ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FanFiction D.gray-man - Sound of desolate (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #1 : Prologue & Chapter1

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 50


    Title : Sound of desolate
    Pairing : Kanda-Allen
    Author : witch-toy


    Prologue
     
     
    สายลมพัดแผ่ว ปะทะกับใบหน้าหวานของผู้ที่นั่งอยู่ข้างเตียง ผมสีขาวสะอาดปลิวลู่ระต้นคอ มือเล็กๆกุมมือของร่างสูงสง่าซึ่งนอนอยู่บนเตียง

    “คันดะครับ” เสียงเรียกคล้ายจะปลุกคนตรงหน้ามารับฟัง หากแต่ใบหน้าคมยังคงสงบ

    “เมื่อไหร่คุณจะตื่นขึ้นมาซักทีล่ะครับ รู้มั๊ยว่าทำแบบนี้ . . . ผม . . เจ็บ . .นะครับ” น้ำเสียงกลั้นสะอื้น นัยน์ตาสีเทาเต็มรื้นไปด้วยน้ำตา อเลนเสมองไปยังดาบสีนิลข้างกายผู้ที่อยู่ในห้วงนิทรา รอยเลือดจางๆทำให้ย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อหลายเดือนก่อน
     
     

    Chapter1
     

    After the war.
     
     
                    หลังจากจบสงครามกับเคาท์พันปีและโนอาห์แล้ว ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้สลายไปเสียทีเดียว แต่ก็มั่นใจได้ว่าโลกใบนี้จะสงบไปอีกหลายปี

    “จบแล้วนะอเลน เราไปรับโครวรี่กับคันดะคุง แล้วกลับ[บ้าน]พร้อมกันนะ” รินารี่ เด็กสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มพูดกับหนุ่มน้อยหน้าหวานอย่างร่าเริง ขระที่เชาจี๋แบกเธอขึ้นหลัง

    “นั่นสิครับ กลับบ้านกันเถอะ” อเลนตอบกลับเสียงเหนื่อยอ่อน แต่แวววตาสีเทากลับฉายแววโล่งใจ . . . ดีใจ

    “น่าน~สิน้า อย่างอเลนเนี่ย คงอยากจะรีบกลับไปรับใครบ้างคนที่ตามมาไม่ทันใจจะขาดแล้วล่ะ” ว่าที่บุ๊คแมนส่งเสียงแซวคนตัวเล็กเบาๆ แต่ก็พอให้ได้ยินกันทุกคน เรียกให้หน้าหวานๆของผู้ถูกแซวซับสีเลือดขึ้นมาทันที

    “ราวี่!!” ดาบยักษ์ที่ยังไม่คืนสภาพเป็นแขนซ้ายฟาดเฉียดหัวส้มๆไปอย่างหวุดหวิด เล่นเอาคนปากไวหน้าซีด ไม่ยักรู้ว่าอเลนเขินแรง
     


                    ระหว่างการเดินทาง ต่างคนต่างหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน รินารี่ที่ทำหน้าสยองตอนอเลนเล่าให้ฟังว่าโคมุอิจะกระโดดกอดเธอให้เต็มรักเมื่อกลับไปแล้ว ราวี่ที่มีแผนการจะล้อคันดะว่าทำเป็นเท่ แต่สุดท้ายก็ตามมาไม่ทัน รวมถึงอเลนที่สัญญากับตัวเองในใจเอาไว้ ไม่ว่ายังไง เขาจะต้องสารภาพความรู้สึที่มีต่อเจ้าของเรือนผมยาวสีรัตติกาลให้ได้
     
    “อ๊ะ! นั่นคุณอเลสเตอร์นี่” เชาจี๋ชี้ตรงไปยังโลงหน้าตาประหลาดๆ(ใครรู้ว่าเรียกว่าอะไรบอกหน่อยนะคะ)กลางห้องสมุด มือซีดขาวเปรอะเลือดของอเลสเตอร์ โครวรี่โผล่ออกมาตามรอยต่อ อเลนและราวี่รีบพุ่งตรงเข้าไปช่วยเหลือทันที เมื่องัดโลงออกมาได้ ร่างโชกเลือดของโครวรี่ก็ทรุดกองลงกับพื้น

