คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Never
Title : Never
Inspiration : Never Synkornize feat. Muzu
Pairing : Kanda x Allen
มนุษย์หลงใหลเพียง ...ภาพลวงตา
ฤดูฝนผ่านมาอีกครา และอีกไม่นาน มันจะผ่านไป ..น่าแปลกที่หลายชีวิตเฝ้าภาวนาร้องขอน้ำฝนจากฟากฟ้า หากอีกหลายชีวิตกลับอยากให้ฤดูกาลเปียกปอนนี้ผ่านไปโดยไว
...สายฝนจึงเป็นที่รักและที่ชังไปในเวลาเดียวกัน...
ท้องฟ้าคำรามเสียงก้อง สายฝนสาดซ่ากระทบหลังคาเบา ๆ พื้นถนนเจิ่งนองไปด้วยน้ำ สำหรับบางคน บรรยากาศเช่นนี้เลวร้ายนัก แต่สำหรับคันดะ มันช่างเป็นเรื่องเล็กน้อย
เมื่อเทียบกับความเป็นห่วงที่วิ่งวุ่นในหัวใจ
ร้านกาแฟเล็กๆ คนไม่มากเหมือนที่อื่น มีเพื่อนที่มหาลัยทำงานพาร์ททาร์มอยู่ เหตุผลทั้งหมดมากพอที่จะทำให้คันดะมานั่งจิบกาแฟ อ่านหนังสือ และรอใครบางคนที่นี่ .. ทุกเย็น
“เฮ้! ยู ฝนตกๆแบบนี้ไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องบ้างรึไง” เสียงเจ้าเพื่อนตัวแสบดังขึ้นมาข้าง ๆ เด็กหนุ่มจึงได้ละสายตาขึ้นมาจากหนังสือที่อ่านไปก็ไม่ได้เข้าหัวเลยแม้สักน้อย นึกเคืองเล็กๆที่ราวี่เรียกชื่อของเขาตรงๆ แต่ก็คิดว่ายังดีกว่าไล่ไปแล้วตัวเขาต้องมานั่งฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว
“ว่างมากนักรึไง” ส่งคำถามไม่จริงจังกลับ คันดะเปลี่ยนอิริยาบถมาเป็นแบบสบายๆ ไม่มีทีท่าคร่ำเคร่งกับหนังสืออย่างเมื่อครู่
“รออเลนล่ะสิ” เจ้าตัวแสบย้อนอย่างรู้ทัน “ป่านนี้เจ้าถั่วงอกนั่นจะอยู่ไหนน้า ไม่รู้รึไงว่าพ่อโซบะแมนรอจะบูดอยู่แล้ว”
“หุบปากแล้วไปทำงานต่อซะ ราวี่” คันดะเอ่ยปากเสียงเรียบ ในใจนึกถอนความคิดที่ว่าปล่อยให้ไอ้บ้านี่อยู่ใกล้ๆดีกว่าอยู่คนเดียวคืน ราวี่ทำเสียงจิ๊ในลำคอ ยิ้มน้อย ๆ แล้วเดินกลับไปจี๋จ๋าผู้จัดการผิวเข้มหลังเคาท์เตอร์ต่อ
หลายนาทีต่อมา บุคคลที่ถูกเรียกว่าถั่วงอกจึงได้วิ่งกระหืดกระหอบฝ่าฝนเข้ามาในร้าน เพียงกระดิ่งประตูดังกริ๊งแรก คันดะก็หันไปหาคนที่เขารอแล้ว
“ขะ ..ขอโทษครับ ผมมาสาย ..อีกแล้ว”
คำว่า ‘อีกแล้ว’ แผ่วลงราวรู้สึกผิด น้อยครั้งนักที่เด็กหนุ่มนามอเลนจะมีสีหน้ากระอักกระอ่วนอย่างคราวนี้ เช่นเดียวกับนับครั้งได้ที่คันดะจะโกรธเด็กหนุ่ม และไม่เคยเลยซักครั้งที่ความโกรธนั้นจะจริงจังเกินกว่าการเอ็ดเจ้าตัวเล็กเบาๆ อเลนยิ้มบางๆ รอยยิ้มเจ้าตัวปั้นแต่งออกมาจากหัวใจที่หนาวเหน็บ
... มีเพียงคันดะเท่านั้นที่ทำให้รอยยิ้มจอมปลอม กลายเป็นรอยยิ้มจริงใจ
คันดะยังตีหน้านิ่ง ร่างบอบบางที่ยืนหน้าประตูห่อตัวลง เนื้อตัวเปียกปอนยิ่งทำให้อากาศเย็นลงเท่าตัว แต่มันก็ไม่หนักหนาเท่าสีหน้าเย็นๆจากคนที่ได้ชื่อว่า ‘คนรัก’ ซึ่งดูน่ากลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้
และมีเพียงอเลนเท่านั้น ที่คันดะจะเปิดใจให้ ...
