ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Final Fantasy XV ] จากโลกเกมสู่โลกจริง

    ลำดับตอนที่ #3 : ผู้เข้าสมัคร รอการตัตสิน(ไรต์จะรับทั้งหมด!!!)+รายละเอียดที่ไรต์เก็บไว้อ่าน

    • อัปเดตล่าสุด 1 ม.ค. 60


    คู่น็อคโตะ


    ชื่อ : เอร์ลิส คอร์เรย์

    ชื่อเล่น เอล

    อายุ : 18 ปี 

    บทที่ต้องการ : คู่น็อคโตะ

    อาชีพ : นักเรียนมัธยมปลายปีสุดท้าย 

    ความสามารถพิเศษ :   

    ร้องเพลงเพราะมาก

                                        - การพูดได้หลากหลายภาษา ปัจจุบันที่พูดได้คือ ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี

                                  ความรู้ด้านวรรณกรรมและประวัติศาสตร์

     

    ประวัติความเป็นมา :

                เอลเป็นทายาทลำดับที่สองของตระกูลคอร์เรย์ เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของนักการเมืองคอร์เรย์ ครอบครัวตระกูลคอร์เรย์มีสมาชิกประกอบด้วย พ่อ แม่ พี่ชาย และตัวเอลเอง เอลจึงเป็นบุตรสาวรักยิ่งของตระกูล

                ตระกูลคอร์เรย์เป็นตระกูลที่มีอำนาจทางการเงินระดับต้นๆของประเทศอังกฤษ ชื่อเสียงตระกูลจะโด่งดังในทางความมั่งคั่งแล้วยังมีความโด่งดังในการทำงานของผู้นำตระกูลคนปัจจุบันของคอร์เรย์อีกด้วย พ่อของเอลเป็นนักการเมืองในทางที่ดีคอยทำงานรับใช้ราชวงศ์และประเทศชาติอย่างซื่อสัตย์สุจริต ส่วนแม่ของเอลเป็นคุณหญิงของตระกูลมีหน้าที่จัดการเรื่องภายในบ้านไม่ได้ทำงานเป็นหลักเหมือนผู้นำตระกูลเท่าไหร่แต่ความฉลาดของหล่อนก็ใช่ว่าจะล้มกันง่ายๆ พี่ชายของเอลเป็นนักศึกษามหาลัยปี 3 กำลังศึกษาต่อในมหาลัยชื่อดังของอังกฤษ ซึ่งมีอนาคตที่ดูรุ่งโรจน์ไม่แพ้ผู้เป็นพ่อ

                กล่าวถึงบุตรสาวของตระกูลเอลเป็นหญิงสาวที่เหมือนจะไม่มีความโดดเด่นอะไร แต่ถ้าได้รู้จักตัวจริงๆ เอลนับเป็นหญิงที่มีความโดดเด่นอย่างแท้จริง แต่เนื่องจากเจ้าตัวชอบความสงบ เอลจึงไม่เคยทำตัวโดดเด่นเท่าไหร่นัก เธอยิ่งใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาไปวันๆ เรียน เที่ยว กิน อย่างคนปกติไม่อวดร่ำอวดรวย และไม่ใช้อำนาจทางตระกูลดูถูกเหยียดยามใคร

                เอลมาศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อตอนอายุ 16 ปี เข้ามาศึกษาต่อที่มัธยมปลายชื่อดังโดยคุณแม่คนสวยประจำบ้านเป็นคนจัดการให้ ที่เอลมาศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่นคนเดียวนั้นเพราะแม่ของเอลต้องการให้เอลรู้จักใช้ชีวิตคนเดียวมากกว่าจะคอยถูกดูแลอย่างไข่ในหินจากคุณพ่อและพี่ชาย(แน่นอนว่าช่วงนั้นท่านหญิงประจำบ้านต้องคอยเถียงกับคุณพ่อกับลูกชายอย่างเอาเป็นเอาตายที่ฝั่งนั้นคอยแต่ห่วงน้องอย่างเดียว)

                เอลอาศัยอยู่ในหอพักระดับกลางมีห้องกว้างขวาง ข้าวของเครื่องใช้อย่างพอดี เงินถูกส่งโอนมาจากตระกูลทุกเดือนซึ่งเป็นเงินจำนวนหนึ่งที่อาจมากกว่าคนปกติเพียงเล็กน้อยด้วยความกลัวลูกสาวลำบาก แต่เอลกลับใช้ประหยัดอดออมจนมีใช้ร่ำรวยในฐานะนักเรียนระดับหนึ่งเลยเชียวล่ะ

     

    นิสัย :

    เอลเป็นผู้หญิงที่มีความนิ่งสงบอย่างเป็นธรรมชาติ

                เอลเป็นหญิงที่มีบุคลิกราวใบไม้ที่ผลิใบ เธอนิ่งสงบอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่สโลว์ไลฟ์หรือเย็นชาจนเกินไป บุคลิกของเอลจัดว่าเป็นบุคลิกที่นับว่าเป็นความสบายตา ไม่มีจริตก้านเกินงาม ถึงจะใช้ชีวิตธรรมดาสามัญชนที่คนธรรมดาทำกัน แต่ความโดดเด่นที่มีแต่กำเนิดก็ไม่สามารถกลบได้ ในสายตาคนทั่วไปเอลนับเป็นหญิงสาวที่มีความโดดเด่นเกินคนธรรมดาสามัญชนเพียงนิดหน่อยเท่านั้นเอง ลักษณะบุคลิกและน้ำเสียงเอลเต็มด้วยความนิ่งสงบที่เรียบนิ่งดุจสายน้ำ มีความอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักให้รู้จักรับ ทุกสิ่งถูกรวมเป็นตัวของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติมากกว่าเสแสร้งที่จะทำ

     

    เอลเป็นคนที่ฉลาดในระดับหนึ่ง

                เอลไมใช้ผู้หญิงที่จะฉลาดจนเข้าขั้นอัจฉริยะอะไร เธอฉลาดแบบเอาตัวรอดได้ มีความรู้รอบตัวในแบบใครถามมาก็ตอบได้ แค่อย่ายากจนเป็นคำถามของไอสไตน์จนเกินไปก็พอ ความฉลาดของเอลใน ณ ที่นี่นอกจากระดับการศึกษาแล้ว ยังหมายถึงความฉลาดด้านการตามเล่ห์กลของคนอื่นทันด้วย เอลเป็นหญิงสาวธรรมดาที่มีความถูกผิดในการใช้ชีวิต เธอสามารถหลงเชื่อในกรณีที่พลาดฉลาดไม่ทันอีกฝ่ายได้เช่นกัน แต่กรณีนั้นมีน้อยมากเพราะเอลมักจะฉลาดตามเกมอีกฝ่ายทันเสมอเพราะเธอเกิดในตระกูลที่มีอำนาจย่อมรู้จักหลบหลีกในหลายๆอย่าง

     

    เอลเป็นคนที่มีความพยายามสูง

                ถึงแม้เอลจะมีความเพียบพร้อมในหลายๆอย่าง แต่เธอกลับคิดใช้ความสามารถของตนเองจริงๆมากกว่าที่คอยเดินตามทางที่ถูกปูไว้ การเรียนเธอก็มีความมุ่งมานะด้วยความพยายามของตัวเอง เอลถือคติว่า  ที่บอกทำไม่ได้ แล้วลองพยายามแล้วหรือยัง? ’ ถึงแม้ชีวิตตัวเองจะไม่มีความลำบากอะไร เอลกลับยึดหลักสามัญยิ่งกว่าใคร ถึงแม้จะรวยก็ใช้เงินอย่างประหยัด แม้จะฉลาดก็ต้องรู้จักใช้ในทางที่ดี และมีความรักก็ควรจะดูรักษามากกว่าที่จะทำร้ายมันด้วยความหลงระเริง

     

    เอลเป็นคนที่เชื่อในหลักความเป็นจริงมากกว่า

                เรื่องวิทยาศาสตร์หรือสิ่งลี้ลับอะไร เอลเป็นคนที่อยู่ระหว่างกลางสองสิ่ง ไม่เชื่ออะไรก่อนทั้งนั้นจนกว่าจะถูกพิสูจน์โดยการรับรู้ของตัวเธอเอง ต่อให้เป็นตามหลักความเป็นจริงของโลก เอลก็ต้องการพิสูจน์มันก่อนที่จะเชื่อมันทันที ลักษณะนิสัยแบบนี้ของเอลนับข้อดีอย่างหนึ่งในการเชื่อมั่นกับใครสักคน แม้ในหลายคนจะมองอีกฝ่ายว่าผิด เว้นกับเอลที่เลือกจะเชื่อมั่นก่อนที่กล่าวหาอะไร เอลเลยเป็นผู้หญิงที่น่าเชื่อถือคนหนึ่งในสายตาของหลายๆคน เธอมีเหตุผลเสมอไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องน้อยก็ตาม

     

    เอลมีนิสัยบางส่วนที่ขัดกับบุคลิก

                เห็นเอลเงียบราวน้ำนิ่งหรือใบไม้ผลิใบ แต่เธอก็มีความบ้าบิ่นในลักษณะของตัวเองอยู่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นความพยายามของเอล ถึงทางจะตันแค่ไหนเอลก็คงยังพยายามต่อไปโดยไม่สนอุปสรรคใดๆ ไม่ว่าบทสรุปนั้นจะเป็นแบบไหนก็ตาม นั่นคือบ้าบิ่นในตัวของเอล ความบ้าของเอลไม่ใช่พวกใช้อารมณ์ที่หวังแต่คำตอบอย่างใด เธอมีความนิ่งสงบที่ยังคงเดิมอยู่ทุกวัน เว้นแค่ดวงตาที่ฉายแววกล้าแกร่งไม่ยอมแพ้ ใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีในการแก้ปัญหา และรู้จักคุณค่าของตัวเองในระดับหนึ่งที่ว่าถ้าตัวเองไม่ไหวก็ควรพึ่งคนอื่นบ้าง ไม่ใช่แบกรับไปเสียทุกอย่าง จนพาตัวเองล่มในภายหลัง

     

    เอลรักคนที่สำคัญของตัวเองมาก

                ครอบครัวคือสถานที่สำคัญยิ่งของเอล เพราะเอลรู้สึกผูกพันตั้งแต่เด็กยันโต ถึงแม้ปัจจุบันจะไกลกันความสัมพันธ์ก็ไม่มีวันตัดขาด ความสัมพันธ์นอกจากครอบครัวก็คือเพื่อน เพื่อนของเอลนับว่าเป็นครอบครัวเหมือนกัน แต่ในกรณีเพื่อนสำหรับเอลนั้นที่สนิทจริงๆอาจมีไม่กี่คนเพราะเอลนับเป็นผู้หญิงที่ฉลาดจะคบหาใครสักคนที่เข้ามาหาตัวเองเพราะอะไร และเมื่อไหร่ที่เอลมีความรักให้กับผู้ชายที่ไหนสักคน เอลนับเป็นผู้หญิงที่รักใครรักจริง มีความพยายามทุกอย่างให้แก่คนที่ตัวเองรัก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะอยู่สถานภาพแบบใดก็ตาม

     

    ประวัติส่วนตัว : เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของตระกูล ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อมัธยมปลายปีสุดท้าย เอลเป็นหญิงสาวที่มีสีผมสีขาวบริสุทธิ์ยาวเหยียดตรงถึงช่วงสะโพกเล็กสวย ดวงตาสีฟ้าดังนภาตอนเช้าที่มีความอบอุ่นใจและดูสดชื่นยามได้จ้องมอง ใบหน้าสวยหวานที่มักฉายแววนิ่งสงบอย่างอบอุ่นไม่ต่างจากดวงตา รูปร่างเพรียวบางดูสมส่วนอย่างลงตัว ผิวสีขาวอมชมพูสุขภาพดี ส่วนสูง 160 เซนติเมตร น้ำหนัก 49 กิโลกรัม

     

    อื่นๆ :

    งานอดิเรก :     - อ่านหนังสือแนววรรณกรรมและประวัติศาสตร์

                            - จัดดอกไม้หรือไม่ก็ตัดแต่งกิ่งดอกไม้ที่ปลูกไว้

    ของที่ชอบ :      - พวกขนมหวานจำพวกของเย็นๆ อย่างเช่น ไอศกรีม

                            - ชารสต่างๆทั้งของในและของนอก(เอลนับเป็นนักชิมชาตัวยง)

                            - สัตว์ตัวเล็กน่ารักๆ เลี้ยงง่าย อย่างเช่น สุนัข(ตอนเป็นลูกเอลจะชอบมากเป็นพิเศษ แต่ถ้าให้เลี้ยงแบบโตล่ะก็ เอลชอบสายพันธ์ที่มีขนาดเล็กที่ถึงแม้จะโตเต็มวัยก็ตาม) แมว กระต่าย นก

    ของที่ไม่ชอบ :  - อาหารที่มีรสเผ็ดจัดจนเกินไป(เอลทานเผ็ดได้ แต่ต้องมีความพอดี)

