั้นให้ราวกับรู้ล่วง
“เราเจอเธอนอนสลบอยู่ข้างทาง โชคดีที่ไม่พบบาดแผลอะไรเลยตัดสินใจพากลับมาพักที่บ้านเราก่อน แต่ไม่ต้องห่วงนะ เราติดต่อครอบครัวของเธอแล้วและพวกเขาก็เข้าใจดี”
เรื่องราวที่หล่อนเล่าฟังดูไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเลยแม้แต่น้อย ไมระมั่นใจว่าเธอถูกคนโปะยาสลบแล้วลากขึ้นรถตู้มาจากทางลัดอย่างแน่นอน หรือถ้าเป็นอย่างที่หล่อนว่าจริง แล้วทำไมพวกเขาต้องลำบากลำบนพาเธอมาถึงคฤหาสน์ไกลปืนเที่ยงแทนที่จะเป็นบ้านของเธอหรือโรงพยาบาลในเมืองที่อยู่ใกล้กว่าด้วย แต่ในเมื่อตอนนี้เธอก็ปลอดภัยดีแล้วอยู่ในบ้านของครอบครัวทากาฮาชิที่ไม่มีทางใช่คนร้ายหรือปองร้ายคนที่ช่วยชีวิตลูกชายของเขา ไมระจึงเพียงตอบรับด้วยการส่งยิ้มให้หล่อน ก่อนเคลื่อนไปหาเด็กหนุ่มที่จดจ้องมองเธอนิ่งไม่ไหวติงนับตั้งแต่วินาทีที่ถูกพาเข้ามา นัยน์ตาข้างเดียวที่เป็นปกติและไม่ได้ถูกพันไว้แทบไม่กะพริบปริบ ทั้งที่มันไม่ใช่ความเกลียดชังอย่างที่ไมระเคยได้รับมาตลอด แต่โมงยามนี้มันกลับทำให้เธอขนลุกวาบขึ้นมา และไม่ได้เป็นเพราะรูปลักษณ์ในผ้าพันแผลซึ่งเธอไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องรบกวนจิตใจแต่อย่างใดด้วย
“เธอคือผู้มีพระคุณของไคโตะ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ!” ไมระรีบยกมือขึ้นโบกปัด “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่แม้แต่จะขอความช่วยเหลือให้เขาได้ด้วยซ้ำ ถ้าคนอื่นตามหาเขาไม่เจอ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง”
“แต่ว่าตอนนี้เขาก็ปลอดภัยดีแล้ว จริงไหม?” จุนโกะยิ้มกว้างให้เธอก่อนบีบไหล่ของน้องชายเบาๆ “เอาล่ะ! ฉันจะไปเตรียมอาหารมาให้ ระหว่างนั้นรบกวนเธอช่วยอยู่เป็นเพื่อนเขาทีนะ”
เมื่อหล่อนออกไปแล้ว ความเงียบที่ชวนให้อึดอัดก็เข้าปกคลุม บางทีอาจเป็นเพราะสายตาเขม้นจ้องของไคโตะที่ไม่ยอมละจาก แล้วไมระก็ตัดสินใจทำลายความเข้มข้นนั้นด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มที่ปั้นแต่งให้เริงร่าว่า
“ฉันดีใจจริงๆ นะที่นายรอดมาได้”
ก่อนสัมผัสสากหนาของผืนผ้าจะทำให้ไมระสะดุ้งเฮือก ในตอนที่เขายื่นมือออกมาจับท่อนแขนของเธอไม่ให้ทันได้ตั้งตัว
“ม...มีอะไรเหรอ?”
