ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #138 : Maboroshi no Hikari

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ค. 64


    Maboroshi no Hikari 「幻の光
    Playlist: Utada Hikaru – Prisoner of Love / Utada Hikaru – Eternally



    強がりや欲張りが 無意味になりました

    ความเข้มแข็งและความโลภไม่มีความหมายอีกแล้ว

    あなたに愛されたあの日から

    นับตั้งแต่วันที่คุณมอบความรักให้ฉัน

    自由でもヨユウでも 一人じゃ虚しいわ

    ไม่ว่าจะอิสระหรือเวลาที่เหลืออยู่ ล้วนไร้ค่าถ้าฉันต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว

     

    ทันทีที่ร่างของเขาปรากฏไหววูบอยู่ตรงหางตา โอยาชิกิ อันนะก็จะรีบขยับตัวผละจากชายหนุ่มที่นั่งไขว่ห้างห่างกันเพียงแค่คืบบนโซฟาด้วยความเร็วรี่ ริมฝีปากของเขายังคงขยับพูดคุยถึงบทสนทนาก่อนหน้า แม้ว่าใบหน้าจะกำลังก้มง่วนอยู่กับการพิมพ์ข้อความบนเครื่องมือสื่อสาร ด้วยเหตุนั้นเอง เขาจึงไม่ทันได้มองเห็นต่อการกระทำที่ลุกลี้ลุกลนของคนข้างกาย กระทั่งถ้อยเสียงคุ้นเคยซึ่งเอ่ยทักทายด้วยความเริงรื่นผ่านเข้ามาในโสตประสาทให้ใบหน้าของเขาได้แหงนเงย ส่งรอยยิ้มและคำทักทายกลับคืนไปให้แก่เจสซี่ ลูอิส ที่เขารู้จักในฐานะเพื่อนร่วมงานประจำคลื่นวิทยุของเพื่อนสนิท ซึ่งเข้าบรรจุเป็นพนักงานประจำเกือบๆ เจ็ดเดือนได้แล้ว ระหว่างช่วงระยะเวลาเหล่านั้น ก็พอจะมีอยู่บ่อยครั้งที่ได้เคยไปนั่งดื่มด้วยกันบ้าง เขาดูท่าทางเป็นคนดี เข้าขากันก็ดี ไม่มีอะไรที่เลวร้าย นั่นจึงทำให้มัตสึดะ เก็นตะ พอจะจัดให้เจสซี่อยู่ในหมวดหมู่ของบุคคลที่เขาเรียกได้ว่าสนิทใจ

    แต่นั่นอาจไม่ได้หมายรวมถึงอันนะที่กำลังนั่งทำตัวลีบ ยิ่งเมื่อเขาจงใจเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเธอเช่นนี้

    “เจสซี่ พอดีเลย งั้นผมขอฝากอันนะทีนะครับ”

    “เอ๊ะจะไปไหนเหรอ!” หญิงสาวเจ้าของชื่อละล่ำละลัก หันขวับไปจ้องเก็นตะที่พรวดพราดลุกขึ้นยืนพลางหย่อนมือถือเก็บกลับลงไปในกระเป๋ากางเกง

    “ยูอะน่ะ”

    ชื่อเพื่อนร่วมงานของเขาทำให้เธอเลือกปิดปากเงียบ ทั้งที่คิดว่าอยากจะอ้าปากพูดอะไรอีกสักอย่าง ทำได้เพียงทอดสายตามองตามแผ่นหลังของเก็นตะที่เดินเร็วๆ ออกไป ได้ยินเจสซี่ตกปากรับคำด้วยน้ำเสียงสดใสไปตามประสา และเขาเองก็หัวเราะร่วนไปด้วยเช่นกันก่อนชายอีกคนจะลับพ้นจากมุมวิสัย ทิ้งพวกเขาทั้งสองไว้ภายในห้องรับรองแขก เช่นเดียวกับเจสซี่ที่เขวี้ยงทิ้งหน้ากากเปื้อนรอยยิ้ม ก่อนฟาดมือลงบนใบหน้าขาวของหญิงสาวที่นั่งก้มหน้า มันไม่ได้สุดแรง แต่ก็มากพอที่จะทำให้หน้าหัน ด้วยไม่ทันได้ตั้งตัว เสี้ยวจังหวะนั้นฟันของเธอก็เผลอไปกัดกับริมฝีปากจนรู้สึกได้ถึงรสเลือดที่ไหลลงไปในโพรงปาก

    “คิดว่าฉันจะไม่รู้เหรอ?”

