ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF EXO] Nice Guy the series - KrisLay

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF] When I feel Sick

    • อัปเดตล่าสุด 31 ม.ค. 56


    ☆Fruity Dimension Link Select Faii☆ .q
     

    Title      When I feel Sick (Nice Guy 2)

    Couple    Kris x Lay

    Author    วคล. WithKrisLay

     

     

     

     

     

     


     

     




     

     

    ก๊อก ๆ     ก๊อก ๆ ๆ     ก๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆ

     

    “ทำไมเปิดช้านักวะเมิ..  เฮ้ย”  ประตูเปิดออกทั้งที่คริสยังไม่ทันพูดจบคำ แต่ที่เขาตกใจมากกว่าน่ะ คือสีหน้าไม่สู้จะดีนักของเจ้าของห้องต่างหาก

     

    “มียาลดไข้ป่ะ.. กูรู้สึกเหมือนจะไม่สบาย..”

     

    “ไปถามลู่ไป กูไม่เคยมีของแบบนั้นหรอก กูแข็งแรงดี”

    “เมิงนี่”  เลย์จิ๊ปากใส่เพื่อนตัวสูงเสียงแห้ง เขาเป็นคนดูแลตัวเองในระดับหนึ่ง สังเกตสภาพร่างกายตัวเองเสมอ ไหวหรือไม่ไหวก็รู้ เมาหรือไม่เมาก็รู้ ตอนนี้เขาคิดว่าเขากำลังจะป่วย ... แน่ๆเลยเหอะ พนัน 3 บาทเลยอ่ะ เมื่อวานที่ไปสวนสนุกกับไอ้พวกนี้มา ขากลับตากฝนจนเปียกม่อล่อกม่อแลกกันหมด 

    “แล้วเมิงมาห้องกูทำไมเนี่ยคริส”

    “เออ กูว่าจะยืมงานไปลอก”

    “ตลอดอ่ะ” คนฟังบ่นงึมงำแล้วก็หันหลังกลับ เดินลากเท้าช้าๆเข้าห้องไปหยิบสมุดเลคเชอร์มาให้ บ่นๆไปงั้นแต่ก็ยอมให้คริสลอกงานทุกที

    “ขอบใจ”

    “อืม”

    “เดี๋ยวเลย์!”  มือใหญ่คว้าบานประตูแล้วรั้งไว้ไม่ให้เจ้าของห้องปิดลง ถอดสลิปเปอร์ที่ใส่เดินในหอพักออกแล้วใช้เท้ายื่นไปเหยียบเท้าเปล่าของเพื่อนเบาๆ

    “เหยียบตีนกูทำไม” เลย์มองคนที่เหยียบเท้าเขาอยู่อย่างไม่เข้าใจ เขาเพลียมากและคิดว่าคงไม่มีแรงจะสู้กลับถ้าเพื่อนตัวสูงจะมากวนประสาทเอาตอนนี้

    “ตัวร้อนนะเมิงอ่ะ”

    “วัดไข้กันแบบนี้เหรอวะ .. ไปซะไปกูจะนอนแล้ว”

    “เออๆ”  ประตูปิดลง คริสหมุนตัวจะกลับห้องตัวเองซึ่งอยู่ข้างๆกันกับห้องของเลย์แต่ก็เปลี่ยนใจเดินไปอีกฟากหนึ่งของหอพักแทน

     

    .

     

    .

     

     

    “ลู่เมิงมียาลดไข้ป่ะ?”   