การที่เขาไม่ได้พยายามขยับริมฝีปากที่แหว่งวิ่น หรือแม้แต่แค่เค้นเสียงอืออาผ่านลำคอออกมา ก็มากพอที่จะทำให้ไมระแน่ใจว่าเขาพูดไม่ได้ คงเพราะอย่างนั้นเขาถึงได้เลือกสื่อสารผ่านฝ่ามือของเธอที่ถูกจับพลิกขึ้นมา แล้วกดปลายนิ้วชี้ลงไปเป็นถ้อยประโยคที่เธอมั่นใจก่อนเขาจะเขียนตัวอักษรทั้งสามจบด้วยซ้ำว่า
‘ฉันขอโทษ’
ไมระไม่ทันได้พูดอะไรออกมา เสียงฟ้าร้องสะเทือนเลือนลั่นที่กลับมาดังภายนอกบานหน้าต่างอีกครั้งก็เรียกเอาความสนใจทั้งหมดไป ตามด้วยหลอดไฟเหนือเพดานที่ดับลงยามเมื่อสายฝนสาดกระหน่ำลงมาอย่างหน่วงหนัก ก่อนที่ไคโตะจะเรียกคืนความสนใจที่ถูกหันเหไปด้วยการกดบีบในตอนที่กอบประสานฝ่ามือเข้าด้วยกันอย่างไม่บรรเทา และคราวนี้มันคือความรู้สึกของการที่กระดูกข้างใต้ถูกบดบี้ลงไปเป็นผุยผงจริงๆ อย่างที่ไม่ใช่แค่คำเปรียบเปรยอีกต่อไป
ไมระพยายามที่จะสลัดมันให้หลุด หากก็ไม่เป็นผล เด็กหนุ่มที่เธอเคยคิดว่าบาดเจ็บสาหัสและอยู่ในสภาพปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง บัดนี้กลับกระโจนขึ้นมาคร่อมอยู่เหนือเธอ ผ้าพันแผลหลุดลุ่ยออกจากร่างกายที่หดเล็กลงไป ดวงตาสีขาววาววับที่มองสบกับเธอไม่ใช่ของทากาฮาชิ ไคโตะ — หรือมนุษย์คนใด — อีกต่อไปทั้งนั้น สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเธอคืออสุรกายจากอเวจีที่น่าเกลียดน่ากลัวยิ่งกว่าฝันร้ายใดๆ ที่ได้เคยพานพบมา เสียงกรีดร้องของไมระหาใช่มาจากความหวั่นพรั่นต่อมันเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสจากแรงกระชากที่หน้าท้อง ก่อนไส้ในจะถูกดึงออกมากัดกินอย่างตะกละตะกลาม ความตายอื่นใดที่ไมระเคยนึกคิด ไม่มีอะไรเทียบเท่ากับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ได้เลย เป็นครั้งแรกในชีวิตอันแสนสั้นที่เธออยากให้มันเดินทางมาถึงโดยเร็วที่สุด แต่ไม่ว่าจะเฝ้าภาวนาเพียงไรก็ไม่เป็นผล จากช่วงเวลาที่ดำเนินเดินไปอย่างเนิ่นนานราวนิจนิรันดร์ ไม่มีใครหน้าไหนจะมาได้ยินเสียงกรีดร้องหรือถ้อยคำวอนขอใดๆ ผ่านเสียงสายฝนที่โหมกระหน่ำจนกลบกลืนทุกอย่างรอบตัว อาจแม้กระทั่งน้ำตาและการร่ำร้องไห้ของเธอเอง
5
“พี่หลอกผม! พี่บอกว่าบังเอิญเจอเธอเลยพากลับมาด้วยแล้วผมก็เชื่อ! เชื่อคำโกหกของพี่ทุกอย่าง! ทั้งที่ไมระเป็นคนช่วยผมไว้! แล้วทำไมถึงต้องเลือกเธอเป็นเหยื่อด้วย!”
“เพราะเด็กคนนั้นไม่คู่ควรกับนายไงไคโตะ” แต่แม้ว่าน้องชายของหล่อนจะกำลังแผดเสียงอาละวาด พร้อมกับท่าทีที่แสดงออกว่าอดกลั้นอยู่อย่างนั้น หล่อนที่นั่งกอดอกไขว่ห้างอยู่บนโซฟาก็ยังประสานสายตากับเด็กหนุ่มที่ตัวโตกว่าโดยไม่กลัวเกรง “ขนาดครอบครัวของเธอยังไม่ต้องการเธอเลยด้วยซ้ำ นายไม่เห็นรอยแผลเป็นตามตัวเธอหรือไง เด็กแบบนี้เหรอที่นายอยากจะคบด้วย เห็นแก่หน้าพ่อแม่หน่อยเถอะ”
“เห็นแก่หน้าพ่อแม่” เขาแค่นหัวเราะขณะย้ำซ้ำคำพูดของหล่อน “พ่อแม่ที่สนใจแต่หน้าตาตัวเองจนปล่อยให้ผมตาย แล้วเลือกที่จะทำพิธีอุบาทว์ด้วยการเปลี่ยนให้ผมกลายเป็นปีศาจแล้วฆ่าคนด้วยมือตัวเองเนี่ยเหรอ? แบบนี้เหรอที่คนเป็นพ่อแม่เค้าทำกัน?”
