ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Prologue & Chapter1
Title : Sound of desolate
Pairing : Kanda-Allen
Author : witch-toy
“คันดะครับ” เสียงเรียกคล้ายจะปลุกคนตรงหน้ามารับฟัง หากแต่ใบหน้าคมยังคงสงบ
“เมื่อไหร่คุณจะตื่นขึ้นมาซักทีล่ะครับ รู้มั๊ยว่าทำแบบนี้ . . . ผม . . เจ็บ . .นะครับ” น้ำเสียงกลั้นสะอื้น นัยน์ตาสีเทาเต็มรื้นไปด้วยน้ำตา อเลนเสมองไปยังดาบสีนิลข้างกายผู้ที่อยู่ในห้วงนิทรา รอยเลือดจางๆทำให้ย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อหลายเดือนก่อน
Chapter1
After the war.
“จบแล้วนะอเลน เราไปรับโครวรี่กับคันดะคุง แล้วกลับ[บ้าน]พร้อมกันนะ” รินารี่ เด็กสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มพูดกับหนุ่มน้อยหน้าหวานอย่างร่าเริง ขระที่เชาจี๋แบกเธอขึ้นหลัง
“นั่นสิครับ กลับบ้านกันเถอะ” อเลนตอบกลับเสียงเหนื่อยอ่อน แต่แวววตาสีเทากลับฉายแววโล่งใจ . . . ดีใจ
“น่าน~สิน้า อย่างอเลนเนี่ย คงอยากจะรีบกลับไปรับใครบ้างคนที่ตามมาไม่ทันใจจะขาดแล้วล่ะ” ว่าที่บุ๊คแมนส่งเสียงแซวคนตัวเล็กเบาๆ แต่ก็พอให้ได้ยินกันทุกคน เรียกให้หน้าหวานๆของผู้ถูกแซวซับสีเลือดขึ้นมาทันที
“ราวี่!!” ดาบยักษ์ที่ยังไม่คืนสภาพเป็นแขนซ้ายฟาดเฉียดหัวส้มๆไปอย่างหวุดหวิด เล่นเอาคนปากไวหน้าซีด ไม่ยักรู้ว่าอเลนเขินแรง
ระหว่างการเดินทาง ต่างคนต่างหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน รินารี่ที่ทำหน้าสยองตอนอเลนเล่าให้ฟังว่าโคมุอิจะกระโดดกอดเธอให้เต็มรักเมื่อกลับไปแล้ว ราวี่ที่มีแผนการจะล้อคันดะว่าทำเป็นเท่ แต่สุดท้ายก็ตามมาไม่ทัน รวมถึงอเลนที่สัญญากับตัวเองในใจเอาไว้ ไม่ว่ายังไง เขาจะต้องสารภาพความรู้สึที่มีต่อเจ้าของเรือนผมยาวสีรัตติกาลให้ได้
“อ๊า! โครวจาง อย่าตายน๊า~” ราวี่ลากซาก(?)ของโครวรี่ขึ้นมากอดเต็มแรงจนอเลนแน่ใจว่าได้ยินเสียงดัง”แอ๊ก!”ออกจาปากของพ่อหนุ่มแวมไพร์
“ระ ราวี่ครับ ทำแบบนั้นเดี๋ยวคุณโครวรี่ก็ตายเอาจริงๆหรอกครับ”
“อ่ะ อ่าว ยังไม่ตายหรอกรึ” ราวี่ปล่อยโครวรี่ดังโครม จนอเลนชักเสียวไส้ เชาจี๋พารินารี่เดินเข้ามา
“เค้าเสียเลือดมากไป”รินารี่ทำหน้าเครียด ต่างกับราวี่
“โครวจังไม่เป็นไรหรอก แค่ได้เลือดอาคุมะซักถุง เดี๋ยวก็วิ่งปร๋อแล้ว” ราวี่ตบไหล่เธอเบาๆอย่างอ่อนโยน
“เดี๋ยวจะพากลับบ้าน แต่เราต้องไปรับยูก่อน จะได้กลับพร้อมกัน” พูดปลอบเหมือนพี่ชายกับน้องสาว ทำให้รินารี่อุ่นใจขึ้น สำหรับเขา โครวรี่ก็เป็นเพื่อนคนสำคัญ แต่จะให้ทิ้งยูไว้ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นยอมแบกเจ้าแวมไพร์นี่ไปซักหน่อยก็ได้(วะ)
สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าชวนให้เอ็กโซซิสต์ทั้งสี่ใจหาย ซากปรักหักพังบ่งบอกถึงความรุนแรงของการต่อสู้ที่ผ่านมา ไร้วี่แววของผู้คน ดวงตาสีหมอกกวาดมองด้วยความตกใจ แล้วก็พบบางสิ่งที่ทำให้ใจหายยิ่งกว่า ชายผ้าคลุมเอ็กโซซิสต์โผล่ออกมาจากกองซากตึกที่ถล่ม
“คันดะ!!” อเลนถลาเข้าไป พยายามดึงซากเหล่านั้นออก แต่ไม่ค่อยเป็นผลนัก จนราวี่ได้สติจากการตกตะลึง รีบวิ่งเข้าไปช่วยจนสำเร็จ ภายใต้ซากเหล่านั้น เผยให้เห็นร่างๆหนึ่งสลบไสลอยู่ มุเก็นคู่กายถูกกำไว้แน่น รอยแผลมีให้เป็นอยู่ประปราย ร่างเล็กๆของอเลนรีบปรี่เข้าไปพยุง ลมหายใจอุ่นผะแผ่วทำให้ใจชื้นขึ้นเป็นกอง คันดะกำมุเก็นไว้แน่นแม้ยังไม่ได้สติ ทำให้คนพยุงนึกแปลกใจ
“ราวี่ กลับกันเถอะครับ”
“ได้ตามประสงค์” ราวี่หยิบโคสึจึโอสึจิออกมา “จับให้แน่นๆน้า ทุกคน อย่าปล่อยคนที่แบกอยู่ล่ะ”
เขาบอกหลังจากเชาจี๋พารินารี่เข้ามาสมทบ อเลนกลืนน้ำลาย จับศาสตราวุธของราวี่ไว้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ ชินนนนน!! ชินนนนนนนนนนนนนน!!!”
“คันดะคุงน่ะใช้พลังชีวิตเกินขีดจำกัด ฉันคิดพลังชีวิตที่เหลือคงพอแค่ประทังชีวิตได้เท่านั้นเอง” หัวหน้าแผนกวิทยาศาสตร์อธิบายสมมุติฐานของตัวเองให้เด็กหนุ่มผมขาวที่ดูเหมือนจะไม่ฟิงซักนิด
“อเลน” น้ำเสียงเข้มขึ้นเพื่อเรียกสติ
“คระ ครับ?” อเลนสะดุ้งเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์ โคมุอิถอนหายใจเบาๆ ’ปุ’ วัตถุสีดำถูกโยนไว้บนตักของร่างเล็ก นัยน์ตาสีเทาฉายแววตกใจออกมาเล็กน้อย ก่อนกลับกลายเป็นโศกเศร้าเช่นเดิม
“เอาออกมาได้แล้วหรือครับ” เขาจำได้ว่าแทบทุกคนพยายามที่จะงัดมุเก็นออกจากมือของคันดะ แต่ไม่มีใครทำสำเร็จซักคนเดียว
“อืม เอาไปดูซะนะ เก็บดีๆด้วยล่ะ” โคมุอิร้องสั่งเด็กหนุ่มซึ่งไม่ได้สนใจนัก
“ไปนอนเถอะอเลนคุง ไม่ได้นอนมาหลายวันแล้วนี่”
“งั้นผมขอตัวนะฮะ” แล้วคนตัวเล็กก็พาตัวเองออกจากห้องอย่างเหม่อลอยท่ามกลางความหนักใจของโคมุอิ
“ทำไมยังหลับอยู่ล่ะครับ! คันดะ จะขี้เซาไปหน่อยมั๊งครับ” มือเล็กๆขยุ้มคอเสื้อคนบนเตียงอย่างโมโห
“แม้แต่มุเก็น คุณก็ไม่เอาแล้วรึไง คุณมันบ้าที่สุดเลย!!” ตวาดอย่างรุนแรง หวังให้คนตรงหน้าตื่นขึ้นมา แม้จะโดนด่า โดนเกลียด เขาก็ยอม
‘แกร๊ก’ ดาบเล่มสวยสีดำสนิทหล่นลงไปอยู่กับพื้น อเลนปล่อยมือพร้อมถอนหายใจเบาๆ ก้มลงเก็บ
.
