คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : First Christmas I
Pairing: Maybe Kanda x Allen
“พี่ชายครับ”
“บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกว่าพี่” เด็กหนุ่มนัยน์ตาคมสวยนามคันดะ ยู หันกลับมาต่อว่าร่างที่เดินตามหลังเขามาด้วยความหงุดหงิด หากอีกฝ่ายกลับยิ้มรับ
“ก็พอเรียกยู ยูก็ไม่ให้ผมเรียกนี่นา” ร่างเล็กทำตาแป๋วพูดแจ้วๆ อย่างไม่เกรงกลัว ทำเอาคันดะชักมึน
. . . เพิ่งรู้นะ ว่าตัวเองเก็บเจ้าตัวป่วนแบบนี้มาเลี้ยงตั้งแต่แปดขวบ . . .
25/12 10 years ago
ย้อนกลับไปสิบปีก่อนหน้านี้ ในคืนวันคริสมาสต์อันแสนเหน็บหนาวอย่างเช่นทุกปีที่ผ่านมา . . . เด็กชายเชื้อสายเอเชียวัยแปดปีเดินทางกลับจากบ้านของญาติห่างๆ ซึ่งเป็นผู้ส่งเสียค่าเล่าเรียนและเงินทุนสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ขณะที่กำลังเร่งฝีเท้าเพื่อตรงเข้าหอพักให้เร็วที่สุด สายตาก็พลันสะดุดกับบางสิ่งบางอย่าง . . . ภายในสวนสาธารณะที่ปลอดผู้คน กลับมีร่างๆ หนึ่งนั่งอยู่บนชิงช้า เด็กชายผมขาว อายุราวๆ ไม่เกินห้าหรือหกขวบ ดวงตาสีเทาติดจะแดงๆ อยู่หน่อยจากการร้องไห้คู่นั้นมองดูเลื่อนลอย สัญลักษณ์แปลกๆ ผาดผ่านดวงตาซ้าย และแขนข้างหนึ่งมีสีแดงสดจนน่าประหลาดใจ คันดะตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ทั้งๆ ที่ตั้งแต่เกิดมาเขาแทบจะไม่เคยพูดกับใครก่อน
“นายน่ะ” เด็กชายเงยหน้าขึ้นตามคำเรียก ใบหน้าขาวหวานเปื้อนน้ำตาทำให้คันดะพูดไม่ออกอยู่พักใหญ่ หัวใจเต้นระรัวจนแทบหายใจไม่ได้ แต่ก็กลั้นใจเอ่ยถามต่อไป
“นาย . . . มีบ้านรึปล่าว” เด็กน้อยตรงหน้าเขาสะบัดหัวแรงๆ สองสามทีเป็นคำตอบ นัยน์ตากลมโตคู่งามมองเขาตอบ ไม่มีท่าทีหวาดกลัวแต่อย่างใด
“มากับฉัน” ว่าจบก็ฉวยมือเล็กๆ ที่น่าทะนุถนอมนั้นกุมไว้ในมือของตัวเอง . . . และพาเด็กน้อยไปยังบ้านหลังใหม่ของเขา . . .
.
