คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Main's..1
18 มีนาคม 2009
ณ เวทีชื่อดังของกรุงโซล
กรี้ดด ดด ดดดด ดด ด ด ด ด!!!!!!!!!
“แกดูสิ่ wisher ของพวกเราน่ะ นารักชะมัดเลยเนอะ??^^” เพื่อนสนิทร่างอวบนามว่า ซองมิน หันมาถามผมครับ
“นั่นสิ่แก โหยแกดูคยูฮยอนของฉันสิ่ ดูดีทุกท่วงท่าเลยล่ะ แถมหน้าตาตอนร้องเพลง..โอ้ยย ยยย บาดใจฉันสุดๆ” ผมตอบซองมินกลับไปอย่างที่คิดทันที ก็ในหัวผมน่ะไม่ว่าผู้ชายที่ชื่อคยูฮยอนจะทำอะไรมันก็ดูดีไปซะหมด ต่อให้เค้าจะฆ่าคนตายก็เหอะ!!(อันนี้เว่อร์ไปนิดค่ะ- -‘’) ผมคิดได้เท่านั้นเสียงของผู้ชายที่สามารถทำให้ผมยิ้มได้ตลอดเวลาก็แทรกขึ้นมา
“สวัสดีครับพวกเราวง Wish ครับ”
“สวัสดีครับผม นัยน์ตาทรงพลัง ลีดเดอร์เยซองครับ” ใช่ครับคนนี้ คิม จงอุน หรือเยซองเป็นลีดเดอร์ของวงนี้น่ะครับ
“สวัสดีครับผม เพอร์เฟคแมน ชเว ซีวอนครับ”ส่วนคนนี้หรอครับ ชเว ซีวอน ผู้ชายคนนี้เพอร์เฟคสมชื่อจริงๆนั่นแหล่ะครับ แต่สำหรับผม เค้าสู้คยูฮยอนไม่ได้เลย *O*
“ผม อี ทงเฮ ครับ” เอ่อสำหรับผู้ชายคนนี้เค้าชื่อ อี ทงเฮครับ ถ้าถามผม ผมก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าเค้าก็ดูดี แต่ผมไม่ได้เมนเค้านะครับ ผมรู้สึกว่าเค้าไม่ค่อยเป็นมิตรน่ะครับ = =!!
“ผมเจ้าชายน้ำแข็ง คิม คิบอมครับ” เค้าพูดพร้อมทำหน้านิ่ง จนทำให้ผมคิดไปไกลว่าคำพูดของเค้ามันช่างขัดกับหน้าตาเสียจริง หน้าตาออกจะใจดีแต่ชอบตีหน้านิ่งจนผมคิดไปเอง ว่าเหมือนเค้าโดนบังคับให้พูดมากกว่า
และแล้วคนสุดท้ายก็มาถึง!! คนนี้เป็นขวัญใจผมเลยล่ะ ผมอยากจะประกาศอีกสักล้านๆรอบว่าผม อี ฮยอคแจ เมน โจว คยูฮยอนคร้าบบบ บบบ!!!!!!!!^^
“สวัสดีครับผมผู้ชายเสียงบัลลัตต์ โจว คยูฮยอนครับ” ใช่เลยครับผู้ชายคนนี้ ผมอยากจะนำเสนอสุดๆ ว่าเค้าน่ะหล่อและบาดใจแค่ไหน ฮ่าๆๆๆ เค้าคือคนที่อายุน้อยที่สุดในวงครับ แต่เค้าก็ไม่เคยเรียกใครว่าพี่เลยนอกจาก ท่านลีดเดอร์จะว่าไปเค้าก็อภิสิทธิ์เยอะนะครับเนี่ย!!!*O* ก็แน่ล่ะครับ เมนผมทั้งคน จะน้อยหน้าใครได้งัย เค้าเป็นคนที่มีเสียงทุ้มต่ำจนสามารถสะกดใครหลายๆคนได้อยู่เลยทีเดียว จะว่าผมเว่อร์ก็เอาเลยครับ หรือคุณจะเถียงว่าไม่จริง !!!*O*