    อันนะสั่นศีรษะรัวแทนทดต่อคำตอบ ทั้งมือที่จับอยู่บนแก้มข้างที่ปวดแปลบของตนเอง ใบหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงแต่ก็พยายามที่จะฝืนกลั้นความอุ่นร้อนให้รื้นอยู่แค่ตรงขอบตา

    “เธอก็รู้...” เขาทิ้งตัวลงข้างๆ แกะมือที่แตะใบหน้าของเธอออกขณะที่มือหนาของเขากุมข้างลำคอบอบบาง เมื่อกดประทับริมฝีปากลงไปด้วยความหนักหน่วง เช่นเดียวกับมือหนาที่ราวกับว่าจะบีบคอของเธอให้แหลกสลายลงไปพร้อมกันจนแทบจะหายใจไม่ออก

    “ว่าฉันรักเธอ”

    ตอนนั้นเองที่น้ำตาของเธอได้ไหลลงมา



    I can feel you close to me

    ฉันรู้สึกถึงเธอที่อยู่ชิดใกล้

    あの場所に帰れなくなっても

    ถึงเราจะกลับไปยังที่แห่งนั้นไม่ได้อีกแล้ว

    今の気持ちだけはずっと永遠

    ความรู้สึกในตอนนี้ของฉันก็จะคงอยู่นิรันดร์


    เป็นอีกครั้งที่มัตสึมูระ โอริฮิเมะได้แต่ก้มหน้ารับฟังคำด่าทอของลูกค้าจากความผิดพลาดที่ไม่ได้มาจากตัวเองเลยด้วยซ้ำอย่างกล้ำกลืน อีกครั้งที่ต้องกดก้มศีรษะส่งคำขอโทษปะหลกๆ ฝืนกลั้นน้ำตาที่ทำท่าว่าจะรินไหลไปกับคำต่อว่าต่อขานจากผู้จัดการร้าน และอีกถ้อยคำปลอบโยนที่ไม่เคยจะช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นได้เลยจากเพื่อนร่วมงานคนเดียวที่คอยเป็นห่วงเป็นใยเสมอมา

    “ให้ฉันไปส่งนะ” ทั้งที่มีความหมายเป็นประโยคบอกเล่า แต่โอริฮิเมะก็ยังปัดปฏิเสธราวกับมันเป็นถ้อยคำถามด้วยความหนักแน่นว่า “ไม่ต้องหรอก ฉันกลับเองได้” ไม่ลืมที่จะกล่าวคำขอบคุณต่อความปรารถนาดีพร้อมรอยยิ้มบางที่แสร้งปั้นแต่งบนใบหน้า ก่อนจะเร่งเดินฝ่าฝูงชนบนท้องถนนของชิบุยะในยามค่ำคืนออกไป ด้วยความพยายามที่จะไม่หันหลังกลับและทำสิ่งใดก็ตามซึ่งหัวใจบอบช้ำเฝ้าปรารถนา มันไม่ใช่เรื่องของทิฐิหรือความรักฉันชู้สาวที่เขาหรือเธออาจใคร่ครวญถึงเลย หากเป็นเพียงแค่เส้นความสัมพันธ์ที่เธอกีดกั้นจากผู้คนเอาไว้ โดยไม่คิดที่จะก้าวข้ามมันไปหรือยินยอมให้ใครล่วงล้ำเข้ามาทั้งนั้น เพราะโอริฮิเมะรู้ดีว่ามันคือความขี้ขลาด เธอจึงไม่อาจร้องขอความเห็นแก่ตัวจากใคร ยิ่งเมื่อคนๆ นั้นจะเป็นเพียงแค่คนเดียว ในตอนนี้ บนโลกใบนี้ ที่ดีกับเธอมากที่สุดโดยไม่เคยนึกย่อท้อเลยแม้สักครั้งอย่างนากามูระ ไคโตะก็ตามแต่ และด้วยข้อเท็จจริงที่เธอรู้ดีอยู่แก่ใจเช่นนี้เอง ที่จะยิ่งทำให้ขอบตายิ่งร้อนผ่าว ขณะที่ข้างในอกก็ยิ่งปวดหนึบจนแทบจะทนไม่ไหว

    เธอทำได้เพียงพร่ำคำขอโทษต่อเขาซ้ำๆ เมื่อออกวิ่งไปจนสุดฝีเท้า ไกลห่างจากความหวังดีที่เธอไม่อาจรับไว้ได้ของเขาไปให้สุดไกล