    “เฮ้ย ไมเมิงไม่เคาะประตู”  แขกไม่ได้รับเชิญเปิดประตูพรวดแล้วตะโกนถาม ที่ต้องตะโกนน่ะก็เพราะว่าเพื่อนที่เคารพใส่หูฟังอยู่จนเรียกไม่ได้ยินน่ะสิ

    “เคาะแล้วครับ เมิงไม่ได้ยินมัวแต่ดูซีรีย์เนี่ย ยังไม่ได้กันอีกเหรอคุณอู๋ฟานไรของเมิงเนี่ย”

    “จิ๊ อย่ามาว่าพระเอกกูนะเว่ย  อ่ะๆๆ”  ลู่หานกดปุ่มพอสที่แล็บท็อปก่อนลุกไปหยิบยาลดไข้ให้ส่งให้เพื่อน  “ใครเป็นไรอ่ะ”

    “เลย์มันเหมือนจะไม่สบาย ตีนร้อน”

    “ห๊ะ?”

    “ตัวร้อน  ตากฝนมาเมื่อวานมั้ง”

    “อ่อ แล้วเป็นไรมากมั๊ยอ่ะ”  ใช่ล่ะ เมื่อวานตากฝนกันทั้งแก๊งค์เลย เลย์คงไข้ขึ้น

    “ไม่เป็นไรมากหรอก เมิงดูอะไรของเมิงไปเหอะเดี๋ยวกูเอายาไปให้มัน”

    “ฝากด้วยนะ”

    “อืม” 

     

    .

     

    .

     

     

     

    คริสกลับมาที่หน้าห้องของเลย์อีกครั้ง เขาไม่ได้เป็นห่วงหรอกแต่เห็นแก่มนุษยธรรม เขาต้องช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลก ยิ่งตอนนี้พวกเขาเป็นนักศึกษาต่างชาติด้วย เกิดเป็นอะไรหนักหนาขึ้นมาต้องแอดมิดเข้าโรงพยาบาลที่เกาหลีแล้วจะยุ่งเอา เห็นมั๊ยว่าคริสเป็นคนดีขนาดไหน

    ไฟในห้องปิดแล้ว แต่คนช่างสงสัยก็ลองบิดลูกบิดประตูดูและพบว่ามันไม่ได้ล็อค จริงๆเขาไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกแต่เอาเถอะ ไหนๆมันเปิดได้ก็เข้าไปเลยแล้วกัน

                ห้องพักเดี่ยวของหอพักมีพื้นที่เพียง 20 ตารางเมตรแต่ก็พอจะพักอยู่คนเดียวได้แบบสบายๆ ห้องของเพื่อนตัวเล็ก เทียบกับห้องผู้ชายทั่วไปก็ถือว่าเป็นระเบียบทีเดียว สายตาคมมองฝ่าความมืดแต่ยังพอเห็นเลือนราง ร่างเจ้าของห้องขดตัวอยู่ใต้ผ้านวมหนา ... หนาวเหรอวะ แอร์ก็ไม่ได้เปิด

    “เมิง...” ขายาวก้าวเข้าไปใกล้เตียงเดี่ยวเล็กๆที่ตั้งชิดผนัง ทรุดตัวลงนั่งที่พื้นข้างเตียงฝ่ามือใหญ่ประกบลงข้างแก้มอุ่น เลย์ไข้ขึ้นแต่ถ้ายังนอนหลับได้คงไม่เป็นอะไรมาก คริสจะรู้ได้ยังไงล่ะ เขาเคยดูแลคนป่วยซะที่ไหน

     

     

     

     

     

     

    ^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^

     

     

     

     

               

                ร่างสูงย่องเข้ามาในห้องเลคเชอร์รวม ก้มตัวพร้อมทั้งยกมือเป็นเชิงขอโทษนักศึกษาคนอื่นๆที่เขาแทรกตัวผ่านเข้ามาในแถว นั่งลงตรงเก้าอี้ว่างข้างๆลู่หาน ถัดจากลู่หานเป็นเลย์