    “อ๊า! โครวจาง อย่าตายน๊า~” ราวี่ลากซาก(?)ของโครวรี่ขึ้นมากอดเต็มแรงจนอเลนแน่ใจว่าได้ยินเสียงดัง”แอ๊ก!”ออกจาปากของพ่อหนุ่มแวมไพร์

    “ระ ราวี่ครับ ทำแบบนั้นเดี๋ยวคุณโครวรี่ก็ตายเอาจริงๆหรอกครับ”

    “อ่ะ อ่าว ยังไม่ตายหรอกรึ” ราวี่ปล่อยโครวรี่ดังโครม จนอเลนชักเสียวไส้ เชาจี๋พารินารี่เดินเข้ามา

    “เค้าเสียเลือดมากไป”รินารี่ทำหน้าเครียด ต่างกับราวี่

    “โครวจังไม่เป็นไรหรอก แค่ได้เลือดอาคุมะซักถุง เดี๋ยวก็วิ่งปร๋อแล้ว” ราวี่ตบไหล่เธอเบาๆอย่างอ่อนโยน

    “เดี๋ยวจะพากลับบ้าน แต่เราต้องไปรับยูก่อน จะได้กลับพร้อมกัน” พูดปลอบเหมือนพี่ชายกับน้องสาว ทำให้รินารี่อุ่นใจขึ้น สำหรับเขา โครวรี่ก็เป็นเพื่อนคนสำคัญ แต่จะให้ทิ้งยูไว้ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นยอมแบกเจ้าแวมไพร์นี่ไปซักหน่อยก็ได้(วะ)

     

                    สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าชวนให้เอ็กโซซิสต์ทั้งสี่ใจหาย ซากปรักหักพังบ่งบอกถึงความรุนแรงของการต่อสู้ที่ผ่านมา ไร้วี่แววของผู้คน ดวงตาสีหมอกกวาดมองด้วยความตกใจ แล้วก็พบบางสิ่งที่ทำให้ใจหายยิ่งกว่า ชายผ้าคลุมเอ็กโซซิสต์โผล่ออกมาจากกองซากตึกที่ถล่ม

    “คันดะ!!” อเลนถลาเข้าไป พยายามดึงซากเหล่านั้นออก แต่ไม่ค่อยเป็นผลนัก จนราวี่ได้สติจากการตกตะลึง รีบวิ่งเข้าไปช่วยจนสำเร็จ ภายใต้ซากเหล่านั้น เผยให้เห็นร่างๆหนึ่งสลบไสลอยู่ มุเก็นคู่กายถูกกำไว้แน่น รอยแผลมีให้เป็นอยู่ประปราย ร่างเล็กๆของอเลนรีบปรี่เข้าไปพยุง ลมหายใจอุ่นผะแผ่วทำให้ใจชื้นขึ้นเป็นกอง คันดะกำมุเก็นไว้แน่นแม้ยังไม่ได้สติ ทำให้คนพยุงนึกแปลกใจ

    “ราวี่ กลับกันเถอะครับ”

    “ได้ตามประสงค์” ราวี่หยิบโคสึจึโอสึจิออกมา “จับให้แน่นๆน้า ทุกคน อย่าปล่อยคนที่แบกอยู่ล่ะ” 
    เขาบอกหลังจากเชาจี๋พารินารี่เข้ามาสมทบ อเลนกลืนน้ำลาย จับศาสตราวุธของราวี่ไว้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ ชินนนนน!! ชินนนนนนนนนนนนนน!!!”
    “แว๊กกกก!!!” แล้วเสียงตะโกนกับเสียงกรีดร้องก็ดังก้องไปทั่วท้องฟ้ายามนี้
     
                    “ฉันไม่แน่ใจนะอเลน คิดว่าคงช่วยได้แค่นี้” โคมุอิ เอ่ยกับอเลนอย่างเศร้าๆ สามวันผ่านไปแล้ว เอ็กโซซิสต์หนุ่มผู้เป็นเจ้าของมุเก็นยังไม่มีทีท่าว่าจะพื้น

