คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #142 : MAFIA 3: DO NA I
คานาซาชิ เมย์นาขอสาบานให้ฟ้าดินเป็นพยานเลยว่า วันนี้แหละ! วันนี้แหละที่เธอจะตัดอีตาอิวาซากิ ไทโชออกจากชีวิต ชาตินี้ทั้งชาติไม่ต้องมาญาติดีกันอีกตลอดกาล!
“โห ตัวเปียกขนาดนี้ เดินกลับบ้านเองเหอะเมย์นา”
และคำตอบที่ไวทายาดของหญิงสาวกับชุดกระโปรงตัวสีส้มซึ่งอยู่ในสภาพม่อล่อกม่อแล่กไม่ได้ต่างอะไรกันก็คือการเปิดประตูรถ พุ่งตัวเข้าไปนั่งข้างคนขับ แล้วกระแทกปิดดังปังอย่างไม่สนใจเลยว่ามันคือรถคันใหม่เอี่ยมอ่องที่เจ้าตัวเพิ่งจะได้เป็นของขวัญวันเกิดจากครอบครัวเมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง
“อย่างน้อยก็เช็ดตัวก่อนขึ้นรถได้ไหมล่ะ”
“คราวหน้าก็พูดจาดีๆ ก่อน” เธอหันไปค้อนควักสารถีหลังพวงมาลัยที่หัวเราะขบขันอย่างไม่ถือสาทั้งจากคำพูดและการกระทำ ก่อนเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูจากเบาะหลังรถมาให้เธอรีบรับมาเช็ดใบหน้าที่เครื่องสำอางไม่กันน้ำหลุดลอกออกไปไม่พอ ยังไหลเยิ้มจนเรียกว่าดูไม่ได้เลยดีกว่าจากกระจกมองหลังที่ส่องดูเมื่อกี้ “พูดจริงนะอิซเซย์ ฉันว่าถึงเวลาที่นายต้องทบทวนเรื่องการเลือกคบเพื่อนได้แล้ว”
“แต่เรื่องวันนี้ไม่ใช่ความผิดของไทโชสักหน่อย”
เรียกเสียงแหวลั่นของเมย์นา
“ไม่ใช่ตรงไหน! ความผิดของอีตาไทโชนั่นแหละ! ผิดเต็มๆ เลยด้วย! เพราะถ้าอีตานั่นไม่หลอกฉันว่ายูโตะจะมาด้วยตั้งแต่แรก ฉันก็คงไม่มีวันยอมไปไหนมาไหนกับอีตานั่นแค่สองคนจนไปเจอยัยริโกะที่พิษรักแรงหึงบังตา ไม่ใช่แค่ตาต่ำไปชอบผู้ชายแบบอีตานั่น แต่ยังตาบอดขนาดคิดว่าฉันจะไปแย่งผู้ชายพรรค์นั้น แล้วแกล้งผลักตกน้ำแบบนี้หรอก!”
อิซเซย์รับฟังคำบ่นก่นด่าจากอารมณ์ที่เดือดดาลมากของพี่สาว ขณะเปลี่ยนท่านั่งเป็นยืดตัว สตาร์ทรถ ครั้นเมื่อเสียงวิทยุแผดดังขึ้นมา เขาก็จะเอื้อมไปหมุนหรี่มันแค่พอให้มีบทเพลงเบาสบายคลอเคล้าเป็นเพื่อนร่วมทาง ไม่เหมือนกับผู้โดยสารอีกคนที่สีหน้าท่าทางยังคงบูดบึ้ง ถึงแม้ว่าพาหนะคันสีม่วงอ่อนจะเริ่มต้นขับเคลื่อนไปบนท้องถนนอีกครั้งแล้วก็ตาม
“เมย์นาไม่ยอมรับคำขอโทษของไทโชเองนี่ ไม่ยอมขึ้นรถกลับบ้านด้วย แถมยังวิ่งหนีมาอีก แต่ไทโชบอกว่าสวดริโกะไปชุดใหญ่จนร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยนะ จากนี้คงไม่กล้ามาทำอะไรเมย์นาแล้วล่ะ”
“อะไร! อีตานั่นโทร.มาเล่าให้ฟังแล้วเหรอ!” เมย์นาพ่นลมหายใจออกจมูก สภาพของเธอซึ่งกำลังขยี้เส้นผมสีชมพูสว่างที่เปียกลู่จนกลายเป็นหมองหม่นแรงๆ เหมือนกับอารมณ์ของเธอในตอนนี้ดูชวนหัวมากเสียจนอิซเซย์หยุดรอยยิ้มกว้างจากความขบขันไม่ได้เลย “จะอะไรก็ช่าง แต่ฉันพอแล้ว! ไม่เอาอีกแล้ว! ขอประกาศให้รู้เลยว่านับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป ฉันกับอีตาไทโช ขาดกัน!”
