คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #136 : Love Situation (25% ใสๆ วัยรุ่นชอบ กูก็ชอบ แต่มึงไม่ชอบ U_U)
ฉันเห็นจากนัยน์ตาของตัวเอง
ความงดงามของท้องฟ้า
บางทีเธออาจจะไม่รู้
เพราะอย่างนั้น วันนี้ฉันเลยจะร้องเพลงเพื่อให้เธอเห็น
— ซิง อิท, บิโชเน็น
ทั้งที่เด็กสาวคนตรงหน้ากำลังออกอาการฉุนเฉียว...มากจนขนาดที่เขาคิดว่าเธออาจจะกระทืบเท้าเตะโต๊ะตัวที่นั่งอยู่ หรือไม่ก็พุ่งเข้ามาต่อยหน้าเขาเลยถ้าทำได้ แต่อาเบะ เรียวเฮก็อดไม่ได้ที่จะกลั้นรอยยิ้มขำ ด้วยรู้จักนิสัยของโคโคโรกิ มิวะ ลูกศิษย์ตั้งแต่ปีหนึ่งมาจนถึงขึ้นชั้นปีสอง และน้องสาวของคนรักที่รู้จักกันมาเข้าปีที่ห้าแล้ว ยิ่งเมื่อเธอจะแผดร้องลั่นหลังจากที่เขาแจ้งข่าวร้ายตอนช่วงหลังเลิกเรียนที่ขอให้อยู่ต่อก่อนอย่าง
“อาเบะจังก็รู้ว่าหนูไม่ใช่คนโง่! แต่ที่คะแนนเทอมนี้หนูแย่ก็แค่เพราะหนูขี้เกียจไม่ยอมส่งงานไม่ทำการบ้านเฉยๆ! แถมคะแนนหนูก็ใช่ว่าจะรั้งท้ายหรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินอะไรขนาดนั้นสักหน่อย! แต่ทำไมหนูถึงเป็นคนเดียวที่ต้องมีคนมาติวให้ด้วย!”
“ก็คุณลุงคุณป้าเป็นห่วงผลคะแนนของมิวะจังมากเลยนี่นา” เป็นคำตอบที่ทำให้เธอลุกขึ้นพรวดพราด ตบโต๊ะดังสนั่นเหมือนกับเสียงตะโกนที่ว่า “แบบนี้เรียกว่าเลือกปฏิบัติ!” ที่อาเบะแน่ใจได้เลยว่ามือของเธอจะต้องแดงเถือก แล้วหลังจากไฟแห่งความโกรธที่สุมอยู่ในอกค่อยๆ มอดดับลงไปแล้ว เมื่อนั้นแหละเธอจะได้รู้ซึ้งถึงผลของความเลือดร้อนขึ้นมา เพราะอย่างกับว่ามันใช่ครั้งแรกเสียที่ไหน
“มิวะจังไม่สงสารพี่กับคุณมิอะที่ต้องโดนคุณลุงคุณป้าเทศนาเหรอ?”
ครั้นถูกสีหน้าเงื่องหงอยของอีกฝ่ายจู่โจมเข้าให้แบบนี้ เด็กสาวขี้โมโห แต่จริงๆ ก็แอบขี้ใจอ่อนเลยทิ้งตัวกลับลงไปนั่งกอดอก พรูลมหายใจออกมาพร้อมกับระดับเสียงที่ลดลงไปเป็นเกือบปกติเมื่อเอ่ยต่อ “ถ้าอย่างนั้นก็ให้อุกิโชเป็นคนติวให้หนู”
“เราก็รู้ว่าตอนนี้อุกิโชคุงยุ่งกับงานละครอยู่”
“ถ้างั้นก็...”