    “คันดะคุงน่ะใช้พลังชีวิตเกินขีดจำกัด ฉันคิดพลังชีวิตที่เหลือคงพอแค่ประทังชีวิตได้เท่านั้นเอง” หัวหน้าแผนกวิทยาศาสตร์อธิบายสมมุติฐานของตัวเองให้เด็กหนุ่มผมขาวที่ดูเหมือนจะไม่ฟิงซักนิด

    “อเลน” น้ำเสียงเข้มขึ้นเพื่อเรียกสติ

    “คระ ครับ?” อเลนสะดุ้งเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์ โคมุอิถอนหายใจเบาๆ ’ปุ’ วัตถุสีดำถูกโยนไว้บนตักของร่างเล็ก นัยน์ตาสีเทาฉายแววตกใจออกมาเล็กน้อย ก่อนกลับกลายเป็นโศกเศร้าเช่นเดิม

    “เอาออกมาได้แล้วหรือครับ” เขาจำได้ว่าแทบทุกคนพยายามที่จะงัดมุเก็นออกจากมือของคันดะ แต่ไม่มีใครทำสำเร็จซักคนเดียว

    “อืม เอาไปดูซะนะ เก็บดีๆด้วยล่ะ” โคมุอิร้องสั่งเด็กหนุ่มซึ่งไม่ได้สนใจนัก

    “ไปนอนเถอะอเลนคุง ไม่ได้นอนมาหลายวันแล้วนี่”

    “งั้นผมขอตัวนะฮะ” แล้วคนตัวเล็กก็พาตัวเองออกจากห้องอย่างเหม่อลอยท่ามกลางความหนักใจของโคมุอิ

                    เจ้าของเรือนผมสีขาวไม่ได้เดินกลับห้องของตัวเอง หากแต่เดินเข้าไปในอีกห้องหนึ่ง ห้องสีขาวสะอาดนั้นแทบจะว่างเปล่า มีเพียงร่างของคันดะที่นอนอยู่บนเตียง ผู้มาใหม่ตวัดสายตามองร่างนั้นอย่างเคืองๆ พร้อมกับพาดมุเก็นลงข้างๆอย่างแรง

    “ทำไมยังหลับอยู่ล่ะครับ! คันดะ จะขี้เซาไปหน่อยมั๊งครับ” มือเล็กๆขยุ้มคอเสื้อคนบนเตียงอย่างโมโห 

    “แม้แต่มุเก็น คุณก็ไม่เอาแล้วรึไง คุณมันบ้าที่สุดเลย!!” ตวาดอย่างรุนแรง หวังให้คนตรงหน้าตื่นขึ้นมา แม้จะโดนด่า โดนเกลียด เขาก็ยอม

    ‘แกร๊ก’ ดาบเล่มสวยสีดำสนิทหล่นลงไปอยู่กับพื้น อเลนปล่อยมือพร้อมถอนหายใจเบาๆ ก้มลงเก็บ
    .

    .

    .
    ‘แปะ’ หยาดน้ำตาไหลจากดวงตาคู่สวยหยดลงบนพื้นเบาๆ เสียงหวานกลั้นสะอื้น บนดาบสีดำมีรอยเลือดจางๆ เป็นข้อความที่เขาเพิ่งสังเกตเห็น

    ‘ฉันรักนาย เจ้าถั่วงอก’

    “คันดะ ฮึก . . . ฮือ” มือขาวปาดน้ำตาไปมา แต่น้ำตาเจ้ากรรมไม่ยอมหยุดไหล

    “ขี้โกงจังนะครับ ฮึก ผมยังไม่ได้ตอบคุณเลย” เสียงสะอื้นตัดพ้อร่างที่สงบนิ่ง ไม่ยอมรับรู้

    “รีบๆตื่นขึ้นมาฟังนะฮะ” ริมฝีปากอิมแตะลงบนหน้าผากของคนที่กำลังหลับใหล

    “ฝันดีครับ คันดะ”
     
    หลังจากนั้น ผู้คนในศาสนจักรก็มักจะเห็นหนุ่มน้อยเรือนผมสีขาว เฝ้าคอยอยู่ข้างกายชายหนุ่มเรือนผมสีดำอยู่เสมอ . . .
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×