จู่ๆ ใบหน้าที่เก๊กนิ่งๆก็หันไปสั่งบางอย่างกับพนักงานหน้าใหม่ที่ออกมารับหน้าแทนเพื่อนร่วมงานกับผู้จัดการที่หายไปหลังร้านเสียนานแล้ว เมื่อได้ยินออร์เดอร์ที่อีกฝ่ายสั่ง ก็ทำให้รอยยิ้มหวานๆของอเลนคลี่ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
ช็อกโกแล็ตร้อน ผ้าขนหนู และมิทาราชิดังโงะ 20 ไม้!
นานพอดูกว่ารายการของหวานทั้งหมดจะได้ ระหว่างนั้นเด็กหนุ่มหน้าหวานก็ได้ดื่มช็อคโกแล็ตร้อนๆ ที่ทำให้รู้สึกอุ่นได้ทันตา โดยมีสายตาของคนจากที่นั่งฝั่งตรงกันข้ามมองอยู่ตลอด
“เอ่อ ... คันดะช่วยเลิกมองผมแบบนั้นได้ไหมครับ” อเลนวางไม้เสียบดังโงะที่ไม่เหลือเค้าขนมติดอยู่ลง นับรวมกับไม้ข้างๆก็เป็นไม้ที่สิบพอดิบพอดี “ผมกินไม่ค่อยสะดวก”
คันดะเหลือบตามองขนมในจากอย่างนึกขัน แต่ก็ไม่มีอาการแสดงออกทางสีหน้าเช่นเคย
“ฉันเอาอะไรไปขวางคอนายไว้รึไง ถึงได้กินไม่สะดวกน่ะ”
“โธ่ ถ้าแค่เอาไม้มาขวางน่ะไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ แต่นี่...” พลันบรรยากาศรอบข้างก็เงียบลงเสียดื้อๆ อเลนสะดุดกับคำพูดที่จะพูดต่อ ขณะที่คันดะก็กำลังรอฟัง
“แต่นี่ อะไร?”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ” พูดจบก็ก้มหน้าก้มตาทานดังโงะที่เหลือต่อ ไม่มีทีท่าจะสานต่อประโยคเมื่อครู่สักนิด อีกฝ่ายก็ดูจะไม่ติดใจอะไร
สายฝนยังโปรยลงเรื่อยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ...หากในคอฟฟี่ช็อปเล็กๆแห่งนี้กลับอบอวลไปด้วยบรรยากาศอุ่นๆ จากคู่รักหลากประเภท ....บางที คู่ที่ไม่ได้ร่วมสร้างบรรยากาศที่สุด อาจจะเป็นคู่นี้ก็ได้
“ตรงนี้นายต้องแทนด้วย x ต่างหาก ...นี่! ไม่ใช่แบบนั้น นายต้องเอาตัวเลขฝั่งนี้มาใส่” มือใหญ่ถือวิสาสะแย่งดินสอจากเจ้าตัวเล็กขึ้นมาเขียนเสียเอง โจทย์คณิตศาสตร์แสนยากนี้ทำให้คนตัวเล็กอารมณ์เสียพอดูอยู่แล้ว ยิ่งเจอกับติวเตอร์ส่วนตัวที่ใจร้อนพ่วงปากไวเข้าไปอีก หน้าหวานๆจึงมุ่ยสนิท
“แล้วทำไมคันดะไม่ทำให้ซะตั้งแต่แรกล่ะครับ” ส่งเสียงตวัดพร้อมเลื่อนสมุดเล่มบางไปอีกฝากของโต๊ะ บ่งบอกว่าเจ้าของสมุดถูกอารมณ์งอนเข้าสิงเสียแล้ว คันดะได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ
“ถ้านายไม่ทำเองตอนนี้ ต่อไปนายก็มีค่าแค่ถั่วงอกต้นนึงเท่านั้น”
“ถั่วงอกมีประโยชน์จะตายไป” เอ่ยเถียงเบาๆ อเลนพอจะเข้าใจความขี้เก๊กปากหนักที่ปิดบังความเป็นห่วงของคนตรงหน้าอยู่หรอก แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนๆนี้ถึงไม่รู้จักเอาใจเสียบ้างนะ ทั้งๆที่เป็นฝ่ายมาสารภาพรักกับเขาก่อนแท้ๆ
“เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้ว นายยังทำการบ้านไม่เสร็จนะ เจ้าถั่วงอก”
“อเลนครับ!”