พอเมมเบอร์ทั้ง 5 คนแนะนำตัวเสร็จก็มีเสียงกรี้ดตามมาอีกรอบ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติน่ะครับ หลังจากนั้นพวกเค้าก็ร้องเพลงต่อกันอีก 1 เพลง เพราะโชว์วันนี้พวกเค้าต้องร้อง 2 เพลงน่ะครับ
ผมกับซองมินยืนดูโชว์จนจบแล้วก็เป็นเรื่องปกติที่พวกเค้าไปที่ไหน พวกเราก็จะตามไปที่นั่น!!!^^
“นี่ฮยอคแจ ไปกันเร็ว Wisher ไปโน่นแล้ว”เค้ารีบหันมาบอกผม สงสัยใช่มั้ยล่ะครับว่าทำไมซองมินถึงเรียกพวกเค้าทั้ง5 ว่า “Wisher” ก็วงนี้ชื่อว่าวง “Wish” แปลว่า ปรารถนา แต่พวกเค้าคือผู้ที่ปรารถนา ปรารถนาที่จะร้องเพลงเพื่อทุกคน ดังนั้นเค้าจึงถูกแฟนคลับเรียกว่า “Wisher” ซึ่งแปลว่า ผู้ปรารถนา ส่วนแฟนคลับอย่างพวกผมน่ะก็คือ “Wishes” แปลว่า ความปรารถนา เพราะว่าแฟนคลับไม่ได้มีคนเดียวดังนั้น “Wishes” จึงเอาไว้ใช้เรียกกลุ่มแฟนคลับน่ะครับ พวกผมมีหน้าที่ทำให้ผู้ปรารถนาได้ในสิ่งที่ปรารถนา ดังนั้นสำหรับผมไม่ว่าอะไรก็ตาม ผมก็จะทำเพื่อพวกเค้าครับ ผมสัญญากับตัวเองไว้เลย ไม่ว่าอะไรก็ตาม!!! ^___^
ผมวิ่งตามซองมินออกมาอย่างรวดเร็วจากนั้นเราก็เรียกแท็กซี่เพื่อตามให้ทันรถของ Wisher และก็เป็นไปตามที่คาดครับผมกับซองมินน่ะ ตามทันอยู่แล้ว ก็ผม 2 คนน่ะ “ตัวแม่”เลยนี่น่า ฮ่าๆๆ
Wisher ไม่ได้ไปไหนกันหรอกครับนอกจากกลับหอพัก เพราะวันนี้ตารางงานเค้าหมดแล้ว ก็ดีครับผมอยากให้พวกเค้าพักผ่อนเยอะๆเพราะพรุ่งนี้เท่าที่ผมจำได้น่ะ เค้ามีตารางแน่นทั้งวัน
หลังจากพล่ามมาเป็นเวลานานจนถึงตอนนี้ผมยังไม่ได้บอกทุกคนเลยว่าผมกับเพื่อนสนิทของผมน่ะเป็นใครมาจากไหน?? เริ่มที่เจ้าเพื่อนสนิทก่อนเลยครับ