                            - พวกที่ชอบก้าวก่ายความเป็นสิทธิส่วนบุคคล

                            การถูกดูหมิ่นในเรื่องที่เธอชอบใช้อำนาจทางตระกูลทั้งที่ไม่ใช่

    เพิ่มเติม :         - ชื่อของเอล เอร์ลิส แปลว่า เกล็ดหิมะ ส่วน คอร์เรย์ แปลว่า บริสุทธิ์

                            - เอลเกิดในวันแรกที่หิมะตกของปี

                            - ความฝันของเอลคือการเป็นนักการทูต ในอนาคตข้างหน้าถ้าเอลเข้ามหาลัยเธอหวังเรียนด้านภาษา

                            พ่อของเอลมีชื่อว่า ‘ ไทริค คอร์เรย์  ปัจจุบันมีหน้าที่การงานเป็นนักการเมืองที่น่าเคารพของประเทศ แม่ของเอลมีชื่อว่า ‘ คาร์โลลิน คอร์เรย์  ปัจจุบันมีอำนาจครอบคลุมตระกูลคอร์เรย์คอยจัดการปัญหาตระกูล พี่ชายของเอลมีชื่อว่า ‘ เมลคาร์ต คอร์เรย์ ’ ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อมหาลัยชื่อดังของอังกฤษปี ทางด้านกฎหมาย(ถ้าเมลคาร์ตไม่เลือกเรียนปริญญาต่อ ปีนี้นับเป็นปีสุดท้ายที่เขาจะเรียน ระดับการศึกษาเป็นการเปรียบเทียบของอังกฤษค่ะและอาจมีข้อมูลไม่สันทัดด้วยเพราะเราไม่เคยเรียน 55555)

    เมลคาร์ต คอร์เรย์

    คุณพี่บราค่อน

    ส่งเป็นตัวประกอบของเรื่องให้ไรท์ค่ะ--------------

    แถมประโยคพูดเล็กๆน้อยๆ :  “ เวทย์มนตร์? ฉันจะเชื่อไหม นายก็ต้องแสดงให้ฉันดูก่อนเท่านั้นแหละ 

                                                        “ ประหลาดงั้นเหรอ... ฉันไม่เคยคิดว่านายประหลาดเท่าไหร่หรอกนะ มุมมองของคนเราไม่มีทางเหมือนกันหรอก 

            “ น็อคโตะ... ฉันควรเรียกนายอย่างนี้ใช่ไหม? 

    “ ฉันว่ากลุ่มนายนี่น่ารักไปอีกแบบนะ 

    “ แค่นี้นายก็ท้อแล้วงั้นเหรอน็อคโตะ? 


    บุคคลที่จะมาสร้างสีสัน(ลวนลามน็อคโตะไง//ยิ้มอ่อน)


    ชื่อ : ยูคิโระ โคโตรุ (โคโตะ)

    อายุ : 24 ปี

    บทที่ต้องการ : บทไม่สำคัญ สำคัญว่าจะได้ลวนลามน็อคทีสไหมต่างหากครับ

    อาชีพ : นักมายากล

    ความสามารถพิเศษ : เล่นมายากลได้เกือบทุกแขนงและเริ่มเรียนรู้อะไรที่มันอันตรายแล้ว

    ประวัติความเป็นมา : ครอบครัวเป็นคณะมายากลจึงได้เรียนมายากลมาตั้งแต่ยังเด็ก และจะต้องได้รับตำแหน่งหัวหน้าคณะต่อไปทำให้หลังจากเรียนจบมหาลัยนั้นต้องกลับมารับงานที่บ้านเพื่อรับช่วงตาจากปู่ที่ชราลงมากแล้ว

            มารดาของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางการแสดงทำให้โคโตรุนั้นค่อนข้างหวาดกลัวมายากลไปในตอนเด็กๆ และเขาก็ปฏิเสธการเล่นมายากลมาตั้งแต่นั้น แต่เพราะว่าดันไปรู้จักและเป็นเพื่อนสมัยเด็กของทาเครุจากเหตุการณ์ที่เปลี่ยนทั้งชีวิตของเขาไป หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นเขาก็สามารถกลับมาเล่นมายากลได้อีกครั้งหนึ่ง

    ถามว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?...ก่อนอื่นเลย ต้องถามว่าไม่สงสัยบ้างเลยหรือว่าทำไมเขาจึงได้ไปสนิทกับทาเครุทั้งๆ ที่อีกฝ่ายเป็นคนแปลกขนาดนั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือเขารู้ว่าพี่น้องสึคิยะเป็นคนทรง เพราะอะไรน่ะหรือ?... “เพราะเห็นผีน่ะสิ” เขาเป็นคนที่มองเห็นวิญญาณของผู้ล่วงลับหรือว่าพวกปีศาจพวกนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว

    และในตอนที่แม่ของเขาเสียชีวิตนั้นเขาก็มองเห็นวิญญาณแม่ของตนเองอยู่ตลอด เธอส่งเสียงร้องเหมือนกับเคียดแค้นต่อมายากลที่พรากชีวิตของเธอไปทำให้เขาหวาดกลัวการเล่นมายากลไปด้วย แต่ก็ได้ทาเครุเข้ามาช่วยและชำระล้างวิญญาณของมารดา ทำให้ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วที่เธอนั้นอยู่ข้างกายเขามาตลอดนั้นเป็นเพราะอยากให้เขากลับไปเล่นมายากลต่างหาก

    เขายึดมั่นมาตลอดหลังจากนั้นว่ามายากลของเขาจะทำให้ทุกคนสนุกสนานไม่แพ้มารดาของตนเองจึงกลับไปเล่นมันอีกครั้งโดยมีบิดาเป็นที่ปรึกษาให้ …กลที่เขาถนัดมากที่สุดคือกลไพ่ และเพราะอย่างนั้นทำให้เขาเป็นคนมือไวตามไปด้วยเพราะทักษะการเล่นมายากลคือประสาทสัมผัสอันรวดเร็ว

    ซึ่งแน่นอนว่าเพราะตัวเขาเห็นวิญญาณและค่อนข้างไปทางมีคนตามติดตลอดเวลาเลยต้องคอยอยู่ข้างทาเครุเพื่อให้ชำระล้างและขับไล่ให้ จึงได้ตามไปเรียนที่มหาลัยเดียวกันแถมยังคณะเดียวกันด้วยแต่เขาค่อนข้างไปทางคนปกติมากกว่าจะไปปีนป่ายถ่ายรูปเหมือนกับทาเครุเพราะถ้าให้พูดกันตรงๆ เขาก็แค่มาเรียนเอาวุฒิเท่านั้นเอง

    นิสัย : ถ้าหากเป็นในยามปกติเขาจะถือได้ว่าเป็นเทพบุตรลงมาจากสวรรค์ที่แสนจะใจดีต่อสุภาพสตรีและยังให้เกียรติสุภาพบุรุษอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา แต่ก็มีบ้างที่จะยิ้มอ่อนด้วยความเป็นคนขี้เกรงใจ ใครว่าอย่างไรเขาว่าอย่างนั้น จนโดนว่าอยู่หลายครั้งว่าเป็นคนหัวอ่อนไม่ทันโลก และยังดูจะใจอ่อนมากเสียด้วย


    แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลยสักนิด เขาไม่เคยมีหรอกนะความตามโลกไม่ทันน่ะ… การต้องคอยเป็นเพื่อนกับคนที่เป็นถึงร่างทรงของโอนิที่มีพี่สาวเป็นร่างทรงของเทพจิ้งจอกเนี่ยคิดว่ามันง่ายนักเหรอถ้าเป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์ปานผ้าขาวขนาดนั้น จริงๆ แล้วสิ่งอารมณ์ที่แสดงออกมานั้นเป็นโป๊กเกอร์เฟสแบบสมบูรณ์แบบ จะมีเฉพาะคนที่สนิทเท่านั้นที่จะรู้ว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นคนสันดาน(...)แบบไหน


    ความจริงแล้วเขาเป็นคนที่เรียกได้ว่าทะเล้น เล่นทีจริงจังทีอะไรแบบนั้น นอกจากนั้นแล้วยังเป็นพวกหัวรุนแรงในระดับนึงอีกด้วย ประมาณว่าถ้าไม่ฆ่าก็ถูกฆ่าเพราะอย่างนั้นตอนมัธยมเลยมีเรื่องชกต่อยอยู่บ่อยครั้ง แต่คนส่วนมากจะนึกว่าเขาเป็นฝ่ายโดนทำร้ายเสียมากกว่า เพราะด้วยท่าทางอ่อนต่อโลกที่แสดงออกมาให้เห็นนั่นแหละ


    เป็นคนโกรธยากมากแต่เป็นคนโกรธแล้วเงียบ… คือถ้าโกรธมากก็จะไม่พูดกับใครเลย และทำเพียงจิกตามองเท่านั้น แต่มันก็ไม่บ่อยนักเพราะมันน่ากลัวเกินกว่าที่จะมีใครกล้าทำแบบนั้น เพราะเมื่อใดที่เขาโกรธเขาจะยิ้มร่าเริงยิ่งกว่าปกติจิกสายตาไปรอบด้านแล้วจากนั้นก็ลุกขึ้นไปแบบไม่คิดจะพูดกับใครเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมานั้นมันเกิดเหตุการณ์นี้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น และทาเครุก็ได้ยืนยันว่า “ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว” 


    เวลาเล่นมายากลก็จะเปลี่ยนไปอีกคนเช่นกัน เมื่อใดที่เขาก้าวขึ้นสู่เวทีแล้วท่าทางที่เหมือนกับอ่อนต่อโลกหรือว่าความทะเล้นจะหายไปกลับกลายเป็นความสง่าที่ไม่ว่าผู้ใดเห็นก็ต้องชื่นชม เพราะว่ามันเป็นงานและการทำแบบนั้้นจะทำให้เขาดูน่าเชื่อถือในทางสายอาชีพก็เท่านั้นเอง

    นอกจากนั้นแล้วเพราะว่าเขารับจ้างแสดงมายากลในงานใหญ่ๆ ของพวกเศรษฐีหรืออะไรพวกนั้นก็เลยพลอยได้ผลประโยชน์ด้านเส้นสายอยู่บ้างเพราะท่าทางแอ๊บใสซื่อนั่นแหละ แต่ความจริงแล้วปีศาจที่อยู่ใต้หน้ากากของเขานั้นกำลังคิดว่ามันไม่เลวเลยทีเดียวอยู่กระมัง

    ลักษณะ : ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินรับกับดวงตาสีเดียวกัน ท่าทางอ่อนต่อโลกที่ทำให้ดูไม่เหมือนกับคนที่ใส่หน้ากากทับอารมณ์ที่แท้จริงของตนเองชั้นแล้วชั้นเล่านั้นทำให้รู้สึกน่าเอ็นดูและอยากปกป้องในแบบแปลกๆ ถ้าไม่นับรวมส่วนสูงร้อยแปดสิบของเขาแล้วละก็นะ ยิ่งไปกว่านั้นคือน้ำหนักของเขาน่าจะตกอยู่ประมาณเจ็ดสิบได้ แต่ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเขาแสดงกลลอยบนอากาศได้อย่างไรกันแน่?

    อื่นๆ : 

    - เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยประถมของสึคิยะ ทาเครุซึ่งเป็นคนเดียวที่ยังเรียกทาเคะว่าคิเซย์นะ(คิเซย์)อยู่ หลายครั้งที่ถูกเตือนแต่เขาก็ไม่ได้เปลี่ยนคำเรียกแต่อย่างใด

    - เขาเรียนจบก่อนทาเครุหนึ่งปีทั้งๆ ที่อายุน้อยกว่าเนื่องจากตอนนั้นลงหน่วยกิจมากกว่าแล้วยังทำงานได้คะแนนดีกว่าทำให้ถูกกัดฟันจิกตามองจนถึงทุกวันนี้

    - มักจะโดนจิกกัดจากทาเครุอยู่เสมอว่า “ไม่อยากคุยกับเสาไฟฟ้าเคลื่อนที่เลยโวร้ย” อะไรแบบนั้นอยู่เป็นประจำเพราะว่าในกลุ่มที่เรียนด้วยกันทาเครุเตี้ยที่สุดทั้งๆ ที่อายุมากที่สุดในกลุ่ม

    - ในสมัยเรียนที่มหาลัยความจริงแล้วพวกเขามีกันสามคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน ซึ่งคนที่เหลืออีกหนึ่งคนนั้น มีชื่อว่า ไซโต มาโคโตะ (มาโค) 

     

    ซึ่งตอนนี้มันได้ไปเรียนต่อด้านศิลปการแสดงแล้วเลยมีรูปถ่ายแบบออกมาให้หมั่นเล่นกันอยู่เป็นประจำ แต่ทาเครุก็กระปอดกระแปดให้เขาฟังอยู่บ่อยๆ ว่าถ้ามีเงินไปจ้างคนอื่นถ่ายให้ก็จ้างเขาถ่ายให้สิฟะ อะไรแบบนั้นอยู่เสมอเลย นอกจากนั้นแล้วหมอนี่แหละตัวลืมเรียกรวมเพื่อนไปร่วมรุ่นเลย โทรตามครบทุกคนดันลืมทาเครุกับโคโตรุซะงั้น

    - เวลาทาเครุนัดเขาไปไหน เขามักจะถูกโดนลืมนัดอยู่เสมอเลย หากเขาออกมาตามเวลานัดทาเครุมาหลังจากเวลาอยู่หลายชั่วโมงเลย แต่ถ้าเกิดว่าเขาเป็นคนนัด ทาเครุจะลืมวันนัดไม่ก็จำผิดไปอีกสามวัน…

    - เป็นโรคกลัวโอนิกับคิซึเนะขึ้นสมอง เวลาที่ทั้งสองพี่น้องนั้นเข้าทรงทีไรจะต้องหาที่มุดหัวทุกทีไป แน่นอนว่าอาจจะใช้ช่วงเวลาแบบนั้นเนียนแอบลวนลามใครสักคนก็เป็นได้ แต่มันเนียนไง มันเนียนน่ะ

    - มีความสามารถในการฟันดาบเนื่องจากว่าทาเครุได้สอนเขาไว้ แต่แน่นอนว่า… ถ้าสู้กับทาเครุเขาแพ้แน่นอนไม่ต้องพูดอะไรกันทั้งสิ้น ให้ตาย! 