หากมีรัก ...หากไร้รัก
ความรักถูกเติมเต็มได้ด้วยคนสองคน
แล้วหากความรักนั้นไม่ได้มีแค่สองคนล่ะ?
เพราะบางเรื่อง บางคน ...ไม่อาจลืมได้
เพราะบางเรื่อง บางคน ... ไม่พร้อมที่จะรัก
ฝน ...กำลังตกหนัก
ร้านกาแฟแห่งเดิม บรรยากาศเหมือนเดิม และการรอคอยของคนๆเดิม
นัยน์ตาสีดำเหม่อมองท้องฟ้า กาแฟบนโต๊ะเย็นชืด แต่เจ้าตัวก็ไม่คิดจะแตะมัน
ฝืนฟ้าสีหม่น ราวกับกำลังแสดงอีกด้านหนึ่งของหัวใจที่เจ็บปวดออกมา
..เจ็บปวดกับความผิดหวัง
..เจ็บปวดกับความสับสน
..เจ็บปวดเพราะไม่อาจรัก
..เจ็บปวดเพราะไม่เคยรัก
ในมุมของเขา มุมสีหม่นเพราะหลงรักภาพลวงตา
ราวกับว่ามีตัวตน หากเมื่อแตะต้อง มันจะสลายไป
หยดน้ำจากฝ้าเพดานหยดลงบนใบหน้าคม ไหลเป็นทางยาวจนดูคล้าย ... น้ำตา
มุมสีหม่นของเมฆสีขาว
ตอนนี้หมอนั่น ..กำลังเจ็บปวด
เพราะอะไรนะ....?
“ฝนตกอีกแล้วนะ” ราวี่แหงนหน้ามองท้องฟ้า พึมพำเบาๆ คันดะละสายตาจากเมฆสีเทาเพียงชั่ววิ
“ผิดแล้ว ...ฝนยังไม่หยุดตกต่างหาก”
ใช่ ... ฝนในใจของอเลน ยังไม่เคยหยุดแม้เพียงเสี้ยววิ
อีกครั้งและอีกครั้งกับการเฝ้าคอยของเด็กหนุ่มวัยสิบแปด ดูเหมือนว่าอเลนจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้มาสายได้อยู่เรื่อยๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนรอเอ่ยปากถามหรือบ่นว่าแต่อย่างใด
“ทำไมนายไม่โทรตามเจ้าหมอนั่นล่ะ นี่เลยเวลานัดมาจะสองชั่วโมงอยู่แล้วนะ” เพื่อนซี้รายเดิมเท้าคางถามอย่างนึกรำคาญแทน มีอะไรนักหนาที่จะต้องทำขนาดผิดเวลานัดกันทุกวัน ถึงราวี่เองจะเอ็นดูอเลนอยู่ไม่น้อย แต่มันก็คนละเรื่องกับที่เพื่อนเขาต้องมาแกร่วรออย่างนี้ทุกวันนี่
“สนใจเรื่องของตัวเองเถอะ” คันดะพูดพร้อมปรายตามองรอยสีแดงๆบนลำคอของคนที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่วัยประถม ร้อนใจเรื่องเด็กชายผมขาวอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว ยิ่งมาเจอเพื่อนตัวแสบคอยเวียนมาเต๊ะท่าสอบสวนเป็นระยะ ๆ ยิ่งหงุดหงิดใหญ่
“หรือว่านายไม่มีมือถือ? ยืมของฉันก่อนก็ได้นะ ถอยมาใหม่เอี่ยมจากร้านลุงทีเอดอลข้างๆนี่เอง” พูดจบก็ล้วงเอามือถือพับได้เครื่องจิ๋วออกจากกระเป๋าผ้ากันเปื้อนออกมาอวดพร้อมฉีกยิ้มเป็นมิตรสุดฤทธิ์ ถ้าไม่ติดว่าบ้าอย่างซื่อๆแล้วละก็ คันดะคงเลิกคบกับราวี่ไปตั้งแต่วันแรกที่คุยด้วยแล้ว
