ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชุลมุนวุ่นรักโรงเรียนประจำ...(ํYaoi)

    ลำดับตอนที่ #1 : Preface

    • อัปเดตล่าสุด 28 เม.ย. 58


    ---Preface---
     

     

    ....กว่าจะรัก เท่าวันนี้ กว่าจะมีคนมาเข้าใจต้องใจเวลา ใช่เพียงมองตากันเมื่อไร

    อยากจะคิด ต้องจากกัน เป็นแค่ฝันแต่ความจริงนั้น เรายังอยู่เคียงข้างกัน ดั่งวันวาน...

     

                    เสียงกอดคอร้องไห้โฮของเด็กนักเรียนที่จบชั้น ม.3  ดังคลอเสียงเพลงที่ดังขึ้นทั่วอาคารพละ วันนี้เป็นวันปัจฉิมนิเทศให้กับนักเรียนชั้น ม.3 และ ม.6 ซึ่งผมก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย แต่เป็นกลุ่มนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งที่ตัดผมสั้นเสมอติ่งหู หรือที่หลายๆคนรู้จักในชื่อ เด็กติ่ง

     

                    ถ้าถามว่าทำไมผมถึงไปอยู่ในกลุ่มเด็กติ่งล่ะ ทำไมไม่ไปกอดคอร้องไห้อย่างเด็กนักเรียนชายหัวเกรียนกลุ่มอื่นๆละ ผมก็ยืดอกตอบอย่างมั่นใจว่า ‘ผมเป็นเกย์ ผมรู้ตัวเองตั้งแต่ตอนเข้า ม.1 แล้วว่าผมนั้นไม่พิศวาสผู้หญิงเลยแม้แต่นิดเดียว เพื่อนสนิทผมส่วนใหญ่จึงเป็นผู้หญิงไงล่ะ

     

                    อีทิตย์ มึงมากอดคอร้องไห้กับพวกกูเนี่ยมึงไม่คิดถึงที่รักของมึงหรือไง ส้มโอ หนึ่งในเพื่อนสนิทของผมถาม

     

                    จิ๊! อีส้มโอ หุบปากไป สำหรับกูเพื่อนมาก่อน มาๆกอดกันหน่อย ก่อนจะแยกย้ายไปล่ำลาคนอื่นๆ ผมจิ๊ปากใส่ส้มโอ เพื่อนสนิทจอมแส่ของผม อีนี่แส่ได้ทุกเรื่องจริงๆให้ตายเถอะ!

     

                    แหมมึง มาจ๊งมาจิ๊ กูรู้มึงก็อยากไปเจอมันเหมือนกันใช่ไหมละ แอบชอบเค้ามาตั้งสามปีนิ ถึกทนจริงๆเล๊ยมึง ทำเป็นพูด!” เสียงอีแววพูดแซวผม แหม่แทงใจดำกูจังๆเลยห่า

     

                    อีพวกนี้เลิกจิกกูก่อน อีสัตว์กำลังซึ้ง

     

                    มึงก็ไปแซวซันมัน มันคงอายสารรูปมันมั้ง ฮ่าๆ หลังจากนางใบเตยเอ่ยจิกกัดผมเสร็จ เสียงหัวเราะฮาก็ดังขึ้นรอบกลุ่ม อย่าให้ถึงทีกูมั่งนะพวกมึง!

     

                    อีใบเตย! พูดงี้มึงมาจัดกับกูตรงนี้เลยมา ผมทำท่าถลาจะเข้าไปหาเรื่องใบเตยอย่างไม่จริงจังนัก แต่ผมก็ต้องหยุดชะงักเพราะอีแววมันพูดประโยคหนึ่งที่ทำผมหันขวับ

     

                    อีทิตย์! ที่รักมึงเดินมาทางนี้ ผมหันไปตามทางที่แววมันมองก็เจอกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ตัวสูงประมาณผมแต่ผอมเพรียวกว่า เพราะผมค่อนข้างอวบ เด็กหนุ่มคนนั้นมีชื่อว่า เอิร์ธ

     

                    ถ้าถามว่าทำไมผมถึงรู้ตัวว่าตัวเองเป็นเกย์ ก็เพราะตอนผมเพิ่งเข้า ม.1 มาหมาดๆทางโรงเรียนเขาตามหานักเรียนใหม่ให้เข้าเป็นวงโยฯของโรงเรียน ซึ่งผมก็สมัครใจเป็น และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ผมได้รู้จักเขาคนนั้น...