     

    ตัวอย่างคำพูด - "มายากลต่างจากเวทย์มนต์นะครับ เวทย์มนต์คือพลังที่สร้างสรรค์สิ่งเหนือมหัศจรรย์ที่แท้จริง แต่มายากลนั้นคือเทคนิกที่สร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นนั่นหมายถึงเมื่อถูกจับได้ก็จบกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่ามีสิ่งใดที่เป็นของปลอมหรอกนะครับ เพราะความพยายามที่จะใช้ทั้งสองสิ่งนั้นถือเป็นความจริงทั้งคู่"

    - "คิเซย์ต้องลืมนัดอีกแล้วแน่ๆ เลยเชื่อสิ..."

    - "เห็นวิญญาณไม่ใช่เรื่องดีครับ ใครก็ตามที่อยากรู้อยากเห็นขอแนะนำว่าอย่าเลยดีกว่าครับ"

    - "กลัวแล้วครับท่านโอนิ ท่านคิซึเนะ ปล่อยผมไปเถอะ" //ก้มกราบ

    - "เงินไม่ใช่ทุกอย่าง อำนาจไม่ใช่ทุกสิ่งแต่ถ้ามีไว้บ้างก็ถือว่าทำประโยชน์ได้ไม่น้อยนะ?"

    - "Ladies & Gentleman , Boy & Girl Are you ready? ...It's Show Time!!" 



    Tags: Anime, SongJiKyo, Final Fantasy XIII, Lightning Farron, High Collar, Waist Up, Pauldron


    ชื่อ : ไลท์ที ลูซี่ ซิสน่า

    อายุ : 31

    บทที่ต้องการ : ผู้ร่วมทางกับกลุ่มน็อตโต็ะ(ถ้าไรท์อนุญาติโปรดเลือกคู่ให้นางด้วยขึ้นคานมานานแล้ว)

    อาชีพ : แม่บ้าน+นักดาบกับปืน

    ความสามารถพิเศษ :  แม่นปืน เรียนรู้เร็วและมีความเป็นแม่ศรีแม่เรือนมาก พลังแห่งธรรมชาติ(เริ่มไม่ธรรมดา) แล้วก็สกิล Warp กับ Summon ของน็อตโต็ะ(Summon ได้แต่อาวุธของเทพ)

    ประวัติความเป็นมา : ตั้งแต่เกิดก็ทำงานแม่ศรีแม่เรือนพ่อและแม่ของเธอได้ตายจากไปมาตลอดจน/อายุ 12 ก็ไปเป็นสาวรำวงอะมาใส่กระโปรงวับๆแวมๆ#ไม่ต้องสนใจ/อายุ 15 ก็มีเรื่องที่ทำให้ต้องจับดาบจับปืนสู้ขึ้นมาทำให้เธอมีความสามารถด้ารการต่อสู้ค่อนข้างมากแถมยังเรียนรู้เร็วเป็น 2 เท่าของคนปกติด้วยแล้วยังรวมกับพลังแห่งธรรมชาติที่ทำให้เธอแกร่งกว่าคนปกติด้วยการใช้พลังเวทย์ไม่จำกัด(มีคลูดาวห์)ใช้กี่ครั้งก็ได้แถมยังเพิ่มพลังกายเธอไปอีก

    นิสัย : เวลาปกติจะเงียบและเป็นแม่ศรีแม่เรือน แต่เวลาสู้จะแข็งแกร่งพอๆกับตอนที่น็อตโต็ะใช้ Royal Arm เลยทีเดียว(ใช้ชิ้นเดียว)แต่เวลาโกรธจะแข็งแกร่งเกือบเทียบเท่าตอนน็อตโต็ะใช้ Amiger เลยทีเดียวแล้วอย่าหวังว่าคนที่ทำให้เธอโกรธจะรอดไปได้(หากไม่มีกลานี่ช่วยปลอบ)

    ประวัติส่วนตัว : นน.52 สส.168 สัดส่วน 36-25-32 สีผมชมพูอ่อน สีฟ้าออกเขียว

    อื่นๆ :  ของที่ชอบ ของหวาน ของที่ไม่ชอบ เวลากรานี่ทำลายคนอื่นแบบไม่มีเหตุผล(ที่ดีพอ) งานอดิเรก ทำอาหาร ทำความสะอาด

    ตัวอย่างคำพูด : "นี่~อย่าพูดแรงกับคนอื่นนักสิแล้วก็หัดลดการใช้กำลังด้วย" "เลิกแกล้งน็อตโต็ะได้แล้วน่า~" "ทะเลาะกันอีกแล้วหรอ" "เวทย์มนต์หรอ ชั้นชอบมันจัง(อารมณ์ดี)" "ชั้นอยากจะฆ่าคนแถวนี้จัง(โกรธ)"

    ---------------------------------------------------------------------------------


    โซนคนขอคู่อาร์ดิน 


    ชื่อ : สฟอร์ซา  มากิ (ครึ่งอิตาลีญี่ปุ่น) 
     
    อายุ : 18 ปี
     
    บทที่ต้องการ : แฟนอาดิน
     
    อาชีพ : นักเรียนมอปลาย  
     
    ความสามารถพิเศษ :  เก่งต่อสู้  เก่งทำอาหารและงานบ้าน ฉลาด  สวยและรวยมาก
     
    ประวัติความเป็นมา : ลูกสาวคนเดียวของเจ้าพ่อมาเฟียชื่อดัง
     
    นิสัย :  อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ  ชอบช่วยเหลือคนอื่น  เฉื่อยชาเป็นบางครั้ง 
     
    ประวัติส่วนตัว :น้ำหนัก 44  ส่วนสูง 160  
                        สัดส่วน 32 24 30 
                        สีผม ชมพู สีตา ซ้ายเหลือง ขวาเขียว 
     

    อื่นๆ : จะจีบฉันหรอ  ได้ซิ ถ้านายไม่โดนปะป๋าฉันฆ่าซะก่อนนะ ~




    "ไม่มีใครว่าคุณหรอก หากคุณจะร้องไห้สักครั้ง"

    "แต่ได้โปรด ..อย่าเก็บไว้คนเดียว"



    ชื่อ : คลาริส ลิแอนน์
         - Claris = ส่องแสง สดใส
         - Liann = ธิดาแห่งดวงตะวัน 

    อายุ : 23

    บทที่ต้องการ : คู่อาร์ดีน #หนูอยากได้เขา #กรีดร้องเป็นหน้าม้า

    อาชีพ : นักแต่งหนังสือภาพเด็ก #หน้าไม่ให้เลย #อาร์ดีนมาซื้อให้น็อตติสรึ--

    ความสามารถพิเศษ : เขียนเร็วลายมืองาม, วาดภาพสวย(มาก), พูดได้ 5 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ ญี่ปุ่น จีน ฝรั่งเศษ และไทย(แต่ออกเสียงแปร่งเล็กน้อย)

    ประวัติความเป็นมา : คราลิส ลิแอนน์ เด็กสาวที่เกิดจากนักเขียนวรรณกรรมชื่อดังแนวแฟนตาซีในไทยและบิดาที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศอังกฤษ พวกเขาได้พบรักกันจากห้องแชทออนไลน์แห่งหนึ่งจนสุดท้ายนัดออกมาพบ(เดท)เป็นครั้งแรกในลอนดอน ณ โอกาศซึ่งมารดาของเธอมาอังกฤษครั้งแรกเขาจึงกลายเป็นไกด์พาเที่ยวตลอดสองเดือนเมื่อมีเวลาว่าง

         จากนั้นพวกเขาก็ติดต่อกันเสมอๆ ผ่านแชทบ้าง จดหมายบ้าง แม้แต่ส่งของหวัญวันเกิดข้ามประเทศยังมี กระทั่งได้ตกลงปลงใจแต่งงานกันหลังจากผ่านเหตุการณ์พัฒนาการความสัมพันธ์นั้นไปสองปี โดยรวมหากนับการแชทครั้งแรกของพวกเขาแล้วพวกเขานั้นคบหากันจวบจนเริ่มวิวาห์มาถึง 5 ปี

         จากนั้นอีกสองปีต่อมา... คลาริส ลิแอนน์ ก็ได้กำเนิดขึ้นท่ามกลางความสุขของครอบครัวในประเทศอังกฤษ ช่วงยามที่เธอกำเนิดมานั้นทุกคนที่เฝ้ารอต่างจำมันได้ ในยามที่ดวงอาทิตย์ค่อยๆ สาดส่องทั่วผืนฝ้าของวันสิ้นฤดูหนาวหรือเสียงทารกที่เล็ดลอดออกมา ทุกสิ่งดั่งว่าเป็นคำอวยพรจากธิดาแห่งตะวัน

         เธอมีพรสวรรค์ด้านภาษาเหมือนพ่อ และมีจินตนาการริเริ่มเหมือนแม่ เนื่องจากที่คนเป็นพ่อหวงเธอจนไม่ได้ออกจากบ้านหรือพูดกับใครบ่อย คลาริสจึงกลายเป็นคนแสดงออกไม่เก่ง ขี้อายมากๆ จนคนเป็นแม่เหนื่อยใจและติโทษว่าสามีของตนเสมอว่าอย่าไปห่วงเธอเกินไปมิชะนั้นคราลิสจะเข้าสังคมไม่ได้

         กระทั่งวันที่ทุกอย่างกลายเป็นอดีตในครั้นที่เธออายุ 12 ... เพลิงที่ส้มและแดงเผาไหม้ทุกอย่างในเหลือเพียงขี้เถ้าสาเหตุที่เกิดจากสายไฟฟ้าลัดวงจร ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวทำให้คลาริสสูญเสียแม่ของเธอ.. ตลอดกาล

         เธอเสียใจ แต่เธอก็รู้ว่าคนที่เสียใจมากมายเธอนั้นคงไม่พ้นพ่อของเธอ เธอได้แต่โทษตัวเอง ทั้งที่อยู่ตรงหน้าแท้ๆ ทั้งๆ ที่อยากปลอบเขาขนาดนั้น แต่ทำไมร่ากายมันถึงได้สั่นขนาดนั้นนะ..? ได้แต่ขอโทษและกอดตัวเองไว้ให้หยุดสั่นกลัว ให้หยุดสะอื้น เกลียดตัวตนที่อ่อนแอ.. อ่อนแอขนาดต้องให้แม่มาปกป้องจนตัวตาย!

         หากบอกความจริงเรื่องนี้.. เรื่องที่ว่าแม่นั้นยอมเสี่ยงตายเพราะเด็กอย่างเธอ เสี่ยงชีวิตเพื่อ คลาริส ลิแอนน์ คนนี้ คุณพ่อจะเกลียดหนูหรือเปล่าคะ..?

         เธอปิดบังมาตลอด กลัวมาตลอด.. กลัวคนที่ห่วงใยและรักเธอตลอดมานั้นเกลียด จวบจนอายุ 18 เธอเป็นไข้สูงและพลั่งบอกเรื่องราวนั้นไปทั้งหมด เธอคิดว่าอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เห็นรอยยิ้มของพ่อ ทว่ามันไม่ใช่..