และเพราะอย่างนั้น เมย์นาถึงต้องข่มอกข่มใจกดกลั้นความโกรธที่ผุดวาบขึ้นมา แค่เพียงได้เห็นอีกฝ่ายยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าประตูบ้านที่อุตส่าห์รีบวิ่งตึงตังไปเปิด เพราะนึกว่าเป็นพวกริวกะที่นัดว่าจะไปตะลอนราตรีด้วยกันเป็นการปลอบใจ
“ฉันมาหา...”
หากเมย์นาก็จะรีบสะบัดหน้าหนี ตะโกนเรียกน้องชายแทรกผ่านเสียงยิงปืนดังสนั่นจากละครทีวีที่เอกเขนกดูอยู่ในห้องนั่งเล่นที่เธอเพิ่งจะลุกจากมาว่า “อิซเซย์ เพื่อนนายมาหา!” ขณะที่เจ้าตัวก็ตะโกนตอบกลับมาแทบจะในวินาทีเดียวกัน ทั้งที่เธอยังไม่ทันได้พูดชื่อเพื่อนคนที่ว่าเลยด้วยซ้ำ “ไทโชไม่ได้มาหาฉันสักหน่อย เมย์นานั่นแหละ”
“เหอะ! ฉันไม่คุยกับคนแปลกหน้า! คนชั่วช้า! คนเลวทราม!” แน่นอนว่าด้วยเสียงตะโกนในระดับเดิมที่ตั้งใจให้คนตรงหน้าเธอนี่แหละได้ยินชัดเจนเต็มสองหู!
“เลิกงอนได้แล้วน่า เมย์นา”
เรียกให้หญิงสาวเจ้าของชื่อขวับกลับมาแหงนคอยืนประจันหน้ากับชายหนุ่มที่ตัวสูงกว่ามาก ก่อนแค่นหัวเราะออกมาเพราะคำพูดที่เขาทำให้มันฟังดูเล็กน้อยกว่าความเป็นจริงที่เกิดขึ้นผ่านน้ำเสียงขบขัน “ว้าว ฉันโดนแฟนนายผลักตกน้ำทั้งที่ว่ายน้ำไม่เป็นด้วยซ้ำ โชคดีที่มันเป็นน้ำตื้นฉันเลยรอดมาได้ไม่กลายเป็นผีเฝ้าบึงไปซะก่อน แต่นายพูดออกมาได้ว่าแค่งอนเนี่ยนะ เหลือจะเชื่อเลย!”
“ริโกะไม่ใช่แฟนฉันนะ ไม่คิดจะเป็นด้วย” ทั้งที่เขาควรเอ่ยปากขอโทษ...ที่เธอจะไม่รับ หรือหาข้อแก้ตัว...ที่เธอจะไม่ฟัง ทว่าสิ่งที่ไทโชเลือกทำก็คือการสวนย้อนด้วยประโยคบอกเล่าที่เมย์นาไม่ได้สนใจอยากรู้เลยสักนิด “อีกอย่างนะ ฉันไม่ปล่อยให้เธอตายหรอก เพราะยังไงฉันก็จะลงไปช่วยเธออยู่ดี”
หัวสมองที่ตื้อตันเพราะความขุ่นข้องของเมย์นาไม่ทันได้ประมวลคำพูดของเขาให้กระจ่าง ก็ให้พอดีกับที่เสียงบีบแตรรถสามจังหวะที่เคยคุ้น เฉกเช่นเดียวกับใบหน้าของทั้งคนขับและผู้โดยสารจะปรากฏอยู่ในแววตาของเธอที่เอียงคอมองเลยผ่านแขกไม่ได้รับเชิญไป เมย์นาไม่คิดว่าควรเสียเวลาไปกับการต่อปากต่อคำอะไรอีก นอกจากทิ้งท้ายเพียงแค่ว่า “อ๋อเหรอ งั้นก็ช่วยฉันตั้งแต่ตอนนี้เลยคือไปให้พ้นหน้าพ้นตาฉันไป้!” ก่อนสวมเท้าลงในส้นสูงสีชมพูเข้าชุด แล้วเดินกระแทกไหล่ของไทโช เพื่อไปกระแทกบานประตูรถเปิดประทุนสีแดงสดเข้าไปนั่งด้านหลังด้วยเสียงดังปังอย่างกับซ้ำรอยเหตุการณ์เมื่อรอบบ่ายกับอิซเซย์ แตกต่างก็ตรงที่ริวกะจะหันมาโวยใส่ โดยมีมาริรับส่งเป็นลูกคู่ หากทั้งคู่ก็จะโดนเมย์นาว้ากกลับไปเหมือนอย่างที่เธอเป็นกับทุกคนอยู่ดี