     

                    เอิร์ธเป็นคนที่ส่อแววหน้าตาดีมาตั้งแต่เข้ามา ม.1 เลยก็ว่าได้ ผิวขาวเพราะมีเชื้อจีน จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเข้มพาดบนหน้าผากอย่างพอดี ปากบางสีส้มอ่อนๆมักคลี่ยิ้มอยู่เสมอ ส่วนผมนะเหรอ เฮอะๆ อย่าให้พูดเลย ทั้งอ้วนไม่สิอวบ ผิวก็คล้ำแดดเพราะผมเรียนว่ายน้ำถึงจะไม่มากก็เถอะ...

     

                    ต่างกันใช่ไหมล่ะสารรูปผมกับเขาคนนั้น...

     

                    ถ้าถามว่าผมมั่นใจในหน้าตาตัวเองไหมผมบอกเลยว่ามาก แต่ติดตรงที่รูปร่างไม่ให้นะสิ พวกชะนีสามนางที่เป็นเพื่อนสนิทผมมักพูดว่า ถ้ามึงผอมและขาวกว่านี้มึงสวยกว่าพวกกูอีก หัดดูแลตัวเองซะมั่งเถอะ ตอนนี้กูนึกว่ามึงเป็นคิงคองแล้วอีทิตย์โคตรเจ็บ!

     

                    จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมเริ่มรู้สึกคิดเกินเพื่อนกับเอิร์ธคือ เขาดันเข้าวงโยฯโรงเรียนด้วยนะสิครับ และประเด็นอยู่ที่ดันได้อยู่เซ็คชั่นเดียวกับผมที่เป่าทรัมเป็ตอีก ทีนี้แหละครับผมได้เจอหน้าเอิร์ธทุกวันเพราะต้องซ้อมดนตรีด้วยกันยิ่งทำให้ผมได้เห็นนิสัยในหลายๆมุมของเอิร์ธจนผมเผลอรักเขาไปตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ด้วยความที่เราซ้อมดนตรีด้วยกันทุกวันจึงทำให้ผมค่อนข้างสนิทกับเอิร์ธพอสมควร เนื่องด้วยผมกับเอิร์ธอยู่คนละห้องจึงทำให้ค่อยพูดด้วยกันเท่าไหร่หลังเวลาเลิกซ้อม เขาก็มีกลุ่มเพื่อนของเขาผมก็มีกลุ่มเพื่อนของผม

     

                    “ทิตย์

     

                    “…...”

     

                    “ทิตย์…”

     

                    “……”

     

                    “อีทิตย์!!”

     

                    ฮ่ะๆมึงว่าไง มีไร ผมสะดุ้งตกใจกับเสียงแสบแก้วหูของนังส้มโอ อีนี่ตะโกนมาไม่รู้หรือไงคนกำลังเหม่ออยู่

     

                    มึงเหม่ออะไรไม่ทราบคะ คุณเพื่อน  เสียงแววถามผม ผมจึงโบกมือไปมาเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร

     

                    กูคิดอะไรนิดหน่อย

     

                    อีทิตย์ที่รักมึงเดินมานู่นแล้ว เพราะงั้นพวกกูขอตัวค่ะบรัยส์(ออกเสียงสั้นๆแบบมีเอกเซ้นเหมือนเติมตัว S เขียนแบบนี้คงไม่ขัดตาเพราะภาษาวิบัติหรอกนะครับ :ไรท์) ผมหันไปทางที่ใบเตยมันบุ้ยปากไป ก็เห็นเอิร์ธเดินตรงมาที่ผม

     

                    พวกมึงตามมาค่ะ ปล่อยอีทิตย์อยู่กับที่รักมัน อย่าเสร่อ ไปค่ะ!” แหมอีแววกับอีส้มโอ ใบหน้ามึงนี่ไม่มีความสอดรู้สอดเห็นเลยเนอะ กูรักมึงมากอ่ะใบเตยด่าให้กูได้สะใจโคตร!

     

                    พระเจ้า ยิ่งโตยิ่งน่ารัก....

     

                    ผมเผลอมองเอิร์ธตาค้าง เอิร์ธเป็นผู้ชายที่จะมองว่าหล่อก็หล่อจะมองว่าน่ารักก็น่ารัก คือมันมองได้สองแบบ เอาเป็นว่ามองทางไหนผมก็ฟินทั้งนั้น จบ!