                วิชานี้คริสเข้าเรียนสายตลอดเพราะเรียนในห้องประชุมใหญ่  พวกเขาเป็นนักศึกษาต่างชาติควรตั้งใจเรียนก็จริงหรอก แต่วิชานี้มันน่าเบื่อ ไม่เคยเรียกถามเรียกตอบ เวลาสอบก็อ่านในชีท ชื่อก็ไม่เช็ค คริสก็เลยโดดบ้างเข้าสายบ้าง (เอาน่าแค่อ่านหนังสืออย่างเดียวก็สอบผ่านแล้วล่ะ เขาหัวดีจะตาย) ตอนที่เลย์กับลู่หานนั่งรถไฟใต้ดินมามหาวิทยาลัยตอนเช้าคริสยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำมั้ง

     

     

    “เลย์ .. เลย์!”  ก้นยังไม่ทันติดเก้าอี้ดีใบหน้าหล่อก็โผล่หน้าผ่านลู่หานเพื่อเรียกเพื่อนอีกคน

    “อะไร..” เจ้าของชื่อหันหน้าไปทางต้นเสียงช้าๆ เปลือกตาหนักกระพริบตาขึ้นลงเนือยๆเหมือนง่วง คางมนวางเกยบนฝาขวดน้ำที่มือขาวทั้งสองข้างกำเอาไว้แน่น ในขณะที่ลู่หานจดจ่ออยู่กับวิชาเรียนแต่วันนี้เขาไม่มีแรงเลย ไม่อยากแม้แต่หยิบปากกาขึ้นมาด้วยซ้ำ

    “กินยายัง?”  เสียงทุ้มกระซิบถามต่อ ลู่หานหันมองคริส หยุดเขียนแล้วหันมองเลย์บ้าง

    “เมิงยังไม่หายเหรอ กูเห็นเมิงนิ่งๆ ตั้งแต่คาบที่แล้วก็นึกว่าเมิงนั่งทำสมาธิ”  เอ๊า นี่ยังป่วยอยู่อีกเหรอ

    เลย์ไม่ได้ตอบอะไรแต่หันหน้ากลับไปเหมือนเดิม เขารู้สึกว่าเบ้าตาร้อนผ่าว ตัวก็ร้อน เจ็บตามเนื้อตัวไปหมด ปากคอก็แห้งผากจนต้องคอยจิบน้ำเรื่อยๆ นี่เพิ่งผ่านไปคาบเดียวดื่มไปสองขวดแล้ว ดื่มเยอะก็ปวดฉี่อีก ลุกไปห้องน้ำก็แทบไม่มีแรงเดิน เป็นช่วงเวลาที่น่ารำคาญที่สุดเลยให้ตายเถอะ

     

    “กูไปหายาให้มั๊ย?  ไม่ต้องมองหน้าอย่างงั้นเลย กูไม่ได้ห่วงเมิงแต่กูไม่อยากเรียนอ่ะไม่ชอบวิชานี้ เมื่อคืนเมิงก็ไม่ได้กินยานี่”

    “เออ ไอ่นั่นน่ะฮุนบอกว่าดี กินแล้วหายกริ๊บ อะไรนะ เม็ดยาสามชั้นน่ะ จำชื่อไม่ได้” ลู่หานรีบหันมาบอกเพื่อน

    “บีโธเฟ่น”  

    “บีโธ่เฟ่นกวางโจวบ้านเมิง กินเข้าไปนี่เลย์มันจะประพันธ์ดนตรีได้เลยป่ะ”  คริสหัวเราะกวนๆใส่ลู่หานแล้วก็ออกจากห้องเลคเชอร์ไป เค้ารู้หรอกว่ามันไม่ได้ชื่อนี้แต่ก็ประมาณนี้ล่ะ เอาเหอะไว้ถามอาจารย์ห้องพยาบาลก็ได้

     

     

    .

     

    .