“เปล่า ฉันน่ะมี แต่เจ้าถั่วงอกนั่นไม่ ...” ประโยคทิ้งท้ายเงียบลงราวกับคนพูดกำลังใช้ความคิด “นายว่าข้างๆนี้เป็นร้านขายโทรศัพท์งั้นหรือ”
“ช่ายยยย เขาขายถูกมากเลยนะ ยิ่งบอกว่าอยู่ร้านข้างๆกัน คุณทีเอดอลก็ลดให้ซะเหมือนได้เปล่าเลยล่ะ เฮ้ ยู! ไปไหนน่ะ!” กว่าคนที่หลับหูหลับตาพล่ามประโยคยาวเหยียดออกมาจะรู้ตัว ประตูร้านก็งับปิดลงไปพร้อมๆกับเสียงกระดิ่งส่งเสียงกรุ๋งกริ๋งตามหลัง
หลายนาทีต่อมาร่างบางจึงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในร้านเหมือนหลายวันที่ผ่านมา ต่างจากเดิมตรงที่ฝนไม่ตก อาจจะด้วยเหตุนี้รอยยิ้มของอเลนจึงดูสดใสกว่าทุกวัน
“คันดะครับ ไปซื้อหนังสือกันเถอะ”
ที่น่าแปลกที่สุด คงเป็นเด็กหนุ่มเจ้าของแววตาเย็นชา ที่ปิดปากเงียบมาตั้งแต่กลับจากร้านมือถือเมื่อครู่
------------------------------------------------------
“ทั้งหมดสองพันห้าร้อยเยนค่ะ ตอนนี้ทางร้านมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้า หยิบสลากได้หนึ่งใบต่อหนึ่งรายการซื้อนะคะ” พนักงานสาวกล่าวเสียงหวานพร้อมหยิบกล่องใบหนึ่งขึ้นมาตั้งตรงหน้าเด็กหนุ่ม อเลนรับคำเบาๆ ก่อนจะหยิบฉลากอย่างไม่ได้คิดอะไร ถึงแม้จะรู้สึกแปลกๆที่ใบสลากในกล่องดูจะน้อยกว่าปรกติก็เถอะ
พนักงานคนเดิมรับสลากจากมือของเด็กหนุ่ม รอยยิ้มที่เจืออยู่บนใบหน้ายิ่งเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อเอ่ย
“รางวัลใหญ่ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ xx รุ่น xx หนึ่งเครื่องค่ะ”
“หา!” เสียงหวานอุทานลั่น ตัวตากลมโตพยายามเพ่งมองกระดาษในมือคนพูดให้ชัดๆ ไม่ให้ตกใจได้อย่างไรในเมื่ออยู่ดีๆก็มีมือถือรุ่นแพงหล่นใส่หน้าตักเสียอย่างนั้น
“รับเลยนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะใส่ถุงแยกให้ ซักครู่ค่ะ” พนักงานสาวกรีดยิ้มหวานให้อเลน และเลยผ่านมายังร่างสูงเบื้องหลังเด็กหนุ่มที่พยักหน้าน้อย ๆ ให้เหมือนสื่อความอะไรบางอย่าง
เมื่อสองหนุ่มเดินออกไปแล้ว พนักงานอีกคนจึงเข้ามาซัก
“นี่ แล้วจะรู้ได้ไงล่ะว่าจะจับได้ใบที่เขียนว่าโทรศัพท์น่ะ”