“เพราะเราจะไม่ยอมให้ลูกต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในสภาพแบบนั้น”
นางทากาฮาชิเดินเข้าไปหาลูกชายแล้วยกสองมือขึ้นลูบใบหน้าที่กลับมาเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่แหว่งเว้าเพราะกรงเล็บที่ตวัดผ่าน ดวงตาข้างซ้ายที่หลุดจากเบ้าจนต้องควักมันออกมา รวมถึงส่วนลำคอที่เย็บกลับคืนไม่ได้เพราะการฉีกกระชากจนกลายเป็นรูโหว่ บัดนี้ชิ้นเนื้อและอวัยวะทั้งหมดกลับมาอยู่ในตำแหน่งสมบูรณ์ราวกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ไคโตะไม่จำเป็นต้องรู้สึกอึดอัดทรมานจนต้องปล่อยหมัดกระแทกเข้ากับกำแพงห้อง หรือไม่ก็ขว้างปาข้าวของ เพราะความอัดอั้นตันใจกับการได้แต่สื่อสารผ่านสมุดเพราะเส้นเสียงที่เคยขาดหายอีกต่อไป
“เราอยากให้แกได้สิ่งที่ดีที่สุด”
ทว่ากลับเป็นความอัดอั้นตันใจจากครอบครัวที่กำลังบีบคั้นไคโตะอยู่ในเวลานี้ จากประโยคที่พ่อกำลังเอ่ยกับเขา ไม่ใช่แค่ตอนนี้...แต่หมายถึงตลอดมาเลยต่างหาก
ไม่ว่าใครหน้าไหนในครอบครัวห่าเหวนี่ต่างก็เฝ้ากดดันลูกชายคนเล็กด้วยคำว่า ‘สิ่งที่ดีที่สุด’ ให้เขาได้รู้สึกสะอิดสะเอียนจนแทบบ้า ไคโตะจะไม่หาข้ออ้างมาแก้ตัวให้กับการกระทำที่โรงเรียนของตนเอง แต่เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาเลือกแสดงออกไปแบบนั้นก็เพราะปัญหาสั่งสมจากที่บ้าน ไคโตะก็แค่ต้องการรู้สึกถึงอำนาจแบบที่พ่อกระทำต่อ นั่นต่างหากที่อาจเป็น ‘สิ่งที่ดีที่สุด’ ที่ไคโตะเคยได้รับมันมาจากครอบครัว
น่าขันที่ไคโตะได้พบ ‘สิ่งที่ดีที่สุด’ ที่แท้จริงในวาระสุดท้ายของชีวิต — และเขาก็หมายความตามนั้นทุกประการ — เขาตายไปแล้วในคืนนั้นเพราะครอบครัวเลือกที่จะปฏิเสธการส่งตัวเข้ารักษา ปล่อยให้เขานอนรอความตายด้วยความเจ็บปวดอยู่เพียงลำพัง กระทั่งจะหมดลมหายใจไปเอง ด้วยความเมตตาต่อจากนั้นที่พวกเขาเชื่อสุดหัวใจว่าได้มอบมันให้
ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์ที่ครั้งหนึ่งเคยดูดีกว่าใครที่ต้องเปลี่ยนกลายเป็นความอัปลักษณ์เพราะการถูกกัดทึ้ง ฉีกกระชาก สาดกรงเล็บแหลมคมใส่ใบหน้า ไม่ใช่ด้วยฝีมือของสัตว์ร้ายในป่า หากเป็นปีศาจเดรัจฉานที่ไม่ควรมีอยู่บนโลกใบนี้ซึ่งหมายจะลงทัณฑ์ มันไม่ได้ต้องการฆ่าเขาให้ตายในชั่วพริบตา หากต้องการให้เขาทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ไคโตะไม่รู้เลยว่ากระเสือกกระสนหนีออกมาจนได้อย่างไร และเมื่อได้พบกับทสึบากิฮาระ ไมระ เด็กผู้หญิงที่เขาคอยแต่หาเรื่องกลั่นแกล้งเพราะไม่เคยมีใครอาจหาญทำกับเขาแบบนั้น