     

     

    คริสกลับมาในเวลาไม่ถึง15นาที ค่อยๆแทรกตัวเข้ามาในแถวพร้อมส่งยิ้มแหยๆให้นักศึกษาเกาหลีในแถวที่เริ่มมองด้วยสายเซ็งๆแล้ว ส่วนเลย์นอนเอาคางเกยโต๊ะแต่ก็ไม่ยอมหลับ ยังกระพริบตาปริบๆ น้ำตาคลอเบ้าอยู่อย่างเดิม

    “เอาหัวมาดิ๊”  แขนยาวเอื้อมผ่านหน้าลู่หานไปทางคนป่วยที่อาการดูจะแย่ลง กระดิกๆนิ้วสองสามทีบอกให้อีกคนยื่นหน้ามาหา เลย์ทำตามอย่างว่าง่าย ยื่นหน้าผากไปแตะหลังมือใหญ่ของคริสที่เอื้อมมารออยู่แล้ว

    “เหงื่อซึมแล้วเมิง”   ทั้งที่แอร์ในห้องแรงขนาดนี้   “ไม่มีบีโธเฟ่นว่ะ มีแต่บีทาเก้นเมิงกินไปก่อนได้ป่ะ”

                “บีทาเก้นเมิงดิ เลย์มันไม่ได้ต้องการแลคโตบาซิลลัส”

    “ล้อเล่นน่า ไม่ใช่เซฮุนทำอะไรก็ผิด อ่ะดีคอลเจนเมิง” ว่าแล้วก็โยนยาแผงเล็กลงบนสมุดเลคเชอร์ตรงหน้าลู่หานแล้วก้มลงทำอะไรยุกยิกกับกระเป๋าที่วางอยู่บนพื้น

    “เออลู่ เดี๋ยวกูยืมสมุดเมิงไปซีร็อกซ์ด้วยนะ เลย์มันไม่ได้จดใช่มั๊ย ถ้าอ่านไม่รู้เรื่องค่อยถามเมิงก็ได้ เออแล้วไอ้บีทาเก้น เอ้ยดีคอลเจนเนี่ยเค้าบอกว่ากินแล้วง่วงนะ แบบหลับน็อคเลย กูเลยซื้อพารามาด้วย เค้าบอกว่าถ้าลดไข้เฉยๆกินพาราไปก่อนก็...”   คนพูดยืดยาวชะงักเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าถูกเพื่อนทั้งคู่จ้องหน้าอยู่

     

     

    “ทำไมไม่บอกเร็วๆกว่านี้ ... เลย์มันกินไปแล้วเนี่ย”

     

     

     

     

    ^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^

     

     

     

     

     

    คนเราทำอะไรผิดก็ต้องรับผิดชอบ ... เหรอวะ!? แค่ห้ามให้กินยานั่นไม่ทันคริสถึงกับต้องรับผิดชอบชีวิตเพื่อนเลยเหรอวะ

    ลู่หานไม่อยากให้เลย์นอนที่ห้องพยาบาลเลยไล่เพื่อนสนิทกลับหอ คือก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกถ้าไม่ได้บอกให้ไปส่งเลย์ที่หอด้วย หอมันไม่ได้ใกล้ปะวะ เจ็ดแปดสถานีแล้วนี่เขาเพิ่งมาถึงมหาวิทยาลัยเองนะ ...แต่ก็ดี จะได้โดดเรียนแบบไม่รู้สึกผิดเท่าไหร่

     

     

     

    ปกติเพื่อนตัวขาวเป็นคนขี้ร้อน แอร์ในรถไฟใต้ดินอุณหภูมิปกติแต่เพราะครั้งนี้คนตัวเล็กไม่สบาย ร่างกายคนป่วยไวกับอากาศมากเป็นเท่าตัวแล้วยังไม่มีที่นั่งว่างเลย คริสก็เห็นใจอยู่หรอก

    “หนาว..”  คนตัวเล็กกว่าพูดขึ้นมาหลังจากเข้าไปในขบวนรถไฟได้ไม่นาน เรียกว่าครางเบาๆ จะถูกกว่า  ซึ่งคริสเถียงในใจเบาๆ กลับไปเหมือนกันว่ากูร้อนจะตายห่านแล้วแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร มือใหญ่ดันไหล่เพื่อนตัวเล็กให้หลังชิดผนัง ขยับตัวเองเข้าไปให้ชิดกว่าเดิม