“สแปงเกิล” ไทโชที่ยืนมองตามพวกเขาทั้งสามไปเป็นต้องได้สะดุ้งเฮือกจากการโผล่มาแบบปุบปับของอิซเซย์ “แต่คืนนี้ฉันไม่ไปด้วยนะ เบื่อฟังเมย์นาด่านายจนหูชาแล้ว”
“พี่นายโกรธมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
อิซเซย์หันมายิ้มให้เพื่อนสนิท
“ถ้ามีปืนนายคงไม่ได้มายืนพูดกับฉันแบบนี้แล้ว ขนาดนั้นนั่นแหละ”
แต่ในเมื่อคนอย่างอิวาซากิ ไทโชไม่เคยกลัวใคร หรือว่าอะไร แม้แต่ความตาย เขาถึงได้ท้าทายมัจจุราชด้วยการจงใจเดินผ่านไปให้เธอที่เบิกตาโตเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็น ไม่สนใจสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นแยกเขี้ยวอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อเมื่อโดนยักคิ้วหลิ่วตาเข้าใส่ ก่อนนั่งลงบนโต๊ะกับพรรคพวกที่อยู่ห่างไปอีกสองแถว ให้เมย์นาได้แต่งึมงำสาปแช่งอิซเซย์
“ก็เงี้ยแหละ อยากตัดให้ขาด แต่อีกฝ่ายไม่ยอมขาด แค่ฝ่ายเดียวเรียกแบบนั้นไม่ได้หรอก” มาริที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอยกมือขึ้นโบกให้ชายหนุ่มคนละกลุ่มอย่างไม่ถือสา
“กี่ฝ่ายก็เรียกว่าขาดทั้งนั้นแหละ!”
“เดี๋ยวพอไทโชมาง้อเธอก็ใจอ่อนเหมือนทุกที”
“ฉันไม่เคยใจอ่อนกับอีตานั่นสักหน่อย!” เมย์นาโต้กลับไป “แค่เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนรักของอิซเซย์กับยูโตะเลยทนคบๆ ไปต่างหาก หน้าตาก็ไม่ดี นิสัยก็น่ารำคาญ ไม่รู้ว่าคุณชายอย่างสองคนนั้นไปคบกับพวกจิ๊กโก๋แบบอีตานั่นได้ยังไง แน่นอนว่ารวมถึงคุณหนูอย่างฉันที่ต้องติดร่างแหไปด้วย แต่ตอนนี้อีตานั่นจะเป็นเพื่อนใครก็ช่าง! หรืออยากคบยัยริโกะที่หาเรื่องผลักฉันตกน้ำก็เชิญ! เหอะ! พวกบ้านๆ ก็เหมาะสมกันดีแล้ว!”
ทั้งที่อุตส่าห์ร่ายยาวมาตั้งขนาดนั้น แต่ริวกะกลับเอ่ยเพียงแค่ “พูดอย่างกับหึง” กลั้วไปกับเสียงหัวเราะคิกคักของมาริ
“เอาอะไรมาหึง! อีตานั่นไม่มีอะไรเทียบยูโตะได้เลยสักนิด!”
มาริกลอกตาเท้าคางมองบน “เอาชื่อยูโตะมาบังหน้าทุกที ถ้าเธอชอบเขาจริงไหงไม่เห็นยักกะฟูมฟายเรื่องคู่หมั้นเขาเลย”
“ฉันชอบยูโตะ แต่ไม่ได้อยากครอบครอง ขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็มีความสุขแล้ว”
“แบบนั้นไม่ใช่ความรักสักหน่อย มันจะต่างอะไรกับการหลงใหลดาราล่ะ” ริวกะแย้ง ขณะที่มาริก็เสริมรับ “เห็นด้วย เธอก็แค่ชอบยูโตะเพราะเขาหล่อ รวย สมบูรณ์แบบ อย่างกับชายในฝันของสาวๆ...”