         เขาบอกว่าเขานั้นรู้อยู่แล้ว เรื่องของผู้หญิงที่เขารัก หรือเรื่องที่เธอปิดบังมาตลอด ในตอนนี้มันช่างไร้ค่าเหลือเกิน.. เธอเสียเวลาทุกข์ไปหกปีมันไร้เหลือเกิน คำที่พ่อของเธอกล่าวออกมาคล้ายทุกสิ่งถูกยกออกจากอก "ได้โปรด อย่าเก็บไว้คนเดียว"

         เมื่อเรียนจบคลาริสก็กลายเป็นนักแต่งหนังสือภาพ หนังสือที่เธอแต่งมักมีข้อเตือนใจในเด็กๆ แฝงไว้ด้วยประสบการณ์ของเธอ คลาริสนั้นดูคนเก่ง เธอมักจะเห็นคนที่มีเรื่องเศร้าหรือกังวนในใจซ้อนทับกับตัวเองในอดีตจึงอดไม่ได้ที่ยื่นมือไปช่วยทุกที

    นิสัย : คลาริส ลิแอนน์ เธอเสมือนดอกฟ้าที่ได้เพียงจ้องมองขึ้นไปแต่มิอาจแม้แต่คิดว่าสามารถสัมผัสเพียงเสี้ยวก้อย หากทุกครั้นแค่สบเจอก็ต้องเสน่หาดุจสารเสพ.. เลิกยากเกินทน 

         ทุกคนที่เคยพบหรือรู้จักเธอจะรู้ดีว่า คลาริสมักไม่ค่อยพูดหรือสุงสิงกับใคร เธอมักจะหาที่นั่งเงียบๆ มาจดงานของเธอตัวคนเดียวเป็นเป็นประจำพร้อมชาเขียวร้านโปรด จนแอบถูกจัดจากคนรอบตัวว่าเป็นคนประเภท [รักสันโดด] ภายนอกที่แสนเข้าถึงยากนั้นเป็นที่กล่าวถึงตลอดระแวกนั้น แต่ใครกันบ้างที่จะมองออกว่าความจริงก็เธอเป็นเพียงเด็กสาวพูดไม่เก่ง ตกใจจนพูดไม่ออกหรือเขินจนเดินหนี เธอนั้นเคยทำมาทั้งหมดสิ้น

         ถึงจะเป็นอย่างที่วรรคแรกกล่าวไว้ แต่ความจริงแล้วคลาริสนั้นเป็นคนที่มีอัธยาศัยในระดับหนึ่งเมื่อเวลาที่เธอเป็นคนพูดจะรู้สึกเข้าถึงง่ายกว่าที่คิดและทำให้รู้สึกปลอดภัย สบายใจและไว้ใจได้ แต่เหตุการณ์ที่ทำให้เธอพูดนั้นดูจะยากสำหรับคนพูดไม่เก่งไปหน่อย... ดังนั้นอีกฝ่ายจำต้องกล้าที่ชวนเธอพูดก่อนด้วยล่ะ

         นอกจากนั้นแล้วคลาริสยังถือว่าเป็นคนประเภท [(ดูเหมือน)ทำเป็นไม่สนแต่ช่วยเสมอ] จากที่กล่าวไป คำร่ำลือที่กว้างขวางดุจทะเลทรายโอเอซิสจะต้องพลิกกลับเมื่อหากมีใครมารู้ว่าคนที่แสนรักสันโดดหรือตายด้านนั้นความจริงคือคนที่แสนจะอ่อนโยนและมักช่วยเหลือคนอื่นๆ จากการกระทำ! เช่นการบริจาคหนังสือภาพของตนให้โรงเรียนยากไร้ หรือเก็บขยะเข้าถังเงียบๆแม้ว่าจะไม่มีใครมาสนใจ 

         และช่างให้กำลังใจก็เป็นหนึ่งในอุปนิสัยของเธอที่ไม่คิดปิดบังแต่ก็ไม่ค่อยมีใครหน้าไหนมาสนใจเท่าไหร่ น้ำเสียงที่เรียบนิ่งแต่กลับเติมไปด้วยความอ่อนโยนเป็นเอกลักษณ์ เธอเป็นคนที่พร้อมจะกางร่มให้ผู้คนมาหลบภัยพายุสรสุมชีวิต จะคอยให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา คอยรับฟังปัญหาและช่วยแก้ไขในส่วนที่ทำได้ แต่เธอเองก็จะไม่คิดล้ำเส้นมากเกินไป เธอยังจะอยู่ในกรอบคนนอกเท่านั้นหากไม่รับอนุญาติ สาเหตุที่เธอชอบทำแบบนี้คงเพราะเธอเห็นภาพซ้อนของตัวเองในอดีตซึ่งมัวแต่กังวนจนเกิดความทุกข์ทมเหลือเวลาทิ้ง และคลาริสไม่เคยโทษผลของการกระทำเพราะเธอเป็นคนที่พร้อมยอมรับผลลัพท์ทุกอย่าง สิ่งที่เธอเป็นคนสร้างเธอก็จะเป็นคนแก้มันออกมาเองไม่หวังพึ่งใคร 

         อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ แม้ว่าในชีวิตของเธอจะไม่ค่อยมีอะไรหรือใครมาตั้งตนเป็นอริ หากใช่ว่าจะไม่มี ให้เมื่อมีคนชอบย่อมมีคนเกลียด แม้ว่าเธอเป็นที่รักสงบมากเพียงใด ถ้าเกิดล้ำเส้นมากเกินไปอย่าหาว่าเธอใจร้าย พูดจากแดกดัน? เธอไม่ว่า นินทาลับหลัง? เธอโอเค คิดตบ? ก็ตบคือให้ตายไปข้าง!

         เป็นคนแอบคิดมาก! นิสัยที่ติดมาพร้อมกับเหตุการณ์ครั้งก่อนของเจ้าหล่อน เธอชอบกังวนเสมอว่าเธอนั้นทำถูกหรือเปล่า? บางทีการที่เธอทำอะไรต่างจากคนๆ อื่นก็ทำให้อดกังวนไม่ได้ว่าการทำแบบนี้จะเป็นอะไรมั้ยนะ? แต่การที่เห็นคนทำอะไรผิดหรือไม่ถูก เธอเองก็ไม่สบายใจเช่นกัน
     
         แม้ดูเพ้อฝันแต่เธอนั้นเชื่อในความหวัง ทุกอย่างล้วนมีความเป็นไปได้เพียงหวังสักนิดก็ยังดี อย่าเพิ่งทอดความความหวังและให้ความสิ่นหวังกัดกินดวงใจ ทุกสิ่งไม่เคยจบถ้าคุณยังไม่ใช่คนเริ่ม แต่ถ้าไม่ไหวก็พักสักก่อนค่อยเดินต่อก็ไม่สาย 
         
         เป็นคนช่างจินตนาการ ด้วยพรสวรรค์ที่ได้จากแม่ทำให้เธอเป็นคนมีความคิดริเริ่มและความฝันต่างๆ มากมายโดยเฉพาะการวาดรูปเธอแสนจะชื่นชอบการละเลงสรรค์สีบนกระดาษเวลาว่าง ทุกอย่างจะเหมือนถูกปล่อยวางลง รวมถึงการเล่านิทานที่เหมือนหลุดไม่ในโลกของความฝัน ความฝันที่ไม่ต้องคิดอะไร ไม่มีอะไรให้กังวนใจ


    ลักษณะภายนอก** : เธอเป็นเจ้าของผมสีปีกกาสั้นเกือบประบ่าซึ่งตัดกับผิวสีขาวอมชมพูสุขภาพดีจากการดูแลจากเสด็จพ่อ(?) ดวงตาสีเช่นเดียวกับเส้นผมดูไร้ความรู้สึกหากแฝงไปด้วยความอ่อนโยนเติมไปด้วยความห่วงใยแสนขัดแย้งในตัวเอง ร่างเพรียวยางสมส่วนสูง 1.68 เมตร และน้ำหนัก 56 กิโลกรัมที่ไม่มากหรือน้อยไป

    อื่นๆ : 
         - คลาริสเป็นตัวละครสายปลอบโยนค่ะ โถ่ #ประวัติเฮียอ่ะมาม่า_ส่งคนไปปลอบไงย์
         - ตอนเด็กๆ คลาริสจังเคยบอกว่าอยากเป็นครูเหมือนพ่อ แต่พอโตไปเธอก็เปลี่ยนความฝันด้วยเหตุผลที่ว่า "หนูอยากใช้ชีวิตกับสิ่งที่หนูรัก" นั้นเป็นคำตอบที่ทำให้พ่อของเธอไม่รู้จะดีใจที่ลูกเติบโตขึ้นหรือเสียใจที่อาชีพของตนไม่ได้ถูกลูกสาวเลือกดี
        - ขนาดว่าตอนเด็กๆ ที่คลาริสน่ารักขุนพ่อก็หวงนางกว่าจงอาง และพอภรรยาจากไปหน้าของหล่อนก็ซ้อนทับลูกสาวของเขามันทำให้ความหวงอัพเกรดประดุจเติมโปร
        - คลาริสเชื่อว่าการที่ร้องไห้ไม่ใช่ว่าคนๆ นั้นน่าสมเพช เธอเชื่อว่าคนๆ นั้นเป็นผู้กล้า กล้าพอจะยอมรับความอ่อนแอของตนเอง
        - คลาริสได้ผิวจากพ่อ ได้ตาและผม รวมถึงโครงหน้ามาจากแม่มากกว่าเจ็ดสิบเปอร์ จะไม่แปลกใจเลยถ้าไม่มีใครดูเธอกับพ่อออกว่าเป็นพ่อลูกกัน
        - คลาริสแทนตนว่า 'ฉัน' แทนคนอื่นว่า 'คุณ' ดูมีความห่างเหิน เช่น 
                 "ฉันทนเห็นคนสิ้นหวังตรงหน้าไม่ได้หรอก" #มองยิ้มอ่อนๆ
                 "แม้คุณจะเจอกับอะไรมา ได้โปรด..อย่าเพิ่งทิ้งความหวัง"
                 "คลาริส ลิแอนน์.." แนะนำตัวซึ่งดูแล้วไม่เป็นมิตรกับคนแปลกหน้า #ความจริงคือทำตัวไม่ถูก ถถถ
                 "...." ดื่มชาจิบเล็ก #สิ่งที่คนนอกเห็นเป็นเรื่องปกติ
                 "ฉันจะไม่ถามหรอกนะคะว่าคุณเป็นใคร แต่การที่คุณบาดเจ็บแปลว่าคุณต้องการความช่วยเหลือ"

        - คลาริสเป็นคนชอบดื่มน้ำไม่ว่าจะหวานหรือขม คลาริสไม่ชอบเห็นคนลำบากและผ้าเนื้อสาก(มันรู้สึกแปลกๆ) กลัวพ่อตาย(..) ไฟ #มันหลอกหลอน
        - งานอดิเรกคือการทำงาน#แต่งหนังสือ วาดภาพ อ่านนิทานเรื่องราวอัศจรรย์ และเป็นที่ปรึกษาให้คนอื่นๆ



     

    ชื่อ : น๊อค ลูเม็น
    อายุ : 18
    บทที่ต้องการ : คู่ลุงอาร์ดิน
    อาชีพ : นักเรียน ม.6
    ความสามารถพิเศษ : ร้องเพลงและเล่นเปียโน
    ประวัติความเป็นมา : เด็กสาวที่บ้านมีฐานะพอควร แต่เพราะอุบัติเหตุทำให้เธอเสียพ่อแม่ไปโดยทิ้งเงินก้อนเงินและห้องอพาร์เม้นห้องใหญ่ไว้ให้ เธออาศัยอยู่คนเดียวและรับจ๊อบเป็นนักร้องตามร้านอาหารเพื่อหารายได้เสริมในเวลากลางคืนของวันเสาร์ บางวันก็ไปพาร์ทไทม์ที่ร้านหนังสือช่วงหลังเลิกเรียน
    นิสัย : เด็กสาวที่มีชื่อเหมือนผู้ชาย เป็นคนร่างเริงและตรงไปตรงมา สามารถรู้สึกได้ว่าคนอื่นกำลังโกหกแต่มักไม่ใส่ใจถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อย มักยิ้มแย้มเสมอๆ และกระตือรือล้น ขี้สงสารและอารมณ์อ่อนไหวเวลาดูหนังซึ้งๆนี่น้ำตามาเต็ม จริงๆก็มีแผลใจเรื่องพ่อแม่ถ้าโดนสะกิดเอามากๆจะปล่อยโฮออกมา
    ประวัติส่วนตัว : หนัก-48 สูง-168 สีผม-ดำ สีตา-น้ำเงินฟ้า แล้วก็เอาเป็นว่าแบน
    อื่นๆ : คำพูด- "อาจจะรกไปหน่อยนะคะ แฮะๆ"
    "โอ้ เค้กร้านนั้นน่ะอร่อยมากนะคะ"
    "ทำไมต้องฝืนขนาดนั้นล่ะคะ?พอได้แล้วล่ะ"

    ---------------------------------------------------------------------------------------------

    คู่พรอมโต้
    ของไรต์เอง
    <<ยูกิ<<ยูมะ

    ชื่อ : อากาเนะ ยูกิ.ยูมะ

    อายุ : 19ปี 

    บทที่ต้องการ : คู่พรอมโต้ (หรืออื่นๆ) 

    อาชีพ : นักเรียนจบใหม่ป้ายแดงยังไม่คิดหางานทำหรือเรียนต่อ

    ความสามารถพิเศษ : กระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง,แรงเยอะ,เล่นเครื่องดนตรีได้หลายอย่าง

