ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โซ่ แส้ กุญแจใจ : Hot Cops By นกในกรง (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2-6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 149
      2
      5 ส.ค. 59

    เนื้อหาเต็มลงในธัญวลัยนะคะ ><

    ---CUT---


    ผมก้าวลงจากเตียงแล้วก็ทรุดลง ขาสั่นอย่างเห็นได้ชัด

     

    “หึหึ”

     

    มันหัวเราะแล้วช้อนตัวผมขึ้นอุ้มพาไปทางห้องน้ำก่อนจะวางผมลงในอ่าง

     

    “เอ้า อาบเองนะ นี่ถ้าไม่ต้องไปเอาของ ในห้องน้ำอีกสักรอบก็ไม่เลว”

     

    มันลูบหน้าผมก่อนจะออกไปจากห้องน้ำ แต่ไม่ปิดประตู ผมด่ามันในใจ ใช้ฝักบัวชำระคราบเหงื่อยไคล 

     

    มองไปทั่วห้องน้ำแต่ก็ยังหาทางหนีไม่ได้ ผมไม่สามารถวิ่งออกไปทั้งอย่างนี้เพราะไม่มีเสื้อผ้า ไม่มีแม้แต่ผ้าเช็ดตัว อาวุธที่จะหาได้ในนี้ก็ไม่มี ผมคิดไปพลางอาบน้ำไปพลาง จนอาบเสร็จก็ยังคิดทางไม่ออกดังนั้นผมจึงเริ่มอาบน้ำอีกรอบ

     

    “จะออกมาเองหรือว่าให้กูเข้าไปอุ้มออกมาดี”

     

    ตอนที่กำลังจะเริ่มอาบรอบที่สามมันก็โผล่มาที่หน้าประตู คำว่าอุ้มของมันฟังมีความหมายอื่นแอบแฝง ผมจึงไม่กล้าเสี่ยง

     

    “เอาผ้าเช็ดตัวมาสิ”

     

    มันส่งผ้าให้ แต่ยังจ้องผมเขม็ง ผมรู้ว่าที่มันจ้องไม่ใช่ด้วยความพิศวาส แต่เพราะมันระวังไม่ให้ผมหนีต่างหาก

     

    “ใส่นี่”

     

    มันยื่นชุดใหม่ให้ผม ไม่รู้ว่ามันเอามาจากไหนแต่ผมก็ยอมใส่อย่างว่าง่าย คิดหลอกให้มันตายใจ รอออกไปข้างนอกห้องเมื่อไหร่มีโอกาสผมจะเผ่นทันที

     

    “เฮ้ย! ไอ้เลว มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ”

     

    แต่แล้วความหวังของผมก็หมดไปเมื่อมันใส่กุญแจมือผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันล็อกกุญแจไว้ที่ข้อมือผมข้างหนึ่งกับข้อมือของมันอีกข้างหนึ่ง

    ผมออกมาจากโรงแรม เดินไปขึ้นรถที่จอดไว้ไม่ไกล มันยัดผมเข้าทางคนขับให้ผมข้ามเกียร์รถไปนั่งอีกฝั่ง

     

    “บอกทางสิ”

     

    ผมนั่งนิ่ง ไม่ยอมบอกทาง มันเลยกระตุกข้อมือที่ถูกใส่กุญแจมืออย่างแรง

     

    “อย่าให้ต้องบังคับนะ บนรถนี่ก็ดีเหมือนกัน”

     

    ผมเม้มปาก รู้ว่ามันไม่ได้ขู่เล่นๆ มันกล้าทำจริงแน่ สุดท้ายจึงต้องบอกทางไปที่ห้อง

     

    “เอ้า ลงมา”

     

    ผมลงจากรถด้วยสภาพทุลักทุเลไม่ต่างจากตอนขึ้น พามันไปบนห้องแบบไม่อิดออด ตอนอยู่บนรถมันบอกว่าถ้าได้ของคืนจะไม่จับผม ที่จริงถ้ามันบอกอย่างงี้แต่แรกผมคงไม่ปากแข็งอยู่หรอก

     

    “อันไหนเลือกไปเลย”

     

    ผมหยิบกล่องรองเท้ามาเปิด ข้างในมีของที่ผมฉกมาได้อยู่หลายชิ้น มันมองๆแล้วหยิบแหวนไปใส่กระเป๋ากางเกง