“ยู . . . ยู!” คันดะสะดุ้งตื่นจากห้วงความคิด หันกลับมาถามคนเรียกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ใครให้เรียกชื่อฉันกันหา เจ้าถั่วงอก” แค่มาอยู่ด้วยก็น่าจะพอแล้ว แต่ดูเหมือนเด็กชายคนนี้กลับก้าวเข้าใกล้เขามายิ่งขึ้นไปอีก พอเขาขึ้นม.ต้น เจ้าถั่วงอกนี่ก็ดันสอบพาสชั้นจนได้มาอยู่ในห้องเดียวกัน เท่านั้นยังไม่พอ เจ้าหมอนี่ยังพยายามเรียกเขาราวกับเพื่อนหรือญาติสนิทยังไงยังงั้น
“ก็อยู่บ้านเดียวกันมาตั้งสิบปีนี่นา . . . ไม่ให้ผมเรียกยูจะให้ผมเรียกอะไรล่ะ” อเลนทำหน้าม่อย แล้วก็กลับมายิ้มอารมณ์ดีอีกครั้ง “คืนนี้ผมจะทำโซบะให้กินนะ” รอยยิ้มเอาอกเอาใจแต้มบนใบหน้าหวาน ถึงแม้มันจะดูดีมากๆ แต่คันดะก็ยังไม่อยากยอมรับความจริงในข้อนี้ เขาจึงตอบสะบัดๆ กลับไป
“นายทำก็พอดีไปไหม้ห้องฉันหมด . . . แล้วห้ามเรียกฉันว่า‘พี่’หรือ‘ยู’เด็ดขาดเลยนะ”
“คร๊าบๆ . . . คุณพ่อ” โป๊ก! ฝักดาบสีนิลหนักๆ กระแทกลงบนหัวขาวๆ หนึ่งที อเลนกุมศีรษะเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด
“ทำงี้ทำไมครับยู” เมื่อเห็นคันดะเงื้อมือขึ้นอีกครั้ง คนตัวเล็กกว่าจึงกระโดดถอยห่าง พอดีกับที่ประตูห้องเรียนเปิด
“อเลนคุงจ๊ะ ทานข้าวด้วยกันไหม อ้าว คันดะคุงด้วย มาด้วยกันไหมจ๊ะ” รินารี่ ลี สาวน้อยผู้รุ่นน้องของพวกเขาสองปีเดินยิ้มแย้มเข้ามาทักทายพลางยื่นข้าวกล่องให้อเลน
“ฉันทำมาเผื่ออเลนคุงด้วยแน่ะ” รอยยิ้มสดใสเรียกรอยแดงบนใบหน้าของเด็กหนุ่มได้เป็นอย่างดี อเลนเกาศีรษะน้อยๆ ตะกุกตะกักพูดตอบ
“เอ่อ . . อ่า ผมมีแล้วน่ะครับ” เด็กชายหยิบห่อข้าวกล่องของตนขึ้นมาถืออย่างทะนุถนอม อากัปกิริยาที่มีต่อข้าวของทุกชิ้นเป็นแบบนี้ทุกคราเมื่อมันมีความเกี่ยวเนื่องกับคันดะ . . . เด็กสาวส่งสายตาผิดหวังมาให้ แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังยิ้มอย่างสดใส
“เอาเถอะจ๊ะ ว่าแต่จะไปกินด้วยกันมั๊ยล่ะ” เมื่อเห็นผู้ที่มีศักดิ์เป็นรุ่นพี่ทำท่าอึกอัก เธอจึงหันไปหาบุคคลอีกผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ในห้องแทน
“คันดะคุงล่ะจ๊ะ ไปทานด้วยกันมั๊ย”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่กินข้าวเที่ยง” คำตอบบอกปัดไร้เยื่อใย หากรินารี่ยังคงไม่ละความพยายาม เพราะเธอรู้ว่า ถ้าคันดะไม่ไปเสียคน อเลนก็คงต้องไม่ไปด้วยแน่ๆ เด็กสาวเดินตรงไปกระชากแขนร่างสูงจากเก้าอี้
“มาเถอะน่า ถ้าคันดะคุงไม่กิน ข้าวกล่องฉันก็ทำมาเสียเปล่าน่ะสิจ๊ะ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมตามดีๆ เธอจึงเปลี่ยนวิธิการใหม่
“คันดะคุงน่ะ ไม่กินข้าวเที่ยงแบบนี้แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปฝึกดาบล่ะ รู้มั๊ยว่าใครๆ เขาก็เป็นห่วงเธอกันทั้งนั้น” น้ำเสียงอ่อนๆ บวกกับสีหน้าจ๋อยๆ ทำให้คันดะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ร่างสูงยันตัวขึ้นมา
“นำไปสิ . . . ฉันไม่รอจนหมดเวลาพักหรอกนะ” ถึงพูดไปแบบนั้น แต่เขากลับเดินนำลิ่วไปก่อนคนอื่น อเลนและรินารี่ยิ้มให้กันน้อยๆ ก่อนพากันเดินตามออกไป . . .
