ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #10 : A Colorless God And A Sleeping Withered Rose: Chapter II

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 65


    A Colorless God And A Sleeping Withered Rose
    Inspiration: Takemiya Keiko: Kaze to Ki no Uta 「風と木の詩 (Manga, 1976)
    Playlist: HYDE – A DROP OF COLOUR












    .

    รูบี้นอนซมเพราะพิษไข้ในวันถัดมา เปลือกตาของเธอหนักอึ้งจนลืมไม่ขึ้น แม้แต่ตอนที่อาจารย์ชิโรยานางิมาเคาะประตูห้องเมื่อไม่เห็นเธอระหว่างเช็กชื่อในตอนเช้า จำไม่ได้เลยว่าหล่อนถามอะไรบ้าง หรือตนเองพึมพำตอบว่าอะไรไป รู้แค่ว่าหล่อนขอแรงจากเด็กคนหนึ่งให้ช่วยปฐมพยาบาล ทั้งการประคองศีรษะของเธอเพื่อจะได้ดื่มยาน้ำรสขมจัดให้ถนัดถนี่ ตามด้วยผ้าชุบน้ำเย็นที่วางโปะลงบนหน้าผากซึ่งร้อนจัดเหมือนกับไฟ เธอนอนหลับสนิทโดยไม่มีความฝันใดเข้ามาแผ้วพานทั้งดีร้าย ก่อนที่จะปรือนัยน์ตาขึ้นอย่างเชื่องช้าในตอนที่แสงจันทร์ลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามาแล้ว ถึงจะได้ดื่มยาผนวกกับการนอนหลับพักผ่อนจนเต็มที่ก็ใช่ว่าจะหายดีได้ในชั่วข้ามคืน รูบี้อาจไม่ใช่เด็กสาวร่างกายอ่อนแอที่มักป่วยกระเสาะกระแสะ แต่เมื่อไหร่ที่เกิดล้มหมอนนอนเสื่อขึ้นมาจะกินเวลายาวนานเกือบตลอดทั้งสัปดาห์ และคฤหาสน์ของคุณมิโดริก็จะเปิดห้องพักแขกให้แก่หมอชราประจำตระกูลที่จะคอยเข้ามาดูอาการทั้งเช้าค่ำจนกว่าจะหายดี แต่เพราะที่นี่ไม่ใช่คฤหาสน์ใจกลางป่าคารุอิซาวะของคุณมิโดริ สิ่งที่โรงเรียนสตรีเซย์ชินมอบให้อย่างดีที่สุดคือการดูแลตัวเอง เนื้อตัวของเธอยังร้อนรุมๆ ร่างกายก็ยังปวดเมื่อยจนไม่อยากจะกระดิกตัวทำอะไร หากกระเพาะที่ว่างเปล่าก็เรียกร้องให้หาอะไรมาเติมเต็ม รูบี้มองเห็นถาดข้าวต้มวางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือ เธอจำต้องพาร่างผอมเกร็งที่หลงเหลือเรี่ยวแรงเพียงน้อยไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้แข็ง แล้วตักข้าวต้มที่เย็นชืดนับตั้งแต่หลังมื้อเย็นเข้าปากไปด้วยมือที่พยายามบังคับไม่ให้สั่น ทั้งที่ไม่รับรู้รสชาติ แต่คนป่วยก็รู้ว่าต้องหาอะไรลงท้องบ้าง ไม่อย่างนั้นอาจจะทรุดหนักลงยิ่งกว่าเดิม

    ขณะที่ฝืนกลืนอาหารลงคอไปอย่างเชื่องช้า สายตาของเธอก็จะไพล่ไปยังหนังสือปกสีแดงที่วางอยู่ข้างๆ แล้วรูบี้ก็อดไม่ได้ที่จะระลึกถึงเรื่องราวของเมื่อคืนวานขึ้นมา