ถึงครั้งหนึ่งเขาจะคิดว่าเธอเป็นคนที่สวยมากอาจเพราะมาจากเมืองหลวง แต่การกระทำที่ถือดีมากก็ทำให้ไคโตะซึ่งไม่ได้ให้ค่าความสนใจต่อรูปลักษณ์ภายนอกของใครต้องได้สั่งสอนบทเรียนว่าคนธรรมดาอย่าริอ่านมาเหิมเกริมกับพระเจ้า ทว่านานวันเข้า เมื่อไหร่ที่ได้จ้องสบดวงตาแข็งกร้าววูบไหวที่มักจะรื้นไปด้วยน้ำตา ไคโตะก็จะเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา ราวกับความสังเวชที่หาได้หมายถึงเธอ...แต่เป็นตัวเอง
และการที่เขาได้เห็นเธอหลั่งน้ำตาให้กับคนที่ทำเรื่องเลวร้ายกับตัวเอง ช่วยอยู่เคียงข้างเขา แตะต้องเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลของเขาทั้งที่มือสั่นด้วยความหวั่นพรั่นอย่างไม่นึกรังเกียจ ก็จะทำให้ไคโตะได้ตระหนักรู้และเข้าใจต่อเนื้อแท้ของทสึบากิฮาระ ไมระ เด็กผู้หญิงที่มีจิตใจสูงส่งกว่าเขามากนัก...เกินกว่าที่จะต้องมาเผชิญกับความทุกข์ทรมานใดๆ
กระนั้นเขาก็ยังคงเป็นคนที่มอบนรกให้กับเธอ แม้แต่ในวินาทีสุดท้ายก่อนจิตวิญญาณจะถูกปลิดปลง
ร่างกายและจิตใจของเขากลายเป็นปีศาจไปอย่างสมบูรณ์ โดยที่เขาไม่สามารถบังคับหรือว่าควบคุมมันได้ ครอบครัวของเขาร้องขอการสังเวยเหล่าชีวิตมนุษย์ที่ไร้ค่ากับปีศาจเพื่อแลกเปลี่ยนกับลูกชายที่เห็นว่ามีค่า คุณค่าที่ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้กำหนด ใช่ว่าไคโตะจะไม่รู้ถึงข้อความจริงนั้น ชีวิตของเขาแลกกับชีวิตของคนอื่นอีกสิบสองชีวิต มันเกิดขึ้นอาทิตย์ละครั้ง พวกเขาจะออกไปจับผู้เคราะห์ร้ายมา ส่วนใหญ่มักเป็นคนที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาในเมือง จำพวกนักเดินป่าหรือนักท่องเที่ยว ทุกคนจะถูกจับขังอยู่ในห้องใต้ดิน ไม่เคยมีความผูกพันใดๆ เกิดขึ้น เพราะเมื่อไหร่ที่เขากลายร่างเป็นปีศาจ คนแปลกหน้าเหล่านั้นก็จะกลายเป็นเพียงเลือดเนื้อและอาหารเพื่อเติมเต็มความตะกละตะกลามของอมนุษย์ที่สิงสู่
“อย่าเสียน้ำตาให้กับเด็กไร้ค่าคนนั้นเลยไคโตะ ตอนนี้นายได้กลับมามีชีวิตแล้ว อย่าทำให้การสังเวยต้องเสียเปล่า” ท้ายที่สุด คำพูดที่ฟังดูไม่แยแสของจุนโกะก็จะเรียกหมัดของเขาให้ลอยไปกระทบกำแพงห้องพร้อมกับน้ำตาและความโกรธชัง เขาไม่สนใจคำพูดห่วงใยของแม่ที่พยายามจะจับมือเขาไปดูบาดแผลบนข้อมือที่ไม่หลงเหลือร่องรอยอีก ไม่สนใจเสียงพ่นลมหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายของพ่อที่บอกให้ภรรยาปล่อยลูกชายไปสงบสติอารมณ์ และไม่สนใจเสียงตะโกนไล่หลังของพี่สาวที่บอกว่าการระบายอารมณ์ด้วยความรุนแรงของเขาเพราะเรื่องของเด็กคนนั้นเป็นเรื่องที่โง่เง่าเต็มทน