    และเมื่อทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะตัวหลังสุดยังรถบัสเที่ยวดึก ซึ่งขณะนี้มีเพียงแค่เธอเป็นผู้โดยสารท่ามกลางความอ้างว้างเงียบงัน เพื่อที่จะปลดปล่อยน้ำตาที่อดทนกักเก็บไว้ให้ไหลพรูลงมาอย่างสุดฝืนได้อีก เธอกัดริมฝีปากกดกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดรอด ทั้งร่างที่สั่นสะท้ายยามซบใบหน้าลงกับฝ่ามือเย็นชืดเช่นเดียวกับหัวใจที่เย็นชาต่อผู้คนรอบข้าง

    ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปนับตั้งแต่วันนั้น...วันที่ทุกอย่างซึ่งโอริฮิเมะได้เคยขานเรียกมันว่าสรวงสวรรค์และความสุขจะพังทลายลงไปในชั่วพริบตา ทั้งยังกระชากจิตวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งของเธอไปโดยไม่สนใจต่อคำอุทธรณ์และการร่ำร้องไห้จนแทบจะเป็นสายเลือดลงมาอยู่บนขุมนรกที่ลึกสุดหยั่ง ไม่ให้ทันได้ตระเตรียมใจ ในสิ่งที่โอริฮิเมะจะได้รับรู้ความจริงที่ปวดร้าวยิ่งกว่าว่าทั้งหมดมันก็แค่การประชดประชันโง่ๆ อันน่าสมเพชของพวกผู้ใหญ่เห็นแก่ตัวทั้งสองคน คนที่สองพี่น้องของบ้านมัตสึมูระต่างก็เรียกอย่างเต็มปากว่าพ่อและแม่

    ที่ทั้งให้กำเนิด ก่อนจะทำลายทั้งสองชีวิตลงด้วยความเลือดเย็นอย่างที่สุด

    แม้กระทั่งคำพูดล่ำลา พวกเขาสองพี่น้องก็ไม่มีโอกาสจะได้เอ่ย

     

    ทุกความทรงจำต่ออดีตอันแสนสุขสันต์พากันพัดย้อนคืนกลับมา เหมือนดั่งเช่นในทุกคราวที่โอริฮิเมะจะปล่อยน้ำตาและร่ำร้องไห้ออกมาให้กับชีวิตไร้ค่าของตัวเองลำพัง ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ กระทั่งเธอรู้สึกได้ถึงแรงกดบนเบาะที่ยุบยวบลงไปและแรงสะกิดที่ไหล่เล็ก ก่อนผ้าเช็ดหน้าผืนบางจะถูกยื่นส่งมาให้โดยไร้คำพูดใดๆ ต่อจากนั้น ก็ทำให้หญิงสาวที่รีบยกมือขึ้นปาดป่ายคราบน้ำตาที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไปอย่างลวกๆ ต้องผงกหัวหงึก ยื่นมือสั่นเทาไปรับมันพร้อมถ้อยคำขอบคุณสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือที่แผ่วผิว หากเมื่อเขาย้อนกลับด้วยคำว่า “ไม่เป็นไรนะ” ตอนนั้นเองที่ราวกับห้วงเวลาของเธอได้หยุดนิ่งลง ในถ้อยเสียงที่ต่อให้เวลาจะผันผ่านไปแสนไกลเพียงไหน โอริฮิเมะก็ไม่มีวันที่จะลืมเลือนมันได้ลง

    เธอค่อยๆ เงยใบหน้าและลูกนัยน์ตาที่ท่วมท้นไปด้วยหยาดน้ำใสขึ้นมองเจ้าของที่นั่งข้างกาย ซึ่งจะพลันชะงักงันไปเฉกเช่นกัน

    น้ำตาของเธอไม่อาจหยุดไหล

    “โอริฮิเมะ...”