    เธอยังคงจดจำจูบที่รุกเร้าและล่วงล้ำ กระทั่งทุกสัมผัสที่ฝ่ามือและปลายนิ้วของเขาเคลื่อนผ่านไปใต้ร่มผ้า ความรู้สึกปวดหน่วงเหล่านั้นก็ยังคงชัดเจนและดูเหมือนว่าจะกำลังกลับมาเล่นงานเธออีกครั้งแม้แต่ในเวลาแบบนี้ เขาทำให้เธอทรมานจนแทบคลั่ง และเด็กสาวก็รู้ว่ามีเพียงแค่เขาที่จะช่วยปลดปล่อยมันให้เธอได้ หากตลอดช่วงเวลาอันแสนเนิ่นนานราวกับนิจนิรันดร์นั้น สิ่งที่เขาทำก็มีเพียงการจุดเชื้อไฟให้โหมกระพือ รูบี้คิดว่าหรือนี่จะเป็นการลงทัณฑ์อย่างที่คุณมิโดริพูดถึง? เมื่อเธอลุ่มหลงในตัวของบุรุษเพศ...ของอาจารย์ลูอิสมากเกินไป แต่ต่อให้สิ่งนี้จะเป็นทัณฑ์ทรมานจริง รูบี้ก็เต็มใจรับแม้ต้องทรมานจวนเจียนจะคลั่ง กระทั่งตกนรกหมกไหม้ไปจนดับสูญก็ตาม

    ทั้งอย่างนั้นก็มีสิ่งหนึ่งที่รูบี้จดจำไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเค้นหัวสมองอันหนักอึ้งย้อนกลับไปคิดทบทวนมากมายเท่าไหร่ นั่นคือเรื่องที่ว่าเธอกลับมาที่ห้องนอนของตัวเองได้อย่างไร จะว่าไปชุดที่สวมใส่อยู่ตอนนี้ก็เป็นชุดนอน ไม่ใช่เสื้อเชิ้ตมีระบายและกระโปรงสีดำยาวตัวเดียวกับเมื่อวาน

    ใช่แล้ว...มันเหมือนกับความฝันที่เธอจะจดจำได้แค่เพียงกลางเรื่องเท่านั้น

    ให้เด็กสาวได้ตระหนักว่าที่แท้แล้วมันอาจจะเป็นเพียงแค่ความฝัน เมื่อเป็นไปไม่ได้เลยที่อาจารย์ลูอิสจะทำเรื่องแบบนั้นกับเธอ เขาเป็นผู้ใหญ่ เป็นอาจารย์ เขาย่อมต้องรู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร เหมือนอย่างที่คุณมิโดริเองก็รู้และคอยสั่งสอนเธอไม่ให้เดินไปผิดเส้นทาง คงเป็นเพราะว่าพักหลังมานี้เธอหมกมุ่นกับเรื่องของอาจารย์ลูอิสมากเกินไป ชั้นเรียนของเธอกำลังเรียนเรื่อง 'อลิซผจญภัยในแดนมหัศจรรย์' วรรณกรรมเล่มโปรดที่เธออ่านจากห้องหนังสือของคุณมิโดริไม่รู้ตั้งกี่รอบ และรูบี้ก็ดีใจมากที่อาจารย์ลูอิสให้เธอซึ่งสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ถูกต้องที่สุดในห้องเรียนเป็นคนอ่านออกเสียงให้เพื่อนๆ ฟัง พวงแก้มขาวของเธอจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูเมื่อเขาเอ่ยชมเชยมากกว่าแค่คำว่าเก่งมาก คงเพราะอย่างนั้นมันถึงได้กลั่นออกมาเป็นรูปแบบของความฝันอย่างที่รูบี้เฝ้าปรารถนา เธอก็เหมือนอลิซที่วิ่งตามกระต่ายขาวและตกลงไปในโพรงกระต่าย เปรียบได้กับหลุมสีดำมืดลึกลงไปข้างในใจเธอซึ่งเกิดมีความคิดที่ผิดบาปกับบุรุษเพศ ขัดกับคำเสี้ยมสอนของคุณมิโดริ เธอจึงต้องลงไปในหลุมที่ลึกมากๆ ลึกมากๆ ลึกมากๆ หล่นลงไปจนถึงก้นหลุมที่ลึกสุดหยั่ง เพื่อไม่ให้ใครมาพบเจอมัน

