คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ ๔ : ป่วนปากแม่น้ำทั้งสาม ตอนต้น (๕๐%)
บทที่ ๔
ป่วนปากแม่น้ำทั้งสาม ตอนต้น
………………………………………………………………………………………………………………
“พี่ม้าฮะ พี่ม้าอายุเท่าไหร่แล้วอ๋อฮะ”
‘ปีนี้ก็ 540 ปีแล้วกระมัง’ ป๊าดดด ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าประมาณนี้ก็เถอะแต่พอมารู้ถึงอายุจริงๆก็อดตกใจไม่ได้อยู่ดี
“อู้หู เยอะกว่าปรวาณตั้งเยอะแหนะ” ผมทำตาโต แขนก็วาดเป็นวงกลมประกอบท่าทาง คงต้องเริ่มตะล่อมถามสู่เป้าหมายได้แล้วล่ะมั้ง
“อายุเยอะแบบนี้พี่ม้าจะยังแข็งแรงอยู่มั๊ยน้า” ผมกอดอกพร้อมกับมองม้าแก้วด้วยสายตาท้าทายหน่อยๆ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ทำคงจะเจ้าเล่ห์น่าดู แต่พอดีผมเป็นเด็กหกขวบมันเลยดูน่ารักมากกว่า เป็นเด็กทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมดล่ะครับ...
ดูเหมือนจะได้ผล ม้าแก้วที่ก้มลงกินหญ้าอยู่ถึงกับเชิดคอขึ้นมองผมด้วยสายตาไม่พอใจทันที
‘เด็กน้อยพูดแบบนั้นหมายความเช่นไร ถึงข้าจะอายุเยอะแต่ข้าก็ยังแรงดีกว่าม้าวัยหนุ่มนับสิบเท่า’ อือหือ ถ้าจะยั๊วะนะครับนั่นเพิ่งรู้ว่า....
ม้าซีเรียสเรื่องอายุด้วย มหัศจรรย์มาก! (ดึงสติหน่อยปรวาณ :ไรท์)
“ไม่เห็นต้องดุปรวาณเลยนี่นา บู้ๆ” ผมทำแก้มพองลมแล้วเสไปทางอื่นโดยไม่มองม้าแก้ว “ไม่คุยด้วยแล่ว ทำไมต้องดุปรวาณด้วย” พอผมทำท่าจะเดินหนีเสียงม้าแก้วที่ดังก้องในหัวก็รั้งไว้ก่อน
‘ปุโธ่ ข้าขออภัยเจ้าก็ได้ ข้าแค่ไม่ใคร่ให้ผู้ใดกล่าวถึงอายุข้า’ ผมก็ยังไม่สนขาสั้นๆก็ก้าวเดินต่อไป
‘ทำไมข้าต้องคอยมางอนง้อกับเด็กเช่นเจ้าด้วยเล่า เอาเช่นนี้ปะไร เดี๋ยวข้าพาเจ้าท่องเที่ยวจะหายโกรธข้าได้รึยัง’ โป๊ะเชะ! นี่แหละเป้าหมาย ไม่ต้องพูดขออะไรทั้งนั้นแค่แสดงท่าทางนิดหน่อยม้าแก้วก็เสนอตัวให้เราขี่แล้ว ฮ่าๆ ฉลาดสุดๆเลยเรา
“เย้! ว่าแต่ไม่เป็นอะไรหรอฮะ ปรวาณจำได้ว่าอาจารย์ปู่บอกว่าคนที่ขี่พี่ม้าจะโดนเผาจนกลายเป็นฝุ่นเลยด้วย ปรวาณกลัว” ผมกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ ก่อนจะเอานิ้วชี้มาจิ้มกันตรงอก พร้อมกับทำหน้าจ๋อยๆ
‘ถ้าเป็นเจ้าคงไม่เป็นเช่นนั้นกระมัง’
“ถ้าพี่ม้าว่าอย่างนั้น ปรวาณยอมเชื่อก็ได้” ผมว่าพร้อมกับเดินดุ๊กๆไปยืนข้างๆม้าแก้ว
‘ขึ้นมาสิ’ ม้าแก้วย่อตัวลงเพื่อให้ผมขึ้นได้สะดวกๆ ผมปีนขึ้นหลังของม้าแก้วด้วยความทุลักทุเลเพราะอวัยวะที่สั้นหดไปหมด เมื่อขึ้นบนหลังม้าแก้วได้แล้วก็ปาดเหงื่อจากหน้าผากมนของตัวเองเบาๆ