“ไม่เห็นจะยากเลย ก็แค่สลากทั้งกล่องเขียนว่าโทรศัพท์ก็หมดเรื่องแล้ว”
“ต้าย ความคิดดี” พนักงานสาวเทียมที่มาทีหลังเอ่ยขึ้นบ้าง
“ความคิดฉันที่ไหนล่ะ พ่อรูปหล่อผมยาวโน่นเป็นคนคิด อิจฉาเด็กคนนั้นชะมัดเลย มีแฟนน่ารักๆแบบนี้ ซื้อมือถือให้ก็ยังไม่ยอมบอก ทำไมต้องทำเรื่องว่าเป็นรางวัลด้วยน้า ขี้อายน่าดูเลยนะเนี่ย คิกๆ”
“นี่ เจ้าถั่วงอก ...เฮ้!” คันดะผลักหัวคนที่เดินนำหน้าเบาๆเมื่อไม่ได้รับปฏิกิริยาตอบรับจากเด็กชายถั่วงอก จนคนถูกผลักสะดุ้ง คลำศีรษะป้อยๆ
“แค่นี้ไม่เห็นต้องผลักกันเลยนี่ครับ” อเลนแกล้งทำหน้ามุ่ย อันที่จริงจะบอกว่าแกล้งก็ไม่ได้เพราะเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ แต่วันดีๆแบบนี้ เด็กชายจึงไม่รู้สึกโกรธหรือไม่พอใจจริงจังนัก
“เหม่ออะไรอยู่ได้ จะเลยบ้านนายอยู่แล้ว”
“เอ๋?” ใบหน้าหวานเหลียวกลับ พบว่าตนเกือบจะเดินพ้นเขตหอพักของตัวเองอยู่รอมร่อ จึงได้แต่หัวเราะเขินๆ
อเลนส่งรอยยิ้มหวานให้คนรัก โดยไม่ทันสังเกตแววหม่นหมองที่ฉายอยู่บนนัยน์ตาสีดำ
“จะขึ้นไปบนห้องผมมั๊ยล่ะครับ”
“ห๊ะ” ชายหนุ่มผมดำอุทานแปลกใจ แล้วก็มีทีท่าคล้ายเข้าใจอะไรบางอย่าง
รอยยิ้มหวานแต้มขึ้นบนใบหน้า อเลนรู้สึกสนุกเล็กๆเมื่อให้ท่าทางตกใจของคันดะ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงวูบเดียว อาจเพราะก่อนหน้านี้อเลนไม่เคยอนุญาตให้ชายหนุ่มไปที่ห้องเลยสักครั้ง แม้แต่หน้าห้องเจ้าตัวก็ปฏิเสธเสียงแข็ง
‘ผมไม่อยากให้คุณเข้ามา ถ้าในสมองของผมมีแต่เรื่องของคนๆนั้น ในห้องผมก็คงจะมีแต่กลิ่นอายของคนๆนั้น ... ผมไม่อยากให้คุณ
คันดะสะบัดไล่เสียงจากอดีตที่สะท้อนไปมาอยู่ในหัวของเขา อาจจะรวมถึงภาพบาดตาที่เขาได้เห็นเมื่อเย็น
... ภาพคนรักของเขา กับลังจูบกับใครอีกคน คนที่อเลนเคยบอกว่าไม่อาจลืม ...
บางที ...อเลนอาจจะตัดสินใจแล้วก็ได้
บางที ...ความดื้อดึงของเขาที่ขอคบกับอเลนอาจจะไร้ผล
บางที ...แม้แต่ในความฝัน เขาก็ไม่อาจจะอาจจะอยู่ในหัวใจของอเลนได้
ถึงตอนนี้คันดะเพิ่งรู้สึก ...ว่าจนถึงบัดนี้ ร่างเล็กไม่เคยเอ่ยคำว่ารักกับเขา และเขาก็ไม่เคยได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของอเลน
...ไม่เคยเลยจริงๆ...