                “ยืนใต้แอร์ละกันจะได้ไม่โดนเยอะ เดี๋ยวกูยืนบังให้”

     

    คนป่วยกอดอกแน่น มือเล็กลูบต้นแขนตัวเองไปมาเพราะหนาวจนขนลุกและตัวเริ่มสั่น ผิวหน้าขาวจัดดูซีดลงไปอีก ตาแดงก่ำ น้ำตารื้นอยู่ในหน่วยตาตลอดเวลา เลย์เลยก้มหน้าจนคางแทบชิดอกแล้วหลับตาลง

    เลย์บอกว่าหนาวแต่เหงื่อซึมหน้าผาก คริสมองแล้วก็นึกสงสารบวกเวทนาด้วยนิดๆ เขาก็เพิ่งเคยเห็นเลย์ป่วย ตอนอยู่จีนไม่ได้สนิทกันแต่พอได้ทุนมาเกาหลีมีกันอยู่แค่สามคนก็ต้องสนิทอย่างช่วยไม่ได้ แล้วนี่ก็จินตนาการไม่ออกว่าคนป่วยมันรู้สึกยังไงเพราะไม่ได้ป่วยมาตั้งนานแล้ว

    “เมิงยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าไม่ใช่เหรอ ถ้ายังไม่ได้กินยาแสดงว่าไม่ได้กินข้าวใช่มะ เดี๋ยวกลับหอกินอะไรก่อนแล้วก็นอนพักนะเมิง”

    “อือ...”  คนตัวเล็กที่ขดตัวจนดูเล็กกว่าเดิมไม่ได้ตอบรับ เสียงที่ออกมาเหมือนครางเพราะเจ็บเนื้อตัวมากกว่า

     

     

    คนตัวสูงเงยมองป้ายบอกสถานีที่อยู่เหนือศีรษะ นี่เพิ่งผ่านไปสถานีเดียว รถหยุด คนขึ้นมาเพิ่มเล็กน้อยไม่ได้ทำให้พื้นที่แคบลงมากนักแต่คริสก็ขยับตัวเข้าไปใกล้เลย์อีกเพราะไม่อยากให้ใครเบียดมาโดน

     

    รถไฟกระชากตัวออกไปได้ไม่เท่าไหร่คนป่วยก็แอบฟุบศีรษะลงกับอกอีกคนเงียบๆ พูดอีกอย่างคือทิ้งน้ำหนักไปที่คริสทั้งตัวจนร่างสูงต้องก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งเพราะไม่ทันตั้งตัวจะถูกที่สุด แขนยาวยันผนัง แขนอีกข้างที่เหลือกอดเอวบางของเพื่อนเอาไว้ไม่ให้ล้ม

    เลย์หลับไปแล้ว แผ่ไอร้อนๆจากหน้าผากมาถึงคริส

     

    “ทิ้งตัวใส่กูงี้เลยเหรอวะ”  คริสก้มหน้าลงไปโวยวายใส่กลุ่มผมสีเข้มที่แนบอยู่กับอกกว้าง พอดีกับที่หันไปเห็นคุณป้าคนหนึ่งที่นั่งอยู่ส่งยิ้มเอ็นดูมาให้ จะว่าอย่างงั้นได้หรือเปล่านะ มันดูเหมือนยิ้มล้อมากกว่า

    เขาสองคนคงดูเหมือนคู่รักวัยรุ่นที่ยืนกอดกันบนรถไฟสินะ เหอะๆๆ ก็ตอนนี้เลย์แนบแก้มข้างหนึ่งหลับตาพริ้มอยู่ที่อกเขา มือขาวๆเล็กๆเกาะอยู่ที่ขอบกางเกงเขาด้วย  ส่วนเขาเองก็ใช้มือข้างหนึ่งยันผนังอีกข้างรวบเอวบางเอาไว้แนบตัวเพราะกลัวเพื่อนจะร่วงลงไปกองกับพื้น กระเป๋าสองใบของเขาใบหนึ่งของเลย์ใบหนึ่งเขาเป็นคนสะพายไว้ทั้งคู่

     

    ดูยังไงก็แฟนกัน ...