     

    กว่าเรี่ยวแรงของเธอจะกลับคืนมาเป็นปกติก็ในอีกสามวันให้หลัง อาจารย์ชิโรยานางิจะคอยเข้ามาดูอาการในตอนย่ำรุ่งและเย็นย่ำ สั่งให้เด็กคนหนึ่งช่วยเช็ดตัว จัดหาอาหารและหยูกยามาให้ตลอดช่วงเวลาเหล่านั้น จนถึงวันศุกร์ที่เธอสามารถกระเด้งตัวขึ้นนั่งและตอบโต้กับอาจารย์ชิโรยานางิได้อย่างฉาดฉาน เมื่อหลังมือของหล่อนที่ทาบทับบนหน้าผากไม่ได้สัมผัสถึงความร้อนให้ต้องชักกลับ หล่อนจึงอนุญาตให้เธอกลับเข้าเรียนได้

    เหตุการณ์ทุกอย่างยังคงดำเนินเดินไปเฉกเช่นปกติ ถึงเสียงซุบซิบนินทาเรื่องที่เธอดูเหมือนจะได้รับอภิสิทธิ์เหนือกว่านักเรียนคนอื่นๆ จะแว่วผ่านเข้ามามากกว่าปกติไปสักหน่อย แต่ก็เป็นเรื่องที่รูบี้ชินชา เธออยู่กับมันมานานเกินพอที่จะไม่อนาทรกับการถูกปฏิบัติราวกับเป็นคนนอกในโรงเรียนประจำที่เหมือนกับกรงขังเช่นนี้อีกแล้ว

    เพราะหลังจากได้พบกับอาจารย์ลูอิส เรื่องราวอื่นใดหรือใครคนใดก็ดูจะไม่มีความหมายสำหรับเธออีกต่อไป ไม่แม้แต่คุณมิโดริ หรือกระทั่งตัวเธอเอง

    ทว่ารูบี้กลับไม่ได้พบกับอาจารย์ลูอิสในชั้นเรียนอย่างที่ตั้งตารอ เธอเป็นคนสุดท้ายในโรงเรียนที่ได้รู้ว่าเขามีธุระด่วน ต้องเดินทางกลับไปที่อเมริกาด้วยเรื่องของครอบครัวตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์ ไม่อาจให้คำตอบได้ว่าจะกลับมาที่ญี่ปุ่นอีกทีเมื่อไหร่ ดังนั้นอาจารย์มุราซากิที่สอนดนตรีจึงจะมาทำหน้าที่ควบสอนสองวิชาให้กับนักเรียนชั้นปีที่สองแทนเป็นการชั่วคราว

    เช่นนั้นสิ่งที่เธอคิดไว้ก็เป็นความจริง การที่เธอได้พบกับอาจารย์ลูอิสในป่าคืนนั้นเป็นเพียงแค่ความฝันของอลิซ ถึงอาจเป็นความฝันที่สมจริงมากเกินไปและยังคงเล่นงานเธอให้ปั่นป่วนทั้งกาย ใจ ไปถึงหัวสมองเพียงแค่นึกถึง แต่ในห้วงยามนี้ สิ่งเดียวที่ทำให้รูบี้รู้สึกหวาดหวั่นจนถึงกับพรั่นกลัว คือการที่อาจารย์ลูอิสจากไปด้วยข้ออ้างเดียวกับพ่อ พ่อที่ทิ้งเธอไปอเมริกาและไม่เคยหวนกลับมาญี่ปุ่นอีกเลยจวบกระทั่งบัดนี้ที่เด็กหญิงได้เติบใหญ่

    ในตอนที่ยกมือขึ้นแตะข้างลำคอเพื่อผ่านไปให้ถึงสัมผัสอันร้อนเร่าของริมฝีปากจากอาจารย์ลูอิสในความฝันของราตรีกาลนั้น เธอกลับพบเพียงความเย็นเยียบของสายสร้อยไม้กางเขนที่คุณมิโดริให้มาในวันวานของความเป็นจริง