แต่ก่อนที่มิวะจะได้หาข้ออ้างร้อยแปดพันเก้ามาอย่างที่เธอเคยหาทางหลบหลีกด้วยความลื่นไหลไปได้ตลอดรอดฝั่ง หรืออย่างน้อยๆ ก็สำหรับอาเบะที่ตามใจลูกศิษย์สาวซึ่งมองเห็นเป็นน้องเป็นนุ่งแท้ๆ เขาก็จะเบรกเธอด้วยการโพล่งแทรกขึ้นราวกับอ่านใจเธอออก...เพราะเขาอ่านใจเธอออกจริงๆ นั่นแหละว่า “ให้ติวกับโมโตโกะจังไม่ได้ เพราะไม่งั้นเราสองคนก็จะเอาแต่นินทาชาวบ้าน แถมโมโตโกะจังก็ไม่ได้ถนัดวิชาเลขมากพอที่จะมาติวให้เราด้วย ฟุคุโมโตะคุงก็ขอบายไม่กล้ายุ่งกับมิวะจัง และเด็กหัวดีที่สุดในห้องอย่างที่คุณลุงคุณป้าขอมาที่ยังว่างอยู่และเต็มใจจะช่วยมิวะจังก็เหลือแต่นาสุคุงนี่แหละ”
“เต็มใจเหรอ!” มิวะพ่นลมหายใจออกมาเต็มแรง “หวังถือโอกาสเยาะเย้ยหนูว่าโง่สิไม่ว่า!”
“มิวะจังบอกว่าตัวเองไม่ได้โง่นี่นา งั้นก็ถือโอกาสนี้แสดงให้นาสุคุงเห็นไปเลยสิ”
“อาเบะจังคะ ฟัง! หนูไม่ใช่คนโง่ก็จริง แต่ถ้าเทียบกับหมอนั่นแล้วหนูก็จัดว่าโง่กว่าอยู่ดี โง่กว่ามากด้วย ไม่เข้าใจหรือไงคะ!” ที่อาเบะฟังแล้วก็อยากจะขำพรืดออกมากับการยอมรับความจริงดื้อๆ แบบนั้น แต่ก็กลัวว่าอารมณ์ของเธอจะยิ่งเดือดไปกันใหญ่เลยต้องเปลี่ยนไปใช้แผนการอ้อนวอน ยกสองมือขึ้นมาแตะประกบเป็นไพ่ตายสุดท้ายแทน
“ช่วยพี่กับคุณมิอะหน่อยเถอะนะ แล้วถ้าผลการสอบคราวหน้าดีขึ้น และมิวะจังสามารถรักษาระดับของตัวเองเอาไว้ได้ พี่สัญญาว่าจะไม่หาติวเตอร์ที่ไหนมาให้อีกเลย”
“โห รอบนี้มีคนมาติวให้จะรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วหนูยังต้องมารักษาระดับตัวเองอีกเหรอ?”
“ถ้าร่วงอีกก็เสียเปล่าน่ะสิ”
“งั้นสัญญามาด้วยว่าพี่กับพี่มิอะจะพาหนูไปเลี้ยงเนื้อย่างร้านโคตะระแพง! ไม่กระเป๋าฉีกไม่กลับบ้าน! แล้วหนูจะทำตัวดีๆ จะตั้งใจติวกับอีตาขี้เก๊กนั่น! จะไม่หาเรื่องต่อยหมอนั่นให้มือแตกไปก่อนด้วย!”
ในที่สุดอาเบะก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนได้ไปกับคำพูดของเธอขณะยกนิ้วก้อยขึ้นเกี่ยว จังหวะเดียวกับที่บานประตูห้องเรียนจะถูกเลื่อนเปิดออก รอยยิ้มของเด็กสาวจนถึงก่อนหน้าที่หันขวับไปเห็นเลยหุบกลับลงไปในชั่วพริบตา ตรงกันข้ามกับอีกฝ่ายที่ยิ้มแย้มพูดคุยกับอาเบะจังซึ่งกำลังฝากฝังเธอ ยิ่งอีตานั่นตอบรับคำขอที่ว่า “ช่วยดูแลมิวะจังด้วยนะ” อย่างกับพ่อตากำลังฝากฝังลูกสาวที่จะออกเรือนไปกับสามียังไงก็ไม่รู้ด้วยประโยคที่ว่า “ผมจะดูแลเป็นอย่างดีเลยครับ” มิวะก็แทบจะเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่
“ฝากตัวด้วยนะมิวะจัง”
เธอถลึงตามองอีตานั่นที่นอกจากยกยิ้มทำคอเชิดแล้วยังกล้าดีมากวนประสาทเรียกกันอย่างสนิทสนมด้วยอีก
“ไม่รับฝากอะไรทั้งนั้นแหละ! ไอ้บ้านาสุ!”