    แต่มันจะไม่เป็นไร












    2020年12月22日
    _______________
    ★ ตัดสินใจย้ายฟิคเรื่องนี้มาลงที่นี่แทน เพราะพล็อตมันก็มีความดาร์กมากพอทางด้านจิตใจในหลายๆ แง่ แล้วเราก็มีแพลนแต่งฟิคที่จะใช้เพลงของอุทาดะอีกเลยตัดสินใจเอามาตบๆ รวมกันในนี้แหละ เป็นฟิคเรื่องแรกที่เปิดตัวเก็นเก็นกับอุมิด้วย และใช่ กูเพิ่งมาสังเกตว่าเปิดตัวอุมิในฟิคจากเพลงอุทาดะ วะฮะฮ่า!
    ★ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แต่ฟิคนี้แต่งไว้ตั้งแต่ปี 2015 พล็อตเดิมทุกอย่างแม้แต่ตอนตบตีหรือบีบคอแบบที่มึงชอบว่ะ เฮ้ย! กูคือผู้มาก่อนกาล! เล่าเลยแล้วกันว่าเจสซี่คือลูกติดพ่อเลี้ยงคนใหม่ของโอริฮิเมะที่หลงน้องตัวเอง ก่อนเปลี่ยนเป็นความแค้นในตอนที่ได้เจอโอริฮิเมะที่หนีออกจากบ้านเพราะกลัวการถูกล่วงละเมิด แถมยังดูท่าทางมีความสุขกับพี่ชายแท้ๆ ของตัวเอง ไม่เหมือนตอนที่อยู่กับตัวเอง บทเจสซี่คือชั่วจริง เลวจริง ไม่มีความรักให้ใครทั้งนั้นถึงจะมีคนรักอยู่แล้ว แต่ก็คบอันนะแค่เพราะเชื่องและยอมเป็นเบี้ยล่างให้ได้ระบาย ส่วนอันนะชอบเก็นตะ แต่เพราะกลัวเจสซี่จนไม่กล้าหนีออกมาถึงจะถูกทำร้ายมากแค่ไหน ที่จริงจะมีบทพระเอกจริงๆ ของอันนะที่เป็นญาติของแฟนเจสซี่และเป็นเพื่อนกับโฮคุโตะด้วย (จูริแล้วกัน) เพราะรู้เรื่องที่อันนะคบชู้เลยเกลียดมาก จนได้รู้ความจริงเรื่องที่ถูกทำร้ายถึงค่อยๆ เข้าใจ ส่วนโอริฮิเมะกับโฮคุโตะเป็นพี่น้องที่ถูกแยกจากกัน (เราแต่งไว้สมัยดูเรื่อง 23 Slaves ของฮนโง ช่วงนั้นเลยมีพล็อตพี่น้องแยกจากกันแบบนี้ไปร้อยเรื่อง) ชีวิตเฮงซวยกันทั้งคู่ถึงแม้ว่าจะได้กลับมาเจอหน้ากันก็ยังบัดซบอยู่ดี แต่เพราะมีกันและกันเลยคิดว่าแค่นี้ก็ดีเกินพอ บอกเลยว่าวางพล็อตให้ไม่ได้กันตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องศีลธรรมหรืออะไรทั้งนั้น ไม่งั้นจะแต่งแนวพี่น้องแต่แรกทำไมวะงง ส่วนอุมิจะทำดียังไงก็ไม่ได้กับโอริฮิเมะ เพราะความรักไม่ใช่ผลตอบแทนของความดีนะ ถือว่าสอน 
    ★ ชื่อเรื่องแปลได้ว่าแสงสว่างลวงตา เนื้อเรื่องก็ตรงตามนั้นทุกประการ ตอนจบพล็อตของอันนะเราจำได้ว่ายังไงก็ได้คู่กับพระเอกจริงๆ (จูริ) แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ก็โศกนาฏกรรมดีๆ นี่แหละ ส่วนของโอริฮิเมะกับโฮคุโตะนี่น่าจะมีคนใดคนนึงตายเพราะถูกเจสซี่ฆ่า โฮคุโตะเองก็มีคนรักอยู่แล้ว แต่ก็รักโอริฮิเมะแบบคนรักจริงๆ เพราะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ จนถึงตอนจบก็ไม่เคยบอกและไม่เคยมีใครรู้ นอกจากพระเอกของอันนะ (จูริ) ที่เข้าใจทุกอย่าง เรื่องนี้โอริฮิเมะไม่ได้ชอบใครทั้งนั้น แต่รักโฮคุโตะมาก ที่จริงอาจรักในแง่เดียวกันแต่ไม่รู้ตัวก็ได้
    ★ เราเลือกเพลงที่รักมากๆ ของอุทาดะมาประกอบทั้งสองพาร์ท และถึงจะเราจะแต่งได้แค่นี้แต่เราก็ชอบบรรยากาศของทั้งสองพาร์ทมากจนเต็มใจที่จะเอาเพลงที่รักมาใช้ในฟิคสั้นแค่นี้ด้วยความรักจากใจจริง
    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×