    แล้วรูบี้ก็ร้องไห้ออกมา

     

     

    เมื่อวันปิดภาคเรียนฤดูใบไม้ผลิมาถึง โรงเรียนประจำที่เคยพลุกพล่านก็กลับไปสงบเงียบด้วยจำนวนนักเรียนเพียงหนึ่งชีวิตกับบุคลากรอีกเพียงน้อยนิดที่เหลืออยู่ และอีกไม่นานพวกเขาก็จะทยอยกลับไปหาบ้านและครอบครัวที่เหินห่างมาจนหมด อาจยกเว้นก็แต่อาจารย์ใหญ่ที่ไม่เคยจากไปไหน เป็นอีกครั้งคราที่รูบี้ไม่ได้ยินข่าวคราวใดๆ จากคุณมิโดริแม้แต่ข้อความที่ฝากมากับอาจารย์ชิโรยานางิ รูบี้รู้ดีเลยว่าต่อให้เธอจะวิงวอนร้องขอกลับไปอยู่ที่บ้านในช่วงปิดเทอมนี้ก็เปล่าประโยชน์ คุณมิโดริพูดคำไหนคำนั้น ไม่ว่าอะไรก็เปลี่ยนใจหล่อนไม่ได้

    แต่เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ ในโรงเรียนประจำที่โอ่โถงเกินไป เชียบงันเกินไป ทุกแห่งหนวนเวียนล้วนแล้วแต่ทำให้เธอหวนนึกถึงชายหนุ่มที่มักจะถูกรุมล้อมอยู่ตลอดเวลาผู้นั้น สิ่งเดียวที่เด็กสาวทำได้คือการเดินจากไป ไม่อาจแม้แต่จดจ้องมองดูเขาจากมุมไกลๆ ด้วยหัวใจที่ร้าวราน เช่นเดียวกับบัดนี้ ความว้าเหว่ที่กัดกินหัวใจเธอและเรียกขานเอาความทรงจำอันเลวร้ายขึ้นมานับตั้งแต่อาจารย์ลูอิสจากไป ยังคงไม่ทุเลาลงถึงผ่านมาตั้งกว่าหนึ่งเดือน กระทั่งในความฝันที่ตื้นที่สุด ไดอารี่ของเธอกลายมาว่างเปล่า หากมีเพียงน้ำตาท่วมท้นที่ไม่อาจหยุดไหลในทุกค่ำคืน

    อย่างน้อยถ้ามันจะเป็นการจากลาชั่วนิจนิรันดร์ รูบี้ก็อยากได้โอกาสที่จะบอกลา บอกลาพ่อ บอกลาคุณฟุคาซาวะ และบอกลาอาจารย์ลูอิส พร้อมกับเอ่ยความในใจให้พวกเขาได้รับรู้ถึง ความรักของเธอเป็นครั้งสุดท้าย แต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้น

    รูบี้ไม่เชื่อในเรื่องพระเจ้า ถึงจะยังสวมสร้อยคอไม้กางเขนที่คุณมิโดริให้ไว้ไม่เคยถอด คงเพราะอย่างนั้นจึงไม่มีใครหรือสิ่งใดสดับรับฟังคำขอแม้เพียงเล็กน้อยของเธอ

    กิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่งของรูบี้เปลี่ยนไปในช่วงปิดภาคเรียนนี้ จากความนิยมในตัวเธอที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมมากของอาจารย์มุราซากิ หลังคาบสอนชั่วคราวแทนอาจารย์ลูอิส หล่อนก็เริ่มต้นเอ่ยปากชื่นชมลูกศิษย์คนโปรดคนใหม่ที่เก่งภาษาอังกฤษที่สุดในห้องได้ไม่หยุดหย่อน ตรงกันข้ามกับทักษะการเล่นเปียโนในระดับพอใช้ของเธอคือสิ่งที่หล่อนซึ่งนิยมคนเก่งไม่เคยพิสมัย มากถึงขนาดที่หล่อนกระซิบกระซาบว่าจะเปิดคอร์สติวเปียโนพิเศษให้ ตลอดช่วงหลังพักเที่ยงของวันปิดภาคเรียน จันทร์ พุธและศุกร์ เป็นเวลาสามชั่วโมง มันไม่ใช่คำบอกเล่าที่รูบี้จะปัดปฏิเสธได้ แม้เธอจะไม่อยากเฉียดกรายเข้าไปยังห้องดนตรีที่มีความทรงจำก่อนจากลาของอาจารย์ลูอิสมากที่สุด ทำให้การเรียนการสอนต้องสะดุดอยู่บ่อยครั้ง