    ประวัติความเป็นมา : อดีตเด็กน้อยอายุ7 ขวบโลกหลากสี ที่มีความคิดความอ่านเป็นเด็กอ่อนต่อโลกแบบภู่ไม่กลับ(ก็เด็กนิ) นิสัยร่างเริงขี้เล่นใช้ชีวิตแบบเด็กทั่วไปแต่โดนเพื่อนๆล้อเล่นเรื่องผมและตาเลย เกลียดสีผมและสีตาของตัวเองเป็นอย่างมาก เด็กน้อยใช้ชีวิตไปเรื่อยๆจน วันเกิดอายุ13ปี เด็กน้อยเสียครอบครัวไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่กำลังแล่นไปเที่ยวกัน เด็กน้อยรอดออกมาอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด แต่ก็เข้ารับการรักษาอย่างใกล้ชิด แล้วด้วยเหตุที่เกิดขึ้นมันโหดร้ายเกินไปสำหรับเด็กอายุ13 จึงทำให้มีอาการทางจิตร่วมด้วย เด็กน้อยต้องเปลี่ยนไป จากเด็กน้อยร่าเริง ขี้เล่น กลายเป็น เด็กสาวที่ปิดปากเงียบ ไม่สุงสิงกับใคร ตีตัวออกห่างอย่างเห็นได้ชัด โดยในตอนแรกเธอไปอยู่ญาติห่างๆที่ใช้นามสกุล'คุโระ'ต่อมาเมื่ออายุ15สาวน้อยจึงขอกลับมาอาศัยที่บ้านเก่าที่เธอเคยอยู่ในวันวาน แล้วปิดกั้นตัวเองจากผู้คนที่เข้าหา แต่ก็เปิดใจรับแค่บางคนที่รับยอมเธอถึงแม้รู้ว่า เธอป่วยเป็นโรคสองบุคลิก ปัจจุบันมีการทะเลาะกับบุคลิกในตัวเป็นอย่างมาก จนคนอื่นมองว่าบ้า แต่ก็มีบางครั้งทำขั้นบาดเจ็บ

    นิสัย : ยูกิในเวลาปกติจะเป็นคนที่ไม่ค่อยยิ้ม(เป็นเสือยิ้มยากนั้นเอง) ไม่ร่าเริงสดใสเหมือนในวัยเด็ก อารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเดาทางไม่ถูก ไม่มีความมั่นใจแล้วเข้าสังคมไม่ถูกเพราะที่ผ่านมาชอบตีตัวออกห่างคนอื่น แล้วจากขี้เล่นกลายเป็นขี้แกล้ง ในทุกๆรูปแบบ แล้วลึกๆก็อยากที่จะกลับมาร่างเริงอีกครั้ง

    ยูกิในเวลาเป็นอีกคนหรือยูมะ จะออกตัวแรงมากแบบสุดๆ มีความมั่นใจเต็มร้อย เหวี่ยงแรง ห้าวมากพร้อมมีเรื่องชกต่อยได้ตลอด กล้าต่อปากต่อคำ เล่นพิเรนได้บ้าบิ่นสุดๆ ชอบฉีกยิ้มแบบคนโรคจิต ยูมะจะบุคลิกที่เป็นผู้ชาย โกรธง่ายหายยากแต่มีสิ่งหนึ่งเหมือนกันของสองบุคลิกนี้คือ ใจดีกับเด็กเล็ก และเชื่อเรื่องเวทมนต์แบบสนิทใจ

    ประวัติส่วนตัว :  น้ำหนัก 49  ส่วนสูง 165 สัดส่วน 30 26 33 
    ผมยาวเลยเอวสีแดงทับทิม ตาคมสีแดงชาด ผิวขาว มือนิ่ม
    (มือเราเอง พอดีเพื่อนมันชอบบอกว่ามือเรานิ่ม แล้วยังบอกอีกว่าเป็นมือที่ไม่ค่อยทำงานทั้งๆที่รู้ว่าเราทำงานไปด้วยเรียนด้วย......เอาที่สบายใจ)

    อื่นๆ : คำพูด - ปกติจะพูดด้วยเสียงเสียงนิ่งๆ ไม่ค่อยแสดงออกทางสีหน้าสักเท่าไหร่ 'คะ?'
    'ขอโทษด้วยนะ ไม่ได้ตั้งใจ'
    'แกล้งคนอื่นก็สนุกดีนะ' 
    ถ้าเป็นยูมะจะเสียงทุ่นต่ำและดัง
    'วอนหาเรื่องเหรอว่ะ!!'
    'อุ๊ต ตาย!!มีปัญญาแค่นี้เองเหรอ อ่อนหัดมาก!!'
    'ฮ่า!!ๆๆๆ....ตลกนักเหรอ?ฟะ!" 
    ชอบ - สีดำ,ช็อกโกแลต,ตุ๊กตาขนนุ่มๆ,หนังเลือดสาด,เกม(อันนี้ของอีกด้าน) ,เวทมนต์
    ไม่ชอบ - สีชมพู , กระโปรงฟูๆ , ชุดลูกไม้
    งานอดิเรก - อ่านหนังสือ,เล่นฟรีรันนิ่ง,เล่นเกม,ฟังเพลง , เล่นกับเด็กในโรงพยาบาลแผลกจิตเวชด้วย





    ชื่อ : ซาซามะ ชิโระ

    อายุ : 18

    บทที่ต้องการ : อะไรก็ได้ค่ะ><แต่ถ้าเป็นไปได้ขอคู่พรอมโต้เรื่องขอเรื่องคือถนันแนวนี้ค่ะ555

    อาชีพ : นักเรียน

    ความสามารถพิเศษ : รู้เรื่องดอกไม่ทุกชนิด

    ประวัติความเป็นมา : ด้วยความที่เป็นเด็กกำพร้าถูกรับเลี้ยงมาทำให้ขาดความอบอุ่นพอสมครวแต่นั้นทำให้ตอนเด็กไม่ได้เกิดปัญหาอะไรมากนะแต่...ก็เกิดเหตุการ์ณขึ้นเพื่อนพากันรังเกรียจเมื่อรู้ว่าเป็นเด็กกำพร้าโดนแกล้งโดนทำร้ายไม่หยุดเว้นซะวันจนวัน1ได้มีเพื่อนสนิตแต่แล้วก็เกิดเหตุขึ้นเพื่อนสนิตของชิโระนั้นได้ขังชิโระไว้ในห้องน้ำร้าง(สะอาดเลย--//โดนตบข้อหานอกเรื่อง)จนข้ามวันได้น้องชายของตนจึงตามหาเจอและพ่อเลี้ยงของตนยังมาลวนลามอีกทำให้ปัจจุบันไม่เข้าสังคมกลัวการสัมพัสไม่ชอบที่เสียงดังมีคนมากๆจะเกิดอาการกลัวจนตัวสั้น(เป็นเจ้าเข้า//หลบรองเท้าอีกที)แต่ก็ะมีน้องชายของตัวเองที่ทำให้ตัวเองพอจะยิ้มออกมาได้บ้าง

    นิสัย : เมื่อก่อนจะเป็นเด็กร่าเริงนิสัยดีความสดใสนั้นเทียบไม่ติดพูดค่ะคะตลอดเคราพผู้ใหญ่ ปัจจุบัน เงียบ...เงียบมากจนอธิบายไม่ถูกถ้าไม่มีคนพูดถึงตัวเองก็อย่าได้คิดว่าจะได้ยินเสียงหวานๆนั้นออกจากปากเลย--ซึนตัวแม่ไม่ค่อยจะบอกอะไรใครแม้สิ่งที่ตัวเองคิดจะดีกว่า(จะบอกแค่คนที่ตัวเองไว้ใจ)แต่ในใจลึกๆก็อยากไปเล่นกับทุกคนแต่ก็ไม่กล้าไปอีกอยู่ดีเพราะกลัวว่าจะซ่ำรอย

    ประวัติส่วนตัว :น้ำหนัก 45 ส่วนสูง164 สัดส่วน(หมายถึงอะไรค่ะคนทำไม่รู้จริงๆTwT)สีผมชมพูอมแดง สีตาชมพูอดแดง 

    อื่นๆ : ของที่ขอบ:ดอกไม้,มงกุฏดอกไม้,ชา,ตุ๊กตา

    ของที่ไม่ชอบ:หนอน,คนโกหก,ฟ้าผ่า

    งานอดิเรก:ทำมงกุฏดอกไม้,อ่านหนังสือ,ฟังเพลง

    ยกตัวอย่างคำพูด!:"การพูดมันจำเป็นหรอ?"  

    "ต่อให้พูดไป..พวกคุณจะเชื่อฉันไหม?"


    น้องชาย ชื่อคุโระ
     

     

    พี่ชายข้างบ้าน(เพิ่มบทให้แบบหน้าด้านๆ)

     


     

    ชื่อ : สึคิยะ ทาเครุ (ทาเคะ)

     

    อายุ : 25 ปี (ย่างยี่สิบหกแล้วด้วย)

     

    บทบาทที่ต้องการ : บทไหนก็ได้ครับ แค่เน้นลวนลามพรอมพ์โต--- //กระอักไอ

     

    อาชีพ : เพิ่งจบมหาลัยคณะศิลปะและการออกแบบ สาขาศิลปภาพถ่าย ตอนนี้ยังหางานทำอยู่ แต่ก็คิดๆ ไว้ว่าถ้าภายในปีนี้ยังหาบริษัทเข้าไม่ได้จะไปเป็นช่างภาพอิสระ

     

    ความสามารถพิเศษ : วาดรูป , วิชาตัวเบา สี่เท้าแมวยังพ่ายแพ้ (ได้รับมาตอนเรียนเพราะไปโหนต้นไม้ถ่ายรูปรังนกบนกิ่งสูงเพื่อส่งเป็นไฟนอลโปรเจ็คตอนปีสาม)

     

    ประวัติความเป็นมา : ดูเหมือนกับจะเป็นคนธรรมดาไม่มีอะไรจากการที่ทำได้แม้แต่เกาะกำแพงตึกคณะเพื่อถ่ายรูปกระรอกกำลังขนอาหารไปให้ลูกในรังเพื่อส่งเป็นโปรเจ็คตามหัวข้อ “สัตว์โลกน่ารัก” แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่

     

    … เขาน่ะเป็นหนึ่งในตระกูล “คนทรง” ที่เหลืออยู่แค่สองคนหรือก็คือเขากับพี่สาวนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีคนรู้เพราะว่าพวกเขาไม่ได้ใช้นามสกุล “สึคิโยมิ” ของตระกูลเพื่อหลบซ่อนตัวในโลกที่เวทย์มนต์หรือเทพเจ้าเป็นเพียงเรื่องหลอกเด็ก เป็นร่างทรงของยักษ์โอนิผู้ถือกระบองเหล็กเฝ้าสะพานปรภพ เพราะอย่างนั้นหากมีใครมาบอกว่าตนนั้นมีเวทย์มนต์เขาก็เชื่อไปกว่าครึ่งก่อนที่จะซักถามรายละเอียดเหมือนกับจริงๆ ไม่เชื่อแล้ว

     

    บ้านของพวกเขาเคยเป็นศาลเจ้ามาก่อนแต่ทุบทิ้งไปแล้วและทำเป็นโรงฝึกดาบแทน แน่นอนว่าสามารถแปรรูปไว้ใช้ซุกซ่อนคนได้สบายๆ เลย เพราะว่าด้วยอาคมของตระกูลนั้นจะคอยทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนมากพวกเขาจะใช้โรงฝึกนั้นในการฝึกดาบทั้งดาบไม้และดาบจริงในการป้องกันตัวกันสองคนซึ่งก็ไม่บ่อยนักเพราะมักจะหมกตัวอยู่ในบ้าน เพื่อทำงานหรือว่าไปปีนป่ายหารูปสวยๆ ส่งโปรเจ็คหรือยื่นใบสมัครงานอยู่ที่ไหนสักแห่งนั่นแหละ

     

    ถามว่าพ่อแม่ของพวกเขาไปไหน? ตายไปตั้งแต่เขายังเรียนประถมส่วนพี่สาวเรียนมัธยมนั่นแหละ มารดาของเขาที่เป็นร่างทรงของยูกิอนนะ(สาวหิมะ)นั้นป่วยหนักและทรุดลงเรื่อยๆ จนตายไป ส่วนพ่อของพวกเขานั้นไม่ได้ตายอยู่ในบ้านแต่แบบธรรมชาติด้วย … ร่างกายค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นอสูรที่ไม่เคยรู้จักโดยพี่สาวของเขาได้เรียกมันว่า ‘โรคที่ผู้ที่กำลังจะมาเยือนนำพามาด้วย’ และนั่นทำให้พวกเขาต้องสังหารบิดาของตนเองแต่เพราะร่างกายนั้นสลายหายไปพวกเขาจึงต้องแจ้งแค่ว่าหายสาบสูญทั้งที่รู้แก่ใจ … ถามว่าโกรธคนที่นำพาสิ่งนี้มาไหม มันก็ใช่แหละแน่ละก็ครอบครัวนี่นา

     

    แน่นอนว่าเพราะตอนนี้เหลือกันอยู่แค่พี่น้องแล้วเลยค่อนข้างพึ่งพากันเองสูงมาก กระนั้นแล้วภายใต้วาจาที่เหมือนจะทะเลาะกันนั้นจึงมีความรักกันจนจะกลืนกินกันไปข้างอยู่ด้วย เอาง่ายๆ คืออยู่ในเกณฑ์ทำข้าข้าไม่ว่า ทำพี่ข้าเอ็งจะไม่เหลือดี