“เพราะนอกฝันฉันเจอแต่ผู้ชายไม่เอาไหนอย่างนายนั่นแหละริวกะ! ไม่ก็อีตาไทโชนี่ไง!” เมย์นาตัดบทด้วยน้ำเสียงรำคาญ พาดพิงไปถึงชายหนุ่มร่วมโต๊ะที่ก็หาได้ถือสาหาความอะไรนอกจากหัวเราะชอบใจเหมือนได้ฟังเรื่องตลก “น่าเบื่อชะมัด! ฉันกลับแล้วดีกว่า ถ้าเกิดอีตานั่นมาถามให้บอกว่าฉันไปเข้าห้องน้ำ หรือไปกับหนุ่มที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บ้าน เข้าใจไหม! ใครหักหลังฉันก็เตรียมถูกคิดบัญชีได้เลย จำไว้ว่าบ่อจระเข้คือที่ทิ้งศพที่ไร้ร่องรอยที่สุด” ทิ้งคำขู่เอาไว้แล้วก็ลุกพรวดพราด ไม่แม้แต่จะหันไปมองตัวต้นเหตุที่นั่งอยู่โต๊ะข้างหลังให้ยิ่งขุ่นข้องหมองใจ นอกจากตอกส้นรองเท้าส้นสูงสามนิ้วฟึดฟัดจากไปเร็วๆ โดยมีเสียงหัวเราะของสองเพื่อนซี้ดังไล่หลังตามไปเท่านั้น
ถึงจะบอกริวกะกับมาริไปแบบนั้น แต่ความจริงแล้วเมย์นาไม่มีความคิดที่จะกลับบ้านในเวลาอันใกล้ เหตุผลข้อแรก เธอคร้านจะไปบ่นว่าใส่อิซเซย์ คนที่มักทำให้เธอรู้สึกพ่ายแพ้อยู่เสมอเพราะรอยยิ้มที่ดูราวกับซ่อนเลศนัยอะไรสักอย่างเอาไว้อยู่ตลอดเวลา ขนาดที่พี่สาวซึ่งเลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออกอย่างเธอยังดูไม่ค่อยจะออก ข้อสอง เธอไม่อยากกลับไปนอนแกร่วที่บ้านทั้งที่อารมณ์ขุ่นมัวยังคงค้างคาเหมือนกับตะกอนที่ก้นแก้วอยู่อย่างนี้ และข้อสามคือเธอรู้ว่ายังไงอีตาไทโชก็ต้องไปตามหาเธอที่นั่นเป็นที่แรก ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด หากเมย์นาก็รู้ว่าเธอจะสงบจิตลงได้จากการนั่งเอนหลังทอดมองดูทิวทัศน์ที่ประดาด้วยแสงไฟของตัวเมืองยามค่ำคืนของอีกฟากฝั่งแม่น้ำกับโค้กแช่เย็นที่แวะซื้อระหว่างทางเดินมาที่นี่
ก่อนที่เมย์นาจะรู้สึกได้ถึงเงาร่างที่ทิ้งตัวลงบนม้านั่งข้างกัน แม้จะไม่ค่อยชอบใจนักเพราะระยะที่ประชิดมากเกินไปหน่อย แต่เธอจะว่าอะไรกับทรัพย์สินสาธารณะที่ไม่ได้เป็นคนครอบครองได้
กระทั่งเธอหันมองตามสัญชาตญาณ นึกขอบคุณที่ตัวเองแค่แตะหลอดดูดเข้ากับขอบปาก ไม่อย่างนั้นคงได้แต่ไอค่อกแค่กจนแสบหูแสบคอ ไม่สามารถแผดเสียงตะโกนออกมาอย่างที่ทำอยู่นี้ได้ว่า “ช่วยบอกหน่อยสิว่าตรงไหนของคำว่าไปให้พ้นหน้าพ้นตาฉันที่นายไม่เข้าใจ หา? ไทโช!”
และก็เป็นอีกครั้งที่เขาจะสวนย้อนกลับมาด้วยเรื่องที่ไม่เห็นจะเชื่อมโยงกับประโยคก่อนหน้าของเธอเลยสักนิดอย่าง “ถ้าฉันให้เธอผลักตกน้ำบ้างแล้วจะหายโกรธไหม?”
“นายไม่เห็นต้องมารับหน้าแทนยัยริโกะเลยในเมื่อนายไม่ได้เป็นคนผลักฉันสักหน่อย ทำไม? เป็นเดือดเป็นร้อนแทนกันหรือไง?” เมย์นาเหยียดยิ้มเย้ยออกมา
“ฉันก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้คิดกับริโกะแบบนั้น”
“อย่าทำเป็นไม่รู้ว่ายัยนั่นคิดกับนายแบบนั้นแล้วก็เอามาพาลใส่คนที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วยอย่างฉัน! งี่เง่าที่สุด! โคตรจะไม่มีเหตุผลเลย!”
