คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #126 : Kiss Me Red: Cast & Prologue
ภาพยนตร์โฆษณาลิปสติกตัวใหม่สามสิบเจ็ดวินาทีของแบรนด์คู่แข่งที่เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อห้านาทีก่อน หลังจากเพื่อนรักเพื่อนร้ายที่รีบโทรศัพท์ทางไกลมาซุบซิบจากชิคาโก จะทำให้อุณหภูมิในศีรษะที่เริ่มปวดตุบๆ ของเธอร้อนฉ่าจนแทบจะระเบิด!
“ทำไมเรเมนีถึงได้ตัวเจสซี่ ลูอิสไป!”
เธอให้เลขาฯไปเรียกตัวหัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์เข้ามาในออฟฟิศอย่างเร่งด่วน ไม่ปกปิดความเกรี้ยวกราดเอาไว้อีกต่อไป ในฐานะรองประธานที่ครองตำแหน่งผู้รักษาการณ์ของแบรนด์เครื่องสำอางมูนลิต โตเกียว แทนมารดาที่เริ่มถอยออกมาเพราะอยากวางมือไปใช้ชีวิตแบบเอ้อระเหยที่คฤหาสน์สีขาวสุดหรูในอิตาลีด้วยวัยเพียงแค่ห้าสิบได้กว่าครึ่งปีแล้ว ด้วยสถานะเช่นนี้ ไม่ว่าใครในบริษัทก็ย่อมต้องเกรงกลัวประกาศิตและอารมณ์ (ในด้านลบ) ที่แปรปรวนตลอดเวลา ไม่ต่างจากพายุเฮอร์ริเคนของคุณหนูโอริฮาระ มินะด้วยกันทั้งนั้น
อาจยกเว้นก็แต่หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ที่กล้าต่อปากต่อคำกับเธออย่างไม่ยี่หระ เพราะฐานะเพื่อนสมัยเด็กหรือก็ใช่ แต่เหนืออื่นใดคือคนรักเก่าสมัยไฮสคูลที่จบกันในแบบนองเลือดเพราะคำพูดที่เชือดเฉือน จนมินะไม่คาดคิดว่าจะได้พบชื่อของทานากะ จูริ ดำรงตำแหน่งใดก็ตามในบริษัทที่เป็นของครอบครัวเธอ — และในอนาคตจะต้องตกเป็นของเธออย่างแน่นอน — เมื่อยอมบินกลับจากชิคาโกมารับช่วงต่อจากแม่เร็วกว่ากำหนดในอีกสองปีอย่างช่วยไม่ได้ ถึงหล่อนจะยังคงเกลียดชังอดีตคนรัก ขนาดไม่คิดกลับไปญาติดีด้วยอีกแค่ไหน มินะก็ไม่คิดจะไล่ใครออกเพราะเหตุผลตื้นๆ เพียงเท่านั้น แม้ว่าในตอนที่ต้องร่วมมือกับแผนกประชาสัมพันธ์ หล่อนจะต้องหงุดหงิดใจกับฝีปากของเขาขนาดกลับมาดิ้นเร่าอยู่บ่อยครั้งก็ตาม
“ผมบอกรองประธานไปแล้วไม่ใช่หรือครับ ว่าข้อเสนอของเราไม่โดนใจคุณลูอิส” ด้วยคำพูดคำจาที่สุภาพอย่างจงใจ
“แต่นายไม่ได้บอกว่าคุณลูอิส...” เช่นเดียวกับที่หล่อนจะจงใจเน้นย้ำ ”จะไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้เรเมนี!”
ครั้นได้มองเห็นคู่กรณีที่เพียงยักไหล่ไหว แถมมีรอยยิ้มวาดโค้งบนมุมปากคล้ายกับเหยียดหยันสะใจด้วยอีก เมื่อนั้นมินะจึงแน่ใจ
“นายรู้แต่ไม่ยอมบอกฉันเหรอ!”
“เรเมนีเสนอตัวเข้ามาทีหลัง แล้วปาดหน้าเรากับวีโอเลต้าที่แข่งขันกันในวินาทีสุดท้ายไป แต่เอาจริงๆ ฉันว่าก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ในเมื่อประธานทางฝั่งโน้นแก้เกมด้วยการส่งประชาสัมพันธ์คนสวยลงไปคุยเองเลยนี่ คงจะคุยกันถูกคอ ไม่ก็อย่างอื่นคงถูกใจด้วยมั้ง”
มือของหล่อนกำแน่นตั้งแต่ตอนที่เขาเอ่ยปากชมไหวพริบของประธานบริษัทคู่แข่ง ทั้งที่รู้ว่าหล่อนเกลียดชังผู้ชายคนนั้นเป็นนักเป็นหนา ซ้ำยังตอกย้ำด้วยการคาดเดาอันแสนไร้สาระที่มีเจตนายั่วเย้าอย่างชัดเจนด้วยอีก แม้มินะจะมั่นใจเกินล้านเปอร์เซ็นต์ว่า ‘อย่างอื่น’ คงไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ๆ จากการที่เธอรู้จักพรีเซนเตอร์คนล่าสุดของบริษัทเครื่องสำอางเรเมนีดี...เกินกว่าที่จูริจะมาป่วนประสาทให้สั่นคลอน แต่กระนั้นมันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าโมโหอยู่ดี
“ไปให้พ้นหน้าฉันได้แล้ว!”