     

    พวกเขาคล้ายๆ จะเป็นนักปราบมารจากการพยากรณ์สิ่งผิดปกติแล้วออกไปกำราบ ชำระล้างบ้าง ผนึกบ้าง ทำลายบ้างแล้วแต่สถานการณ์ ถ้าดวงวิญญาณที่แปดเปื้อนนั้นไม่แข็งแกร่งเกินไปก็จะอยู่ในรูปแบบชำระล้างเป็นส่วนใหญ่ ถ้าภาษาชาวบ้านหน่อยก็เป็นพวกนักปราบผีอะไรแบบนั้น

     

    นิสัย : เป็นคนเฮฮาปาร์ตี้ปนสติแตกนิดๆ ติสท์หน่อยๆ(ดูได้จากการลงทุนปีนป่ายถ่ายรูป มุมไหนสวยปีนมุมนั้น) โดยรวมแล้วก็เป็นที่นิสัยธรรมดาคนหนึ่งที่เสียสติเป็นจังหวะๆ (แน่นอนว่าเวลาเดดไลน์เผาก้นใครมันจะไปมีสติกันเล่า)

     

    เขาจะออกแนวแฟชั่นไปทางพังค์ๆ ปนๆ ร็อคหน่อยๆ ว่าง่ายๆ คือพล็อบในตัวเยอะมาก เช่นเดียวกับตัวพี่สาว(แต่เวลาเข้าทรงจะใส่เป็นกิโมโนแทน)แต่ก็เป็นคนที่แต่งตัวเก่งและชอบจับชาวบ้านชาวช่องเขาแต่งตัวถ้าหากได้รับรีเควสมา

     

    เป็นคนง่ายๆ สบายๆ ลุยไหนลุยกันขอให้ได้เที่ยว(แล้วไม่ต้องจ่ายเงินเอง)เขาก็ไปได้ทุกที่แหละ แต่ก็ไม่ได้เป็นคนเห็นแก่เงินขนาดหนัก เพราะจริงๆ เขาก็มีด้านสุขุมและมีเหตุผลอยู่ เพราะเขาอายุก็ปาไปยี่สิบห้าแล้วจะให้สติแตกอย่างเดียวก็กระไรอยู่ เพราะงั้นโหมดจริงจังของเขาจะเคาะออกมาได้ถ้าต้องการซีเรียส

     

    แต่กระนั้นแล้ว เพราะเป็นร่างทรงของโอนิเวลาที่โดนครองร่างก็จะออกไปทางเลือดร้อน มุทะลุ ดุดัน เวลาท้าทายจะชอบตะโกนเสียงดังแบบหยาบคาย โหดร้ายแบบสัตว์ป่า เรียกได้ว่าความซันชายด์แบบเด็กๆ จะกลายเป็นความดาร์กๆ ของผู้ใหญ่ แต่ยังอยู่บนเส้นของเหตุผลอยู่เพราะจิตยังอยู่ครึ่งๆ ระหว่างตัวเขากับโอนิ เพราะงั้นก็ถือได้ว่าเขาเป็นคนลึกลับในแบบแปลกๆ พอสมควรเลยทีเดียว

     

    นอกจากนั้นก็คงเป็นพวกขี้แกล้งตัวพ่อกระมัง แถมยังชอบทำตัวเหมือนเป็นไบเซ็กชวล(ชายก็ได้หญิงก็ดี)อีกต่างหาก แต่จริงๆ ไม่ได้เป็นหรอกถ้าไม่ได้ถูกใจใครมากๆ น่ะนะ

     

    ลักษณะภายนอก : ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งประมาณร้อยเจ็ดสิบแปดเซนติเมตร และน่าจะหนักประมาณหกสิบห้า แต่พอดูเวลาเขาโหนตัวอยู่บนต้นไม้แล้วเหมือนไอ้น้ำหนักที่มีอยู่มันหายไปราวกับไม่มีกฏของนิวตันอยู่บนโลกใบนี้เลย เรือนผมของเขาเป็นสีทองสั้นปะบ่าที่ดูเหมือนย้อมแต่จริงๆ ไม่ ปกติจะรวบขึ้นเป็นหางหมาแบบลวกๆ เพราะขี้เกียจจะมัดแต่ก็ขี้เกียจจะตัดเช่นเดียวกัน ดวงตาของเขาดูเหมือนจะเป็นสีฟ้าใสคล้ายพ่อหนุ่มถือปืน แต่จริงๆ แล้วนั่นเป็นคอนแท็คเลนส์ต่างหาก เพราะว่าลูกหลานตระกูลคนทรงสึคิโยมินั้นมีดวงตาสีแดงเลือดที่แปลกแยกอยู่ยังไงละ

     

    อื่นๆ :

    • อย่างที่บอกไปว่ามีพี่สาวอยู่หนึ่งคน พี่สาวคนนี้มีใบหน้าที่คล้ายกับเขามากจนใครเห็นก็บอกว่าฝาแฝด แต่จริงๆ แล้วคือพวกมันห่างกันสามปี เธอมีชื่อว่า สึคิยะ คิโยรุ หรือจริงๆ แล้วคือ สึคิโยมิ คิโยรุ ร่างทรงของเทพจิ้งจอกนั่นเอง



    คิโยรุจะทำงานในด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การสร้างเกม การเขียนโปรแกรมและการแฮกค์โหลดการ์ตูนมาดู(...) มากกว่าเขาที่ไปทางหัวศิลป์มากกว่า นอกจากนั้นเธอจะออกไปทางสาวมั่นเท่ห์ๆ ที่เคยมีรุ่นน้องผู้หญิงมาสารภาพรักแทนที่จะเป็นคนน้องเสียอย่างนั้น วาจาของเธอจะดูเย็นชา แต่จริงๆ แล้วคือเธอแอ๊บ เพราะว่าการเหลือกันอยู่สองคนพี่น้องทำให้เธอต้องเข้มแข็งและเป็นผู้นำที่ดีเท่านั้น แน่นอนว่าน้องชายอย่างเขารู้ดีที่สุด … คิโยรุเป็นร่างทรงของเทพจิ้งจอกที่พอให้เทพครองร่างแล้วจะดูหยิ่งขึ้นอีกเป็นสองเท่า และเว้นระยะห่างออกไปอีก เทพจิ้งจอกนั้นมีพลังในการพยากรณ์อนาคตแต่ก็เป็นบางครั้งเท่านั้น (และเธอจะบอกน้องชายเป็นคนแรกเพื่อปรึกษากัน) บางครั้งถ้าถูกชะตากับใครจะบอกโชคให้ด้วย (หรือที่คนไทยเราเรียกๆ กันว่า ใบ้หวย นั่นเอง)

    • ความจริงแล้วอยากเป็นนักร้อง แต่เพราะเสียงตัวเองเน่ามากเลยไปเอาดีด้านศิลปะการวาดรูปและการถ่ายภาพแทน (ในห้องหนังสือที่ขั้นห้องนอนของเขาและพี่สาวเอาไว้จะเต็มไปด้วยรูปวาดและรูปถ่าย)
    • ตอนนี้ไม่มีงานประจำแต่มีเว็บเพจไว้รับจ๊อบเป็นเคสๆ ที่ติดต่อเข้ามาอยู่ ถึงวิธีการถ่ายจะดูเพี้ยนๆ แต่ผลงานที่ออกมาระดับมืออาชีพทั้งนั้นเลยนะเออ (เขาเคยทำถึงขั้นลงไปยืนบนบันไดในท่อระบายน้ำเพื่อถ่ายวิวมุมเงยให้สวยเลยด้วยซ้ำ)
    • จะพกยันต์อาคมเอาไว้อย่างน้อยสองชุดอยู่เสมอ ยันต์ทั้งสองชุดนั้นจะมีทั้งกางอาคมป้องกัน โจมตีด้วยลูกไฟ และอัญเชิญกระบองเหล็กของโอนิ ต่างจากพี่สาวที่ใช้แค่พัดเท่านั้น แต่ทางพี่สาวของเขาจะเน้นไปที่ธาตุน้ำเป็นส่วนใหญ่
    • เวลาเรียกพี่สาวตัวเองจะเรียกว่า “อิเจ้” หรือ “เจ้” และจะถูกเรียกกลับมาว่า “จิบิ” หรือก็คือเจ้าตัวเล็กมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้ว แน่นอนว่าพี่สาวเรียกได้คนเดียว
    • โอนิมีพลังในการ “ชำระล้าง” เช่นเดียวกับคิซึเนะแต่จะแตกต่างตรงมีพลัง “ทำลาย” และ “ขับไล่” รวมไปถึงการ “ผนึกชั่วคราว” โดยใช้พิษจากดอกฮิกังบานะที่ขึ้นอยู่ริมสะพานปรภพเป็นสื่อกลางการผนึก ต่างจากคิซึเนะตรงที่ทางนั้นสามารถ “ผนึกได้อย่างถาวร” และมีพลังชำระล้างมากกว่า เรียกว่าเป็นต่อแค่ด้านพลังกำลัง
    • เป็นคนมีเพื่อนเยอะ แต่มักถูกลืมเวลาเรียกรวมพล เพราะงั้นถ้าถึงงานเลี้ยงรุ่นแล้วยังเห็นมันยังตะลอนถ่ายรูปไปทั่วอยู่นั้น ให้รู้ไว้เลยว่าทุกคนลืมโทรหามัน
    • เป็นพวกติดการ์ตูนขั้นหนักแบบที่หากกู๊ดของอนิเมที่ชอบออกจะเทใจเปย์ให้แบบไม่คิดจะหักห้ามใจตัวเองเลยแม้แต่สักนิดเดียว แต่เขาไม่ได้เป็นพวกชอบการ์ตูนฮาเร็มนมแตงโมหรอกนะ ของคนที่เขาเก็บส่วนมากถ้าไม่ใช่สาวเท่ห์ก็หนุ่มๆ ในท่าต่อสู้อะไรแบบนั้น
    • ติดโซเชียลพอๆ กับการ์ตูนและไม่ชอบถ่ายรูปตัวเองกับพี่สาว เพราะไม่งั้นในภาพจะติดทั้งโอนิและคิซึเนะไปด้วย เพราะงั้นจึงไม่มีใครถ่ายรูปเขาเลยเพราะเคยตกใจกับภาพติดวิญญาณมาแล้ว

      

    (โอนิกับคิซึเนะ)

    • นักกินและเป็นคนทำอาหารประจำบ้าน ทำงานบ้านด้วยเพราะปกติพี่สาวจะอยู่แต่หน้าคอมทำงานส่งเจ้านายอยู่ในห้องตัวเองเป็นประจำ
    • แปรวิชาตัวเบาตอนถ่ายรูปมาใช้ต่อสู้ได้ด้วยนะ ส่วนมากจะใช้กับดาบมากกว่าใช้กระบองของโอนิ ถ้าใครอยากเรียนต่อจากเขาก็มาถามได้เลยยินดีสอน แต่เข้าถึงไหมนี่อีกเรื่องนึง
    • เวลาเทพสถิตตาของทั้งคู่จะเป็นสีแดงเลือดเพราะคอนแท็คเอาไม่อยู่ และจะแทนตัวเองว่าข้า แทนคนอื่นว่าเจ้า และภาษาจะโบราณกว่าปกติ
    • เขาเปลี่ยนชื่อสองครั้ง ครั้งแรกเปลี่ยนจากนามสกุล สึคิโยมิ เป็น สึคิยะ (ทั้งคู่แปลว่าคืนเดือนหงายทั้งคู่) ครั้งที่สองเปลี่ยนชื่อเป็นทาเครุ …. ชื่อเดิมของเขาคือ สึคิโยมิ คิเซย์นะ ที่แปลว่า คำอธิษฐานในคืนเดือนหงาย


     

    ตัวอย่างคำพูดเล็กน้อย - “อืม เข้าใจละ เวทย์มนต์ที่ว่าคือแบบนั้นเอง...เชื่อด้วยเหรอสินะ? จริงๆ ก็เชื่อมาตั้งแต่ประโยคแรกที่พูดแล้วแหละก็ไม่เห็นท่าทางว่าจะโกหกเลยนี่นา แล้วก็นะ ฉันเองก็มีอะไรคล้ายๆ แบบนั้นเหมือนกันแหละ”

     

    “นิทานกับตำนานมากมายบนโลกนี้น่ะกล่าวถึงเวทย์มนต์และเทพเจ้าอยู่เยอะเลยละ แต่สิ่งพวกนั้นกลับถูกลืมเลือนและกลายเป็นเพียงเรื่องโกหกไว้หลอกเด็ก… มันน่าเศร้านะที่คนสำคัญอย่างพวกเราในอดีตกลับถูกทิ้งไว้เบื่องหลังแบบนี้”

     

    “พลังของสึคิโยมิไม่สามารถเรียกได้เต็มปากว่าเป็นเวทย์มนต์ … มันคือการยืมพลังของผู้ล่วงลับหรือผู้อยู่ในดินแดนปรภพเท่านั้น อย่างเช่นลูกไฟของฉันจะอยู่ในรูปแบบลูกไฟวิญญาณไงละ”

     

    “ดูไปแล้วนายนี่ก็น่ารักดีนะ? นายรังเกียจไหมถ้าจะมีแฟนเป็นผู้ชาย? ถ้าไม่ ฉันจีบนายได้ป่าวอะ?”