‘แล้วอาจารย์ปู่ของเจ้าจะไม่ติข้ารึ ไปบอกเรื่องที่เจ้าจะไปเที่ยวก่อนไหม’ ม้าแก้วเอี้ยวหน้ามาถามผม
“ไม่เป็นอะไรหรอกจ่ะพี่ม้า ไม่มีเรื่องไหนที่อาจารย์ปู่ไม่รู้หรอก แต่ขนแผงคอพี่ม้านี่นุ๊มนุ่ม” พูดจบก็เอนตัวลงนาบกับลำคออันแข็งแกร่งของม้าแก้วที่มีขนแผงคอสีขาวสว่าง สัมผัสที่ได้รับนั้นเหมือนขนของแม่สิงสรห์คือไม่มีกินสาป มีแต่กลิ่นดอกแก้ว
“ว่าแต่พี่ม้าจะพาปรวาณไปไหนหรอฮะ” ผมเอ่ยถามเมื่อนึกถึงเรื่องเที่ยวได้ ม้าแก้วนิ่งคิดไม่นานก็หันมาตอบเรียกลอยยิ้มชอบใจจากผมได้เป็นอย่างดี
‘ปากแม่น้ำอีกสามแห่งที่เหลือดีหรือไม่ เจ้าคงจะเบื่อปากแม่น้ำอัสสมุขแล้วกระมัง เลยจะพาไปเปิดหูเปิดตาเสียหน่อย’ ผมไม่ตอบแต่พยักหน้าตอบรับแทน แค่นั้นม้าแก้วก็ทะยานตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า สายลมที่มาปะทะหน้าผมตอนกำลังพุ่งขึ้นเหนือพื้นดิน เป็นอะไรที่รู้สึกดีแบบแปลกๆ ทั้งหนักหน่วงและเย็นสบาย
ภายในอาศรม
ชายชราที่นั่งเข้าฌานตามปกติพลันลืมตาขึ้นในขณะเดียวกับที่วลาหกะพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่างที่ดูร่วงโรยตามกาลเวลาแต่กลับยังแข็งแร็งถอนหายใจจนหนวดบริเวณเหนือลิมฝีปากกระพือตามแรงลมที่เป่าออกมา
“เฮ้อ...แบบนี้คงไม่ต้องสอนแล้วกระมัง เล่นอาศัยเป็นพาหนะท่องเที่ยวได้ตามใจตนแบบนี้” เฒ่าโกสีห์มองออกไปนอกหน้าสายตาอ่อนโยนจับภาพไปยังเบื้องหลังของม้าแก้วที่มีเด็กตัวเล็กๆขี่อยู่ ต่างริมฝีปากสีซีดขยับพึมพำก่อนจะเข้าสมาธิต่อไป
“หวังว่าเจ้าปรวาณคงไม่หาเรื่องซนจนวุ่นวายไปทั่วดอกกระมัง”
เหนือพื้นท้องฟ้าเขตปากแม่น้ำหัตถีมุข
ฟิ้วววว แรงลมที่ตีหน้าเด็กน้อยจนผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมดไม่ทำให้ดวงตากลมโตฉายแววไม่พอใจแต่กลับทำให้เกิดประกายสดใสอย่างน่าดู
“อู้หู พี่ม้าดูสิมีแต่สีขาวไปหมดเลย ส๊วยสวย” ผมหันไปมองรอบตัวนับว่าเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มาก รอบบริเวณมีแต่ปุยเมฆที่ลอยอ้อยอิ่ง กีบเท้าของม้าแก้ววิ่งเหยียบสายลมเหยียบก้อนเมฆจนทำให้ภาพดูสวยงามมากขึ้นอีกหลายระดับ
‘เจ้าชอบข้าก็ดีใจ ข้าจำได้ว่าเจ้าก็เหาะได้มิใช่รึ เหตุใดถึงไม่เคยเห็นทิวทัศน์เช่นนี้’ ม้าแก้วถามผ่านจิต โดยไม่หันกลับมามอง