    กุ๊กกิ๊กสิ้นดีสินะครับคุณป้า

     

    คริสหันกลับไปยิ้มละไมให้หญิงคนนั้น เลื่อนมือจากเอวบางที่ปล่อยไอร้อนผ่าวขึ้นมาลูบผมนิ่มเบามือแบบรักสุดใจจนกระทั่งเธอหันกลับไป

    ที่เขารู้สึกหน้าร้อน หูร้อนเป็นเพราะเลย์ตัวร้อนแน่ๆ แขนที่รัดเอวอยู่นี่ก็ร้อน เขาไม่ได้เป็นอะไรหรอกมั้ง ...

     

    “อย่าตายนะเมิง”  คนตัวสูงกว่าก้มลงกระซิบชิดใบหูทั้งที่รู้ว่าคนตัวเล็กในอ้อมแขนคงไม่ได้ยิน ปล่อยให้นอนไปแบบนี้ก็แล้วกัน

     

     

     

     

    ภาพนี้ไม่พ้นสายตาคุณป้าที่แอบหันมามองอีกครั้ง... เด็กหนุ่มตัวสูงแอบหอมแก้มแฟนตัวเล็กในรถไฟใต้ดิน  น่าเอ็นดูจริงๆ

     

    ...คุณป้ายิ้ม ...

     

     

     

     

    ^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^

     

     

     

     

     

                “เลย์ยังไม่หายเหรอ?”

                “อืม เมื่อเช้าก่อนมามหาลัยก็ไปเรียกที่ห้อง ไข้ยังไม่ลดเลย”   คริสชักเบื่อๆ บทเรียนก็เลยหาเรื่องคุยกับลู่หานไปงั้นๆ แหละ ไม่ได้เป็นห่วงอะไรหรอก

                “ยังไม่หายอีกเหรอ นี่สองวันแล้วนะถ้าพรุ่งนี้ยังไม่หายต้องไปหาหมอหรือเปล่าเนี่ย”  ยกปากกาในมือขึ้นมาแตะริมฝีปาก

                “นี่ถ้าทำเหมือนในซีรีย์ได้ก็ดีเนอะ”

                “ทำอะไรวะ?”

                “แบ่งไข้กันไง~”  เพื่อนหน้าหวานหันมายิ้มพริ้ม นึกถึงซีรีย์ทั้งจีนทั้งเกาหลีที่ชอบดู พวกที่ไม่ดูน่ะไม่มีทางเข้าใจหรอก บางวันได้ยินเลย์กับคริสทะเลาะกันทั้งวัน เซฮุนก็ต้องทำการบ้านไม่ว่างคุยโทรศัพท์ด้วย ก็เห็นจะมีแต่ซงจุงกินี่แหละที่กล่อมเกลาจิตใจเขาได้ อ่อ.. ตอนนี้มีคุณอู๋ฟานพระเอกซีรี่ย์อีกเรื่องที่ลู่หานเพิ่งดูจบไปแต่ยังอินอยู่ด้วยอีกคน

     

                “แบ่งไข้ยังไงวะ”

                เพี้ยะ!  ลู่หานตีแขนคริสไปที

                “ถามงี้ก็เขินดิ”

                “เขินเชี่ยไรกูไม่ใช่น้องเซฮุนของเมิงนะ”