     

    “ฉันเป็นเกย์? เปล่าเลย ฉันไม่ได้ชอบผู้ชายหรอก… แค่นายที่ฉันชอบดันเป็นผู้ชายก็แค่นั้นเองแหละ”

     

    “การเป็นคนทรงมันง่ายกว่าการทำตัวให้เป็นคนธรรมดาที่ไม่แปลกแยกเสียอีก แต่ฉันโอเค ทุกอย่างมันก็เป็นไปตามกฏเกณฑ์ของมันนั่นแหละ”

     

    “อิเจ้ วันนี้จะกินอะไร? … มีแขกเยอะแบบนี้ทำเสต็กดีไหม หรือเอาสุกี้ยากี้?

    คิดไปคิดมาอุด้งคนละชามแล้วกันนะ”

     

    “จะออกไปไหนก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่ขอร้องละช่วยโทรบอกกันสักนิด อย่าทำให้ตกใจจนหัวใจแทบวายตายไปที”

     

    “ข้าคือโอนิผู้เฝ้าทวารบานแห่งปรภพ ณ สะพานสีแดงที่ประดับประดาด้วยฮิกังบานะแปดขาแมงมุม หากผู้ใดคิดขวางทาง...ข้าจะขยี้มันให้แหลกเหลวด้วยกระบอกเหล็กกล้าของข้า เจ้าพวกอสูรชั้นต่ำที่เป็นได้เพียงเศษสวะ!!”

     

    “เจ้าช่างเป็นมนุษย์ที่โง่เขลาเสียจริง… ชีวิตที่ได้รับมานั้นของเจ้ามีไว้เพื่อต่อสู้ ไม่ได้ให้เจ้ามีมันไว้เพื่อยอมแพ้ไม่ใช่หรืออย่างไร”




    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    คู่กลาดิโอลัส

    ขอเปลี่ยนรูปนะ




    ชื่อ: โซโสะคุจิน อาจิไซ


    อายุ: 18 ปี


    บทที่ต้องการ: ภรร--แค่กๆ คู่กลาดิโอลัส


    อาชีพ: นักเรียน,ถ้างานดีเงินงามก็ทำ


    ความสามารถพิเศษ: ไม่มีอะไรพิเศษ


    ประวัติความเป็นมา: อาจิไซจังเป็นเด็กที่เติบโตมาท่ามกลางความเลวร้ายของสังคม แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็มีตัวละครที่เป็นแรงบันดาลใจให้เธอต่อสู้กับความเลวร้าย ก็คือกลาดิโอลัสนั้นเอง(สรุปคือนางปลื้มกลาดิ้ตั้งแต่ตอนเป็นตัวละครในเกม) แม้จะถูกคนอื่นมองว่าเพี้ยน แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเธอมักจะทำตัวปิดกั้น ใครจะว่าอะไรก็ว่าไป  แต่เล็กๆเธอก็ต้องการคนคุยต้องการเพื่อน


    นิสัย: ร่าเริง สบายๆ ชอบรับฟังปัญหาของคนอื่น และมักจะให้คำตอบที่คิดว่าดีที่สุดให้กับผู้ที่มาปรึกษา แต่บางครั้งก็ชอบเก็บเอามาคิดไว้คนเดียว ทำตัวเย็นชาเมื่ออยู่ต่อหน้าอื่น แต่ยกเว้นตอนทำอาหารและงานบ้านงานเรือน เธอจะเเสดงถึงความเป็นกุลสตรีอย่างสูง และไม่ว่าจะเป็นตอนไหน เธอก็จะแสดงความเข้มแข็งที่เธอมี เพื่อไม่ให้คนอื่นเห็นเธอเป็นภาระ


    ประวัติส่วนตัว: สูง167ซม.(เตี้ยกว่ามาตรฐานเด็กม.6) หนัก40 กก. ผมยาวถึงกลางหลังสีม่วง ตาสีม่วง สัดส่วน 31 24 33


    อื่นๆ:

    -คำพูดติดปาก: ฉันน่ะนะ จะให้ทำอะไรก็ได้ แต่ต้องเป็นงานที่ขาวสะอาด และได้เงินดี ว่าแล้วก็มาช่วยฉันหน่อย!!

    -ชอบ: กลาดิโอลัส(?),การนั่งฟังคนอื่น(ยกเว้นแอบฟังใครนินทา),ทำอาหาร,งานบ้านงานเรือนทุกอย่าง

    -ไม่ชอบ: ผักทุกชนิด

    -งานอดิเรก: เย็บปักถักร้อย, นั่งอ่านหนังสือ(วายด้วยคือประเด็น(?)),แอบมองกลาดิโอลัส(เผลอๆมีรูปด้วย)


    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    คู่อิกกี้





    ชื่อ : นานะ ฮิเดโกะ

    อายุ : 17 ปี

    บทที่ต้องการ : ภรรยา--แค่กๆ คู่ครองอิกกี้~

    อาชีพ : นักเรียน,นักเขียนนิยายแนวรัก(ผู้ไม่โด่งดัง),(??)(อีกอาชีพ...คืออะไร?)

    ความสามารถพิเศษ : เล่นกีตาร์เก่ง(ดูจากรูปก็พอรู้ย่ะ...) 

    ประวัติความเป็นมา : นานะซัง หรือ ฮิเดโกะจัง เป็นเด็กสาวที่มีปัญหาทางครอบครัว พ่อและแม่ของเธอหย่าร้างกันด้วยเหตุความไม่เข้าใจ้ซึ่งกันและกัน เธอต้องมาอยู่กับแม่ ตามความเห็นชอบของทั้งสองฝ่าย แม่ของเธอมีสามีใหม่ ลักษณะเหมือนคนขี้เหล้าที่ไม่น่าฝากความหวังอะไรไว้กับเขา ในวันนึง แม่ของเธอกลับดึก เธออยู่กับพ่อเลี้ยงเพียงลำพัง สันดานหมาๆของพ่อเลี้ยงมันเลยออกมา เธอยังจำมันได้ดี พ่อเลี้ยงของเธอเข้ามาในห้องนอนของเธอ ค่อยๆเปลื้องชุดที่เปรอะเปรื้อนเต็มไปด้วยน้ำเมา เขาย่างกลายเข้ามาหาเธอช้าๆ ในขณะที่ลูกนกตัวน้อยๆอย่างเธอกำลังร้องไห้ ต้องขอบคุณเทพธิดาหรือเทพบุตรบนท้องฟ้าที่ทำให้ข้างกายเธอมีโคมไฟที่มีขนาดพอดีมือของเธอ เธอคว้ามันมาฟาดหัวของพ่อเลี้ยงอย่างไม่คิดที่จะลังเล และเธอต้องรีบวิ่ง วิ่งให้ไกลที่สุด เธอรอดแล้ว...ซะเมื่อไหร่ เมื่อมารดาของเธอกลับมา มารดาของเธอได้ทำสิ่งที่คนเป็นแม่หลายๆคนไม่ทำ นางตบเธอ...ไม่มีแววตาที่แสดงออกถึงความสำนึกผิดแม้แต่นิด เธอถูกพ่อเลี้ยงกล่าวหาว่าเธอเกลียดที่เขาเป็นพ่อ เธอเกลียดเขา เธอทำร้ายเขา เธอก็ยังไม่เข้าใจ มารดาของเธออยู่บนโลกใบนี้มาร่วมสามสิบกว่าปี ทำไมถึงไม่คิดล่ะว่า เด็กอายุสิบสี่(อันนี้ย้อนความ)อย่างเธอ จะสามารถทำอะไรบุรุษที่มีร่างกายกำยำอย่างพ่อเลี้ยงได้ เธอจากบ้านมาอย่างไม่ลังเล เธอเลือกที่จะโทรศัพท์หาบิดาที่แท้จริง ที่เป็นทางเลือกเดียวของเธอ พ่อของเธอไม่ได้มีคนอื่นเลย เขายังรักแม่ของเธอเพียงคนเดียว...หึ ไม่มีทางหรอกน่า เมื่อเธอไปถึงบ้านของผู้เป็นบิดา มันโหดร้ายมาก เธอพึ่งทราบว่า บิดาของเธอได้เกิด...อ่า จะว่าไงดีล่ะ...พ่อของเธอเปิด...ซ่อง...หึ แล้วไงต่อล่ะ เธอก็โดนหยิบมาเป็นของสูงที่ราคาแพงที่สุดในซ่องนี้น่ะสิ ฮ่าๆ หนีเสือปะจระเข้จริงๆ เป็นสาวที่แพงที่สุด แล้วก็เด็กที่สุด ร่างกายไม่มีทางเป็นอิสระ เธอทำงานที่นี่มาจนถึงปัจจุบัน และไม่มีท่าว่าจะเลิกทำได้ เธอเป็นเพียงนกในกรง ที่ไร้ทางออก หรือนกนอกกรง...ที่ไร้ปีก...

    นิสัย : เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น เธอคือเด็กสาวร่าเริง ผู้มองโลกในแง่ดี ไม่ค่อยจริงจังกับอะไร ชอบยิ้มและขี้เล่นไปตามนิสัยคนอารมณ์ดี แต่ว่าความจริงแล้ว ภายในจิตใจลึกๆของเธอ เธอเก็บกด เธอโดดเดี่ยว ไม่ค่อยแสดงออกว่าเสียใจ ชอบแอบร้องไห้ เกลียดการอยู่ตัวคนเดียว หวาดกลัวทุกสิ่งอย่าง รักเดียวใจเดียว เป็นคนในซ่องที่ไม่ได้ต้องการเงิน เธอเพียงต้องการใครซักคนที่กอดเธอได้

    ประวัติส่วนตัว : สูง 159 ซม. น้ำหนัก 40 กก. ผมสีน้ำตาลอ่อน ดวงตาสีแดงทับทิม สัดส่วน 32 26 31 

    อื่นๆ : 
    งานอดิเรก : อ่อย...แน่นอนว่าต้องเป็นอิกกี้~ ทำครัวพัง เพราะทำอาหารบ่เป็น
    ตัวอย่างคำพูด~
    ชอบ : ดอกไม้ ขนมหวาน อิกนิส(?)
    เกลียด : พ่อ คนในซ่อง ลูกค้าของตัวเอง
    แพ้ : กุ้ง กินแล้วมีผื่นแดงเต็มตัว กินเยอะๆก็ตาย
    "...คนแบบฮิเดโกะน่ะ...ความรัก...ไม่มีค่าหรอก...อ๊ะ!! เผลอพูดอะไรแปลกๆไปอีกแล้ว ขอโทษนะ อิกกี้จัง~"
    "อิกกี้ก็คิดว่าฮิเดโกะเป็นแค่ผู้หญิงสำส่อนใช่มั้ยล่ะ!!!! แล้วอิกกี้มาคุยกับฮิเดโกะ มาให้ความหวัง ทำไม!!!"
    "อิกกี้จัง...ฮิเดโกะน่ะ...รักอิกกี้จังมากๆนะ"
    "ฮ่าๆ อิกกี้จัง ฮิเดโกะล้อเล่น"




    -------------------------------------
    ตัวร้ายมาแล้วสองคน อีกคนหนึ่งรอส่งลิ้งค์ใหม่เพราะที่ส่งมาทำเป็นลิ้งค์ที่เจ้าของไอดีเห็นคนเดียว (นึกถึงตัวเองตอนเริ่ม ตลค ใหม่ๆ)
    เดี๋ยวลงคนหนึ่งก่อน

    ตัวร้ายของเรื่อง(ไม่จำกัดว่าจะเป็นตัวร้ายของใคร แต่เราจะเอาตัวร้ายของน็อคโตะนะเอ่อ=w= )



    ชื่อ : เคลเซย์ เคิร์ท เจอราร์ด

     

    ชื่อเล่น เซย์

     

    อายุ : 23 ปี

     

    บทที่ต้องการ : ตัวร้ายของเรื่อง(จะร้ายอย่างไงตามใจเลยค่ะ แย่งนางเอกก็ฟินดีนะ เอ้ย! ตามใจไรท์ค่าาาาาาา!!! แต่ใจจริงอยากให้ตีกับเจ้าชายมาก)

     

    อาชีพ : ปัจจุบันตีหน้าซื่อเป็นคุณครูสอนตามบ้าน

     

    ความสามารถพิเศษ :   -ทักษะการใช้ดาบคาตานะ ที่จริงขอให้เป็นดาบเซย์ใช้ได้หมดแหละ แต่ดาบคาตานะพี่ท่านถนัดสุดเท่านั้นเอง และเป็นดาบเดียว มีความสามารถใช้สลับมือได้อีกด้วย