เค้าน่ะชื่อซองมิน หรือ อี ซองมิน เป็นนักเรียนมัธยม ม.ปลายปีสุดท้าย บ้านเค้าน่ะถือว่ามีฐานะเลยทีเดียว เพราะที่บ้านเค้าเป็นเจ้าของกิจการร้านขายเนื้อ ผมรู้จักเค้าได้ปีที่ 4 แล้วครับ ตั้งแต่สมัย ม.ต้นปี2 น่ะครับ เราบังเอิญไปเจอกันที่งานแจกลายเซ็นน่ะ พอดีว่าตอนนั้นผมกำลังหาแถวเพื่อจะต่ออยู่น่ะครับ เพราะมันยาวแล้วคนก็เยอะจนผมหาไม่เจอ แต่ก็ได้เค้านี่แหล่ะครับที่มาช่วยบอกผม
"ฉันเมนคยูนะ นายเมนใครหรอ?"ซองมินหันมาถามผม
"ฉันก็เมนคยูเหมือนกัน"ผมตอบเค้ากลับไป อ่า..ดีใจจังเจอเมนเดียวกันแถมนิสัยน่าคบหาอีกต่างหาก^^
“แล้วนายชื่ออะไรล่ะ? ฉันชื่อซองมิน..อี ซองมินนะ”
“ฮยอคแจ..อี ฮยอคแจน่ะ ดีใจที่รู้จักนายนะแถมเมนเดียวกันด้วย”ผมยิ้มตอบเค้ากลับไป
และตั้งแต่วันนั้นผมกับเค้า เราก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันไปเลยครับ พอตอนจะเข้า ม.ปลาย ซองมินก็ตัดสินใจย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียนเดียวกับผม และจนทุกวันนี้พวกเราก็เลยเรียนที่เดียวกันและยิ่งไปกว่านั้นห้องเดียวกันด้วยครับ!!! ส่วนเรื่องที่นั่งถึงผมไม่บอกทุกคนก็พอจะเดาได้ใช่มั้ยครับว่าผมกับเค้า เราจะนั่งกันตรงไหน??
ส่วนผมน่ะ ฮยอคแจ..อี ฮยอคแจ ครับ ชีวิตผมก็ไม่มีอะไรมาก ที่บ้านผมก็มีพ่อแม่แล้วก็พี่สาวของผมครับ พ่อผมทำงานบริษัท ส่วนแม่ผมก็เป็นแม่บ้าน พี่สาวผมเค้าแต่งงานไปแล้วครับ เค้าเลยย้ายออกไปอยู่กับสามีของเค้า บ้านผมไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่คงสงสัยล่ะสิ่ครับว่าผมเอาเงินที่ไหนมาวิ่งตามเมนทุกวัน?? ผมน่ะใครๆก็ว่างก แต่เรื่องนี้ ผมทุ่มไม่อั้นเลยนะคร้าบ บบ!!!!
“ฮยอคแจ ไปกันเหอะวันนี้พอแค่นี้แหล่ะ เค้าเข้าหอกันหมดแล้ว”
“ไปสิ่ วันนี้คยูฮยอนยิ้มให้ฉันด้วยล่ะ!!!”
“แหม เค้าก็ยิ้มให้ทุกคนแหล่ะ ไอ่ไก่ฟุ้งเอ้ยยย ยย!!!”
“นี่ฉันฟุ้งตรงไหนห้ะ?? มันคือเรื่องจริง ที่กระต่ายแตกอย่างนายไม่มีทางรู้!!! ฮ่าๆๆๆ”
“นี่นายว่าฉันหรอไอ่ไก่ฟุ้ง??!!!”