                “เมิงจำคุณอู๋ฟานได้ป้ะ?”  ลู่หานเอียงศีรษะกลมมาใกล้เพื่อน หรี่เสียงให้เบาลงเพราะยังอยู่ในชั่วโมงเรียน

                “เออๆ ไอ้สาเหตุที่ทำให้เมิงกับน้องฮุนของเมิงทะเลาะกัน ทำให้เลย์มันไข้ขึ้นด้วย กูจำด้ายยยย”

                “เมิงอย่าว่าคุณอู๋ฟาน! เออ มันมีฉากนึงเว่ยที่คุณอู๋ฟานไล่นางเอกลงจากรถตอนฝนตก นางเอกก็เลยเดินร้องไห้แล้วเดินตากฝนไปเรื่อยๆ”

                “เดี๋ยวเมิงหยุดตรงนี้  ให้กูเดา  แล้วพระรองก็บังเอิญมาเจอนางเอกใช่มั๊ย”

                “ผิด! พระเอกขับรถกลับมารับเว่ย เห็นมั๊ยบอกแล้วคุณอู๋ฟานน่ะหล่อแบดบอยแต่ละมุนม๊ากกก”

               

    คนฟังเบะปาก คุณอู๋ฟานทำอะไรก็ดีไปหมดแหละ นี่ขืนใจนางเอกก็ไม่ผิดมั้งเนี่ย พ่อพระเอกกกก

               

    “เมิงอย่าเล่ายาว สรุปมาว่าเกี่ยวอะไรกับแบ่งไข้”

    “ก็เนี่ย นางเอกหมดสติพระเอกเลยพาไปนอนที่บ้าน แล้วไข้ขึ้น”

    “อืม”  คริสพยักหน้ารับ

    “แล้ว .... อ่า~เขินว่ะ”   >////<

    -____-

    “แล้วพระเอกก็แอบจูบนางเอกตอนหลับเว่ย”

    “แล้วนางเอกหายป่วยป้ะล่ะ?”

    “หายดิ”

     

     

     

     

               

    ^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^

     

     

     

     

     

                “ประตูไม่ได้ล็อคอ่ะ จะเข้าไปแล้วนะ”  ตอนบ่ายไม่มีเรียน ถ้าเป็นปกติคริสคงโทรหาน้องคนไหนซักคนที่ว่างแล้วชวนไปนั่งกินกาแฟ แต่วันนี้เขารีบกลับ ลูกบิดถูกหมุนแล้วผลักบานประตูเข้าไปด้านใน บอกแล้วว่าเขาไม่ใช่คนไม่มีมารยาท ขออนุญาตแล้วนี่ไง

                “มาทำไมอ่ะ”  เจ้าของห้องที่นั่งเอนหลังพิงหัวเตียงถามขึ้นไม่ดังนักเพราะยังไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่

                “เอาขนมมาให้”

                “หืม?”  คริสเปิดฝาแล้วยื่นขวดโหลใสๆ ไปตรงหน้าคนที่ยังนั่งทำหน้างง ในโหลแก้วมีมาร์ชเมลโลชิ้นเล็กๆสีขาวกับชมพูอยู่เกือบเต็ม 

                “กินดิ เพิ่มน้ำตาลในเลือด”

                “..............”

                “กินดิมองอะไรล่ะ”

                “หื้ออออ”  คริสหยิบมาร์ชเมลโล่ใส่ปากเลย์ทีเดียวสามชิ้น

                “กินเข้าไป มานั่งทำหน้าเป็นหมาจ๋อยทำไม”

                “อย่าแกล้งกู... กูไม่มีแรงสู้”   T  T

                “ฮ่าๆๆ เวลาป่วยแล้วน่ารักดีนะ สงบปากสงบคำดี”  คนตัวสูงย่อตัวลงนั่งบนเตียงเดียวกันยื่นมือไปยีผมนิ่ม ถ้าไม่ป่วยเขาต้องโดนปัดมือทิ้งไปแล้วแบบไม่ต้องเดาเลย เผลอๆจะโดนลุกขึ้นมาไล่เตะด้วยซ้ำ

                “บอกว่าอย่าแกล้งไง”

                “ไม่แกล้งแล้ว  นอนพักเหอะ เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อน”

     

                .