ด้วยไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดให้มากความ เพราะความหงุดหงิดของค่ำคืนนี้ที่คงไม่มีอะไรช่วยบรรเทาได้แล้ว เมย์นาเลยตัดสินใจลุกหนี...เหมือนอย่างที่เธอถนัด ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงแรงกระชากบนข้อมือข้างขวาจนเกือบปลิวหวือ และเมื่อเธอหันขวับกลับไปมองด้วยสีหน้าที่พร้อมหาเรื่องเต็มที่ ก็เป็นต้องถูกหยุดเอาไว้จากสีหน้าจริงจังซึ่งเมย์นาไม่เคยได้เห็นมาก่อนของอีกฝ่าย
“เหตุผลเพราะริโกะรู้ว่าฉันคิดกับเธอแบบนั้นไง”
วินาทีนั้นเองที่เมย์นาเกิดใจเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมากับคำพูด สีหน้า ท่าทาง — อาจใช่หนึ่งในนั้นหรืออาจไม่ใช่ข้อไหนเลยก็ได้ — แต่แค่คิดว่าหญิงสาวสมบูรณ์แบบอย่างเธอเกิดรู้สึกหวั่นไหวไปกับผู้ชายพรรค์นี้ขึ้นมาก็เป็นเรื่องน่าอับอายเสียยิ่งกว่าอะไร แน่นอนว่าการที่ผิวแก้มของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาก็ย่อมต้องเป็นเพราะเหตุผลนั้นอยู่แล้ว
“ยิงฉันเลยก็ได้ถ้าจะทำให้เธอหายโกรธ แต่ว่าถ้าฉันรอดมาได้ คบกับฉันก็แล้วกัน”
เป็นประโยคสารภาพรักที่งี่เง่าที่สุดที่เมย์นาเคยได้ยินมาในชีวิต แถมยังมัดมือชกเอาดื้อๆ ทั้งที่มันควรเป็นประโยคคำถามไม่ใช่หรอกหรือไง กระนั้นก็ฟังดูสมกับคนโง่เง่าอย่างอีตานี่ดี ในที่สุดเมย์นาก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไปและระเบิดเป็นเสียงหัวเราะออกมา
“ได้ เอาสิ ฉันจะได้ปิดปากนายไม่ให้รอดกลับมาพูดอะไรโง่ๆ แบบนั้นได้อีก”
แต่กลายเป็นว่าจะเป็นเธอเองซึ่งถูกริมฝีปากของเขาทาบปิดลงมาไม่ให้ทันได้ตั้งตัว กับมือที่กดไหล่ข้างหนึ่งของเธอไว้ เมย์นาตะลึงลานกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับจนไม่ทันได้หลับตา แม้ว่าไทโชจะผละออกไปแล้วหลังจากจูบเพียงแค่ครู่สั้นๆ ก็ตาม
“เผื่อฉันตาย จะได้ไม่นึกเสียดายว่ายังไม่ได้ทำสิ่งที่หวัง”
ขณะที่เมย์นายังตัวแข็งค้างอยู่อย่างนั้น
“แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว งั้นขอมากกว่านี้เลยแล้วกัน” ว่าจบ ไทโชก็ก้มหน้าลงมาจูบเธออีกครั้ง หนนี้ มือของเขาเปลี่ยนมาโอบรอบลำคอ ให้เมย์นาได้รู้สึกถึงความร้อนจากปลายนิ้วซึ่งสอดผ่านเส้นผมที่ปล่อยยาวสยายเข้าไป เช่นเดียวกับปลายลิ้นที่สอดเข้าไปเกาะเกี่ยวในริมฝีปากที่เผยอค้างอย่างชำนาญมากในแบบที่เมย์นาไม่เคยคาดคิดจากคนอย่างเขามาก่อน
เขาทำให้เธอลืมความโกรธที่ตัวเองเป็นต้นเหตุได้อย่างดีเยี่ยม...และอย่างไม่น่าอภัย! หากเมย์นาก็คิดว่าถ้าเธอขาดใจตายไปเสียเลยตรงนี้ คงดีกว่าการต้องยอมรับความจริงด้วยความอับอายกับทั้งตัวเอง เพื่อนพี่น้อง และโดยเฉพาะคู่กรณีที่เธอกำลังปล่อยตัวปล่อยใจไปกับจูบของเขาอาจตลอดค่ำคืนนี้
แต่เอาไว้ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน
_______________
_______________
ความคิดเห็น