     

                    ว่าไงทิตย์ จะจบแล้วนะมากอดกันหน่อย เอิร์ธเดินมาหาผมพร้อมยิ้มให้อย่างที่ชอบทำ เล่นเอาผมถึงกับแทบระทวยขาแข้งอ่อนยืนแทบไม่อยู่

     

                    อืม... เอิร์ธเดินเข้ามาสวมกอดผม กลิ่นตัวเอิร์ธเป็นกลิ่นเหงื่อแบบผู้ชายเล่นเอาผมใจเต้นไม่เป็นส่ำ ผมเลยถือโอกาสโอบกอดร่างโปร่งไว้ซุกหน้าลงที่ไหล่แกร่งนั่น ถึงเอิร์ธจะไม่สูงเท่าเพื่อนในกลุ่มแต่ในวัยนี้ ถือว่าปกติ เปิดเทอมมาอาจสูงจนผมต้องแหงนหน้ามองเลยก็ได้ ว่าไปนั่น...

     

                    “มาๆเขียนเสื้อให้เราด้วย ผมรับปากกามาเขียนความในใจของผมลงไปสั้นๆตรงตำแหน่งหัวใจแต่เป็นด้านหลัง เค้ารักเอิร์ธนะ พร้อมกำกับชื่อตัวเองลงไปตัวเล็กๆด้านล่างข้อความ ผมคุยอะไรกับเอิร์ธอีกเล็กน้อยก่อนจะแยกย้ายไปล่ำลาเพื่อนคนอื่นๆ

     

                    ถึงไม่ได้บอกรักจากปาก แต่อย่างน้อยก็ยังได้บอกละว่ะ....

     

                    หลังจากวันปัจฉิมฯวันนั้นผมกับเอิร์ธก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ผมสอบเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเดิมเพื่อนสนิทสามนางเองก็เช่นกัน แต่ผมต้องอ่านหนังสืออย่างหนักเพราะโรงเรียนผมข้อสอบเข้าโรงเรียนในระดับ ม.ปลาย นั้นเป็นอะไรที่ยากมาก แต่เพราะมันเป็นโรงเรียนประจำพ่อแม่ผมเลยอยากให้เรียนต่อเพื่อเป็นประสบการณ์

     

                    เวลาปิดเทอมมีเวลาสามเดือนกว่าๆ แต่ไม่รู้ราหูอมหรือจะอะไรก็ตามหลังจากปิดเทอมได้อาทิตย์เดียว โชคร้ายก็เข้ามาหาผมอย่างสารพัด ทำเงินหายบ้าง เกือบตกคลองบ้าง บางทีของบนชั้นวางของหนักๆยังหล่นมาเกือบจะโดนหัวผม จนถึงขั้นเลวร้ายที่สุดผมถูกรถชน นอนโรงพยาบาลหนึ่งเดือนนั่นก็ทำให้ผมน้ำหนักลงจาก 70 กว่าๆกิโลเหลือ 48 เอาเป็นว่าหุ่นผมผอมเลยแหละ และเพราะอะไรก็ไม่รู้หลังจากผมโดนรถชนส่วนสูงผมก็ไม่ขึ้นจาก 165 อีกเลย...

     

                    แก๊งชะนีเพื่อนสนิทผมสามนางนั่นก็คอยเข้ามาแวะเวียนเยี่ยมผมทุกวัน เน้นว่าทุกวันนะครับ แถมนางทั้งสามยังหอบเอาเครื่องประทินผิวอย่างสารพัดมาบังคับผมใช้ ผมเห็นว่าไม่มีอะไรทำก็เลยใช้ตามที่นางบอก จนออกจากโรงพยาบาลก็ยังใช้อยู่

     

                    พ่อกับแม่นำวันเกิดผมไปให้หมอดูทำนาย เนื่องจากมีเหตุร้ายเกิดกับผมมากเกินไป ซึ่งผมก็เออออตามพวกท่านไปอย่างไม่อะไรมากดูไว้ก็ไม่เสียหายแต่สิ่งที่หมอดูทำนายสิเล่นเอาพ่อแม่ผมวุ่นกันใหญ่ หมอดูทำนายว่าผมอยู่ในช่วงดวงตกจะมีอันตรายถึงชีวิตต้องเปลี่ยนชื่อนามสกุล ชื่อเล่น เพื่อแก้เคล็ด พ่อกับแม่ผมก็เชื่อนะสิครับให้พระท่านตั้งให้เลยทีนี้ จนตอนนี้ผมใช้ชื่อว่า

     

                    ปิยวัฒน์ เดชบัญชา ชื่อเล่น ซัน.... 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×