     

    “เสร็จแล้วก็ปล่อยสิ”

     

    มันไม่ทำตาม กลับส่ายหน้าแล้วดันผมเข้าห้อง

     

    “เรามาตกลงกันหน่อย”

     

    ผมนิ่วหน้า ยังต้องตกลงอะไรกันอีก

     

    “ครั้งนี้มึงรอดเพราะเพื่อนกูไม่อยากเอาเรื่อง แต่ในกล่องนั้นต้องมีเจ้าของสักคนแหละที่แจ้งความไปแล้ว”

     

    ผมยืนเงียบ มันคงจะมาลำเลิกบุญคุณงั้นสิ

     

    “เพราะฉะนั้นกูอยากให้มึงเลิกทำซะ”

     

    “ห๊ะ”

     

    “เลิกทำ”

     

    “แต่”

     

    “ถ้าไม่เลิกเราคงได้เจอกันที่โรงพักสักวันแน่ๆ”

     

    “ก็ได้”

     

    ผมคิดว่ารับปากส่งๆไปก่อน แต่ดูเหมือนมันจะรู้ทัน

     

    “ตามมา”

     

    มันพาผมออกมาขึ้นรถอีกครั้ง ครั้งนี้พามาจอดหน้าผับแห่งหนึ่ง

     

    “พี่สอง มาได้ไงฮะเนี่ย”

     

    พนักงานในร้านที่นอนดูทีวีกันอยู่ทักมัน เวลานี้ยังไม่ใช่เวลางานพนักงานที่ดูเหมือนจะพักอยู่ที่นี่จึงทำอะไรตามใจในร้าน

     

    “ไอ้สามล่ะ”

     

    “ข้างบนครับ”

     

    เสร็จแล้วมันก็ลากผมเดินขึ้นไปชั้นสอง ไม่ได้คิดเลยว่าผมจะอายไหมที่โดนลากไปทั้งที่ยังใส่กุญแจมืออยู่

     

    “อือ อ๊า สามคะ”

     

    ปังๆๆๆๆ

     

    เสียงข้างในเล็ดลอดออกมาบอกให้รู้ว่าข้างในกำลังมีกิจกรรมร้อนแรง แต่มันไม่สนใจกลับตบประตูปังๆเสียจนผมเองยังสะดุ้ง

     

    “ใครวะ ห่ากำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม”

     

    ประตูถูกเปิดพรวดออกมาโดยคนที่มีเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ติดกาย ส่วนที่กำลังใช้งานตระหง่านให้เห็นรำไรใต้ผ้าผืนบาง

     

    “อ้าว พี่สองเหรอ”

     

    พอเห็นว่าหน้าห้องเป็นใครท่าทีเหมือนจะเอาเรื่องก็เปลี่ยน

     

    “มึงเอาสาวมานอนอีกแล้วนะ”

     

    “โธ่พี่สอง นิดนึงเอง”

     

    มันส่ายหน้าคล้ายระอา ก่อนจะบ่ายหน้ามาทางผมที่ยืนอยู่ข้างๆ

     

    “ฝากเด็กทำงานคน”

     

    คนชื่อสามหรี่ตาแล้วมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าและจากเท้าจรดหัว แล้วมาหยุดจ้องที่กุญแจมือ ขอบอกว่ากวนตีนมากจนผมอยากจะยันสักที

     

    “เด็กพี่เหรอ”

     

    “เออ”

     

    “ทำตำแหน่งไรพี่”

     

    “เรียนจบอะไรมา”

     

    “ไม่จบ”

     

    ผมตอบห้วนๆ ไม่อธิบายขยายความและมันก็ไม่ซักไซ้

     

    “ให้อยู่บาร์แล้วกัน”

     

    “ได้คร้าบ แต่ไม่มีที่นอนแล้วนะ”

     

    “เออ พรุ่งนี้จะให้มาเริ่มงาน เท่านี้แหละ”

     

    มันว่าเสร็จก็ดึงผมเดินลงมา ไม่สนใจแม้ว่าคนข้างหลังจะตะโกนถามมากมาย

     

    “ตั้งแต่พรุ่งนี้มาทำงานที่นี่”

     