.
‘ฉันรักนาย เจ้าถั่วงอก’
“คันดะ ฮึก . . . ฮือ” มือขาวปาดน้ำตาไปมา แต่น้ำตาเจ้ากรรมไม่ยอมหยุดไหล
“ขี้โกงจังนะครับ ฮึก ผมยังไม่ได้ตอบคุณเลย” เสียงสะอื้นตัดพ้อร่างที่สงบนิ่ง ไม่ยอมรับรู้
“รีบๆตื่นขึ้นมาฟังนะฮะ” ริมฝีปากอิมแตะลงบนหน้าผากของคนที่กำลังหลับใหล
“ฝันดีครับ คันดะ”
Prologue
สายลมพัดแผ่ว ปะทะกับใบหน้าหวานของผู้ที่นั่งอยู่ข้างเตียง ผมสีขาวสะอาดปลิวลู่ระต้นคอ มือเล็กๆกุมมือของร่างสูงสง่าซึ่งนอนอยู่บนเตียง
“คันดะครับ” เสียงเรียกคล้ายจะปลุกคนตรงหน้ามารับฟัง หากแต่ใบหน้าคมยังคงสงบ
“เมื่อไหร่คุณจะตื่นขึ้นมาซักทีล่ะครับ รู้มั๊ยว่าทำแบบนี้ . . . ผม . . เจ็บ . .นะครับ” น้ำเสียงกลั้นสะอื้น นัยน์ตาสีเทาเต็มรื้นไปด้วยน้ำตา อเลนเสมองไปยังดาบสีนิลข้างกายผู้ที่อยู่ในห้วงนิทรา รอยเลือดจางๆทำให้ย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อหลายเดือนก่อน
Chapter1
After the war.
หลังจากจบสงครามกับเคาท์พันปีและโนอาห์แล้ว ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้สลายไปเสียทีเดียว แต่ก็มั่นใจได้ว่าโลกใบนี้จะสงบไปอีกหลายปี
“จบแล้วนะอเลน เราไปรับโครวรี่กับคันดะคุง แล้วกลับ[บ้าน]พร้อมกันนะ” รินารี่ เด็กสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มพูดกับหนุ่มน้อยหน้าหวานอย่างร่าเริง ขระที่เชาจี๋แบกเธอขึ้นหลัง
“นั่นสิครับ กลับบ้านกันเถอะ” อเลนตอบกลับเสียงเหนื่อยอ่อน แต่แวววตาสีเทากลับฉายแววโล่งใจ . . . ดีใจ
“น่าน~สิน้า อย่างอเลนเนี่ย คงอยากจะรีบกลับไปรับใครบ้างคนที่ตามมาไม่ทันใจจะขาดแล้วล่ะ” ว่าที่บุ๊คแมนส่งเสียงแซวคนตัวเล็กเบาๆ แต่ก็พอให้ได้ยินกันทุกคน เรียกให้หน้าหวานๆของผู้ถูกแซวซับสีเลือดขึ้นมาทันที
“ราวี่!!” ดาบยักษ์ที่ยังไม่คืนสภาพเป็นแขนซ้ายฟาดเฉียดหัวส้มๆไปอย่างหวุดหวิด เล่นเอาคนปากไวหน้าซีด ไม่ยักรู้ว่าอเลนเขินแรง
ระหว่างการเดินทาง ต่างคนต่างหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน รินารี่ที่ทำหน้าสยองตอนอเลนเล่าให้ฟังว่าโคมุอิจะกระโดดกอดเธอให้เต็มรักเมื่อกลับไปแล้ว ราวี่ที่มีแผนการจะล้อคันดะว่าทำเป็นเท่ แต่สุดท้ายก็ตามมาไม่ทัน รวมถึงอเลนที่สัญญากับตัวเองในใจเอาไว้ ไม่ว่ายังไง เขาจะต้องสารภาพความรู้สึที่มีต่อเจ้าของเรือนผมยาวสีรัตติกาลให้ได้