เลือดของเธอยังเปื้อนเปรอะอยู่บนตัวเขา เนื้อหนังของเธอยังอยู่ในกระเพาะของเขา วินาทีที่เขากลับคืนมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง วินาทีนั้นเขาจึงได้เห็นว่าตัวเองทำอะไรลงไปกับเธอ ร่างที่ถูกฉีกกระชากเอาไส้ในออกและลืมตาโพลงอยู่ในความมืด ทุกตารางนิ้วมีแต่สีแดงละเลงย้อมไปทั่วสีขาวสะอาด — สีที่เป็นของเธอ
6
สามวันแล้วที่ไคโตะขังตัวเองเอาไว้ในห้องนอนที่ยังคงไม่ได้รับการทำความสะอาด สีแดงของเลือดที่เกรอะกรังยังคงสาดกระจายไปทั่วทุกพื้นที่โดยเฉพาะเตียงนอน ขณะที่ศพของเธอถูกนำไปฝังในสวนหลังบ้าน...อย่างดีที่สุดที่แม่จะมอบให้กับลูกชายได้ แม้ว่าจุนโกะจะไม่เห็นด้วยก็ตามที และไคโตะที่ไม่ยอมปล่อยจากเศษซากอันน่าสังเวชของเธอก็จะถูกพ่อตบหน้าอย่างแรงเพื่อเรียกคืนสติ โชคดีที่เขายังยอมรับถาดอาหารที่แม่จะนำไปวางไว้หน้าห้องตลอดสองมื้อให้หล่อนได้วางใจ ขณะที่จุนโกะอยากจะบุกเข้าไปพาตัวน้องชายออกมาจากความน่าสะอิดสะเอียนของห้องนั้น รวมถึงความสกปรกโสมมกระทั่งในตอนที่ตายของเด็กคนนั้น แต่พ่อกับแม่จะบอกให้เธออดทนรอไปอีกสักสองสามวันก่อน
โชคดีที่พวกเขาไม่ต้องรอนานขนาดนั้น
เมื่อไคโตะก้าวออกมาจากห้องในค่ำคืนที่มีลมพัดไหวและเสียงฟ้าร้องดังแลบแปลบปลาบเป็นระยะ มายังห้องนั่งเล่นที่สมาชิกครอบครัวบ้านทากาฮาชินั่งรวมตัวกันอยู่ ในเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาวสีขาวสะอาด ด้วยใบหน้าที่กลับมาสดชื่นแจ่มใส แม่โผเข้ากอดลูกชายผู้เป็นที่รักดั่งแก้วตาดวงใจด้วยน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม ผู้ที่เที่ยวหาวิธีนำชีวิตที่ดับสูญกลับคืนมาอีกครั้งจนได้พบกับปีศาจ พ่อที่ฝากฝังทุกอย่างไว้กับลูกชายคนเดียวจนต้องเคี่ยวเข็ญพยักหน้าให้แล้วบอกว่าเขาตัดสินใจได้ถูกแล้ว ขณะที่พี่สาวจะส่งยิ้มให้...เพื่อได้รับรอยยิ้มตอบกลับมา
“ผมเข้าใจแล้วว่าทุกคนอยากให้ผมได้สิ่งที่ดีที่สุด” ไคโตะผละจากอ้อมกอดของแม่ กวาดสายตาให้กับทุกคนขณะถอยห่างออกไปกล่าวประโยคนั้น “น่าเสียดายที่ผมใช้เวลาไตร่ตรองนานเกินไปนิด แถมยังต้องใช้เวลาเจรจานานเกินไปหน่อย”
ไม่มีใครทันได้เอะใจถึงคำพูดที่ฟังดูน่าสงสัยนั้น เมื่อเสียงของบานหน้าต่างและหลอดไฟเหนือเพดานที่แตกกระจายอยู่บนพื้นรั้งเรียกเอาความสนใจทั้งหมดไป สายฝนที่ดูเหมือนจะหน่วงเวลาเอาไว้ในที่สุดก็กระหน่ำลงมาสู่ผืนโลก ไคโตะส่งเสียงตะโกนแข่งกับมันอย่างกึกก้อง