รอยยิ้มสะอกสะใจผุดขึ้นมาบนใบหน้าของอายาโนะ โมโตโกะแว่บหนึ่ง เมื่อได้เห็นเพื่อนสนิทเดินเถียงฉอดๆ ลงจากตึกเรียนมากับคนที่เจ้าหล่อนเอาแต่พูดกรอกหูเธอแทบทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าว่า “โอ๊ย! แค่เห็นหน้าก็รำคาญ! คนบ้าอะไรมันจะเก๊กได้เบอร์นี้!” ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มหวานจ๋อย ลุกจากเก้าอี้แล้วยกมือขึ้นโบกไหวๆ ให้มิวะที่เดินกระทืบเท้าตรงมาหาโดยไม่สนใจที่จะบอกกล่าวหรือว่าถามไถ่อะไรคนข้างตัวเลยแม้แต่น้อย
“แค่เพราะอาเบะจังกลัวพ่อแม่ฉันดุเลยต้องให้ฉันมาติวบ้าติวบอ! อุกิโชก็ดันมาติดถ่ายละคร อีตาไทเซย์ก็กลัวฉันซะหัวหด แถมไม่ยอมให้เธอมาติวให้เพราะรู้ว่าเราจะเมาท์กันอีก แล้วดูตัวเลือกเดียวที่เหลือนี่สิ! แย่ๆๆ แย่ที่สุด!”
“ถึงเราไม่เอาแต่เมาท์กันฉันก็ติวให้เธอไม่ไหวอยู่ดีนั่นแหละมิวะ เพราะถ้าเทียบกับนาสุ ตัวท็อปของห้องเราแล้ว ฉันก็เหมือนกับมดน้อยตัวเล็กจ้อย”
“ไม่ต้องไปชม!”
“เพราะมันคือเรื่องจริง”
พอหันขวับกลับไปยังต้นเสียงที่มิวะไม่รู้ตัวเลยว่าอีตานั่นยังอุตส่าห์เดินตามมาด้วยก็จะยิ่งฟึดฟัดไปกันใหญ่ “เอ้า! แล้วนายไม่กลับบ้านกลับช่องไปล่ะ!”
“นี่เธอคิดจะโดดติวตั้งแต่วันแรกเลยหรือไงมิวะ!”
“วันแรกบ้าอะไร! นี่นายจะไวไฟไปไหน! โนๆ”
โมโตโกะเห็นเป็นโอกาสเลยโพล่งแทรกขึ้นกลางปล้อง ถึงจะรู้สึกสนุกดีไม่หยอกเวลาเห็นสองคนนี้วางมวยกัน โดยมีเธอเป็นกองเชียร์เข้าข้างหัวหน้าอยู่จากด้านล่างเวที แต่ความมุ่งมั่นตั้งใจอันแน่วแน่จะมาถูกทำลายด้วยความสนุกแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ได้!
“งั้นฉันไม่อยู่เป็นกขค. เอ้ย! อยู่ขัดจังหวะ เอ้ยแย่จัง! พูดผิดอยู่เรื่อย (หัวเราะปลอมๆ) ไม่รบกวนคนติวหนังสือแล้วดีกว่า เดี๋ยวคุณลุงคุณป้าพาลมาดุฉันด้วยอีกคนล่ะแย่เลย ฉันยิ่งอ่อนไหวใจบางอยู่ด้วย งั้นฉันไปก่อนนะ ตั้งใจเรียนเข้าล่ะมิวะ ตั้งใจติวให้เพื่อนรักของฉันด้วยนะจ๊ะนาสุ”
ว่าจบก็รีบเผ่นแผล็วจากไปอย่างรวดเร็ว ทำเป็นหูทวนลมถึงอีกฝ่ายจะตะโกนเรียกชื่อ...พร้อมคำด่าไล่หลังที่ไม่เคยทำให้เธอระคายอยู่แล้วถึงจะแสบๆ คันๆ ไม่ใช่เล่น แต่หึ...ให้มันรู้ซะบ้างว่าลิ่วล้ออย่างโมโตโกะก็เอาคืนหัวหน้าแก๊ง (ที่มีกันแค่สองคน) อย่างยัยมิวะเป็น
เพราะเมื่อมีแค้นก็ต้องชำระ!