“อ๋อ ปรวาณเหาะต่ำกว่าก้อนเมฆตลอดฮะ ว่าแต่พี่ม้าจะพาไปปากแม่น้ำไหนก่อนอ่า” ผมตอบพี่ม้าแก้วตาก็มองโดยรอบ
‘ข้าว่าจะไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่หัตถีมุขเสียหน่อย เอาไว้ไปถึงแล้วเจ้าไปหาที่เล่นเอาเองละกัน ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับเพื่อนเก่าข้า’
“รับทราบ! คิกๆ” ผมทำท่าตะเบ๊ะโดยไม่ให้ม้าแก้วเห็นก่อนจะหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจอยู่คนเดียว
ปากแม่น้ำหัตถีมุข
ร่างใหญ่โตสูงราวสามเมตรของม้าแก้วค่อยๆไต่ระดับจากท้องฟ้าลงสู่พื้นดินอย่างนุ่มนวลเนื่องด้วยมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆขยับดุ๊กดิ๊กอยู่บนหลัง
‘ปรวาณอยู่นิ่งๆ หากเจ้าตกหลังข้าไปจะบาดเจ็บเอาได้ความสูงระดับนี้ไม่ใช่น้อยๆ’ ม้าแก้วเอ่ยเตือนสิ่งมีชีวิตแสนซนบนหลังที่กำลังหันซ้ายหันขวา ชะเง้อคอมองเสียจนกลัวว่าคอจะหลุดจากบ่า
“ขอโทษฮะ พอดีปรวาณไม่เคยเห็นช้างใหญ่โตขนาดนี้มาก่อน”
“โห ตัวนั้นสูงเจ็ดเมตรได้มั้งใหญ่แฮะ” ผมบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ เมื่อม้าแก้วมายืนบนพื้นได้สำเร็จผมรีบกระโดดลงจากหลังม้าแก้วเลยทีเดียว
‘เจ้านี่เป็นลูกลิงลูกค่างหรือย่างไรทำไมถึงซนได้ขนาดนี้’ ม้าแก้วส่ายหัวด้วยความระอาก่อนจะเดินตามร่างเล็กที่ตอนนี้ไปดูช้างที่สูงกว่าเจ็ดเมตรมีสี่งาร่างสีขาวทั้งร่างในระยะประชิด นี่ถ้าโดนเหยียบไม่ต้องหวังว่าจะมีชีวิตรอด
‘ปรวาณ เดี๋ยวข้าไปหาเพื่อนข้าก่อนเจ้าก็เล่นอยู่แถวนี้ไปก็แล้วกัน แต่อย่าทำให้คชสารพวกนี้ตกใจเลยเชียวข้าขอเตือน’ พูดผ่านกระแสจิตจบม้าแก้วก็เดินไปอีกทางหนึ่งโดยปล่อยปรวาณไว้คนเดียว เรื่องการป้องกันตัวเองของปรวาณม้าแก้วไม่ห่วงถึงขนาดชนะตนได้ก็ไม่ธรรมดาแล้ว แต่ที่ห่วงคือความซนต่างหาก
‘หวังว่าข้าคงจะคิดถูกนะที่ปล่อยเจ้าเด็กนั่นไว้คนเดียว...’ นี่เป็นเสียงในใจของม้าแก้ว
๕๐%
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ดีใจม้าา ไรท์มาลงให้เเล้วนะอิอิ
หายไปซะนานเลย พอดีแอบขี้เกียจ
ไม่รู้วันนี้อารมณ์ไหนถึงมาเเต่งต่อได้ฮ่าๆ
มาเจิมครึ่งนึงก่อนอิอิ ดูซิปรวาณน้อยของเรา
จะป่วนขนาดไหน ไว้ติดตามนะ คึคึ
หวังว่าคงจะสนุก(รึเปล่า)นะครับ
ไรท์เเต่งสดมีพล็อตในหัวอาจจะงงๆ
มึนๆบ้างก็อย่าว่ากันน้า อ่านเเก้เครียดพอ
หรือเครียดหนักกว่าเดิมหว่า เอาเป็นว่า
ช่างมันเถอะเนาะ ขอบคุณที่ติดตามครับ
HaMs_TeR
ความคิดเห็น