“อ๊ะ! นั่นคุณอเลสเตอร์นี่” เชาจี๋ชี้ตรงไปยังโลงหน้าตาประหลาดๆ(ใครรู้ว่าเรียกว่าอะไรบอกหน่อยนะคะ)กลางห้องสมุด มือซีดขาวเปรอะเลือดของอเลสเตอร์ โครวรี่โผล่ออกมาตามรอยต่อ อเลนและราวี่รีบพุ่งตรงเข้าไปช่วยเหลือทันที เมื่องัดโลงออกมาได้ ร่างโชกเลือดของโครวรี่ก็ทรุดกองลงกับพื้น
“อ๊า! โครวจาง อย่าตายน๊า~” ราวี่ลากซาก(?)ของโครวรี่ขึ้นมากอดเต็มแรงจนอเลนแน่ใจว่าได้ยินเสียงดัง”แอ๊ก!”ออกจาปากของพ่อหนุ่มแวมไพร์
“ระ ราวี่ครับ ทำแบบนั้นเดี๋ยวคุณโครวรี่ก็ตายเอาจริงๆหรอกครับ”
“อ่ะ อ่าว ยังไม่ตายหรอกรึ” ราวี่ปล่อยโครวรี่ดังโครม จนอเลนชักเสียวไส้ เชาจี๋พารินารี่เดินเข้ามา
“เค้าเสียเลือดมากไป”รินารี่ทำหน้าเครียด ต่างกับราวี่
“โครวจังไม่เป็นไรหรอก แค่ได้เลือดอาคุมะซักถุง เดี๋ยวก็วิ่งปร๋อแล้ว” ราวี่ตบไหล่เธอเบาๆอย่างอ่อนโยน
“เดี๋ยวจะพากลับบ้าน แต่เราต้องไปรับยูก่อน จะได้กลับพร้อมกัน” พูดปลอบเหมือนพี่ชายกับน้องสาว ทำให้รินารี่อุ่นใจขึ้น สำหรับเขา โครวรี่ก็เป็นเพื่อนคนสำคัญ แต่จะให้ทิ้งยูไว้ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นยอมแบกเจ้าแวมไพร์นี่ไปซักหน่อยก็ได้(วะ)
สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าชวนให้เอ็กโซซิสต์ทั้งสี่ใจหาย ซากปรักหักพังบ่งบอกถึงความรุนแรงของการต่อสู้ที่ผ่านมา ไร้วี่แววของผู้คน ดวงตาสีหมอกกวาดมองด้วยความตกใจ แล้วก็พบบางสิ่งที่ทำให้ใจหายยิ่งกว่า ชายผ้าคลุมเอ็กโซซิสต์โผล่ออกมาจากกองซากตึกที่ถล่ม
“คันดะ!!” อเลนถลาเข้าไป พยายามดึงซากเหล่านั้นออก แต่ไม่ค่อยเป็นผลนัก จนราวี่ได้สติจากการตกตะลึง รีบวิ่งเข้าไปช่วยจนสำเร็จ ภายใต้ซากเหล่านั้น เผยให้เห็นร่างๆหนึ่งสลบไสลอยู่ มุเก็นคู่กายถูกกำไว้แน่น รอยแผลมีให้เป็นอยู่ประปราย ร่างเล็กๆของอเลนรีบปรี่เข้าไปพยุง ลมหายใจอุ่นผะแผ่วทำให้ใจชื้นขึ้นเป็นกอง คันดะกำมุเก็นไว้แน่นแม้ยังไม่ได้สติ ทำให้คนพยุงนึกแปลกใจ
“ราวี่ กลับกันเถอะครับ”
“ได้ตามประสงค์” ราวี่หยิบโคสึจึโอสึจิออกมา “จับให้แน่นๆน้า ทุกคน อย่าปล่อยคนที่แบกอยู่ล่ะ”
เขาบอกหลังจากเชาจี๋พารินารี่เข้ามาสมทบ อเลนกลืนน้ำลาย จับศาสตราวุธของราวี่ไว้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ ชินนนนน!! ชินนนนนนนนนนนนนน!!!”