“คันดะ คันดะครับ?”
เสียงหวานๆปลุกให้คันดะตื่นจากความคิดของตัวเอง เมื่อหันมองก็พบรอยล้อเลียนบนใบหน้าของอเลน
“แบบนี้ก็หายกันแล้วนะครับ เหม่อมากๆเดี๋ยวก็โดนผมจี้หรอก” คำพูดเคล้าเสียงหัวเราะของเด็กชายทำให้คันดะอดยิ้มตามไม่ได้
ถึงคนที่อเลนรักจะไม่ใช่คันดะ
แต่เขาก็คงจะขอรักอเลนต่อไป
เพราะมีเพียงรอยยิ้ม จากคนฝั่งสีขาวเท่านั้น
ที่ทำให้คนฝั่งสีราตรีอย่างเขา ... มีความสุข อย่างที่ไม่เคยเป็น...
ห้องของอเลนเล็กกว่าที่คาดไว้มาก แต่ให้บรรยากาศอุ่นๆ สบายๆ
คล้ายกับเจ้าของห้อง... ผู้มาเยือนให้นิยามในใจแบบนั้น
“อาจจะรกหน่อยนะครับ” เจ้าของห้องเอ่ยเขินๆ จัดแจงหยิบเหยือกและแก้วน้ำวางไว้บนโต๊ะ อาคันตุกะหน้าสวยนั่งลงเงียบๆ
“เอ่อ....” อเลนหายใจเข้าออกยาว ๆ เด็กชายกำลังตัดสินใจจะพูดอะไรบางอย่างที่อาจทำให้บางอย่างเปลี่ยนแปลกไปจากเดิม
“ถ้านายไม่อยากคบกับฉัน ...นายจะเลิกก็ได้นะ” น้ำเสียงแหบห้าวผ่านออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบของคันดะ ดวงตาสีหมอกมองค้างตกใจ
“ว่าอะไรนะครับ?”
“ฉันบอกว่า ถ้านายพยายามรักฉันไม่ได้ หรืออยากจะเลิก..”
‘ลองพยายามรักฉันดูซักครั้ง’
‘ถ้าผมทำไม่ได้?’
เสียงเหตุการณ์เมื่อสารภาพรักผ่านเข้ามาในมโน ราวกับว่ามันกำลังเกิดอยู่ตรงหน้า
‘ถึงตอนนั้น ....’
“นายก็ทำตามที่นายต้องการ”
‘นายก็ทำตามที่นายต้องการ’
เสียงพูดแผ่วเบา หากนิ่งเสียจนคล้ายกำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ อเลนมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
“อะไรที่ทำให้คุณคิดแบบนั้น?” อเลนถามเสียงอ่อน
“อะไรก็ตามที่นายได้ทำ”
“งั้น ผมก็ทำตามที่ผมต้องการได้ใช่ไหม”
คันดะเม้มปากแน่น จงใจหลบสายตาที่อีกฝ่ายมองตรงมา จะว่ากันจริงๆแล้ว เขาอาจยังไม่พร้อมสำหรับการถูกบอกเลิก
ไม่เคยเตรียมตัวมาสำหรับสถานการณ์แบบนี้มากกว่า
มันอาจจะเจ็บปวดมากกว่าการที่ต้องปวดหนึบๆตรงหัวใจอย่างตอนนี้ แต่ก็คงจะดีกว่าดันทุรังขังอเลนไว้ต่อไป
คนไม่เคยเจ็บปวด เวลาเจ็บจะเจ็บซักแค่ไหนนะ
“ผม...”