“แล้วตรงนี้มีใครหรองัย นอกจากนายน่ะห้ะ ไอ่กระต่ายแตก!!!!!!”ผมพูดพร้อมระเบิดเสียงหัวเราะอย่างไม่อายสายตาคนแถวนั้น ก็ซองมินน่ะ อวบสุดๆไปเลยล่ะ สำหรับผม ผมเลยเรียกเค้าแบบนั้น คนอะไรหน้าตาคล้ายกระต่ายยังกับแกะ!!! แถมตัวใกล้แตกแล้วครับ!!! ฮ่าๆๆๆ
“ย่าห์!!! ไก่ฟุ้ง แกโดนฉันแน่!!!!”เค้าพูดพร้อมวิ่งไล่ผมตามประสา เราก็ล้อกันแบบนี้ประจำแหล่ะครับ แต่ก็ไม่ได้โกรธกันจริงจังเลยสักครั้ง จนเค้าเหนื่อยเค้าก็หยุดวิ่งไปเองแล้วจะพูดทิ้งไว้เสมอว่า
“ฝากไว้ก่อนเหอะไอ่ไก่ฟุ้ง!!!”ผมรับฝากทุกวันจนอยากจะให้เค้ามาเอาคืนไปสักทีแล้วครับ!!! ฮ่าๆๆๆ
หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านเป็นสิ่งสุดท้ายน่ะครับ
“นี่ถึงบ้านแล้วโทรมาด้วยนะ”
“รู้แล้วน่า”ผมตอบไอ่กระต่ายแตกกลับไปแล้วก็โบกมือลาอย่างเคย
ณ หอพัก Wish
“นี่พรุ่งนี้พวกนายมีงานตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนถึงช่วง 4 ทุ่มนะ”คิม ฮีชอล ผู้จัดการวงเดินเข้ามาบอกเหล่าเมมเบอร์ตามที่ตัวเองได้จดไว้
“โหย พี่อ่ะ ทำไมงานมันเยอะแบบนี้ล่ะ ผมก็อยากจะนอนตื่นสายๆบ้างนะ”ลีดเดอร์บ่นออกมาคนแรก พร้อมทำปากยู่อย่างน่ารัก(?)
“นายไม่ไปก็ได้ แต่ก็ต่อเมื่อนายลาออกจากวงเราไปแล้วเท่านั้น!!!!! จะบ่นอะไรนักหนาทำงานมาตั้งกี่ปีแล้วห้ะ ยังไม่ชินอีกหรองัย รู้ว่าบ่นไปก็ไม่ได้อะไร เดี๋ยวเหอะ!!!!”ฮีชอลพูดออกมาเหมือนทุกครั้ง ก็เยซองน่ะขี้บ่นยิ่งกว่าอะไร แต่ก็ได้แค่บ่นเท่านั้นแหล่ะ สงสัยเค้าคงชินล่ะมั้ง
“นั่นสิ่บ่นอยู่ได้ พี่น่ะเลิกบ่นสักทีเหอะ บ่นตั้งแต่แก่จนตอนนี้แก๊แก่แล้ว!!! ฮ่าๆๆๆ”คำพูดหลุดออกมาจากปากเพอร์เฟคแมนของวง จนทำเอาทั้งเมมเบอร์และผู้จัดการระเบิดหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะดังไปทั้งหอ จนเยซองทนไม่ได้ต้องโวยวายออกมาบ้าง
“นี่คุณชายม้าครับ หน้าตาช่างขัดกับคำพูดเหลือเกิน ให้ตายสิ่!!! ม้าอยากใส่ที่ครอบปากมั้ย ฉันยอมเจียดตังค์ซื้อให้เลย!!!”เถียงไปตามประสาเหมือนทุกครั้ง จนตอนนี้เสียงหัวเราะหยุดลง และเยซองก็ไม่วายหันไปแขวะมักเน่ของวงอีกคน
“นี่โจว แกยิ้มบ้าอะไรล่ะห้ะ? เป็นบ้าหรองัยไม่มีเรื่องให้นายตลกแล้ว เลิกยิ้ม!!!”
“นั่นดิ่เป็นไรน่ะ ยิ้มอยู่ได้”ซีวอนถามออกมาบ้าง ซึ่งก็เรียกสายตาทุกคู่หันมามองนอกซะจากทงเฮ
“ผม..กำลังมีความรัก!!!”ตอบออกมาแล้วยิ้มจนปากจะฉีก ทุกคนที่ฟังก็มีสีหน้าไม่ต่างกันคือ *O*
“นะ..นายมีความรัก??”ทวนซ้ำอีกที แล้วก็ระเบิดหัวเราะออกมาอีกรอบแต่ไม่เพียงแค่เยซองที่ระเบิดแต่เมมเบอร์ที่เหลือก็ด้วย นอกเสียจาก อี ทงเฮ ที่นั่งอยู่อีกฝั่งของผนัง ใช่เค้าเดินออกมานั่งอีกห้องตั้งแต่ที่ฮีชอลบอกตารางเสร็จแล้ว
“ผมพูดจริงๆนะ เค้ามองแค่ผมคนเดียวด้วย พี่ก็รู้ผมน่ะชอบคนที่มองแค่ผมคนเดียว”ยิ้มออกมาอีกครั้งจนลีดเดอร์อดไม่ได้ ต้องถามกลับไปอีกครั้ง
“ใครว่ะ?? น่ารักมากเลยหรอ? ให้ตายสิ่เอาเวลาที่ไหนไปรักกันเนี่ย??”