จูริไหวไหล่ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ไม่ถือสาคำพูดหยาบคายและปฏิกิริยาเหลือรับของเจ้านาย ด้วยรู้ดีว่าตนเองเป็นคนก่อและกวนอารมณ์ขุ่นข้องนั้นขึ้นมาเอง กลับเป็นความชอบอกชอบใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม ปล่อยเสียงหัวเราะให้ลอยอวลอยู่ในชั้นบรรยากาศของห้องสี่เหลี่ยมโล่งโปร่งแม้ตัวจะจากไปแล้ว ริมฝีปากสีแดงสดของมินะเม้มเข้าหากันแน่น เช่นเดียวกับปลายเล็บที่กดลงกับฝ่ามือจนรู้สึกแปลบปลาบ ก่อนเอื้อมคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางคว่ำหน้าอยู่บนโต๊ะ เลื่อนหารายชื่อหนึ่งในนั้นที่จำใจต้องเมมฯเอาไว้เพราะประกาศิตของผู้ให้กำเนิด แต่ก็ไม่เคยคาดคิดว่าชาตินี้จะมีวันกดโทร.ออกไป...ถึงด้วยความหงุดหงิดที่ไม่บรรเทาอย่างในตอนนี้ก็ตาม
มัตสึมูระ โฮคุโตะไม่แปลกใจที่ได้เห็นรายชื่อซึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าจอมือถือขณะนี้เลยแม้แต่น้อย ริมฝีปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ส่งน้ำเสียงกลั้วหัวเราะอย่างสดใส ไม่ต่างจากอารมณ์รื่นเริงเหมือนแสงแดดที่จัดจ้าในยามเช้าภายนอกบานกระจกกว้างเบื้องหน้าบนตึกสูง ยามเอ่ยประโยคแรกที่หาใช่คำทักทายอันแสนสามัญไปว่า
“ขอบคุณรองประธานของมูนลิต โตเกียวที่อุตส่าห์โทร.มาแสดงความยินดีเรื่องพรีเซนเตอร์ใหม่ของเรา”
“มัตสึมูระ โฮคุโตะ! ไอ้คนทุเรศ!” มินะกรีดเสียงร้องแหลม ขนาดที่ทำให้โฮคุโตะต้องเขยิบมือถือออกห่างจากใบหูนิดหนึ่ง “กล้าดียังไงถึงมาปาดหน้าแย่งเจสซี่ ลูอิสของเราไป!”
“หมายถึงเคยเป็นของเธอ” แน่นอนว่าเป็นคำพูดแฝงเจตนาที่มากกว่าแค่เรื่องธุรกิจอย่างชัดเจน “ช่วยไม่ได้นะ ในเมื่อเขาถูกใจกับข้อเสนอของเรามากกว่า”
“นายเสนออะไรให้เจสซี่ไป?”
“ใครจะยอมบอกความลับทางธุรกิจกับบริษัทคู่แข่งง่ายๆ ล่ะมินะ อุตส่าห์ได้เป็นรองประธานแล้ว แต่เรื่องแค่นี้ดันคิดไม่ได้หรือไง”
เพราะโฮคุโตะสามารถจินตนาการสีหน้าและท่าทางของคนที่ได้ยินเพียงเสียงปลายสายออก รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจึงยังคงสม่ำเสมอ แม้แต่ตอนที่เธอจะส่งน้ำเสียงอาฆาตมาดร้ายอย่างเยียบเย็น เหมือนความสงบนิ่งก่อนภูเขาไฟจะระเบิด สร้างความเสียหายต่อผู้คนรอบข้างไม่ว่าจะใกล้หรือไกล แต่โฮคุโตะคงไม่มีโอกาสได้สัมผัสถึงมัน เมื่อเธอจะกดตัดสายทิ้งไปหลังจบประโยคที่ว่า “อย่าคิดว่าแค่ได้ตัวเจสซี่ไปจะแปลว่านายชนะแล้ว” โดยไม่มีทั้งคำล่ำลา หรือว่ารั้งรอให้เขาเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาเพื่อแสดงมารยาทหน่อยก็ยังดี
แต่เธอผิด...เหมือนที่ผิดกับทุกเรื่องในชีวิตเสมอมานั่นแหละ
ในเมื่อเขาไม่ได้แค่คิด หากทว่าแน่ใจเลยต่างหาก
_______________
ความคิดเห็น