    ผมต้องทำตามที่มันต้องการรึไง นี่ชีวิตผมนะ แต่ตอนนี้ผมก็ได้แต่รับปากมันไปก่อน

     

    “กูพูดจริงๆ”

     

    มันคงรู้สึกได้ว่าผมไม่คิดจะทำตามจึงย้ำ

     

    “กูจะบอกให้นะว่าที่กูต้องมาตามเอาแหวนคืนไม่ใช่เพราะเพื่อนกูมันอยากได้ของคืนอย่างเดียวแต่เพราะมันจะเป็นอันตรายกับตัวมึงเอง มึงไปเหยียบเท้าขาใหญ่โดยไม่รู้ตัวแล้วรู้ไหม”

     

    ผมนึกถึงเจ้าของแหวน คนที่มันบอกว่าเป็นเพื่อนมัน แต่ก็ยังมองไม่เห็นว่าจะดูเป็นขาใหญ่ตรงไหน

     

    “ไม่ๆ ไม่ใช่เพื่อนกู ขาใหญ่ที่พูดถึงคือแฟนมัน คนที่ให้แหวนวงนี้กับมันต่างหาก”

     

    ผมยังเฉยๆ ไม่ได้เชื่อที่มันพูด และมันก็คงรู้

     

    “เอาเถอะ มึงจะไม่เชื่อก็ตามใจ เอาเป็นว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปมาทำงานที่นี่ทุกวัน ถ้าวันไหนไม่มาก็เตรียมเข้าคุกได้เลย”

     

    สุดท้ายมันก็เลยต้องขู่ผมแบบนั้น โดนตำรวจขู่จะจับ ทั้งตำรวจคนนั้นยังรู้ที่อยู่ของผม ผมจะไม่ทำตามได้เหรอครับ

     

    “เฮ้ย!”

     

    ผมร้องเสียงดังเมื่อมันดึงผมเข้าไปกอด

     

    “ไปอยู่ด้วยกันไหม”

     

    “ประสาทเหรอ ใครจะบ้าไปวะ”

     

    ผมตอบทันที่แบบไม่ต้องคิด ส่วนมันก็เหมือนจะเดาคำตอบของผมได้อยู่แล้วถึงได้เอาแต่หัวเราะ

     

    “ครับๆ ไม่ไปก็ไม่ไป”

     

    ว่าแล้วมันก็ล้วงเอาโทรศัพท์ผมออกมาจากกางเกงผมอย่างถือวิสาสะ เอาไปแล้วก็กดเบอร์ก่อนจะโทรออก

     

    “นี่เบอร์กู”

     

    มันว่าพร้อมเมมเบอร์ไว้ว่าพี่สอง

     

    “มีอะไรก็โทรหาได้ แล้วกูโทรมา อย่าลืมรับล่ะ”

     

    ผมกรอกตา ทำเป็นไม่สนใจ แต่มันก็ไม่ว่าอะไร พาผมขึ้นรถแล้วขับไปส่งที่ห้องเช่า 

     

    “ไปนะ ไว้เจอกัน”

     

    มันดึงผมเอาไว้ก่อนลงรถแล้วหอมแก้มโดยไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัวก่อนจะผละไปอย่างรวดเร็ว

     

    “ไอ้...”

     

    จะด่ามันก็ด่าไม่ออกครับ คือมากกว่านี้ก็ทำกันไปแล้ว แค่นี้จะโวยวายก็ดูหนังไทยไป ผมเลยรีบเปิดประตูรถลงมาแล้วเดินขึ้นตึก ได้ยินเสียงรถมันขับออกไปก็อดแอบมองตามไม่ได้ 

    ผมเปิดประตูเข้าห้องมาปุ๊บเสียงโทรศัพท์ก็เตือนว่ามีข้อความส่งเข้ามาพอดี

     

    “วันนี้รีบ ไว้คราวหน้าไปหาอะไรกินด้วยกันนะครับเมีย จาก พี่สอง.... ไอ้หน้าด้าน”

     

    ผมอ่านแล้วแทบอยากปาโทรศัพท์ทิ้ง แต่เครื่องไม่ใช่บาทสองบาท เลยได้แต่ด่าคนส่งข้อความ ทั้งที่ด่าๆๆๆ แต่ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมมุมปากผมจะต้องคอยยิ้มด้วยก็ไม่รู้!

    ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ

     

    +CUT+

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×