“ไม่จำเป็นต้องสังเวยถึงสิบสองชีวิต เพราะผมขอแลกแค่สามชีวิตที่มีค่าที่สุดเพื่อฟื้นคืนชีพให้ไมระ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมพูดได้อย่างเต็มปากว่าทุกคนได้มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผมจริงๆ”
ปีศาจร่างเล็กตนนั้นมีหลังงองุ้มเหมือนกับเด็กที่มีรูปร่างไม่สมประกอบจากแขนขาที่บิดงอในท่วงท่ายามเคลื่อนไหว ศีรษะและหน้าผากใหญ่ที่โล้นเลี่ยนอัปลักษณ์ กับใบหน้าของฝันร้ายจากขุมนรกด้วยดวงตาสีขาวไร้แววที่วาววับอยู่ในความมืด เช่นริมฝีปากสีดำน่าขยะแขยงที่อ้ากว้างพร้อมกลืนกินสิ่งเดียวเท่านั้นคือเครื่องสังเวยที่ยังเป็นๆ เหมือนกับครั้งหนึ่งที่เขาเคยเป็น มันจะมาจากที่ใดได้นอกจากนรกอเวจี ที่พ่อ แม่ และพี่สาวของเขากำลังได้เผชิญ และไคโตะก็แน่ใจว่าพวกเขาจะได้ไปอยู่ที่นั่นเมื่อเสียงกรีดร้องโหยหวนเงียบลงไป ไม่แน่ว่าบางทีอาจรวมถึงเขาด้วย แต่ไคโตะจะต้องหวาดกลัวเรื่องนั้นไปทำไม ในเมื่อเขาเป็นนักเจรจาที่ยอดเยี่ยมตั้งขนาดนี้
ไคโตะยืนอยู่กลางห้องที่บัดนี้มีเพียงร่างไร้วิญญาณของคนทั้งสามนอนจมกองเลือดอยู่ เหมือนก้อนเนื้อที่ถูกกัดทึ้ง ดึงกระชากเอาไส้ในออกไป เขาได้ตอบแทนสิ่งเดียวกันกลับไปให้ทุกคน ด้วยคำโกหกที่เขาได้รับ ด้วยความเจ็บปวดแบบเดียวกับที่หญิงผู้เป็นที่รัก — เพียงคนเดียว — ของเขาเคยต้องเผชิญ
แล้วไคโตะก็ยิ้มให้กับภาพสีแดงฉานเบื้องหน้าตัดกับสีขาวสะอาดที่ยังคงอยู่บนตัวเขาโดยไม่เปื้อนแปด
“ขอบคุณสำหรับการสังเวย”
7
ท้องฟ้ามืดครึ้มภายนอกม่านหน้าต่างผืนบางที่พลิ้วไสวคือสิ่งแรกที่เด็กสาวได้มองเห็นเมื่อลืมนัยน์ตาตื่น ขณะที่เหลียวมองไปรอบๆ พยายามขยับตัวลงจากเตียง เธอก็จะได้มองเห็นเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลทองเจิดจ้าขับชุดสีดำทั้งตัวเดินผ่านบานประตูที่เปิดอ้าอยู่ก่อนแล้วเข้ามา หยุดการกระทำของเธอที่เปลี่ยนมานั่งพาดกับขอบเตียงด้วยการลากเก้าอี้มานั่งลงตรงหน้า
ใบหน้าที่มีรอยยิ้มของเขาทำให้เธอยิ้มตอบกลับไปด้วยความไว้วางใจ...และคุ้นเคย
“ฉันทากาฮาชิ ไคโตะ”
เธอเผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยด้วยคิดว่าอยากจะแนะนำตัวกลับไป แต่ไม่ว่าจะเค้นคิดเท่าไหร่ก็ไม่มีถ้อยคำใดผ่านเข้ามาในหัวสมอง ไม่ใช่แค่ชื่อ แต่รวมถึงเรื่องราวเหตุการณ์ ความทรงจำ ทุกอย่างในชีวิตก่อนช่วงเวลานี้
แต่สัมผัสที่แตะลงมาบนมือที่กำแน่น คลายมันออก แล้วพลิกขึ้นเพื่อประสานเข้าด้วยกันจะทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้