“แว๊กกกก!!!” แล้วเสียงตะโกนกับเสียงกรีดร้องก็ดังก้องไปทั่วท้องฟ้ายามนี้
“ฉันไม่แน่ใจนะอเลน คิดว่าคงช่วยได้แค่นี้” โคมุอิ เอ่ยกับอเลนอย่างเศร้าๆ สามวันผ่านไปแล้ว เอ็กโซซิสต์หนุ่มผู้เป็นเจ้าของมุเก็นยังไม่มีทีท่าว่าจะพื้น
“คันดะคุงน่ะใช้พลังชีวิตเกินขีดจำกัด ฉันคิดพลังชีวิตที่เหลือคงพอแค่ประทังชีวิตได้เท่านั้นเอง” หัวหน้าแผนกวิทยาศาสตร์อธิบายสมมุติฐานของตัวเองให้เด็กหนุ่มผมขาวที่ดูเหมือนจะไม่ฟิงซักนิด
“อเลน” น้ำเสียงเข้มขึ้นเพื่อเรียกสติ
“คระ ครับ?” อเลนสะดุ้งเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์ โคมุอิถอนหายใจเบาๆ ’ปุ’ วัตถุสีดำถูกโยนไว้บนตักของร่างเล็ก นัยน์ตาสีเทาฉายแววตกใจออกมาเล็กน้อย ก่อนกลับกลายเป็นโศกเศร้าเช่นเดิม
“เอาออกมาได้แล้วหรือครับ” เขาจำได้ว่าแทบทุกคนพยายามที่จะงัดมุเก็นออกจากมือของคันดะ แต่ไม่มีใครทำสำเร็จซักคนเดียว
“อืม เอาไปดูซะนะ เก็บดีๆด้วยล่ะ” โคมุอิร้องสั่งเด็กหนุ่มซึ่งไม่ได้สนใจนัก
“ไปนอนเถอะอเลนคุง ไม่ได้นอนมาหลายวันแล้วนี่”
“งั้นผมขอตัวนะฮะ” แล้วคนตัวเล็กก็พาตัวเองออกจากห้องอย่างเหม่อลอยท่ามกลางความหนักใจของโคมุอิ
เจ้าของเรือนผมสีขาวไม่ได้เดินกลับห้องของตัวเอง หากแต่เดินเข้าไปในอีกห้องหนึ่ง ห้องสีขาวสะอาดนั้นแทบจะว่างเปล่า มีเพียงร่างของคันดะที่นอนอยู่บนเตียง ผู้มาใหม่ตวัดสายตามองร่างนั้นอย่างเคืองๆ พร้อมกับพาดมุเก็นลงข้างๆอย่างแรง
“ทำไมยังหลับอยู่ล่ะครับ! คันดะ จะขี้เซาไปหน่อยมั๊งครับ” มือเล็กๆขยุ้มคอเสื้อคนบนเตียงอย่างโมโห
“แม้แต่มุเก็น คุณก็ไม่เอาแล้วรึไง คุณมันบ้าที่สุดเลย!!” ตวาดอย่างรุนแรง หวังให้คนตรงหน้าตื่นขึ้นมา แม้จะโดนด่า โดนเกลียด เขาก็ยอม
‘แกร๊ก’ ดาบเล่มสวยสีดำสนิทหล่นลงไปอยู่กับพื้น อเลนปล่อยมือพร้อมถอนหายใจเบาๆ ก้มลงเก็บ
.
.
.
‘แปะ’ หยาดน้ำตาไหลจากดวงตาคู่สวยหยดลงบนพื้นเบาๆ เสียงหวานกลั้นสะอื้น บนดาบสีดำมีรอยเลือดจางๆ เป็นข้อความที่เขาเพิ่งสังเกตเห็น
‘ฉันรักนาย เจ้าถั่วงอก’
“คันดะ ฮึก . . . ฮือ” มือขาวปาดน้ำตาไปมา แต่น้ำตาเจ้ากรรมไม่ยอมหยุดไหล
“ขี้โกงจังนะครับ ฮึก ผมยังไม่ได้ตอบคุณเลย” เสียงสะอื้นตัดพ้อร่างที่สงบนิ่ง ไม่ยอมรับรู้
“รีบๆตื่นขึ้นมาฟังนะฮะ” ริมฝีปากอิมแตะลงบนหน้าผากของคนที่กำลังหลับใหล
“ฝันดีครับ คันดะ”
หลังจากนั้น ผู้คนในศาสนจักรก็มักจะเห็นหนุ่มน้อยเรือนผมสีขาว เฝ้าคอยอยู่ข้างกายชายหนุ่มเรือนผมสีดำอยู่เสมอ . . .
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น