     

                .

     

     

                .

               

                “เลย์  กูจะกลับห้องแล้วนะ อ้าวหลับเมื่อไหร่เนี่ย”   ผู้มาเยือนยันตัวลุกขึ้นจากพื้นขึ้นมานั่งบนเตียง เก็บเครื่องเล่น PSP เข้ากระเป๋า ปิดฝาขวดโหลมาร์ชเมลโล่ที่ตั้งใจจะเอามาฝากเพื่อน นี่เล่นเกมไปหยิบเข้าปากไปก็เหลือครึ่งเดียวแล้ว

                ลองใช้หลังมือแตะแก้มขาวที่ขึ้นสีเพราะอุณหภูมิร่างกายก็พบว่าคนที่นอนหลับอยู่ตัวเย็นลงนิดหน่อยแล้ว นิ้วเรียวยาวพรมลงบนเตียงอย่างใช้ความคิด ตาก็มองคนที่นอนหายใจสม่ำเสมอ มือเล็กกำผ้าห่มที่ปิดคลุมถึงต้นคอเอาไว้มั่น คงยังหนาวอยู่

     

                เผื่อวิธีของคุณอู๋ฟานของลู่หานจะได้ผล ..

     

                ก็ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่หายก็ต้องไปหาหมอนะ

                ถ้าต้องหาหมอก็จะลำบาก

                เขาแค่ไม่อยากเป็นธุระพาไปอีก

                เท่านั้นแหละจริงๆ ...

     

     

     

                ริมฝีปากสีสวยแตะลงแผ่วเบาบนกลีบปากอิ่มเพียงเสี้ยววินาทีแล้วผละออกมา  เลย์ยังหลับตา  ... ไม่ใช่ว่าคริสไม่เคยทำเรื่องอะไรแบบนี้หรอก แต่ริมฝีปากที่ร้อนเพราะพิษไข้ทำให้เขาตกใจนิดหน่อย

               

                คริสหายใจเข้าปอดแล้วก้มตัวลงประทับจุมพิตอีกครั้งอย่างนุ่มนวล มาร์ชเมลโล่ที่เขากินไปตั้งเยอะแยะเมื่อกี้ใช่มั๊ยนะที่ทำให้มีกลิ่นหวานติดอยู่แบบนี้ ...

     

     

     

     

    ^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^

     

     

     

     

                “คริสเป็นไรวะ”  ลู่หานถามเพื่อนที่เอาแต่นอนซบหน้ากับโต๊ะตั้งแต่ต้นคาบ  เดี๋ยวคนนั้นซึมเดี๋ยวคนนี้ซึม

                “ไม่รู้ ... มึนๆหัว”

                “ป่วยอีกคนป่ะเนี่ย ติดไข้เลย์มาแน่เลย”

                “หือ?”  เลย์ที่นั่งอยู่อีกด้านได้ยินชื่อตัวเองเลยหันมาเลิกคิ้วใส่ลู่หานบ้าง

                “ก็พอเมิงหายนะ ไอ้คริสป่วยต่อเลยดูดิ”

                “สมน้ำหน้า มันชอบแกล้งกูตอนไม่สบาย”  คราวนี้เป็นเลย์บ้างที่ชะโงกหน้าไปดูคนป่วยบ้าง

                “ให้กูหายก่อนเหอะ”

                “อีกแล้วนะพวกเมิงสองคนเนี่ย!”  

     

     

               

     

    ทำไมลู่หานมันไม่บอกวะว่าจูบแล้วนางเอกหายป่วยแต่พระเอกดันติดไข้แทนน่ะ!















    รักคนอ่าน :)
    @WithKrisLay 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×