                                        - ทำอาหารได้อร่อยมาก lต่อให้มีวัตถุดิบไม่กี่อย่าง เซย์ก็มีความสามารถแปรรูปได้หมด

                                        -เวลายามคับขันเวลาหนี(ที่ซึ่งหาได้ยากยิ่ง) เซยจะวิ่งเร็วกว่าปกติเป็นเท่าตัว

      

    ประวัติความเป็นมา :

                ตระกูลเจอราร์ดเป็นตระกูลที่รับใช้ราชวงศ์นิเฟลไฮม์มาอย่างยาวนาน ส่วนใหญ่พวกลูกหลานของตระกูลจะทำหน้าที่สายบุ๋นมากกว่าบู้ น้อยคนนักที่จะเลือกเส้นทางหน่วยกล้าตาย และเซย์ก็เป็นหนึ่งในเหล่าคนจำนวนน้อยนั้น

                เซย์เป็นทายาทเพียงคนเดียวและผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ของตระกูลเจอราร์ดในปัจจุบัน เขาสูญเสียพ่อแม่ไปตอนที่ยังอายุเพียงแค่ 12 ปี ด้วยสาเหตุมาจากขัดแย้งอำนาจหน้าที่กันภายใน ซึ่งคนร้ายนั่นก็เป็นถึงหนึ่งราชการของราชวงศ์เช่นกันที่ ณ ปัจจุบันได้ถูกตามหลักฐานได้และโดนประหารไปเรียบร้อย

                เซย์รับหน้าที่ทหารของนิเฟลไฮม์ตอนอายุเพียง 15 ปี ตลอดชีวิตก่อนหน้านี้คือช่วงเก็บเกี่ยวความรู้ของเขา เมื่อเห็นว่าชีวิตบุ๋นตามรอยบรรพบุรุษมันน่าเบื่อ เซย์เลยเลือกเส้นทางที่มีสีสันในชีวิตมากกว่า แต่ใช้ว่า ปีก่อนหน้านี้หลังจากพ่อแม่เสียเซย์จะสุขสบาย ถึงแม้มีเงินทองไว้ใช้ตลอดชีวิต แต่เขาก็ขาดความอบอุ่นมาตลอดปี เขาอยู่อย่างโดดเดี่ยว คนรับใช้ก็มีแค่คนสนิทจริงๆเท่านั้น ชีวิตเซย์ช่วงนั้นแทบล่อหลอมเป็นบุคลิกใหม่ทีเดียว

                เซย์ได้รับเลื่อนขั้นเป็นองครักษ์ระดับแนวหน้าก็เมื่ออายุ 17 ปี ด้วยความฉลาดและฝีมือที่ไม่เป็นรองใครง่ายๆ และเขาได้รับความเคารพนับถือต่อเหล่าทหารชั้นผู้น้อยที่นับถือด้านสามารถก้าวมายังตำแหน่งนี้ทั้งที่อายุเพียงแค่นี้ แต่ก็มีบ้างที่ได้รับการอิจฉาเป็นบางส่วน เซย์ดำรงตำแหน่งเรื่อยมาจนกระทั้งได้มาปะกับอาร์ดินตรงๆ อาร์ดินเสนอทางเลือกที่ดีกว่านี้มากมายให้แก่เขาที่มากกว่าอยู่ดำรงแบบนี้ไปจนแก่ตาย สุดท้ายเซย์ก็เลือกเส้นทางที่อาร์ดินต้องการด้วยความรักสนุกล้วนๆ(เอวัง...)ปัจจุบันหลังข้ามโลกตามพวกเจ้าชายมา เซย์ก็กลายเป็นคนถือคติไม่ทำงานก็ไม่มีข้าวกินทันที...

     

    นิสัย :

    เซย์มีร่างจำแลงเป็นปีศาจจอมเจ้าเล่ห์ก็ไม่ปาน

                นิยามบุคลิกของเซย์สมควรถูกเปรียบเทียบเป็นปีศาจจอมเจ้าเล่ห์นั้นคือจริงแท้แน่ที่สุด นิสัยต่างๆของเขารวมๆแล้วร้ายกาจเข้าขั้นเลวร้าย ไม่ว่าใครที่ได้ประสบพบเจอเซย์นั้น อย่าถามหาความดีมีน้ำใจของเขาเด็ดขาด เพราะถามหาไปก็ถามหาไม่เจอ แถมเจ้าตัวยังตีหน้าซื่อหน้าตาเฉยอีกต่างหาก รอยยิ้มแต่ละครั้งของเซย์ถึงแม้จะขึ้นแต่สภาพอารมณ์ก็จริง แต่ถ้าเป็นรอยยิ้มประจำตัวล่ะก็ ...ค่อนข้างจะมีลางร้ายเกิดขึ้น

     

    เซย์เป็นคนที่ฉลาดและมีไหวพริบมาก

                ความฉลาดของเซย์เปรียบเทียบระดับไอคิวล่ะก็ 300 ขึ้น เขามีความรู้รอบตัวในหลายๆอย่างมากมายอันพึงที่มนุษย์คนหนึ่งควรรู้ไว้เป็นศรีแก่ตัว(ที่แค่มากเกินปุถุชนเท่านั้น) เซย์ไม่ใช่บุคคลประเภทมีความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ดูได้จากไหวพริบของเขา เขามีเล่ห์กลอุบายต่างๆเพื่อใช้ในยามคับขันได้หมด เรื่องเอาตัวรอดนี่แทบจะเป็นความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งของเซย์เชียวล่ะ นอกจากเอาตัวรอดเซย์ก็สามารถใช้ไหวพริบเหล่านั้นใช้ในการเจรจาหรืออ่านแผนการได้เช่นกัน

     

    เซย์เป็นพวกถือศักดิ์ศรีเป็นใหญ่

                เซย์เกลียดทุกเรื่องที่ทำให้เขาเสียศักดิ์ศรี เป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งของเซย์ที่มีนิสัยไม่ยอมแพ้ใครง่ายๆ สู้จนสุดตัวแม้ว่าร่างกายแทบไม่ไหวก็ตาม ไม่มีคำว่ายอมแพ้ในสมองหรือระบบความคิดของเขา จะว่าดีก็ดีจะว่าร้ายก็ร้ายไปอีกแบบเสียด้วยซ้ำ สำหรับบทคนดีนี่เซย์อาจเป็นฮีโร่ในสายตาชาวบ้าน แต่เป็นบทตัวร้ายเซย์แทบเป็นคนน่ารำคาญระดับหนึ่งซะมากกว่า เพราะเซย์เป็นพวกมีความแค้นต้องชำระ ยิ่งแพ้กลับมาโดยยังมีชีวิตอยู่เขาต้องย่อมหาเวลาเอาคืนแน่นอน

     

    เซย์มีมุมอ่อนโยนที่แฝงอยู่

                คนที่เจอโหมดนี้ของเซย์เขาไปอาจมีการเงิบจุดล้านตัวเกิดขึ้น เซย์มีมุมอ่อนโยน? ทุกคนที่ฟังแทบส่ายหัวดิกๆว่าเป็นไปไม่ได้! ...แต่เซย์เองเปรียบเทียบหลักความเป็นมนุษย์ล่ะก็เขาเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่สามารถมีอารมณ์ความรู้สึกต่างๆได้ แต่แค่แสดงมากน้อยแค่ไหนเท่านั้น ในกรณีมีความรักเขาก็รักเป็น(แค่อาจดูน่าขนลุกในสายตาคนที่เห็นด้านมืดของเซย์สักเล็กน้อย) รสนิยมความชอบเซย์ก็มีช่วงเวลาสนุกผ่อนคลายคลายเครียด ถ้าเขาได้ทำในสิ่งที่ชอบเซย์ก็เหมือนผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นแหละ

     

    ประวัติส่วนตัว : อดีตหนึ่งในองครักษ์ระดับแนวหน้าของนิเฟลไฮม์ ซึ่งแปรผันเขามาเป็นพวกอาร์ดินโดยแท้ ปัจจุบันเลยรับสถานะเนียนเป็นอาชีพคุณครูสอนนักเรียนตามบ้าน เซย์เป็นผู้ชายที่มีบุคลิกราวปีศาจจอมเจ้าเล่ห์ เขามีเส้นสีดำยาวระคนต้นคอดูนุ่มนวลยามลอยตามกระแสลม ดวงตาสีทองสวยมักเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจถึงแม้จะถูกบดบังใบด้วยกรอบแว่นสีดำบางส่วนก็ไม่อาจกลบแววตาได้ ใบหน้าหล่อเหลาพาสยบสาวๆให้ตกหลุมเพียงไม่ยากซึ่งสีหน้ามักฉายชัดไม่ต่างจากแววตาเท่าไหร่ ผิวขาวสมเป็นคนออกกำลังประจำ มีรูปร่างสมส่วนมีความหนักแน่นสมความเป็นผู้ชาย ส่วนสูง 178 เซนติเมตร น้ำหนัก 65 กิโลกรัม

     

    อื่นๆ :

    งานอดิเรก :     - ฟังเพลง l เซย์เป็นพวกสายร็อค เขาจะชอบเพลงแนวนี้เป็นพิเศษ

                            - เล่นเกมส์ l เซย์เป็นนักเล่นเกมส์คนหนึ่งเชียวล่ะ เขาสามารถเล่นเกมส์ยากระดับฮาร์ดคอร์ได้หมด

                            - เข้ายิม l เซย์เป็นพวกอยู่เฉยไม่ได้ ต้องออกกำลังกายให้เสียเหงื่อบ้าง

    ของที่ชอบ :      - ชัยชนะ l ยิ่งกับพวกที่แพ้ยาก เซย์มีความรู้สึกสะใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ยืนค้ำหัวผู้พ่ายแพ้

                            - เหล่าอาหารฟาสต์ฟู้ดทั้งหลาย l ไม่มีอะไรมาก เพราะมันอร่อยกว่าอาหารอื่นๆ

                            - ลูกสุนัขหรือลูกแมว l อยากรู้อ่านได้ที่เพิ่มเติมค่ะ สปอยคือทำไมเซย์เป็นคนที่น่ารักเงียบขนาดนี้ 5555

    ของที่ไม่ชอบ :  - การพ่ายแพ้ l เซย์เกลียดเรื่องแพ้เหนือสิ่งอื่นใด ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยเขาก็ยอมไม่ได้

                            - การถูกบังคับ l ถ้าไม่ใช่เรื่องที่สำคัญมากจริงๆหรือสิ่งที่ควรจะทำ เซย์จะไม่ยอมก้มหัวให้ใครเด็ดขาด

                            - พวกมองโลกในแง่ดี l เพราะเขาผ่านประสบการณ์มาเยอะ เลยค่อนข้างเอียนคนนิสัยแบบนี้

    เพิ่มเติม :         - ชื่อของเซย์ เคลเซย์ แปลว่า เรือแห่งชัยชนะ เคิร์ท แปลว่า มีมารยาท ส่วน เจอราร์ด แปลว่า คนฉลาด

                            - จุดอ่อนของเซย์นั้นคือลูกสุนัขหรือไม่ก็ลูกแมวตัวเล็กๆ ซึ่งผิดคาดกับบุคลิกเขาสิ้นเชิง! นี่แหละคือมุมอ่อนโยนที่หาได้ยากของเขา ...ในกรณีเซย์ต่อสู้อยู่แล้วเจอบรรดาลูกสุนัขหรือแมวตัวใดที่กำลังลำบาก เขายอมทิ้งหน้าที่ตรงหน้าได้ทันที!

                            - เวลาคิดหนักๆ เซย์ติดนิสัยชอบใช้นิ้วดันแว่นวางท่าเป็นผู้ดี

                            - เซย์ไม่ชอบออกไปในตอนกลางคืนถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ยิ่งตะลุยป่าตอนกลางคืนเซย์เกลียดมาก ...เซย์กลัวผีค่ะ เขากลัวเป็นสิ่งลี้ลับที่ฆ่าไม่ได้ อารมณ์เซย์ตอนนั้นคือวิ่งได้คือวิ่ง!

                            - ในกรณีแว่นแตก เขาจะรีบหาอันใหม่มาเปลี่ยนทันที เซย์มีนิสัยติดแว่นมาก

                            - สายตาของเซย์อยู่ในระดับกลาง ถึงถอดแว่นก็มีความเห็นแบบลางๆว่าพอรู้ว่าใครอยู่ตรงไหนบ้าง แต่ก็ไม่อาจชัดเท่าไหร่ ในกรณีไม่ได้ยินบ่งบอกว่าใครเป็นใคร เซย์อาจทายผิดคน

    แถมประโยคพูดเล็กๆน้อยๆ :  “ นายคิดว่าฉันคนนี้จะแพ้? ”

                                                    “ เลิกมองโลกนี้มันสวยงามเสียที เห็นแล้วอยากอ้วก! ”

                                                    “ ฉันจำเป็นต้องเข้าใจความรู้สึกใครหรือไง? ”

                                                    “ ชิบ! นั่นลูกแมวนี่หว่า!!!! ” แล้วก็รีบผละออกไปทันใดอย่างกับวาบได้

                                                    “ ใครกลัว! ก็อิแค่เดินทางตอนกลางคืนทำไมฉันจะทำไม่ได้! ” 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×