ความแค้นของโมโตโกะเริ่มต้นขึ้นในเช้าวันจันทร์ที่สี่ของเดือนมิถุนายน วันที่ยัยมิวะซึ่งมักจะเข้าเรียนสายไม่ก็เดินเอื่อยเฉื่อยอยู่คนเดียวกลับเข้าโรงเรียนมากับเด็กหนุ่มต่างห้องตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ แค่ได้เห็นทั้งสองคนนั้นเดินหัวร่อต่อกระซิกมาด้วยกัน — ด้วยบทสนทนาที่โมโตโกะแน่ใจว่าพวกเขามีจุดร่วมเดียวที่ตรงกันคือเรื่องวงดนตรีที่ชอบ — ก็น่าหมั่นไส้มากพออยู่แล้ว แต่ที่ทำให้โมโตโกะชีช้ำได้ที่สุดก็คือผมสีแดงสว่างของทั้งคู่ที่ดูเปล่งประกายเจิดจ้า หวานจี๋พี่จ๋าซะยิ่งกว่าสตรอว์เบอร์รี่ที่น้าเอามาฝากจากต่างจังหวัด! เพราะโมโตดากะ คัตสึกิ คือคนที่โมโตโกะแอบชอบมาตั้งแต่ช่วงก่อนปิดเทอมของชั้นปีที่หนึ่ง ถึงเพื่อนสนิทหมายเลขหนึ่งของเธอจะไม่รู้เพราะยังไม่ถึงเวลาบอก และคำตอบกลั้วเสียงหัวเราะที่ดูขัดหูขัดตาเธอเป็นบ้าอย่าง “เมื่อวันเสาร์ฉันบังเอิญเจอโมโตดากะคุงที่ร้านทำผมของพี่ฟูจิอิพอดี เราก็เลยตกลงทำสีเดียวกับพี่ฟูจิอิด้วยกันหมดเลย เป็นไงๆ? สีแดงสวยเนอะ เข้ากับคนสวยๆ อย่างฉัน ดูสิ หน้าฉันขาวผ่องขึ้นมาเลย” ก็จะทำให้คนที่อิจฉาตาร้อนต้องกระทำการขั้นเด็ดขาดเพื่อเป็นการตัดไฟเสียแต่ต้นลม!
ด้วยการยืมมือคนอื่น — และโมโตโกะหมายถึงคนที่ยัยมิวะเบื่อขี้หน้ามากที่สุด — ถึงคำพูดประเภทที่ว่า ‘ยิ่งเกลียดเธอยิ่งเจอรัก’ จะใช้ไม่ได้ผลกับพวกใจยักษ์ใจมารอย่างยัยมิวะ แต่การที่หล่อนเคยเมาท์กับเธอตอนนั่งดูดนมกล่องที่ครูเลี้ยงจากตู้กดในวันที่ต้องมาเรียนชดเชยด้วยกันทั้งห้องช่วงฤดูหนาวสมัยชั้นปีที่หนึ่ง แล้วได้เห็นนาสุในชุดนอกที่ก็ดูดีอยู่หรอก (หมายถึงชุด) แต่โมโตโกะก็ไม่เห็นว่าหมอนั่นจะดูดีขึ้นจากตอนปกติตรงไหน หรืออาจเพราะเธอไม่ได้ให้ความสนใจเขามากเท่ายัยมิวะที่บอกเล่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนกำลังคุยเรื่องลมฟ้าอากาศทั่วไปว่า “ทำไมวันนี้อีตานาสุถึงได้หล่อจัง” ขณะที่โมโตโกะได้แต่ช็อกตาตั้ง ทำตาโต พูดอะไรไม่ออกกับประโยคที่เหลือเชื่อจากปากของเพื่อนสนิทจนคิดว่าตัวเองอาจจะหูฝาดไปเอง