    หากทว่าอาจารย์มุราซากิก็ยังมีความพยายามที่จะเคี่ยวเข็ญเธอให้จนได้ อาจารย์ชิโรยานางิก็เห็นดีเห็นงามกับความคิดนั้น ก่อนหล่อนจะหิ้วกระเป๋าเดินทางกลับออกไปในวันสุดท้ายของการเรียนการสอน หล่อนยังคงเอ่ยทิ้งท้ายเหมือนคำสั่งอันเฉียบคมเสมอมาว่า “คุณมิโดริจะยิ่งภูมิใจในตัวเธอ”

    แต่รูบี้ไม่ได้ต้องการความภาคภูมิใจจากใครทั้งนั้น นอกจากอาจารย์ลูอิสเพียงคนเดียว

    สุดสัปดาห์คือวันที่อาจารย์มุราซากิไม่อยู่ หล่อนจะออกเดินทางตอนบ่ายวันศุกร์และกลับมาในเย็นวันอาทิตย์เสมอ เป็นกิจวัตรอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นช่วงเปิดหรือปิดเทอม รูบี้ยังอยู่ส่งอาจารย์มุราซากิขึ้นแท็กซี่ที่มารับไปเมื่อวานจนลับตาอยู่เลย ไม่ต้องพูดถึงอาจารย์ประจำภาควิชาการคนอื่นที่เหลืออยู่ เสียงเปียโนที่ดังแว่วมาในตอนที่เธอเท้าแขนเหม่อมองดูทิวทัศน์ของป่ายามเย็นอยู่บนโถงทางเดินไม่ไกลจึงเรียกความฉงนฉงาย เช่นฝีเท้าที่ก้าวย่ำไปยังที่มาด้วยความใคร่รู้

    ริมฝีปากของรูบี้อ้าค้างเมื่อเดินมาหยุดอยู่หน้าบานประตูห้องดนตรีที่เปิดกว้างอยู่ ไม่ใช่เพียงแสงสนธยาที่สาดส่องเข้ามาในห้อง ราวกับการจัดวางแสงสีและองค์ประกอบทางศิลปะของคนที่กำลังพร่างพรมปลายนิ้วอยู่หลังเปียโนด้วยท่วงท่าอันรุนแรง ซึ่งบันทึกภาพ ณ ห้วงวินาทีหนึ่งวินาทีนั้นได้อย่างพอเหมาะพอดี ให้ความรู้สึกที่งดงามเหนือจริงเหมือนหนึ่งว่าเธอกำลังจดจ้องมองดูภาพฝันที่ชัดเจนแจ่มชัดอยู่เบื้องหน้า หากแต่เป็นเสี้ยวหน้าด้านข้างที่เธอได้เห็นนั้นต่างหากที่จะทำให้หัวใจของรูบี้กระตุกไหว