“ผมเห็นเค้ามานานแล้ว ตั้งแต่ช่วงที่เราเดบิต์แล้วพี่ นานมั้ยล่ะ??”
“นายก็ไม่ได้ออกไปไหนนี่ แล้วเราก็อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดนอกจากเวลาเข้าห้องน้ำและเวลานอน เอาเวลาที่ไหนไปรักกันห้ะ??”เป็นซีวอนบ้างที่เอ่ยถามออกมา
“เอาน่าไว้คราวหน้า ผมจะชี้ให้พี่ดูนะครับ แต่ตอนนี้ผมขอตัวก่อน”พูดพร้อมเดินยิ้มออกไปเหมือนคนสิ้นสติ ทุกคนได้แต่คิดแบบนั้น
แต่อีกด้านของผนังห้อง กลับมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งทบทวนกับสิ่ที่ได้ยินมา แล้วพูดออกมาโดยที่ไม่สามารถมีใครได้ยินได้ออกมา
“เหอะ!!! มีความรักงั้นหรอ?? ตลกสิ้นดี ความรักของนายมันต้องไม่มีทางเกิดขึ้นเหมือนที่แม่นายทำกับแม่ฉันแน่นอน!!!! โจว คยูฮยอน”พูดจบก็เดินเข้าไปในห้องส่วนตัวของตน
พอผมกลับมาถึงบ้านนี่ก็ปาเข้าไปจะ 2 ทุ่มแล้วครับ ผมทำภารกิจทุกอย่างจนเสร็จตั้งแต่ทำการบ้านกินข้าวอาบน้ำ แต่เหมือนผมจะลืมอะไรไปบางอย่าง จนตอนนี้ที่ผมกำลังจะนั่งเขียนไดอารี่สุดที่รักของผม เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา และเมื่อผมเอื้อมมือไปหยิบมาก็ทำให้ผมต้องรีบกดรับในทันที
“นี่ฉันขอโทษนะ ลืมโทรบอกนายเลย ขอโทษจริงๆนะ ขอโทษๆๆ”ประโยคแรกที่ผมเอ่ยกลับไอ่กระต่ายแตกเพื่อนรักผม นี่ผมเป็นคนขี้ลืมไปตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย
“ไอ่ไก่ฟุ้งสมองตัน!!! ถ้าฉันไม่โทรมาก็จะไม่โทรหาล่ะสิ่!!! นากจากตัวจะแห้งหน้าเหมือนไก่ฟุ้งซ่านแล้วสมองยังตันอีกนะ!!!”ปลายสายตอบกลับมาเสียงดัง จนผมต้องเอาเจ้าโทรศัพท์ออกห่างหูเลยครับ= =’’
“ก็ฉันลืมนี่ พอกลับมาก็ทำอะไรตั้งหลายอย่างแล้วก็เพิ่งจะว่างเนี่ยแหล่ะ ขอโทษแล้วด้วย นายก็ต้องให้อภัยฉันสิ่ ซองมินกระต่ายแตก”
“ฉันเกือบจะให้อภัยนายแล้ว แต่เพราะไอ่คำว่า กระต่ายแตกเนี่ยล่ะ!!!!”เค้าตอบผมกลับผมอีกทีและเสียงก็ยังคงมีลิมิตเท่าเดิม
“เอาน่าอย่างอนฉันสิ่ ฉันรักนายนะ ฮ่าๆๆๆ”
“เออ!!! ไม่งอนแล้ว”
“เย้เย้เย้ รักนาย กระต่ายแตก!!!”ผมตอบเค้าด้วยน้ำเสียงเริงร่าทันที^^
“งั้นแค่นี้ล่ะ ฉันแค่โทรมาเช็คว่าปลอดภัยดี ไม่ถูกใครลักพาตัวไปทำไก่หมุนไปซะแล้ว”
“ปลอดภัยหายห่วงน่า^^”
“งั้นแค่นี้นะ พรนุ่งนี้เจอกันหน้าหอ Wisher ตอน 6 โมงแล้วก็ ฝันดีไอ่ไก่ฟุ้งสมองตัน!!!”