แม้ว่าคนที่ยัยมิวะแอบชอบมาตลอดครึ่งปีคือหัวหน้าห้องอิวาซากิ ไทโช คนที่เฮฮา ร่าเริง หรือที่โมโตโกะขอสรุปให้ชัดเจนเลยแล้วกันคือบ้าๆ บวมๆ บางวันก็ไม่หวีผมมาโรงเรียน ผิดจากนาสุที่โคตรรักษาภาพพจน์แทบทุกประการ แต่หลังจากที่เขาไปคบกับเด็กต่างห้องทั้งที่ไม่มีวี่แววมาก่อนก็ดูเหมือนจะทำให้ยัยมิวะเสียศูนย์ไปไม่เบา ดังนั้นการที่จู่ๆ หล่อนจะออกปากชมศัตรูคู่อาฆาตแบบนี้ก็เป็นอะไรที่น่าขบคิด
แต่โมโตโกะไม่เสียเวลาขบคิดอีกต่อไปในตอนที่เข้าห้องชมรมควิซคลับหลังเลิกเรียนซึ่งมีแค่เธอกับนาสุที่มาถึงก่อนแล้วนั่งทำการบ้านด้วยกัน ก่อนหาเรื่องคุยวกอ้อมโลกไปถึงเพื่อนสนิทแล้วฝังหัวเพื่อนร่วมห้องแบบเนียนๆ ว่า “เออนี่นาสุ รู้ป่ะว่ามิวะเคยชมว่านายหล่อมากด้วยแหละ ตอนปีหนี่งที่ห้องเราต้องมาเรียนชดเชยด้วยกันวันเสาร์ไง เหลือเชื่อเนอะ ปกติไม่เห็นยัยนั่นจะชมใครนอกจากพี่ไทกะวงสโตนส์ ขนาดไทโชที่เคยชอบยังไม่เค้ยไม่เคยจะชม แค่บอกว่าตลกดี นิสัยดีเอง อุ๊ยตายแล้ว! เผลอหลุดปาก! นายก็อย่าไปบอกใครล่ะว่ามิวะเคยชอบคนบ้าอย่างอีตาไทโช คิดซะว่าฉันไม่เคยพูดก็แล้วกันนะ ไม่งั้นฉันได้ถูกฆ่าตายแน่ แต่ก็นั่นแหละ มิวะพูดถึงนายแบบนี้ไม่ใช่ว่าแอบคิดอะไรอยู่หรือเปล่าหนอ” ที่โมโตโกะรู้อยู่หรอกว่าเพื่อนสนิทของเธอน่ะไม่คิด แต่คนที่อ่อนหัดเรื่องผู้หญิงอย่างอีตานาสุนี่แหละที่จะคิดแน่นอน
แล้วถ้าอีตานี่เริ่มมีใจให้เพื่อนของเธอขึ้นมา...เดี๋ยวก็มี การฟัดกันเหมือนหมาบ้าของทั้งสองฝ่ายก็จะเปลี่ยนไปเป็นฝ่ายเดียว ที่สุดท้ายก็จะไม่เหลือฝ่ายไหนทั้งนั้น เพราะยัยเพื่อนรักปากหนักของเธอชอบคนที่หน้าตามาก่อน แน่นอนว่าที่หล่อนชอบไทโชก็เพราะหน้าตาดี สูงผอมตรงสเปคอย่างโง้นอย่างงี้ แต่เธอจะบอกความจริงไปเพื่ออะไร ลองยัยมิวะได้ออกปากชมใครแบบนี้แล้ว ขอแค่รอเวลาที่ใช่อีกหน่อยก็หวั่นไหวใจสั่นได้เองนั่นแหละ
เพียงแต่โมโตโกะไม่คิดว่าโอกาสจะมาถึงไวขนาดนี้ แถมยังเป็นใจขนาดนี้ด้วยอีก พระเจ้าท่านช่างเมตตาเหลือเกิน ทั้งที่เธอไปขอพรกับศาลเจ้าด้วยเงินแค่สิบเยนที่จิ๊กมาจากยัยมิวะแท้ๆ ลองได้ติวหนังสือข้างกันทุกวัน อีหรอบนี้ถ้าไม่ได้ลงเอยกันก็บ้าแล้ว!
จากนั้นก็จะได้ถึงตาของเธอกับโมโตดากะสักที
_______________
_______________
ความคิดเห็น