สายลมเย็นเฉียบพัดบาดผิวกาย . . . เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีขาวบริสุทธิ์กระชับผ้าพันคอให้มั่นขึ้นพร้อมกับถูมือไปมาด้วยความหนาว
‘ฟึ่บ’ เสื้อโค๊ทกันหนาวตัวใหญ่โคร่งถูกโยนลงมาบนศีรษะของอเลนพอดิบพอดี
“อากาศอย่างนี้ไอบ้าที่ไหนมันเสนอให้มานั่งรับลมบนดาดฟ้ากันเล่า” คำพูดกระแนะกระแหนถูกส่งมา ถึงไม่บอกอเลนก็พอจะรู้ได้ว่าประโยคนี้เอ่ยถึงเขาแน่ๆ ดวงหน้าหวานหันกลับไปมองอย่างต่อว่าอยู่ในที แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านอเลนจึงเบือนหน้ากลับมาสนใจกล่องข้าวตรงหน้าอีกครั้ง
“ก็วันนี้หิมะไม่ตกนี่ครับ ผมก็อยากให้มารับแดดกันบ้าง” เสียงอธิบายหงอยๆ ดังขึ้นมาหลังจากเงียบไปนาน รินารี่เหลือบมองคันดะซึ่งยังคงทำหน้าเฉยชาเล็กน้อยก่อนหันไปปลอบคนที่มีอายุน้อยที่สุดในกลุ่มด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อเลนคุงอย่าคิดมากเลยนะ ฉันว่าอากาศแบบนี้มันก็ดีไปอีกแบบ” เด็กชายส่งยิ้มให้รินารี่น้อยๆ อย่างรู้สึกขอบคุณ . . . คันดะมองคนทั้งสองเงียบๆ และลุกเดินออกไปก่อนท่ามกลางความงุนงงของคนเบื้องหลังทั้งสอง ทันทีที่ได้สติ อเลนรีบลุกพรวดพราดตามไปด้วยความรวดเร็ว
“ผมไปก่อนนะครับรินารี่ ขอบคุณแทนคันดะเรื่องข้าวกล่องด้วยนะครับ”
“เดี๋ยวสิอเลนคุง!” รินารี่ตะโกนตามหลังไป แต่ก็ไม่ทันคนที่วิ่งลิ่วๆ ไปแล้ว เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“. . . ทำไมไม่รู้ซะบ้างน้า . . ว่าฉันน่ะ . . . เฮ้อ~” เด็กสาวถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนกับพื้นดาดฟ้า เงาดำๆ วูบวาบอยู่เหนือศีรษะ เธอจึงลุกขึ้นและหันกลับไปดู
“อ้าว รินารี่นี่” ร่างๆ หนึ่งโผล่พ้นประตูมาพร้อมกับผมสีเพลิง คำพูดทักทายมีเพียงเท่านั้นเพราะเจ้าของมันดูจะสนใจกับอย่างอื่นมากกว่า นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองไปทั่วๆ ราวกับมองหาอะไรบางอย่าง
“ว่าไง ราวี่คุง” รินารี่ทักง่ายๆ เพราะพี่ชายเธอเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนนี้ จึงไม่แปลกถ้าเธอจะรู้จักกับใครหลายๆ คนมาก่อนที่จะขึ้นม.ปลายเสียอีก
“อ้อ . . . ไม่มีอะไรหรอก” ราวี่เงียบไปครู่ใหญ่ราวกับไม่แน่ใจ ก่อนจะเอ่ยถามคำถามต่อไปเบาๆ
“เธอเห็นยูมั๊ย . . . มีคนบอกว่ายูขึ้นมาบนนี้น่ะ” รินารี่ยิ้มน้อยๆ จับสังเกตบางอย่างจากตัวเด็กหนุ่มตรงหน้าได้
“เห็นสิจ๊ะ . . . แต่เพิ่งออกไปเมื่อไม่นานมานี้ล่ะ คงจะกลับไปที่ห้องเรียนแล้วมั๊ง” ราวี่พูดขอบคุณเร็วๆ แล้วกระโจนลงบันไดไปทันที ทิ้งให้เด็กสาวนั่งขบคิดอะไรต่อมิอะไรอยู่คนเดียว
“หืม . . เป็นแบบนี้มันก็ไม่เลวนะ” เสียงพึมพำรอดมาจากริมฝีปากสีชมพูสด รอยยิ้มสวยแย้มขึ้น
“ถ้าคันดะคุงไม่ได้ชอบอเลนคุง . . . เขาจะตัดใจได้มั๊ยนะ” คำถามที่ไม่มีใครรับรู้ด้วย รินารี่ยังคงคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งถึงเวลาต้องเข้าเรียนในคาบถัดไป
ความคิดเห็น