“ผมรักคันดะครับ”
จบประโยคก็ตบท้ายด้วยริมฝีปากนุ่มๆที่แตะลงและผละออกอย่างรวดเร็วเสียจนคนที่เพิ่งถูกบอกรักหมาดๆตั้งตัวไม่ทัน
“นาย ..ว่าไงนะ”
“ผมไม่มีทางพูดประโยคนั้นซ้ำหรอก” อเลนเบือนหน้าหนี พวงแก้มขาวกลายเป็นสีแดง แถมด้วยอาการร้อยวูบวาบที่ใบหน้า “อันที่จริง ผมยังไม่เคยพูดกับใครเลยด้วยซ้ำ”
“หืม? นายก็เคยมีคนรัก แล้วนายก็บอกว่า ..รักมันมาก” คันดะเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ อเลนแยกเขี้ยวใส่เมื่อได้ยินคำว่ามันจากปากของพ่อโซบะใจร้อน
“ผมแค่คิดว่าผมรัก ...มันเป็นความผูกพันมากกว่า ยังไงเขาก็อยู่กับผมมาตลอด แต่ผมไม่ได้บอกว่ารักเขาซักหน่อย คุณโมเมเอาเองต่างหาก”
“แล้ว เมื่อเย็น” จบคำพูดของคันดะ คนตัวเล็กมุ่นคิ้วสงสัย แล้วก็ยิ้มออกมา
“คุณเห็น”
“ใช่ ฉันเห็น เห็นทุกครั้งที่มันคอยตื้อตามนายเวลาเลิกเรียนจนนายไปที่ค๊อฟฟี่ช็อปสาย เห็นที่นายร้องไห้เพราะมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็เห็นวันนี้ ที่มัน”
“จูบลาผม”
“ใช่ จูบลา หา!”
อเลนระเบิดหัวเราะเมื่อได้ยินคันดะทวนประโยคเขาและอุทานออกมาเสียงดัง เขาหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เพิ่งได้วันนี้ขึ้นมาก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย
“ผมว่าผมไม่ค่อยชอบรุ่นนี้เลยน้า ...คันดะว่า ถ้าบอกคนขายเขาจะเปลี่ยนให้ไหมครับ” ดวงตากลมโตมองตรงมาที่ใบหน้าคม พร้อมๆกับอาการอมยิ้มน่ารัก
“ไม่รู้สิ มาถามฉันทำไม ถามคนซื้อโน่น” คันดะตีหน้าตายตอบ
“นั่นสินะครับ แต่ผมว่า ผมก็ถามถูกคนแล้วนะ คันดะว่าคุณลุงทีเอดอลจะเปลี่ยนมือถือให้ผมมั๊ย” มือบางหยิบใบรับประกันเครื่องขึ้นมาอ่าน คันดะที่รู้ตัวว่าความแตกถึงกับยิ้มไม่ออก แม้ว่าตอนนี้เขาจะยิ้มไปแล้วก็เถอะ
“ชิ! พลาดจนได้”
อเลนหัวเราะคิกคัก แล้วก็ต้องหยุดกะทันหันเมื่อร่างสูงเดินเข้ามาประชิด
“แค่เปลี่ยนน่ะง่าย แต่ก่อนอื่นต้องเช็ดรอยนี่ให้หมด”
“เช็ด?...”
แล้วอเลนก็ได้รับคำตอบที่กำลังจะถาม คำตอบที่ลึกซึ้งกว่าคำพูดใดๆ
ผ่านไปเนิ่นนานกว่าคันดะจะถอนจูบออก เมื่อได้หายใจพอแล้ว อเลนจึงพูดค่อยๆ
“ขี้โกงนี่”
ร่างสูงหัวเราะเบาๆ ....จูบแรกระหว่างพวกเขา ช่างมีความสุขกว่าที่คิดไว้เสียอีก
ดวงหน้าหวานเงยขึ้นรับแสงอาทิตย์ที่สาดแสงผ่านหน้าต่างเข้ามา รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้น
“ฝน ..หยุดตกแล้วนะครับ”
.
.
เด็กหนุ่มสองคนเดินออกจากห้องพักเล็กๆ
มือขวาซ้ายจากสองร่างกุมกระชับกันอย่างที่ไม่เคยทำ ...
.
เสียงหัวเราะสองเสียงประสานกันอย่างที่ไม่เคยได้ยิน ...
.
หัวใจสองดวงเต้นพร้อมกันอย่างไม่เคยเป็น ...
... แต่ตอนนี้ มันเป็นไปแล้ว ...
--- Fin ---
ความคิดเห็น