“โอเครู้แล้วน่า ฝันดีนะ”ผมตอบก่อนจะกดวางสายเค้าไป และหันมาสนใจกับไดอารี่สุดรักของผมต่อครับ มันเป็นประจำทุกวันที่เวลาก่อนผมจะเข้านอน ผมจะต้องมานั่งเขียนเรื่องราวทั้งหมดลงไปในสมุดเล่มนี้ อย่างน้อยวันไหนที่ผมมีความสุขผมก็ยังจำได้ เพราะเจ้านี่แหล่ะครับ ผมเคยผลิกกลับไปอ่านหน้าเก่า ผมอ่านไปยิ้มไป มันมีความสุขจริงๆครับ^___^
ผมเปิดไปหน้าที่ยังว่างหน้าถัดไป และเริ่มจรดปากกาสีดำลงบนแผ่นกระดาษนั้นอย่างช้าๆ ตามเรื่องราวทั้งหมดวันนี้ที่ผมเจอกับ Wisher เพราะผมถือว่า พวกเค้าคือผู้ที่ทำให้ผมมีความสุขรองจากครอบครัวและเพื่อนของผมครับ ผมเขียนไปยิ้มไป จนเมื่อเขียนเสร็จผมจึงเก็บมันใส่ไว้ในลิ้นชักตามเดิมแล้วผมก็เข้านอน วันนี้เหนื่อยจริงๆ แต่ยังงัยพรุ่งนี้ก็ต้องตื่นให้ไหว เพราะ Wisher รอผมอยู่!!!^___^
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหัวเตียงซึ่งมีโปสเตอร์ขนาดใหญ่ติดอยู่ ใช่ครับ ผมจะต้องบอกรักและราตรีวัสดิ์ Wisher ของผมทุกวัน โดยเฉพาะ โจว คยูฮยอน ผมมักจะยิ้มให้เค้าก่อนนอนทุกคืนเลยครับ
“ฉันรักคุณนะ คืนนี้ฝันดีเหมือนทุกคืน พรุ่งนี้เจอกัน”
พอเสร็จผมก็ล้มตัวลงนอนโดยไม่ลืมที่จะกดนาฬิกาปลุกไว้ด้วย ขืนผมไปสายไอ่กระต่ายแตกคงวีนผมไป 3 วัน 3คืนแน่ๆ คิดแล้วก็สยอง!!! = =”
อ่าจบไปอีกตอนค่ะเป็นยังงัยติชมได้เลยค่ะ ส่วนเรื่องภาษาหากมีข้อผิดพลาดก็ขออภัยด้วยค่ะ^^
พอจะเข้าใจกันบ้างมั้ยค่ะตอนนี้ ตั้งใจแต่สุดยอดแล้วค่ะ แค่มีคนมาเม้นก็ดีใจอยากอัพต่อเนื่องเลยค่ะ^^''
ยังงัยก็ฝากอีกทีด้วยนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ สัญญาเลยจะพยายามอัพให้เร็วที่สุดจะไม่ดองค่ะ^^ และก็ขอบคุณทุกผู้ชมและคอมเม้นด้วยนะค่ะ^^
ความคิดเห็น