“ไม่เป็นไร ความทรงจำของเธอแค่ยังไม่กลับมาเพราะอุบัติเหตุ เธอชื่อไมระ”
ถึงต่อให้ไมระพึมพำชื่อที่เธอคิดว่ามันไพเราะตามก็ยังฟังดูแปร่งประหลาด อันที่จริง...ดูเหมือนว่าเธอจะไม่คุ้นเคยกับสิ่งใดเลยนอกจากเด็กหนุ่มตรงหน้า ทั้งชื่อ แววตา ใบหน้า สัมผัส ทุกอย่างของเขาราวกับสิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในความทรงจำอันมัวพร่าและว่างเปล่า เธอเป็นคนรักของเขาหรือเปล่า? หรือไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องมีความสำคัญกับเธอมากไม่ต่างจากที่เธอมีต่อเขา ในตอนที่ไคโตะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ เป็นเพียงแค่การแตะริมฝีปากลงไปอย่างแผ่วเบาในทีแรก แต่ก็แค่ชั่ววินาทีสั้นๆ ก่อนเปลี่ยนเป็นการรุกล้ำจนแผ่นหลังของเธอถูกกดลงไปกับเตียง เป็นความรู้สึกที่เร่งเร้าอย่างปรารถนา โหยหาอย่างตะกละตะกลาม มือของเขาปาดป่ายอยู่ใต้ชุดกระโปรงสีขาวที่ถูกเลิกขึ้น
ฝนลงเม็ดหนักขึ้นจนทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำสนิท กระนั้นเสียงหอบหายใจสลับกับเสียงกรีดร้องของพวกเขาก็ยังคงดังชัดเจน เมื่อเขาชำแรกเข้ามาในกายเธออย่างไม่อาจรั้งรอได้อีกต่อไป ความรู้สึกที่ราวกับร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ก็แล่นปราดเข้ามา ไมระรับรู้ได้เหมือนที่เขาเองก็ไม่ต่างว่านี่เป็นครั้งแรกของเธอ เช่นเดียวกับจังหวะที่จะยิ่งเร่งเร้าในทุกขณะที่เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดหลังฝ่ามือเพราะแรงที่แนบแน่น ไม่ต่างจากช่องว่างของพวกเขาที่ไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป เด็กหนุ่มที่ไมระคิดว่าเป็นคนรักไม่ได้ทะนุถนอมครั้งแรกของเธอเลย แต่ไม่รู้ทำไมไมระถึงได้ยิ่งรู้สึกพึงพอใจ มือของเธอเลื่อนขึ้นไปแตะบนลำคอซีกขวาราวกับ...มีบางอย่างที่ร้องเรียกหา ในจังหวะที่เธอกดปลายเล็บลงไปอย่างไม่อาจห้ามเพราะไม่อาจหยุดความสั่นไหวจากแรงกระทำย้ำซ้ำ ไคโตะก็ไม่อาจต้านทานความต้องการที่จะปลดปล่อยได้ในที่สุด ลมหายใจของเขาหอบหนัก และเมื่อทิ้งตัวลงมาทาบทับกับร่างกายของเธอ ไมระที่กอดรัดร่างของเขาก็ระดมจุมพิตลงไปที่ลำคอนั้นราวกับการปลอบโยน
ท่ามกลางความมืดมิด เธอคงจะตาฝาดไปเองที่ได้เห็นเงาร่างของเขาที่ส่องต้องกับกำแพงเป็นรูปร่างที่บิดเบี้ยวราวกับปีศาจ
ปีศาจที่ไมระมอบทุกอย่างให้ไปแล้ว ทั้งความคิด ร่างกาย หัวใจ หรือแม้แต่จิตวิญญาณ
_______________
ความคิดเห็น