    อาจารย์ลูอิสผินใบหน้ามาทั้งที่รูบี้แน่ใจว่าไม่ได้ส่งสุ้มเสียงหรือกระทั่งความเคลื่อนไหวใดออกไป ใบหน้าที่อยู่ในห้วงคำนึงทุกวานวัน ทุกโมงยาม ทุกวินาทีที่เธอหายใจปรากฏวูบไหวอยู่ในแววตา ริมฝีปากข้างหนึ่งของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้ม เหมือนกับวินาทีแรกสุดที่พวกเขาทั้งสองได้พบเจอกัน ทว่าครานี้มันมาพร้อมกับความรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งร่างกายเพียงแค่นัยน์ตาสบประสาน ขณะที่ประกายสีน้ำเงินสะท้อนต้องไปกับแสงสีส้มที่เริ่มเข้มข้นขึ้นเพื่อนำไปสู่ความมืดมิดของราตรีกาล พลันนั้นเองที่รูบี้ได้ตระหนักว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ได้ต้องการเฝ้าดูดอกกุหลาบที่ได้รับการดูแลอย่างทะนุถนอมจากใคร เธอต้องการให้มันเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว ถึงต่อให้หนามแหลมจะทิ่มแทง ปล่อยเลือดสีแดงฉานให้หลั่งรินบนกลีบกุหลาบสีดำที่จะไม่มีใครมองเห็นมัน เธอก็ต้องการทุกสิ่งทุกอย่างของเจสซี่ ลูอิส เช่นเดียวกับที่เธอก็ยินยอมพร้อมมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาเฉกเช่นกัน












    2021年01月20日
    _______________
    ★ เคยคิดว่าจะเอาเรื่องนี้กับแมงมุมลงทุกเดือน แต่สุดท้ายก็ดันแต่งได้แค่เดือนละเรื่อง บัดซบ อันที่จริงเราแต่งเสร็จตั้งแต่ต้นเดือนแล้วแต่ไม่ยอมเกลาสักที ทั้งที่มันสั้นมาก จนไม่กี่วันก่อนโมโนเอาอลิซมาฉายเลยนึกขึ้นได้ว่าเราควรเกลาได้แล้ว และอย่างที่บอกว่าเราไม่ได้หยิบอลิซมาใส่มั่วๆ จริง ขอสปอยล์ตอนหน้าเลยว่าเจสซี่จะได้เด่นจริงจังแล้วจ้า ส่วนเอโระไหมไม่รู้ไม่บอก อิอิ หยอกๆ นี่โคตรคันปากอยากเล่ามากว่าบทของเจสซี่ได้รับแรงบันดาลใจจากมังงะเรื่องนึงที่เราโคตรรัก มีฉากนึงที่เราอยากแต่งมากๆ ด้วย แต่พูดอะไรไม่ได้จนกว่าจะถึงตอนเฉลย (ที่น่าจะไม่ใช่ตอนหน้าด้วย) โอ๊ยยย! อยากสปอยล์โว้ย! อยากกรี๊ด! ส่วนมึงจะกรี๊ดไหมไม่รู้ แต่ขอให้รู้ว่ามันคือพล็อตที่กูรักมากแต่ก็ยอมเอามาลงให้พี่เจสซี่ของมึง ขอให้สำนึกและสำเหนียกว่ากูก็เป็นคนดีที่แบ่งปันเพื่อมึงได้เหมือนกันนะ จุ๊บุ T3T (เอาจริงๆ เพราะเจสซี่สีผมนี้หล่อแบบไม่ไหวแล้ว ตายๆๆๆๆ กูเลยยอมให้ได้หมด ไม่งั้นบทเด็ดๆ ก็เสร็จโฮคุโตะหมดจ้า)
    ★ ไม่คิดว่าจะได้เพลงประกอบเรื่องนี้จากอัลบั้ม ROENTGEN ขอเมาท์นอกเรื่องหน่อยว่าเมื่อไหร่มึงจะแต่งฟิคจากเพลง SHALLOW SLEEP สักที ใจกูก็อยากแต่งพล็อตแบบลาสต์ควอเตอร์ให้นะ แต่ก็กลัวมันออกมาเห่ยเพราะมึงรักเพลงนี้มาก แล้วพล็อตแนวนี้มึงก็แต่งได้ดีกว่ากูเยอะ ละส่วนตัวกูก็ยังคิดอยู่ดีว่าบทอดัมควรเป็นเจสซี่ แต่มึงคิดว่าเป็นไทกะ เอ้า! แค่แคสต์นักแสดงก็ตีกันแล้ว เลยไม่ได้เปิดกล้องสักที
    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×